15 มกราคม 2553 00:04 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ริงโทนบอกจริตผู้...............โทรศัพท์
แตรบีบเสียงรถขับ..............ขี่อ้าง
กลิ่นตดสื่อแกงกับ...............กินเก่ง ไฉนนา
เหลืองและแดงบอกข้าง..............ขีดขั้วการเมือง
Ring tone tells of yourmobile.
Honking tells the styleof cars.
Farting tells of pilesof food.
Yellow, Red shirts marThailands harmony.
Chettapat Wisaijorn's interpretations.
5 มกราคม 2553 19:35 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
๑. กวี
อึดอัดแรกหัดเขียน
อารมณ์เปลี่ยนพลังงาน
เลือดเนื้อและวิญญาณ
ถีบปากกาพามือไป
แรกรักคนสักคน
รักมันล้นทะลักใจ
จากอกระเบิดไกล
กูอยากร้องบอกว่ารัก
เสียใจเพราะใจหญิง
ลมหูวิ่งวุ่นวายหนัก
น้ำตาแตกทะลัก
ทะเลใจไหลหลั่งมา
ก่อร่างสร้างพลัง
จากที่ตั้งแห่งอัตตา
ลมปราณบันดาลพา
ผลิตคำลำนำกวี
ที่เศร้าก็เปลี่ยนผัน
เมื่อรังสรรค์จากศักดิ์ศรี
ทอถ้อยร้อยวจี
ว่ามาจากหลากอารมณ์
แรกเริ่มรอยปากกา
สร้างราคาความขื่นขม
สร้างสุขจากทุกข์ตรม
ทุกน้ำตามีค่างาม
กำเนิดเถิดกวี
ทุกครั้งที่เกิดคำถาม
ถึงทุกข์ที่คุกคาม
ไฉนทุกข์คุกคามเรา
ต่างคนทุกข์แตกต่าง
ล้านเส้นทางใช้บรรเทา
บันทึกบรรทัดเกลา
อักษรสรรค์นั่นแหละกวี
๒. นิราศ
เพื่อค้นหาความหมายท้าทายวิถี
นิราศเดินตามฝันทุกวันปี
ฝ่ามนุษย์เลวดีทุกวี่วัน
มุ่งค้นหาความงามในความทุกข์
เผื่อจะเจอความสุขปลุกปลอบขวัญ
อุดมคติกับความจริงวิ่งสวนกัน
ทุกความฝันยากจะเห็นเป็นความจริง
อุดมคติแห่งกวีที่เคยรู้
ความจริงช่างน่าอดสูดูรุ่งริ่ง
มากผู้คนเมินหมางบ้างติติง
ว่าไร้สิ่งน่าสนใจในผลงาน
ในยุคซึ่งเวลาพาวิ่งวุ่น
ทุกเงินทุนยึดพื้นที่ตีรากฐาน
บทกวีถูกด่าน่ารำคาญ
เพราะดักดานเชื่องช้าบ้าวกวน
ไม่ทันเกมทันกินเหมือนสิ้นคิด
แปลกจริตใครอ่านขี้คร้านบ่น
ไม่รู้เรื่องไม่สนใจไม่อดทน
ไม่รู้พ่นพล่ามอะไรไม่อยากมอง
สถาปนาวาทกรรมย้ำเป็นชาติ
การตลาดบอกให้ใช้สมอง
กวีกลายเป็นบทการทดลอง
เพื่อปกป้องชีวิตจิตวิญญาณ
กวีเก่งจะก้าวย่างไปทางไหน
กูจะเขียนอะไรให้คนอ่าน
คนก็ไม่รู้เรื่องเปลืองงบงาน
แถมโดนด่าว่าดักดานประจานมัน
หรือว่าต้องสืบสานการตลาด?
เปิดบทบาทกระแสทุนมาหมุนปั่น?
คนไม่เก่งก็เก่งได้ไม่ว่ากัน
เปิดเส้นทางสร้างฝันบันเทิงใจ?
ให้โปรโมทโฆษณาพาโลดแล่น
เพื่อขึ้นแท่นมหากวีศรีสมัย
ผลัดกันเขียนเวียนกันชมถมถืดไป
อวยกันไว้ด้วยโฆษณาพาเชิดชู
ประสาทุนประสาเงินประเมินผล
ทิ้งอัตตาตัวตนดั้นด้นกู้
เรียกคะแนนมหาชนเรียกคนดู
เอสเอ็มเอสเอามาสู้บาดหูจริง
กวียังตะเกียกตะกายไปข้างหน้า
เพื่อค้นหาความหมายวุ่นวายวิ่ง
อยากจะได้เสาหลักใช้พักพิง
ก็เลยยิ่งพบเหตุอาเพศภัย
บทกวีที่เคยเป็นเหมือนเช่นเพื่อน
กลับเปรอะเปื้อนความอยากดีอยากได้
ยิ่งอยากประกาศศักดิ์ศรีกวีไทย
ยิ่งร้อนใจเพราะศักดิ์ศรีมันตีเรา
ไร้ถ้อยคำสำเนียงเสียงสรรเสริญ
ทุกคนเมินบทกวีคนผีเข้า
ตามเกณฑ์นักการตลาดจะคาดเดา
กูจะเอาที่ไหนแดกแหกปากโวย
๓.แฟนตาเซีย
หิวโหยความรักโอ้.................อกกวี
หิวยิ่งหิ้วศักดิ์ศรี......................โศกเศร้า
หิวเพื่อนมิตรไมตรี..................ตรองสติ
หิวยิ่งหิวยิ่งเร้า.........................ยิ่งน้ำตาไหล
ใจคิดถึงแต่ถ้อย......................คำครู
มหาบทกวีหรู.........................เลิศล้ำ
ดื่มทิพย์จากจิตดู.....................เอาเถิด
แล้วจะซาบซึ้งช้ำ-.................ชอกสิ้นสนิทหาย
ว่ายเวียนเกิดแก่ม้วย.................มรรคา
วนโลกแห่งจินตนา....................นับได้
ก็จงดื่มด่ำปรา-…..................กฏแห่ง มโนเฮย
ท่องเที่ยวสืบสานไว้...............เพื่อรู้จักตน
มณฑลฝันทุกห้วง......................แห่งภวังค์
เถิดพิศด้วยพลัง.................จิตแจ้ง
เทพภูตสัตว์ดูสัง-..................เวชข่ม ขู่ฤา
จงผูกมิตรเพื่อแย้ง......................อยู่สู้เหล่าอธรรม
จำร่างสตรีเถิดตั้ง......................ตาติด
สังวาสเอวองค์จริต........................จักรู้
นางเปรตอัปลักษณ์ชิด...............เชยต่อ ตะเลงเฮย
สังวาสแล้วต่อสู้..........................โศกด้วยสติตรอง
ลองกินสรรพสิ่งซึ้ง...............รสสาร
ขมเผ็ดเปรียวมันหวาน..............วาบลิ้น
แล้วเลียอุจจาระจาร..................รู้สึก
ย่อมอิ่มทิพย์ทั้งสิ้น..................สุดได้โดยนัย
ใจจงแต่งแต้มกลิ่น..................กลวิธี
ดมยอดบุปผาตรี....................โลกซร้อง
แล้วดมอุจจาระกลี..................กากศพ
เปรียบเทียบสรรพสิ่งร้อง............เรียกใช้ปัญญา
พาฟังสังคีตเว้า.........................วอนหวาน
ขับกล่อมหิมพานต์...................หยอกเย้า
แล้วฟังเปรตโหยทาน................ถลึงต่อ ตาเฮย
เถิดพิศจิตลึกเข้า.......................ขณะตั้งจิตดู
หิวคู่หิวรักโอ้.............................อัปรีย์
หิวค่าเงินยิ่งทวี..............................เทวษอ้อน
หิวมิตรศัตรูตี........................หัวถีบ ส่งนา
เลยจะหลับตาย้อน.....................ยัดด้วยกวีญาณ
ขานรับทิพย์อิ่มป้อน...............อกหนาว
ดื่มรสแสงจันทร์คาว...............คลุกแข้ง
จันทร์ตีตบเตะดาว...................ชิงเด่น
กวียิ่งเหมือนถูกแกล้ง...................กลบด้วยกระแสทุน