26 ตุลาคม 2547 22:28 น.
เถ้าธุลี
ในห้อง ๆ หนึ่ง..........
มีใครคนหนึ่ง นั่งอยู่มุมห้อง
ในห้องสี่เหลี่ยมมืด ๆ นี้
เขาคนนั้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าภายนอกเป็นอย่างไร
ที่ขาของเขา...พันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวนอันหนักอึ้ง
และรอยแผลมากมายจากการขัดขืน
หลายต่อหลายครั้งที่เขาหกล้มลง
จากการพยายามหลุดพ้น
แต่มาถึงตอนนี้
เขาเริ่มคิด .. ว่าการกระทำของเขามันไร้ประโยชน์
นานแสนนาน.......
จากวันเป็นเดือน เดือนเป็นปี
ใจเขาเริ่มท้อ ไร้ซึ่งแรงผลักดัน มีชีวิตอยู่ต่อไปในความมืด จนกลายเป็นกลัวความสว่างไปเสียแล้ว
.....................................................................................
วันเวลาผ่านไป หลายสิ่งหลายอย่างย่อมผุพังลง ไม่เว้นแม้แต่ห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้
ผนังกะเทาะ มีรูเล็ก ๆ พอให้แสงลอดเข้ามาได้
เขามองเห็นแสง แสงซึ่งไม่ได้เห็นมานาน
ความอยากรู้อยากเห็น เริ่มถูกกระตุ้น
เขาลุกขึ้นยืน ก้าวออกไปหาแสง....แต่เขาก็ล้มลง โซ่ใหญ่รั้งตัวเขาไว้
" เราต้องทำได้สิ ข้างนอกต้องมีอะไรที่เรายังไม่เคยเห็นอีกแน่ ๆ เราต้องทำได้"
เขาก้าวเดิน เขาล้ม เขาลุก ...... จนบาดแผลเต็มร่างกาย เขาก็ยังไม่ย่อท้อ
สิ่งที่ดีกว่าอยู่ข้างหน้า อาจจะไม่ดีเท่าที่คิด ก็คงดีกว่าที่เป็นอยู่
เวลาผ่านไป..ไม่รู้นานเท่าไหร่
เขาทำสำเร็จ............
ลำแสงเพียงนิดเดียวนั้น ทำให้เขาสามารถหาทางออกมาได้
ซึ่งที่จริงแล้ว..มันก็แค่ประตูผุ ๆ บานเดียว
และข้างนอกก็มีกุญแจ ที่จะไขปลดล็อกตัวโซ่นั้น
..................................................................................
เหมือนชีวิตคนเรา ถ้าเราจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ ก็เหมือนการขังตัวเองอยู่ให้ที่แคบ ๆ สร้างพันธนาการในความคิดเอาเอง ทำให้เราติดอยู่กับคุกที่ตัวเองสร้างขึ้น แต่ถ้าวันใด เราต้องการจะหลุดพ้นจากมัน ขอเพียงแต่คิดว่า เราจะทำให้ได้ เราก็ต้องทำได้
เขียนขึ้น เพื่อคนที่กำลังท้อแท้นะคะ แสงสว่าง มีอยู่แน่ค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะมองหามันหรือไม่เท่านั้นเอง
7 ตุลาคม 2547 20:18 น.
เถ้าธุลี
วันนี้ฝนตกหนัก ฉันเปิดวิทยุฟังเพลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเพลงจบ เสียงหวาน ๆ ของดีเจก็พูดขี้น
" .........ตอนนี้ฝนตก เพลงที่ขอมามีแต่เพลงเศร้า ๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ เคยคิดบ้างมั้ยคะ ว่าเวลานี้ บรรยากาศอย่างนี้ มันทำให้คิดถึงบรรยากาศในวันเก่า ๆ ทั้งที่สุข และทุกข์ เหมือนกับการย้อนเวลากลับไป...."
วันเก่า ๆ เหรอ อดีต คงไม่จำเป็นต้อง สุข หรือ ทุกข์เสมอไปหรอก สำหรับฉัน เหตุการณ์ที่ยังติดอยู่ในใจฉัน .... มันคือคำถามแค่ประโยคเดียว...
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
วันนั้นฝนตกหนัก หนักกว่าวันนี้ซะอีก ฉันเดินกางร่มอยู่ท่ามกลางนักเรียนมากมายที่กลับจากการประชุมรอบเย็น เดินเบียดเสียดกันบนถนนแคบ ๆ และก็มีหลายคนที่ไม่มีร่ม กำลังวิ่งฝ่าฝนไปแบบไม่มองหน้าใครเลย จะเรียกใครมาเดินด้วยกันในร่ม เสียงฝนก็ดังจนเพื่อนไม่ได้ยินเสียงฉันเรียก
ท่ามกลางคนมากมายนั้น มีใครคนหนึ่งวิ่งแซงจากด้านหลังมา ยืนอยู่เยื้อง ๆ ฉันไปข้างหน้า ฉันหันไปดู...นั่นคือ เขา เขาที่ทำให้ใจฉันเต้นแรงเสมอ ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปแตะเขา ให้เขาเข้ามาในร่ม แต่..มือฉันก็ชะงัก ถูก ..ที่เขาเป็นคนที่ฉันชอบ แต่เขาก็เป็นคนที่เพื่อน ๆ ล้อกันว่าเป็นแฟนกับฉัน
ในขณะนั้น ใจฉันมันกำลังทำสงครามกันเอง--เรียก ไม่เรียก เรียก ไม่เรียก-- ใจหนึ่งฉันกลัวว่าเค้าจะไม่สบายเพราะตากฝน อีกใจ ฉันก็กลัวถูกเพื่อน ๆ ล้อ ซึ่งทำให้ทั้งฉันและเขา ยิ่งไม่ค่อยพูดกันอีก ...................
ฉันคงคิดนานไป พอรู้สึกตัวอีกที เขาก็กลืนหายไปกับผู้คนซะแล้ว รู้สึก..แปลก ๆ ทั้งโล่งใจ เสียดาย และ..รู้สึกผิด เล็ก ๆ
ฉันเดินคนเดียวไปจนถึงห้องเรียน เห็นเขานั่งคุยอยู่ในกลุ่มเพื่อนของเขา เนื้อตัวเปียกโชก เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อกี๊คนที่ยืนข้างหลังเขาเป็นฉัน
รุ่งเช้ามาเขาร่างกายปกติดี ฉันก็โล่งใจ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เสียงเพลงจบไปอีกเพลงแล้ว ฝนก็เริ่มซาลง ทุกครั้งที่ฝนตก แม้เขาคนนั้นกับฉันจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แม้ตอนนี้ ฉันจะรู้สึกกับเขาแค่เพื่อน แต่ใจฉันยังคงมีคำถามอยู่ตลอด ... วันนี้ก็เช่นกัน ที่ฉันยังนั่งมองฟ้า มองฝน พร้อมกับถามตัวเองอย่างที่เคยถามมาตลอดว่า...
' วันนั้น เราควรจะเรียกเค้าเข้ามาในร่มรึเปล่านะ? '