11 พฤศจิกายน 2547 02:06 น.
เทาสีเงิน
เมื่ออรุณรุ่งฉัตรรัศมี
ปฐพีนี้ก็แจ้งด้วยแสงสูรย์
ความอบอุ่นหนุนเอื้อก็เกื้อกูล
นี้คือมูลเหตุแท้ที่แปรไป
เปรียบรักเป็นเช่นอรุณที่อุ่นอ่อน
ย่อมมาก่อนปรารถนาพาหวั่นไหว
ดลให้จิตเพ้อพร่ำทั้งร่ำไร
จึ่งทำให้จริตลูกคือผูกพัน
อย่าตีค่าว่าเลื่อมล้ำใครต่ำสูง
รักจับจูงจิตจดจ่อจึงทอฝัน
แต่บางครั้งรักถูกปลูกเพราะผูกพัน
ให้จากกันนั้นละถึงจะซึ้งใจ
4 พฤศจิกายน 2547 02:56 น.
เทาสีเงิน
ขาวพร่าง ลางเลือน ชั่งเหมือนฝัน
หนาวสั่น ฉันสะท้าน ในม่านฝน
กล้ำกลืน ยืนมอง ด้วยหมองหม่น
นานจน ดลจิต ริษยา
น้อยใจ ในโชค ชะตานัก
แม้นรัก มากล้น กว่าฝนฟ้า
มิอาจ บาดทรวง ให้ห่วงหา
ด้วยค่า กว่าสิ่ง ไม่ยิ่งยืน
เก็บงำ ช้ำใจ ด้วยไหวอ่อน
ตัดรอน ทอนทั้ง ที่ยังฝืน
ได้ฝน หล่นพราง ครางสะอื้น
ไหลกลืน น้ำตา ที่ฝ้ามัว
เป็นสินธุ์ รินหล่น สู่ต้นกล้า
ยืนท้า แล้งลม ที่ข่มหัว
อย่าเหงา เศร้าขลาด อย่าหวาดกลัว
เช่นตัว ข้ารอน ด้วยอ่อนแอ
2 พฤศจิกายน 2547 03:26 น.
เทาสีเงิน
ปักษาชาติมาตรหมายคือปลายฟ้า
ร่อนถลาคาคบเพียงหลบหนาว
ขอซบซ้อนนอนกิ่งทิ้งปวดร้าว
จนถึงคราวเคราะห์มืดนี้จืดจาง
เจ้าไทรโศกโบกไหวเมื่อใครจาก
ประหนึ่งฝากรหัสเข้าขัดขวาง
ยืนละห้อยย่อยยับเมื่ออับทาง
เหลือรอยด่างอ้างอวดให้ปวดใจ
เจ้านกน้อยไล่ลู่สู่ฝั่งฝัน
เคยไหวหวั่นปันจิตคิดบ้างไหม
ว่าเคยแอบแนบนิ่งกับกิ่งไทร
เอาอุ่นไอใครหนอมาต่อสู้
ผิดที่เจ้าอำพรางอ้างว่ารัก
ไทรจึงปักใจหลงพะวงอยู่
คิดว่าเจ้ามั่นหมายตายเคียงคู่
เพิ่งได้รู้เมื่อสูผินออกบินไป