15 กรกฎาคม 2552 15:44 น.
เทพธัญญ์
...พบเนื้อนวล ชวนให้ ใจหลงรัก
เจ้างามนัก รักน้องแล้ว แก้วตาเอ๋ย
เจ้าอยู่แคว้น แดนใดเล่า เจ้าทรามเชย
โปรดเฉลย เอ่ยออก บอกพี่มา ( โดย เทพธัญญ์ )
พี่เป็นหนุ่ม ลุ่มน้ำปาว ชาวอุดร
ขอออดอ้อน วอนถาม ห้ามถือสา
อยากผูกมิตร ชิดใกล้ ใจกานดา
โปรดเมตตา อย่าผลักใส ให้เอ็นดู ( โดย เทพธัญญ์ )
เพียงประสบ พบหน้า พี่มาทัก
ว่างามนัก ส่งคำรักไมตรีสู่
ออดอ้อนคำ จำนรรจา อย่างพร่างพรู
ดังกูรู ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ( โดย Somebody )
น้องเป็นสาวเพชรบูรณ์ ลำน้ำสัก
คนรู้จัก เป็นเมือง มะขามหวาน
เพราะขึ้นชื่อ มีมา แต่ช้านาน
และกล่าวขาน ให้รู้ โดยทั่วกัน ( โดย Somebody )
น้องยกยอ ปอปั้น นั้นเกินหน้า
น้องบอกมา ว่ากูรู ผู้รังสรรค์
ใช่คารม คมคาย หมายหลอกกัน
ทุกคำนั้น มันเผยบอก ออกจากใจ( โดย เทพธัญญ์ )
หนุ่มลำปาว ชาวอุดร อ้อนคำรัก
สาวลำสัก จักเอ็นดู อยู่บ้างไหม
จะอาสา มาทำสวน พรวนดินให้
ช่วยทำไร่ มะขามหวาน บ้านแก้วตา ( โดย เทพธัญญ์ )
อยากรู้นัก ถ้อยคำเอ่ย จริงแค่ไหน
พิสูจน์ได้ ทำอย่างไร ต้องค้นหา
ถ้อยคำนั้น ที่พี่พร่ำ พรรณนา
บอกกล่าวมา จะเชื่อได้ ต้องเห็นจริง( โดย Somebody )
ต้องให้ลอง ได้ทำ อย่างคำเอ่ย
คงได้เผย ว่าจริงแท้ ที่บอกหญิง
หากทำได้ อดทนไหว ให้แอบอิง
ขอพี่เป็นที่พักพิง ตลอดไป ( โดย Somebody )
พี่พูดจริง ทำจริง ดั่งสิ่งบอก
ไม่ลวงดอก บอกแก้วตา อย่าหวั่นไหว
ขอน้องเจ้า เฝ้าเตรียมตัว เตรียมหัวใจ
จะอ้อนพ่อขอแม่ให้ ไปแต่งนาง( โดย เทพธัญญ์ )
ขอเพียงแค่ ทำได้ ดังเอ่ยบอก
ไม่มาหลอก ให้น้องต้อง หมองหมาง
เชื่อได้ว่า สักวัน ได้ร่วมทาง
ทุกทุกอย่าง จะสมดัง พี่ตั้งใจ( โดย Somebody )
3 กรกฎาคม 2552 15:03 น.
เทพธัญญ์
...สายลมแผ่ว แว่วเบา เคล้ากลิ่นหญ้า
กลางเมษา หน้าร้อนแผด แดดเผาผลาญ
ท้องทุ่งนา คราฝนแล้ง แห้งกันดาร
มีดอกจาน บานชูช่อ รอฝนคืน
...เฝ้าเหม่อมอง ท้องทุ่งร้าง อย่างท้อแท้
เหลือเพียงแต่ แค่ซากฟาง วางทั่วผืน
อัศดง ตรงขอบฟ้า ราตีคืน
ดาวดาษดื่น แต่คืนนี้ มีเพียงเรา
...นั่งเหม่อรอ ท้อแท้ใจ ในกระท่อม
เสียงลมลอย คอยขับกล่อม พร้อมความเหงา
แต่ก่อนนี้ มีน้องนาง ข้างกายเรา
แต่ตอนนี้มีเพียงเงา เราเคียงกาย
...เจ้าจากนา ลาพี่ชาย หลายปีก่อน
ทิ้งนาดอน ก่อนลาไกล ไปเงียบหาย
จนน้องสาว ข่าวหาพี่ เมื่อปีกลาย
เป็นจดหมาย ท้ายสุด หยุดสัมพันธ์
...คำจากใจ ในจดหมาย บรรยายบอก
น้องสุขใจ ในบางกอก บอกกับฉัน
เพลินแสงสี มีห้างใหญ่ ไปทุกวัน
อยู่บ้านนอก คอกนานั้น มันไม่มี
...ท้าย ปอ ลอ พอคำนี้ พี่แทบทรุด
ใจสะดุด หยุดลง ตรงคำนี้
เขียนบอกว่า อย่ารอน้อง มองอีกที
อ่านคำนี้ พี่เจ็บแปลบ แทบขาดใจ
...จำได้ไหม ใครเคยพร่ำ คำสัญญา
ไม่ไปลับ จะกลับมา อย่าหวั่นไหว
จันทร์ดวงเด่น เป็นพยาน สานสายใย
แม้นตัวไกล ใจยังอยู่ คู่ท้องนา
...สัญญาใจ ไม่ได้เขียน จึงเปลี่ยนใจ
ถึงลืมได้ ไม่นึกถึง จึงหายหน้า
กระท่อมน้อย รอยคาดไถ ไร้ราคา
จึงทิ้งนา ลาท้องถิ่น บินจากรัง
...หรือแสงสี มีมนต์ขลัง ดั่งคนว่า
ถึงเปลี่ยนได้ ใจสาวนา ลาคนหลัง
มีรถหรู อยู่คอนโด โก้เสียจัง
ไม่ผุพัง ดั่งกระท่อม ล้อมเศษฟาง
...แม้เจ้าไกล ไปลับ ไม่กลับทุ่ง
หากอยู่กรุง รุ่งเรืองได้ จะไม่ขวาง
ไม่เปลี่ยนไป ใจพี่ขอ รอน้องนาง
กระท่อมร้าง กลางทุ่งนารอหน้ามน
...กระท่อมน้อย ยังคอยนาง กลางทุ่งแล้ง
ใจคนรอ ท้อจนแห้ง แล้งเหมือนฝน
ทุ่งคอยฝน คนคอยข่าว สาวหน้ามน
จะรอจน ฝนโปรยร่วง ทวงสัญญา
...กระท่อมน้อย คอยจนร้าง เกินสร้างใหม่
สายลมโบกโยกไหว ใจผวา
ไม่อาจยั้ง พังลงไป ในผืนนา
คนก็ล้า นาก็แล้ง แห้งเฉาตาย