8 มิถุนายน 2549 20:31 น.
เด็กอยากศิลป์
ชีวิตมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา แต่ไฉนจะรู้บ้างว่า "การอยู่เฉยก็เป็นการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง" และด้วยการอยู่เฉยๆไม่รู้จะทำอะไร เจอใคร คิดอะไร ก็ทำให้ความเหงาเข้ามาย่างกรายที่หัวใจฉันอีกครั้ง
ปิ๊บ สมองซีกซ้ายสั่งให้ฉันทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัวคำนวนความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นได้บ้าง ..ตุ๊ดๆ... สมองซีกขวา ส่งสัญญาณเตื่อนว่านี่ช่วยสนใจเราหน่อยเถอะนะ เราเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เธอมีจินตนาการ และสร้างสรรค์ผลงานอันไม่รู้จบ
มันคงเป็นกระแสไฟฟ้าที่กำลังเดินอยู่ในเซลล์สมองอันเล็กน้อยของฉัน ปลุกให้ฉันตื่นมาพบตัวเองอยู่ในห้องอันแสนรัก สีชมพูดูแล้ววุ่นวายหัวจิตยังไงชอบกล เฮ้อ ฉันถอนหายใจ ทันใดสมองกระตุ้นว่า นี่ขอโดปกาแฟอย่างด่วน เพื่อปลุกพวกเราด้วย เออ คลานลงมามาเสียบปลั๊กกาต้มน้ำ
ระหว่างรอ เงียบหว่ะ ไม่เงียบได้ไงเล่าก็แกอยู่คนเดียวนี่หว่า สมองกระตุ้นเลยนึกขึ้นได้ อ่อ เออเนาะ โง่อีกแกเนี่ย ว่าแล้วมันก็เหมือนเพื่อนแกเลย ตื่นป๊บ เจอปั๊บเลย ไอ้ความเงียบเนี่ย พอเงียบแล้วไง ก็เหงานะซี เออพอและพวกแกนี่ ชอบวุ่นวายกับฉันซะเหลือเกิน เดินมองตัวเองในกระจก แปรงฟันบ้วนปาก เฮ้อ ถอนหายใจอีกครั้ง หาไรทำดีว้ะ สมองซีกซ้าเช็ค ตารางอย่างขมีขมัน โอ้ วันนี้ ว่าง เว้น สบายตู ตาสมองซีกซ้ายทำงาย เปิดเพลงหน่อยโว้ย มันตะโกนสั่งใหญ่ จ้า เขียนไรหน่อยสิ อากาศยามเช้ากะลังดีอยู่....
1 มิถุนายน 2549 14:05 น.
เด็กอยากศิลป์
ในชีวิตที่เติบโตมาเราก็มีความต้องการที่ต่างมาเรื่อยๆ แต่อย่างที่รู้ๆกันทั่วไปว่าคนเราก็ต้องการสิ่งที่ดีทีสุดให้กับชีวิต และสิ่งที่ดีเหล่านั้น บางทีเราก็ต้องแลกมันกับอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้มันมา และยอมเสียสิ่งทีเราคิดว่ามันก็สำคัญพอๆกันไป เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันอาจเกิดขึ้นกับใครอีกหลายๆคนที่ฉันไม่รูจัก....
ความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อ เราได้ติดต่อกันอีกครั้งหลังจากห่างหายกับเขาไปนานมาก และตอนนี้เขาก็ได้ห่างหายไปอีกครั้ง และไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ และเรายังมีโอกาสที่จะได้เริ่มต้นกันอีกเมื่อไหร่....
ช่วงชีวิตหนึ่งทีผ่านมา เราก็หวังว่าเราจะได้มีความรู้สึกรักใครสักคน คนคนนั้นน่าจะมีอยู่จริง เหมือนที่เรื่อง เพื่อนสนิท ตอนที่นุ้ย คุยกับไข้อย ว่าคนเราเกิดมาในชาตินี้เพื่อจะได้มาเจอคนที่เรารักในชาติก่อน อยูที่ว่าเวลามันจะพาเรามาเจอกันตอนไหนก็เท่านั้นเอง...
16 กุมภาพันธ์ 2549 19:57 น.
เด็กอยากศิลป์
วันนี้หนีแต่งกลอนมามาเขียนเรื่องสั้นหรือไม่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องสั้นหรอก เพราะว่ามีอะไรที่อยากจะเขียนเยอะแยะเลย ก็ยังหวังว่าจะมีเข้ามาอ่านบ้าง แต่ก็มาเขียนคลายเครียดเท่านั้นแหละ คงไม่มีอะไรมากหรอก เรื่องบาง เรื่องระบายออกบ้างก็ดี เพราะว่ามันจะมาจุกอยู่ที่อกตาย ตอนนี้คิดอยู่ว่าจะมาอยู่ว่าจะย้ายหอดี หรือว่าจะอยู่กะเมทเก่าดี เพราะว่าถ้ามีเมทมันก็หารได้ไง แล้วมันประหยัดดีด้วย แต่ถ้าย้ายหออยู่คนเดียวก็ออกเต็มๆคนเดียว กินคนเดียว นอนคนเดียว แต่ว่านะ มันเป็นส่วนตัวดีไง ชอบตรงนี้แหละ ทำไรก็ไม่ต้อคอยจะมาเกรงใจใครเท่าไหร่ จำนู่นทำนี่สบาย จะนอนดึกแค่ไหนก็ได้ จะติดโปสเตอร์มากแค่ไหนก็ได้ อยากลองเปลี่ยนความรู้สึกดูบ้าง ว่าถ้าอยู่คนเดียวมันรู้สึกยังไงกัน แล้วคุณหละ คิดว่าไง ส่งความรู้สึกมาบอกกันบ้างก็ได้ ถ้ามีโทรทัศน์ก็คงดี เพราะว่าจะไม่ไปไหนเลย อยู่มันแต่ในห้องเนี่ยแหละ เฮ้อ ! นี่ อย่างดีก็วิทยุกับหม้อต้มน้ำ เอาไว้เวลากินมาม่ากับกินกาแฟไง
เรื่องชีวิตการเรียน ตอนนี้ก็เหมือนจะเรื่อยๆเปื่อยๆ อยากกลับบ้านเต็มทนและ แต่ก็ติดรายงานหน้าชั้นเรียน เซ็งชะมัดเลย อุตสาห์หยุดอาทิตย์นึงแล้วไง โห สรุปอยู่ได้ยังไม่ถึง 5 วันเลย แบบว่าเสียดาย จนอยากจะร้องไห้แล้วเนี่ย เฮ้อ เราเองก็อยากกลับบ่อยๆอยู่ แต่ว่าเงินมันไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ก็คนมันไม่ได้รวย เออนี่ รู้จักกับพี่ซิ-กัมคนนึง เขาบอกว่า ทักษิณทำให้กูจน ฟังแล้วขำก๊าก เออวันนี้พอและ สบายใจและ
10 พฤศจิกายน 2548 17:42 น.
เด็กอยากศิลป์
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาปิดเทอมของเรา ตอนั้นอยู่ปี 1 แล้วหละ แล้วก็กลับบ้านมา ตอนนั้นเพิ่งเลิกกับคนนั้นอยู่หมาดๆ เราเองก็ยังไมอยากเริ่มต้นคบใครใหม่ คิดไว้ด้วยว่า การมีแฟนมันเป็นกานทำให้ความรู้สึกของตัวเองทรมานเล่นรึไงเนี่ย แล้วเขาก็เริ่มมาทำความรู้จักกับเรา แลวความสัมพันธฺของเราก็ได้งอกงามจากตรงนั้น และตรงีท่นั้นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรายังคงติดต่อกันอยู่ตอนนี้ แต่ไมใช่ในฐานะแฟนนะ อย่าคิดดไปไกลหละเพื่อนๆ เรื่องมีต่อแต่ต้องคราวหน้านะ เพราะว่าเวลาหมดแล้ว
7 สิงหาคม 2548 12:20 น.
เด็กอยากศิลป์
เรื่องมีอยู่ว่า มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวฉันที่เป็นเรื่องธรรมดาๆ เรื่องของคนธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดาๆ มีเพื่อนก็ธรรมดา เฮ้อทุกเรื่องมันเป็นเรื่องสุดแสนธรรมดา ก็ในเมื่อมันไม่มีอะไรน่าสนใจฉันก็ไม่รู้ว่าจะเขียนทำไมเนาะ แต่ฉันว่าความธรรมดา มันน่าจะมีอะไรที่ไม่ธรรมดาอยู่ พวกคุณคิดอย่างฉันไหมหละ
ฉัน ชื่อว่า แตงโม เกิดในครอบครัวธรรมดาๆ ข้าราชการพอกินพอใช้
ฉันเชื่อว่า การอยู่แบบพอมีพอใช้ เป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิต
ฉันเชื่อว่า คติของฉันทำให้ฉันอยู่ได้แบบสมถะ" พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่" เห็นไหมหละ ไม่เห็นต้องการอะไรมากในชีวิตเลย แค่เป็นอย่างที่ตัวเองเป็น แล้วทำในสิ่งที่ตัวเองรักเท่านั้นก็พอแล้ว
ฉันนะยังเชื่ออีกว่า การทำงานอยู่เบื้องหลังเป็นการทำงานที่ฉันสบายใจที่สุดแล้ว เพราะฉันไม่ชอบออกไป เสนอหน้าเท่าไหร่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรกับการทำงานของเราแต่เราก็ภูมิใจในงานของเรา
ฉันเชื่อว่า การอยู่คนเดียวทำให้เราคิดอะไรได้มากขึ้น
ฉันเชื่อว่า การใช้ชีวิตของเราจะยังไม่สมบูรณ์ถ้ายังไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก
ฉันเชื่อว่า ทำสิ่งที่แหกกฎก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียหาย ถ้าไม่เดือดร้อนใครๆ
ฉันเชื่อว่า อิสระเสรีเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับทุกคนรวมทั้งตัวฉันเอง
ฉันเชื่อว่า การทำทุกอย่างมีมุมมองได้สองแง่
ฉันเชื่อว่า การกลับเข้าไปอยู่ในธรรมชาติอีกครั้ง เราก็จะคืนสู่สมดุล
ฉันเชื่อว่า การตัดสินใจของคน ก็คือความคิดสุดท้ายที่จะเดินไปในชีวิต.....