3 กรกฎาคม 2552 15:03 น.
เทพธัญญ์
...สายลมแผ่ว แว่วเบา เคล้ากลิ่นหญ้า
กลางเมษา หน้าร้อนแผด แดดเผาผลาญ
ท้องทุ่งนา คราฝนแล้ง แห้งกันดาร
มีดอกจาน บานชูช่อ รอฝนคืน
...เฝ้าเหม่อมอง ท้องทุ่งร้าง อย่างท้อแท้
เหลือเพียงแต่ แค่ซากฟาง วางทั่วผืน
อัศดง ตรงขอบฟ้า ราตีคืน
ดาวดาษดื่น แต่คืนนี้ มีเพียงเรา
...นั่งเหม่อรอ ท้อแท้ใจ ในกระท่อม
เสียงลมลอย คอยขับกล่อม พร้อมความเหงา
แต่ก่อนนี้ มีน้องนาง ข้างกายเรา
แต่ตอนนี้มีเพียงเงา เราเคียงกาย
...เจ้าจากนา ลาพี่ชาย หลายปีก่อน
ทิ้งนาดอน ก่อนลาไกล ไปเงียบหาย
จนน้องสาว ข่าวหาพี่ เมื่อปีกลาย
เป็นจดหมาย ท้ายสุด หยุดสัมพันธ์
...คำจากใจ ในจดหมาย บรรยายบอก
น้องสุขใจ ในบางกอก บอกกับฉัน
เพลินแสงสี มีห้างใหญ่ ไปทุกวัน
อยู่บ้านนอก คอกนานั้น มันไม่มี
...ท้าย ปอ ลอ พอคำนี้ พี่แทบทรุด
ใจสะดุด หยุดลง ตรงคำนี้
เขียนบอกว่า อย่ารอน้อง มองอีกที
อ่านคำนี้ พี่เจ็บแปลบ แทบขาดใจ
...จำได้ไหม ใครเคยพร่ำ คำสัญญา
ไม่ไปลับ จะกลับมา อย่าหวั่นไหว
จันทร์ดวงเด่น เป็นพยาน สานสายใย
แม้นตัวไกล ใจยังอยู่ คู่ท้องนา
...สัญญาใจ ไม่ได้เขียน จึงเปลี่ยนใจ
ถึงลืมได้ ไม่นึกถึง จึงหายหน้า
กระท่อมน้อย รอยคาดไถ ไร้ราคา
จึงทิ้งนา ลาท้องถิ่น บินจากรัง
...หรือแสงสี มีมนต์ขลัง ดั่งคนว่า
ถึงเปลี่ยนได้ ใจสาวนา ลาคนหลัง
มีรถหรู อยู่คอนโด โก้เสียจัง
ไม่ผุพัง ดั่งกระท่อม ล้อมเศษฟาง
...แม้เจ้าไกล ไปลับ ไม่กลับทุ่ง
หากอยู่กรุง รุ่งเรืองได้ จะไม่ขวาง
ไม่เปลี่ยนไป ใจพี่ขอ รอน้องนาง
กระท่อมร้าง กลางทุ่งนารอหน้ามน
...กระท่อมน้อย ยังคอยนาง กลางทุ่งแล้ง
ใจคนรอ ท้อจนแห้ง แล้งเหมือนฝน
ทุ่งคอยฝน คนคอยข่าว สาวหน้ามน
จะรอจน ฝนโปรยร่วง ทวงสัญญา
...กระท่อมน้อย คอยจนร้าง เกินสร้างใหม่
สายลมโบกโยกไหว ใจผวา
ไม่อาจยั้ง พังลงไป ในผืนนา
คนก็ล้า นาก็แล้ง แห้งเฉาตาย
24 มิถุนายน 2552 10:08 น.
เทพธัญญ์
...เดินทางไกล ไปทั่วแคว้น แดนเหนือใต้
ทั่วถิ่นไทย ไปเที่ยวท่อง ล่องตามฝัน
แอ่วเมืองเหนือ เพื่อชมเวียง เชียงใหม่นั่น
แดนสวรรค์ อันลือเลื่อง เมืองวิไล
หนุ่มบ้านไกล ได้ประสบ พบนวลน้อง
สาวเวียงพิงค์ยิ่งได้มอง ต้องหวั่นไหว
แม่ดอกเอื้อง เมืองหนาว สาวเวียงไกล
ดั่งต้องมนต์ดลจิตใจ ให้ตรึงตรา
เลยฝากกลอน อ้อนคำ ลำนำรัก
ไปทายทัก สักบทกลอน วอนเถิดหนา
อย่าโกรธเลย เอ่ยคำวอน อ้อนกานดา
โปรดเมตตา อย่ารวบรัด ตัดไมตรี
หนุ่มอุดร อ้อนคำหวาน ผสานจิต
หมายผูกมิตร ชิดใกล้ ใช่มาหลี
โปรดเชื่อใจ ไม่กลิ้งกลอก ดอกคนดี
วอนเนื้อเย็นเห็นอกที พี่มาไกล
หรือแม่สาว ชาวเชียงใหม่ได้หมายมั่น
เจ้ามีคู่อยู่เคียงฝัน ไม่หวั่นไหว
เป็นอย่างนี้ พี่จะเดิน เหินห่างไป
ยอมตัดใจ ไม่สานต่อ ขอจากลา
หากไร้คู่ อยู่ลำพัง ยังโดดเดี่ยว
พี่ขอเกี้ยว เลี้ยวมาลัย เพื่อไปหา
จะขัดข้อง หมองใจ ไหมกานดา
เอาหัวใจให้พิจารนา อย่าตัดรอน
ได้ทราบข่าว สาวเปิดใจ ให้รับรู้
เจ้ามีคู่ อยู่ร่วมเรียง เคียงหนุนหมอน
ไม่อาจรับ กับไมตรี ที่อ้อนวอน
ใช่ตัดรอน ถอนเยื่อใย ที่ให้มา
ยิ่งซึ้งใจ ในความดี ที่บ่งบอก
ยิ่งชัดแจ้งแสดงออก บอกคุณค่า
งามพร้อมพรั่ง ทั้งกายใจ ในวาจา
เป็นดอกเอื้องเมืองล้านนา ค่าควรจำ
ขออวยชัย ให้ทั้งสอง ครองรักมั่น
ชั่วนิรันดร์ พันผูกใจ ไม่ชอกช้ำ
อย่าได้พราก จากกันไป ให้ระกำ
กล่าวลำนำ คำอวยพร ก่อนลาไกล
หนุ่มอุดร ถอนสมอ ขอลาก่อน
แม้อาวรณ์ ก่อนจะพราก จากเชียงใหม่
ไม่อยากพราก จำจากลา ด้วยอาลัย
คงสดับประทับใจ ไม่รู้ลืม
15 มิถุนายน 2552 11:13 น.
เทพธัญญ์
...หลังเลิกงาน แวะร้านเก่า เข้าไปนั่ง
โต๊ะด้านหลัง ฝั่งตู้เพลงเพื่อคลายเหงา
เหนื่อยจากงาน ผ่านมานั่ง ฟังเบาเบา
ร้านลุงเป้า เจ้าประจำ ทำเรื่อยมา
ตาสะดุด หยุดลง ตรงโต๊ะข้าง
โอ้น้องนาง ช่างน่ารัก เป็นหนักหนา
พี่คนเศร้า เฝ้าแอบมอง ลองสบตา
น้องหันหน้า มายิ้มให้ ใจละลาย
จึงส่งยิ้มหยอดไป ให้รับรู้
พี่เฝ้าดู อยู่โต๊ะใน ใจมุ่งหมาย
น้องสวยมาก อยากรู้จัก อยากทักทาย
แต่ก็อาย สายตา คราจ้องมอง
ยิ่งสบตาต้องใจ ให้นึกชอบ
ต่างยิ้มตอบ มอบไมตรี มีเราสอง
อยากถามข่าว สาวโต๊ะไกล ใจหมายปอง
กลัวขัดข้อง ลองฝากเพลงเพื่อพะนอ
ร้องเพลงไผ่ พงศธร อ้อนฝากให้
อยากมีเธอเป็นแฟนไง ได้ไหมหนอ
ร้องเพลงอ้อน หนอนผีเสื้อ เพื่อเคลียคลอ
ยังไม่พอ ขออีกเพลงเพื่อถามใจ
ก่อนออกร้าน ผ่านโต๊ะน้อง ลองยิ้มทัก
ฝากศรรัก ไปปักอก ตกลงไหม
เหมือนเพลงฝาก อยากมีเธอเป็นแฟนไง
ก่อนจากไป ไว้วันหน้า จะมาคอย
นั่งร้านลาบปากซอย คอยที่เก่า
ยังคอยเฝ้า เจ้าเรื่อยไป ด้วยใจหงอย
หลังเลิกงาน ผ่านแวะมา ตั้งตาคอย
ร้านลาบก้อย คอยจ้อง มองหาเธอ
หวังได้เห็นรักยิ้ม พิมพ์ใบหน้า
เห็นแววตา คราได้มอง ต้องพลั้งเผลอ
เสียงหัวเราะ เสนาะจริง ยิ่งเสียงเธอ
แค่ได้เจอ เธออีกครั้ง หวังในใจ
สั่งเบียร์ขวด ดวดลงคอ รอโต๊ะข้าง
จิบบางบาง อย่างเหงาหงอย พลอยหวั่นไหว
หลายเวลา นาทีล่วงเลยผ่านไป
โถทรามวัย อยู่ไหนเหรอ เธอไม่มา
ฝากลุงเป้า เจ้าของร้าน วานบอกด้วย
นำเรื่องราวข่าวคนสวย ด้วยเถิดหนา
มีคนหนึ่ง คิดถึงมาก หากเธอมา
ให้โทรหา มาเบอร์นี้ มีคนรอ
พอเลิกงาน ผ่านร้านลาบ จึงทราบว่า
เธอได้มา พาแฟนคู่ ดูอี๋อ๋อ
ฟังลุงเป้า เล่ามา น้ำตาคลอ
อกเราหนอ ท้อสิ้นหวัง พังทลาย
สั่งลุงเป้า เหล้าเตรียมมา โซดาพร้อม
เปิดเพลงกล่อม พร้อมถือไมค์ ใจสลาย
ขอร้องเพลงเพื่อลืมเศร้า ให้เหงาคลาย
เพื่อระบาย หมายลืมเธอ เฮ้อเศร้าจัง
นั่งร้องเพลง บรรเลงกล่อม พร้อมซดเหล้า
อยากจะเมา ยกเหล้าดื่ม ลืมความหลัง
เพราะอกหัก รักไม่เริ่มแล้วก็พัง
เจ็บอกจัง นั่งซดเหล้า เคล้าน้ำตา
น้ำตาไหล ใจช้ำชอก ออกจากร้าน
ขับรถผ่าน หน้าร้านไป ใจเหว่ว้า
ทั้งเมาเหล้า เคล้าเมารัก หักใจลา
เสียน้ำตา คาร้านลาบแล้วสิเรา
นั่งร้านลาบปากซอย คอยรักใหม่
รอสาวใด ใจยังว่าง อย่างเหงาเหงา
นั่งร้องเพลง บรรเลงกล่อม ย้อมใจเรา
รอคนเหงา เข้ามานั่ง หวังในใจ
12 พฤษภาคม 2552 17:02 น.
เทพธัญญ์
...กลับมาแล้ว แก้วตา อย่าใจน้อย
ทิ้งให้คอย กลอยอย่าโกรธ โปรดเถิดหนา
ธุระมาก จึงจากไป ใช่ลืมลา
เพราะคิดถึงจึงคืนมา หาคนรอ
ที่จากไป ใช่หมดรัก หักสวาท
ตอนจากไปใจแทบขาด อนาถหนอ
เดินจากไป ใจรู้ดี มีคนรอ
แม้จากไกลใจจดจ่อ รอคืนรัง
ตอนอยู่ไกล ใจตระหนัก ประจักว่า
ยามเหนื่อยใจในอุรา พาสิ้นหวัง
เหงาเพียงใด การไร้คู่ อยู่ลำพัง
ใจคุ้มคลั่ง ดั่งเป็นไข้ ไม่ทุเลา
จากไปนาน ผ่านเวลา หาได้สุข
ยิ่งนานไปใจยิ่งทุกข์ คลุกความเหงา
จึงเข้าใจ ในวันที่ไม่มีเรา
ได้รู้ซึ้งถึงความเศร้า เหงาอุรา
เจอคนอื่น หมื่นแสน แม้นได้พบ
ก็เติมใจไม่เคยครบ พบปัญหา
ไม่มีใคร ให้ไออุ่น กรุ่นอุรา
เพราคิดถึงจึงกลับมา หาดวงใจ
กลับมาพร้อม อ้อมกอดอุ่น กรุ่นไอรัก
ใจตะหนัก ประจักแจ้ง แถลงไข
ขอสัญญา ว่าจะอยู่ เป็นคู่ใจ
จะไม่พรากจากไกล ให้เธอคอย
10 เมษายน 2552 10:06 น.
เทพธัญญ์
ก่อกองไฟ ด้วยใจตน
กิเลสล้น พ่นไฟเผา
โลภโกรธ รัก จักรุมเร้า
คอยแผดเผา เร้ากามา
จะดับไฟ ได้ยากนัก
ยิ่งไฟรัก ยิ่งหนักหนา
ไฟสุมทรวง บ่วงกามา
ไฟตัณหา ราคะรุม
ถ่านไฟเก่า ยิ่งเร่าร้อน
กิเลสซ่อน กร่อนไฟสุม
รักจนใคร่ ได้กำกุม
ใจร้อนรุ่ม สุมไฟคืน
ไฟตัณหา ครารักใคร่
ชู้ทางใจ ไม่อาจฝืน
แหกศีลธรรม ยังกล้ำกลืน
เติมเชื้อฟืน ยื่นหัวใจ
แลกใจกาย หมายเสพสม
ตามอารมณ์ สมความใคร่
เสพเสร็จสุข กับทุกข์ใจ
โดนเปลวไฟ เผาใจตน
รักของเขา เฝ้ายื้อแย่ง
ไฟโชนแสง แกล้งไม่สน
ไม่ยับยั้ง หวังได้ยล
ถูกไฟลน คนนินทา
หวังเพียงแต่ แค่เสพร่าง
เดินบนทาง สร้างตัณหา
สนองกาม ตามอุรา
หลงมายา กามารมณ์
สิ้น เสพสม อารมณ์ใคร่
สิ้นเปลวไฟ ใจขื่นขม
หรือรักแท้ แค่ชื่นชม
เพียงอารมณ์ ชมเรือนกาย
ถ้าหลงรัก จักเหมือนไฟ
เผาหัวใจ ให้สลาย
หลงตัณหา พา วอดวาย
ปล่อยรูปกาย หายราคา