23 มีนาคม 2552 16:20 น.
เทพธิดาอเวจี
เคยมีหัวใจดวงหนึ่ง
ทราบซึ้งความรักหนักหนา
มองโลกแง่ดีตลอดเวลา
เริงร่าชื่นบานแสนสะบาย
ทุกอย่างอบอวนอบอุ่น
หอมละมุนดั่งกลิ่นดอกไม้
แลมองทางใดก็ชื่นใจ
สดใสซาบซ่ายินดี
ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว
หัวใจแน่แน่วสุขศรี
ความรักอบอุ่นที่เคยมี
ห่างหนีจืดจางไปไกล
ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว
หัวใจแน่แน่วสดใส
เหลือเพียงความเย็นชาอยู่ในใจ
หมดสิ้นไร้ความรู้สึกที่เบิกบาน
ดั่งหน้าดินต้องมาละลายหาย
ไปกับสายน้ำไหลมาชะล้าง
ฝนตกฟ้าร้องโครมคราม
ถูกสายน้ำเซาะหน้าดินเสียสิ้นไป
ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว
แพรวพรายน่ารักสดใส
พูดเพราะอ่อนหวานยิ้มละไม
ยอมได้ทุกอย่างทุกยาม
ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว
หัวใจแน่แน่วแสนหวาน
เพราะช้ำระกำอยู่นาน
ร้าวรานเหน็บหนาวชินชา
19 มีนาคม 2552 17:13 น.
เทพธิดาอเวจี
อารมณ์มนุษย์นั้นหลากหลาย
มากมายเปลี่ยนแปลงแปลผัน
อ่อนโยนรุนแรงเงียบงัน
ฟาดฟันยินยอมเฉยเมย
เมื่อยามอารมณ์ปกติ
ก็มิมีสิ่งใดต้องเฉลย
ทุกอย่างราบรื่นเหมือนดั่งเคย
ไม่เกินเลยอารมณ์สงบดี
เมื่อใดอารมณ์เกิดความโกรธ
ให้พิโรธโวยวายเสียงดังใหญ่
เกรี้ยวกราดน่าหวาดกลัวดั่งเปลวไฟ
ที่เผาไหม้ทั้งตนและคนเคียง
เมื่อใดอารมณ์เกิดความเศร้า
ทำหงอยเหงาหว้าเหว่วิเวกเสียง
แอบน้ำตาคลอเบ้าอยู่บนเตียง
คิดวนเวียนเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ
เมื่อใดอารมณ์เกิดสนุก
มีความสุขชีวิตสุดจะสดใส
ร้องเพลงเต้นรำเพลิดเพลินไป
ชื่นบานในหัวใจหน้าเปรมปรี
เมื่อใดเกิดอารมณ์แห่งความรัก
ให้ประจักรักปักอกไม่ไปใหน
เฝ้าคิดถึงคนที่รักนั้งฝันไฝ่
มองทางใดเห็นแต่หน้านะทูลหัว
เมื่อใดเกิดอารมณ์ว่าอกหัก
ดั่งมีดปักบาดลึกจนเป็นแผล
นั้งรักษาเยียวยาไร้คนดูแล
เจ็บจริงแท้อีกนานกว่าจะหายดี
มนุษย์นั้นมีอารมณ์ที่หลากหลาย
ดุจใบไม้เปลี่ยนฤดูก็เปลี่ยนสี
มนุษย์นั้นเลิศล้ำปัญญาดี
จะต้องมีวิธีควบคุมอารมณ์
17 มีนาคม 2552 19:01 น.
เทพธิดาอเวจี
บนเส้นทางอันแสนจะยาวไกล
ไม่มีใครเดินเคียงอยู่ข้างข้าง
เปล่าเปลี่ยวเดียวดายและอ้างว้าง
หนาวสะท้านทั้งกายและหัวใจ
ชีวิตดำเนินไปอย่างเรื่อย เรื่อย
ชั่งอืดเอื่อยเฉยชาไม่สดใส
ธรรมดาเรียบง่ายทั่วทั่วไป
ทำอะไรไม่สนุกมุขไม่ฮา
หน้าเคร่งครึมเหมือนคนที่ตายซาก
ยากลำบากแบกความทุกข์ขุ่นหนักหนา
แววตาเศร้าหมองใบหน้ามินำพา
ดั่งชีวากล่ำกลืนฝืนทนอยู่ไป
เดินคนเดียวฤทัยช่างเงียบเหงา
ไร้รอยเงาคนเดินคู่อยู่ที่ใหน
ครึ่งหนึ่งของดวงแดอยู่ที่ใด
นานเท่าไรจึงจะพบสบสายตา
กาลเวลาพาใจให้เหี่ยวเฉา
ไร้คนเฝ้าห่วงใยให้ปรึกษา
เจอปัญหาคราใดต้องลุยฝ่า
เผชิญหน้าเพียงคนเดียวอยู่ร่ำไป
ไม่ต้องการผู้ใดมาสงสาร
เวทนาอาทรเพราะอ่อนไหว
ต้องการเพี่ยงหัวใจที่จริงใจ
ไม่ใช่เพียงอารมณ์สงสารกัน
เพราะความสงสารมิยั่งยืน
นานวันคืนหมุนเวียนอาจเปลี่ยนผัน
หากวันใดหมดความสงสารกัน
ในวันนั้นคงหมดรักเช่นกันเอย
15 มีนาคม 2552 10:52 น.
เทพธิดาอเวจี
อย่าประมาทว่าตัวนั้นเก่งกาด
ยังสามารถอยู่ได้นานอีกมากโข
ร่างกายนั้นแข็งแรงแกร่งใจโต
ทำคุยโวโอ้อวดว่าอยู่ได้นาน
ถึงอายุปาเข้าไปจะใกล้ฝัง
ก็มิหวั่นลั่นวาจาองอาจหาญ
ว่าตนเองอยู่อีกหลายเพลากาล
ทั้งชำนาญความจำแม่นยำจริง
แต่ใครจะรู้ล่วงถึงสังขาร
ที่พ้นผ่านช่วงเวลาเริ่มถดถอย
กำลังมิสู้ดังครั้งหนุ่มน้อย
ไม่เต็มร้อยเหมือนครั้งก่อนเมื่อเยาว์วัย
แม้กระทั้งหนุ่มสาวอย่าละเว้น
ประมาทเห็นว่าตนยังสดใส
เต่งตึงแข็งแรงกว่าใครใคร
ไม่พ้นอุบัติเหตุคึกคะนอง
โรงศพมีไว้ให้คนตาย
ร่างไร้วิญญาณอาศัยอยู่
ไม่มีใครหนีพ้นเถ้ากระดูก
ตั้องถูกเผาสิ้นเมื่อชีวาวาย
14 มีนาคม 2552 17:32 น.
เทพธิดาอเวจี
ความหึงหวงคืออารมณ์บ่มนิสัย
ดุจดั่งภัยใกล้ตัวมองไม่เห็น
มันกำเนิดเกิดในจิตคิดลำเค็น
ช่างยากเย็นจะหยั่งรู้ดวงฤทัย
ใครจะรู้หน้าซื่อใสบริสุทธิ์
งดงามดุจนางฟ้านภาสวรรค์
ดั่งเทพบุตรลงมาจุติพลัน
ข้างในนั้นมืดมนหม่นหมองมัว
ด้วยอำนาจด้านมืดในจิตใจ
ที่ทำให้กำเนิดเกิดหึงหวง
สะสมเป็นริษยาพาหลอกลวง
ดิ่งลงห้วงอเวจีทุกทีไป
จะเกิดสุขในจิตใจอย่างไรเล่า
ถ้านำเอากองไฟมาสุมใส่
เผาไหม้ใจเราอยู่ร่ำไป
แล้วเมื่อใดจะสงบสุขร่มเย็น