12 ตุลาคม 2544 07:57 น.
เด็กเมืองยศ
ตะวันสาดส่องทาบทุ่งรุ่งวันใหม่
สายลมพัดหญ้าไหวไกวเอนอ่อน
น้ำค้างพราววาววับยามแดดรอน
หมู่นกกาบินจรจากรวงรัง
เธออยู่แห่งหนใดสุดปลายฟ้า
โปรดหันมาย้อนคืนชื่นความหลัง
มาดูดอกหญ้างามมะเรืองมะรัง
แดดร้อนเรานั่งริมฝั่งนที
อุ่นกายใจด้วยหัวใจที่แรงเร้า
มิ่งขวัญเจ้ายอดชีวันขวัญใจพี่
เฉิดแสงแรงแห่งฝันรางระวี
มั่นคงดั่งตะวันสีทองดั่งทา
11 ตุลาคม 2544 05:26 น.
เด็กเมืองยศ
เสียงหึ่งหึ่งอื้ออึงอยู่ข้างหู
มาเป็นหมู่แสนรำคาญจะทานไหว
คนจะหลับจะนอนทอดถอนกาย
ยังมาแข่งกันอยู่ได้เสียงรบกวน
เสียงหวือหวอพอจะเอนหัวลงหมอน
ขออ้อนวอนได้โปรดไปให้ไกลด่วน
แต่ก็สายไปเสียแล้วพวกเกรวน
คงหายป่วนฉันตบตายไปหลายตัว(ยุง)
11 ตุลาคม 2544 05:18 น.
เด็กเมืองยศ
ฝากทะเลคลื่นเซซัดส่งข่าว
ฝากดวงดาวส่งความคิดถึง
ฝากดวงจันทร์ส่งความหวานซึ้ง
ให้เธอผู้ซึ่งอยู่ห่างไกล
ไม่รู้เธอจะได้รับหรือเปล่า
ไม่รู้เธอจะได้รับข่าวจากฉันไหม
ไม่รู้ว่าเธอจะได้รับความซึ้งจากใจ
เพราะฉันลืมใส่ตู้ไปรษณีย์
5 ตุลาคม 2544 02:42 น.
เด็กเมืองยศ
เวิ้งฟ้านภากว้าง เหม่อมองไปสุดปลายตา
คิดหมองหม่นอุรา ที่พักอื่นนั้นไม่มี
เมื่อรักให้เขาหมด แม้นว่ามันจะชั่วดี
มืดบอดในใจนี้ ความรักปิดไม่รับรู้
พอถึงคราวต้องจาก จะวางวายแสนอดสู
ลืมเหลียวมามองดู ภายในจิตที่ลุ่มหลง
ความยึดมั่น ถือมั่น เพื่อให้ได้ดั่งใจจง
เมื่อไม่สมประสงค์ ทุกข์บังเกิดไฟเผาลน
ยืน เดิน จะนั่งนอน โอ้ดวงจิตคิดสับสน
ใจเราผู้เป็นคน จะทนได้สักเท่าใด
ต่อแต่ไปจากนี้ ชีวีมอบอุทิศให้
แด่องค์พระทรงชัย พุทธเจ้าผู้เหนือกาล
รู้เช่นให้เห็นอยู่ ปัจจุบันทุกทวาร
รักชอบโกรธเกลียดกัน ล้วนเป็นทุกข์ สุขระคน
ลดละเลิกเห็นผิด ไม่น้อมนำมาปะปน
มั่งมีหรือยากจน ถ้าเห็นโทษสุขเกษม
...............เด็กเมืองยศ........
5 ตุลาคม 2544 02:29 น.
เด็กเมืองยศ
เริงรสพจมานหวานหอม ดมดอมอยากเชยชิดใกล้
เนื้อตัวช่างหอมนี่กระไร หัวใจไขว่คว้าหมายปอง
แม้นพี่มีบุญหนุนชาติเกิด บรรเจิดจรัสให้เราสอง
มีบุญหนุนค้ำตามครรลอง อย่าหมองเลยที่รักจงหักใจ
พี่เฝ้าคะนิงคะนึงฝัน สักวันสองเราคงสุขใส
แม้เป็นความฝันอันยาวไกล มันย่อมเป็นไปได้ด้วยพลัง
อุปสรรคมักมีเมื่อเหตุเกิด ฝ่าไปเถิดอย่าได้คิดถอยหลัง
ขวากหนามรกชัฎข้างหลังยัง ถอยพลั้งไม่ได้ต้องหน้าเดิน
มีแรงใจแรงกายให้สู้ ไหนเลยจะดูแค่ผิวเผิน
เธอเป็นแรงใจให้เผชิญ ฉันเป็นคนเดินหมากเกมไป
ที่ใดมีแต่ขวากหนาม เมื่อยามสำเร็จย่อมสดใส
คืออุดมการณ์ที่ฉันจำใส่ใจ เป็นความจริงได้คงสักวัน
คนเราย่อมไม่มีที่พ่ายแพ้ ถ้าใจเราแน่อย่างฉัน
แพ้พ่ายภัยอื่นไม่สำคัญ แพ้ใจเรานั้นสิบรรลัย
แพ้เกมกีฬากาลีบัตร ชี้ชัดว่าแพ้ก็หาไม่
แพ้ชนะแต่ต่ำช้าปานใด ก็ยังแพ้ในใจตนเอง
คนเราต้องรู้คิดพิศสถาน รู้การรู้งานอย่าโหรงเหรง
ทำตนให้ดีมีคนเกรง รู้เองแก่ใจเมื่อทำ
ทำดีไม่มีทางต้องขายหน้า มีแต่คนต่ำช้าสิน่าขำ
ใครมองอย่างไรช่างเราทำ เพียงสุขนำแก่ตนและชนทั่วไป
................เด็กเมืองยศ..............