18 เมษายน 2553 17:22 น.
เชิงผาหิมพานต์
๏ คืนเพ็ญโสมโลมใจให้คลายเหงา
ถึงเปลี่ยวเปล่าเคล้าคลอก็พอหาย
แสงจันทร์ส่องทั่วฟ้ากลางป่าไพร
เจ้าดาวไกลรายห้อมล้อมดวงเดือน
ร่ำสุราเดียวดายมองปลายฟ้า
เอ่ยวาจาชวนจันทร์เป็นฉันท์เพื่อน
และมีเงาตนเองกระเตงเตือน
เป็นเสมือนสามสหายร่ายระบำ
ชูจอกเหล้าชวนเดือนอย่าเชือนเฉย
มาสิเหวยข้าปลื้มดื่มให้หนำ
เจ้าเงาดุ่มตะคุ่มรู้ข้าผู้นำ
ถึงคะมำมันถลำตามกันไป
เดือนมิตรแท้ส่องแสงไม่แกล้งดับ
ดาววิบวับล้อข้าอย่าหลับไหล
เงาเหมือนทาสซื่อสัตย์มัดหัวใจ
ข้าเซไหนมันเซสวยไปด้วยกัน
จนพังพาบกับพื้นสุดยืนโยก
ใต้ต้นโศกผลิดอกออกสีสัน
เมฆเริ่มคลุมมืดมิดปิดแสงจันทร์
เจ้าเงานั้นทอดร่างข้างอินทรีย์
ถึงไร้มิตรสนิทจริงที่ทิ้งข้า
พสุธายังมิไร้ให้แสงสี
มีจันทร์เพ็ญและเงาเฝ้าราตรี
สามเพื่อนซี้..กรอกสุรา..ทุกคราคืน (เอิกส์ส์ว์ว์ว์...)
.
18 เมษายน 2553 08:15 น.
เชิงผาหิมพานต์
๏ สรวงสวรรค์วันมิดปิดปลายฟ้า
ดาริกาหลบหลู่ดูเหงาหงอย
ศศิหม่นก่นเศร้าเหมือนเฝ้าคอย
จะเคลื่อนคล้อยลอยโพยมประโลมใจ
ฤ ใจข้ามาครางนภางค์เอ๋ย
วจีเผยวอนมหินทร์ถิ่นมไหสย์ฯ
ด้วยหวังปองดอกฟ้าสุราลัย
ขอโปรดให้ใจหวังได้ดังปอง
เพราะต่ำศักดิ์ภักดิ์เจ้าหวังเคล้าแนบ
จะอิงแอบแนบโสมภิรมย์สอง
ชิดคู่ชู้ชื่นคืนประคอง
วธูน้องพ้องในหทัยมัน
ดาราดาวพราวสรวง ณ ห้วงฟ้า
ดั่งดวงตาดาเรศเนตรจอมขวัญ
ออกเอื้อนเอ่ยเผยจรดพจน์ประพันธ์
สล้างฝันสั่นสะท้านพล่านอารมณ์
สิ บวงสรวงรัตติกาลวิมานเมฆ
ธ โปรดเสกวิเวกหวานซ่านประสม
สลักจิตสุมิตรนางอย่างเพลงพรหม
ฝันลมลมสมวิญญา..แห่งข้าที ๚ะ๛
.
17 เมษายน 2553 13:55 น.
เชิงผาหิมพานต์
.
๏ ลี้กิมฮวงกลึงเกลาเหลาท่อนไม้
ด้วยหัวใจบอบช้ำสุดพร่ำขาน
รูปซีอิม..ยอดหวง..ยอดดวงมาลย์
กรำสุราเพื่อผลาญผ่านระทม
ยกดวงใจให้เขาเจ้าเพื่อนรัก
อกกระอักร้าวรวดปวดจนขม
กระแอมไออุระเจ็บระบม
ทุกวันจมกับความหลังล้มทั้งยืน
ยุทธภพจบแดนดินทั่วถิ่นหล้า
ประกาศกล้ายิ่งนักใครยากฝืน
สละสิ้นสินทรัพย์ไม่รับคืน
แต่ยังขืนห่วงสหายไม่คลายเศร้า
มีมิตรหนึ่งรู้ใจเทียบได้ทรัพย์
ใจน้อมรับโชคชะตาพารุมเร้า
รู้กันทั่วมีดสั้นข้าไม่พลาดเป้า
แต่ใจเล่า..ใยพลาดรัก..หนักอาลัย
.
17 เมษายน 2553 11:40 น.
เชิงผาหิมพานต์
.
๏ จะชุ่มฉ่ำเฉกเช่นละเล่นศิลป์
ดั่งเพลงพิณสะท้านก้องคะนองไหว
อึกทึกกัมปนาทประกาศไกล
แล้วกลั่นไอไหลรดเป็นหยดน้ำ
ชะช่อม่วงพวงทองพุดกรองซ้อน
เป็นริ้วร่อนเม็ดแรกลงแทรกซ้ำ
กระทบหินดินไผ่ไหวระบำ
ช่างชุ่มฉ่ำเย็นซ่านสะท้านใจ
เติมสายชลให้แก่งเคยแห้งขอด
ค่อยค่อยหยอดหยาดเยาะเลาะไสล
มัสยาว่ายแหวกแยกบัวใบ
ทั่วถิ่นไพรระเริงรื่นก็ตื่นตา
ลงมาอีกกรูกราวเป็นคราวใหญ่
ระเนนไปกิ่งกอดยอดพฤกษา
เพียงจบเพลงเสนาะพิณองค์อินทรา
พสุธาเขียวตลอดยอดคีรี
เมษาเศร้าร้าวรอนมิผ่อนพัก
เริ่มประจักษ์ความชื่นชื้นเกศี
ธ คลายร้อนผ่อนอุราปฐพี
พิรุณนี้ประกาศลั่น..วสันต์เยือน