15 เมษายน 2547 23:57 น.
เชา
กลิ่นคลุ้ง ฟุ้งคาว เน่าเละ
ฟอนเฟะ แฉะเยิ้ม หลั่งไหล
เหลืองอ่อน กลิ่นคลุ้ง ตลบไกล
ตับไต ไหลทะลัก ผลั่กพลัน
แดงฉาน ชาดหลั่ง โลหิตย้อย
ตาห้อย ค่อยหลุด จากขัณฑ์
ชันกาย ลุกขึ้น ขาพลัน
หักสะบั้น แขนขาด ปราดนอน
กรีดร้อง กังวาล พล่านพุ่ง
สุวานมุ่ง ระส่ำ พร่ำหอน
แสยะยิ้ม คืบคลาน ตัวขาดพอง
ไหลลงกอง สยองไส้ ไหลลงดิน
กลิ่นเลือด น้ำเหลือง เนืองเคล้า
กลิ่นกาย เหม็นเน่า ชั่วช้า
อยากตาย แต่ไม่ มรณา
ตัวข้า อมตะ เพราะเคยตาย
คืบคลาน นานมา มังสาหลุด
ครืดหยุด ติดดิน ถิ่นพื้น
กายา หลุดออก ไม่คืน
ข้าฟื้น กลับมา จากอเวจี
โหยหวน ครวญคราง พลางจิต
ยามอาทิตย์ พ้นฟ้า ข้าคงหนี
กลับลงสู่ ใต้พื้น ธรณี
ตรงที่ ข้านอนซุก สุขนิรันดร์
ลองแต่งแนวนี้ดูครับ
ยังไม่ดีเท่าไหร่...
เปลี่ยนแนวบ้าง
แต่งแนวรักมากเกินมันจะเลี่ยน
ปล. รูปข้างบน ลองดูตรงกระจกดีๆครับ
13 เมษายน 2547 00:46 น.
เชา
ฝากให้ฟ้า นภา ดาราจักร
ให้เธอพัก จากงานหนัก ที่มาหา
ให้ใจฉัน ปันห่วงใย ทุกเวลา
จากนภา จรดพิภพ ซบลงนอน
เพียงคืนนี้ ค่ำวันนี้ มีจันทร์กล่อม
ดาราล้อม ฝันดี ยามกอดหมอน
มีสายลม พัดความโศก ยามเธอนอน
ร้อยบทกลอน สะท้อนจิต คิดถึงเธอ
ห่วงห่วงเธอ อยากเจอ เพียงหน้า
สบตา บอกรัก ภักดิ์เสมอ
จะเอื้อมฟ้า คว้าดาว มาให้เธอ
ขอพบเจอ พิศวาส ทุกชาติไป
ค่ำคืนนี้ แค่เธอ ไม่มีเรื่อง
ขุ่นเคือง ทำร้าย เสียใจ
กลอนนี้ เป็นลม พัดไป
เพียงให้ เธอสุขใจ ... นิรันดร์
13 เมษายน 2547 00:45 น.
เชา
ฝากให้ฟ้า นภา ดาราจักร
ให้เธอพัก จากงานหนัก ที่มาหา
ให้ใจฉัน ปันห่วงใย ทุกเวลา
จากนภา จรดพิภพ ซบลงนอน
เพียงคืนนี้ ค่ำวันนี้ มีจันทร์กล่อม
ดาราล้อม ฝันดี ยามกอดหมอน
มีสายลม พัดความโศก ยามเธอนอน
ร้อยบทกลอน สะท้อนจิต คิดถึงเธอ
ห่วงห่วงเธอ อยากเจอ เพียงหน้า
สบตา บอกรัก ภักดิ์เสมอ
จะเอื้อมฟ้า คว้าดาว มาให้เธอ
ขอพบเจอ พิศวาส ทุกชาติไป
ค่ำคืนนี้ แค่เธอ ไม่มีเรื่อง
ขุ่นเคือง ทำร้าย เสียใจ
กลอนนี้ เป็นลม พัดไป
เพียงให้ เธอสุขใจ ... นิรันดร์
10 เมษายน 2547 23:26 น.
เชา
ร่ำร้อง ร้องหา หาใดเล่า
คุกเข่า วิงวอน อธิษฐาน
สุดคิดถึง มองฟ้าสบ คัคนานต์
สว่างกาล ราตรี ไม่มีดาว
พระจันทร์ร้อง เรียกหา ดาราเปล่ง
แสงตนเอง บดบัง ทั้งลมหนาว
เรียกดารา ตามหา หมู่ดาว
แสงจันทร์วาว ดาวถูกกลบ ลบเลือนไป
จันทร์เอ๋ยจันทร์ เจ้าเหงา หรือป่าวหนอ
เจ้าเฝ้ารอ หมู่ดาววับ จับสดใส
พอจันทร์มา เต็มดวง ดาวจากไป
ไม่มีใคร ไหนเลยเล่า อยู่เฝ้าจันทร์
มณฑกานต์ คัคนานต์ ยามพานพบ
ยามเมื่อสบ ดาราเล่า เขาอยู่ไหน
มณฑกานต์ จันทรา อย่าพึ่งไป
ยังมีใคร ข้างล่าง ที่เฝ้ามอง
เพียงมนุษย์ ปุถุชน คนคนหนึ่ง
แอบมองทึ่ง หลงจันทร์เจ้า ไม่มีสอง
เพียงมนุษย์ ต่ำต้อย ที่ยังมอง
อยากจะจอง ไขว่คว้า หาจันทร์
มณฑกานต์ จันทรา อย่าพึ่งหลบ
เดือนแรมลบ จันทร์เจ้า เหงาแล้วฉัน
เห็นดารา โกฏิล้าน เปล่งเย้ยจันทร์
เก็บไปฝัน เห็นจันทร์เจ้า เราก็พอ
ผมก็แค่ ผู้ชายคนหนึ่ง... ที่หลงรักพระจันทร์...
พระจันทร์ไม่ต้องลอยลงมา...ไม่ต้องมองลงมา
เพราะซักวันหนึ่ง ผม..
จะไปให้ถึงจันทร์
9 เมษายน 2547 23:47 น.
เชา
เชาคือใคร ใยเล่า จึงเฝ้าแต่ง
กลอนอ่อนแรง อ่อนล้า จิตตาเศร้า
นี่แหละคือ สิ่งบ่งบอก ตัวของเรา
กลอนไม่เศร้า เล่าไม่ซึ้ง จึงของปลอม
ของจริงแท้ แน่นอน เกิดจากจิต
จากชีวิต แท้จริง ยิ่งสงสัย
กลอนพันร้อย ล้านเล่มเกวียน เขียนในใจ
ด้นสดไป ลงกระดาษ วาดตามจริง
สิ่งที่อ่าน ที่ท่านเห็น เป็นจริงหมด
กลอนทุกบด เกิดจาก เพียงหนึ่งหญิง
สอนให้ชาย ขี้โกหก พูดความจริง
เชา ขอวิง วอนท่านอย่า อ่านต่อเลย
เอาเป็นว่า จะทำให้ท่านยิ้ม
แม้ยิ้มกริ่ม ก็เอา เดาก่อนเฉย
ยิ้มนิดนิด ซักสามครั้ง ให้หน่อยเอย
เพียงนี้เลย ก็ทำให้ เชาพอใจ
เอ๊ะบอกว่า อย่าอ่าน ยังอ่านอยู่
อย่าคิดว่า ไม่รู้ ตีหน้าใส
แค่เพียงอยาก บอกรักเค้า จนล้นใจ
เอ๊ะยังไง ใครให้อ่าน รำคาญจริง
ผ่านมาอีก หลายบท พลวรรค
แทบกระอัก ด้นกลอนสด ปดผู้หญิง
อีกทั้งชายที่ นั่งอ่าน หาความจริง
หากแต่กลอน คือสิ่งแต่ง แสดงมา
แล้วอะไร เป็นจริง หรือไหนหลอก
จริงไม่วอก คือชีวิต ที่อ่านหา
ที่โกหก คือเรื่องยิ้ม ที่อ่านมา
โถคนบ้า โดนหลอกได้ น่าอายเอย
แต่ว่าไป คนอ่านนี่ ก็พอด้าน
บอกอย่าอ่าน ห้ามกี่ครั้ง ยังทำเฉย
หยุดหยุดหยุด อย่าอ่าน ต่ออีกเลย
เดี๋ยวพลอยเฮ้ย!!! โกรธเชาเข้า เอ้า...ซวย
พอๆแล้ว ไม่เอาแล้ว ขี้เกียจแต่ง
ใจคอแรง จะไม่ยิ้ม ให้กันโหย
ยิ้มน้อยน้อย หรือเหี้ยมโหด โกรธแดโดย
แค่สามโชย คงสำเร็จ ไม่เข็ดกลอน
โห...ใจคอจะไม่ยิ้มให้ผมซัก 3 ทีเลยหรอ
งั้น เอารูปเชาครึ่งหน้าไปเลยคร้าบบบบ
ปล. แล้วมันเกี่ยวกับความรักมั้ยเนี่ย....