6 มิถุนายน 2548 23:33 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
คุณยายขี่รถจักรยาน
บนธรรมวิถีทาน
มุ่งหน้าฝ่าฝุ่นอุ่นละออง
เด็กน้อยตีหน้าตามอง
ร้อนแดดแสดทอง
หน้าบ้านคนเดียวเปลี่ยวกาย
รอคนป้อนข้าวคราวสาย
หิวจนตาลาย
ทีท่าร้อนรนจนลาญ
จนยายจอดรถจักรยาน
เปิดห่ออาหาร
ใส่จานไก่ย่างส้มตำ
นั่งปั้นข้าวเหนียวเคี้ยวนำ
ป้อนข้าวเป็นคำ
ใส่ปากคนดื้อลูกไผ
ปลาร้าบ่มร้างทางไกล
หยาดเหงื่อแรงใจ
ข้าวจ้ำตำส้มผสมผสาน
ฝังนำดำเนินเนิ่นนาน
อยู่ในวิญญาณ
รสคำปันข้าวของยาย
หล่อเลี้ยงหลานลูกผู้ชาย
เลือดเนื้อเชื้อกาย
กล้าแกร่งก่อร่างสร้างคน
รอวันหลานเติบโตจน
สำนึกฝึกฝน
ฟันฝ่าอุปสรรค์รักงาน
จดจำรำลึกผนึกนาน
ยึดมั่นปณิธาน
ทุกข์ทางย่างเท้าก้าวนำ
ปลงปลดปล่อยนามตามธรรม
สันโดษโจทย์จำ
จรรโลงยายกล่าวคราวหลัง
_____________________
ความจริงเด็กดื้อแค่ฟัง
ข้าวเหนียวเคี้ยวดัง
หลับหูหลับตาหน้าตาย
พยักหน้ารับคำย้ำยาย
พร้อมข้าวคราวสาย
ลงท้องอิ่มซื่อสดใส
พอเงยหน้าต้องตกใจ
ยายหายไปไหน
ขวัญหายโหยไห้ใจลาญ
เห็นยายขี่รถจักรยาน
เริงรื่นชื่นบาน
หลับใหลยายไม่ตื่นแล้ว
1 มิถุนายน 2548 22:09 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เพราะความสุขทุกข์โศกโลกย์กำหนด
บริบทสารพัดแห่งผัสสะ
สัญชาติญาณชี้ทางสร้างภาระ
จึงพันธะทุรกรรมนำมนุษย์
ปรุงตัณหาแต่งนามความยึดติด
สมมติจิตเคืองคลั่งยากยั้งหยุด
เพลิงกิเลสโหมไหม้ใจทรามซุด
ปราชญ์ชำรุดเปรตชำเรามั่วเมากัน
หลงเห็นสิ่งเลวทรามคือความสุข
จึงเกิดทุกข์เพราะนิยามความยึดมั่น
ถือรักโลภหลงโกรธลืมโทษทัณฑ์
เพราะดื้อรั้นดิ้นรนบนอัตตา
สุมซ่อนเพลิงอัปรีย์ที่เปียกชื้น
รอเติมฟืนไฟกามความบอดบ้า
เพื่องมโง่งี่เง่าเผากายา
ยิ้มอย่างไม่ประสาสิ่งราคี
นกอยู่ฟ้าบอดใบ้ไม่เห็นฟ้า
ก็เหมือนปลาบอดน้ำทรามบัดสี
หนอนไม่เห็นความชั่วมั่วกาลี
จึงกินขี้ของเหม็นเล่นอาจม
ประสบการณ์กรองโลกสุขโศกเศร้า
ทุกโง่เขลาวันคืนเคยขื่นขม
ซึ่งโลดตามตัณหาห้วงอารมณ์
จึงเพาะบ่มบ่งชัดศรัทธาธาร
เบื่ออยากมีอยากเป็นการเข่นฆ่า
เหยียบอัตตาต้นตอจึงต่อต้าน
เพื่อขุดรากสันดอนถอนสันดาน
ล้างวิญญาณเย่อหยิ่งสิ่งมืดมัว
กร้าวประกาศสงครามความศักดิ์สิทธิ์
ฆ่าความคิดตกต่ำระยำมั่ว
ไตรสิกขากู้ร้องก้องระรัว
แผดต่อต้านความชั่ว ในตัวกู