24 กุมภาพันธ์ 2548 19:13 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เปลี่ยนบันทึกถ้อยคำลำนำขบถ
ความเก็บกดกลัดกลุ้มร้อนรุ่มจิต
เป็นปัจเจกวิถีของชีวิต
ปลุกความคิดคนรุ่นใหม่วิสัยทัศน์
แม้ห่ามเฮี้ยวเฮฮาประสาเด็ก
อาจมีเก๊กพูดจาภาษาวิบัติ
แต่ก็เห็นคุณค่าประชารัฐ
ซึ่งชี้วัดคุณธรรมนำสำนึก
กลั่นกรองทุกถ้อยคำจดจำพจน์
ก้าวตามกฎแห่งกรรมย้ำตรองตรึก
เห็นขาวดำต่ำช้าหนาบางลึก
เฝ้าฝนฝึกปรับเปลี่ยนเวียนภาวะ
รู้หลบลี้หนีภัยจึงไร้ทุกข์
แบ่งปันสุขศักดิ์ศรีมีสัจจะ
ช่างสรรหาคารมคมวาทะ
ตามภาระหน้าที่วิธีคิด
สู่เป้าหมายมุ่งหมั้นรู้ทันโลก
ซึ้งทุกโศกทรามซื่อถูกหรือผิด
เด็กแนว มั่นพันธะเนรมิต
เพื่อลิขิตคำนิยามสยามรัฐ
22 กุมภาพันธ์ 2548 11:58 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เหมือนเอามีดกรีดอกนกขมิ้น
เจ้าพลัดถิ่นหลงทางกลางเมืองหลวง
หน้าละห้อยคอยเพียงหวังเสี่ยงดวง
โดนโลกลวงหลอนหลอกช้ำชอกใจ
ติดรักโลภโกรธหลงดงคอนกรีต
แสนเจ็บแสบหน้าซีดโดนรีดไถ
เพราะปีกเปื้อนความฝันซ้อนควันไฟ
เป็นทาสเล่ห์ ศิวิไลซ์ ในเมืองกาม
ละทิ้งถิ่นท้องนาแนวป่าเขา
จึงต้องเศร้าอับจนคนเหยียดหยาม
ติดหนี้สินรุงรังสังคมทราม
ทุนนิยมคือนิยามตามราวี
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
กลับหลงลืมท้องไร่ไร้ศักดิ์ศรี
ทิ้งรากเหง้าโง่งมจมราคี
จึงเป็นหนี้ทุกข์ทนคนระอา
ดอกเอ๋ย...เจ้าดอกขจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อนร่อนถลา
จะมีใครชี้นำซับน้ำตา
รอคอยเพียงคำว่า เอื้ออาทร
8 กุมภาพันธ์ 2548 17:04 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
สิบนิ้วประณตน้อม..........................มโนกราน
พลางพิศผจงจาร..................................จรดถ้อย
อุทิศวจีทาน..........................................แทนธูป เทียนเฮย
มะลิตื่มมาลัยฮ้อย.................................กราบเท้าคุณสนอง
พระคุณแม่ใหญ่ล้ำ................................รำพัน
สูงส่ำสรวงสวรรค์............................เสียดฟ้า
เถิงจารหมึกเหมิดมหรร-.......................ณพสมุทร หมาดเฮย
หาพจน์ใดในหล้า..................................สิกล่าวถ้อยพระคุณเถิง
ย้อนเพิ่นฮักพี่น้อง....................................ลูกหลาน
สู้อุทิศจิตวิญญาณ....................................ประโยชน์กู้
ตรากตรำมุทำงาน....................................ออมอด
นิรมิตวิจิตรสู้............................................เสกสร้างทางฝัน
ด้วยสองมือแม่นี้........................................นี่หนอ
ควมฮักจังถักทอ.........................................ท่วมท้น
พันผูกลูกหลานยอ-....................................ยกย่อง
สายเลือดแม่ขุ่นข้น....................................สดับซ้ำคำสอน
แต่วันผันผ่านแล้ว.......................................นานสมัย
สรรพสิ่งย่อมเสื่อมไป.................................ปลาศด้วย
ตามพุทธวินิจฉัย.........................................คือสัจ-ธรรมเฮย
กายแม่กะสิม้วย...........................................เหมิดสิ้นเสื่อมสูญ
ฮักแม่จงยึดย้ำ..................................................คำสอน
ถือคู่ธรรมอมร.................................................มิ่งหล้า
ปลงปลดปล่อยนิวรณ์.........................................เวนโลก
ยอมรับอย่างหาญกล้า.........................................สดัสดับแท้ทางสวรรค์
3 กุมภาพันธ์ 2548 01:06 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
๑.จักรวาลหล่อเลี้ยงสัตว์คน...ฟ้ารินหลั่งฝน
เกิด แม่ต้นน้ำลำธาร
เป็นแหล่งข้าวปลาอาหารก่อเกิดวิญญาณ
สรรพสิ่งอยู่ร่วมรวมกัน
ธรรมชาติหล่อเลี้ยงผูกพัน-..โลกได้อัศจรรย์
ชาติชนรู้รักสมัครสมาน
สงบสุขเป็นมาเนิ่นนาน.เริงรื่นชื่นบาน
แก่นธรรมคือชีวิตจิตใจ
๒.กระทั่งวันผันผ่านนานไป..อารยธรรมนำสมัย
บอกโลกว่ามนุษย์พัฒนา
เหนือสัตว์บนพื้นพสุธาหลอกล่อลวงตา
ให้สันดานคนเปลี่ยนแปลง
เศษกระดาษเงินทองของแสลง...บัดซบตลบตะแลง
ทำลายศีลธรรมทรามทรุด
๓. โอ้ เหวย! สังเวช เศษมนุษย์เทคโนโลยีสูงสุด
แต่เสือกจิตโทรมเสื่อมทราม
หื่นกระสันบันเทิงระเริงกาม..ลืมสิ่งดีงาม
ละเลงเงินตราฆ่าฟัน
ปี้ผีเพลิดเพลินเจริญพันธ์.หลง เปลือก เลือกสรร
วัดค่าของความเป็นคน
วัตถุบ่งชั้นแบ่งชน...รวยสุขทุกข์จน
ทุกก้าวแก่งแย่งชิงดี
สงครามกำหนัดบัดสี..บัดซบอัปปรีย์
เหลือเกินจะกล่าวพรรณนา
รอยเลือดเดือดแดงแสลงตา..สังเวยอวิชชา
บวงสรวงขี้ข้าปัญญาชน
เลือดเย็นเข่นฆ่าจลาจล.....หวังประโยชน์ส่วนตน
ตักตวงอำนาจวาสนา
หวังยิ่งใหญ่ในโลกาชี้ชัดอัตตา
สันดานกิเลศเปรตระยำ
๔. จักรวาลแสลงภาพบาปกรรมมนุษย์สิ้นคุณธรรม
พินาศย่อยยับอับจน
เข่นฆ่าพี่น้องสนองตนลวงล่อฉ้อฉล
อุเหม่ มึงบ้าหรือไร
มึงกำเนิดมาจากไหน.ช่างเลวเหลวไหล
หลงลืมกำพืดของตัว
หลงบ้าโง่เขลาเมามัว.แย่งเมียแย่งผัว
ผิดระบบรบราฆ่าฟัน
กูขอกำหนดโทษทัณฑ์..ให้มึงสูญพันธ์
หมดสิ้นจากพิภพจบสมัย
๕. ผืนดินแตกแยกทันใดเสียงสนั่นหวั่นไหว
หวีดร้องครึ่งผีครึ่งคน
นรกสูบซากศพสัปดน...สูบความสับสน
สูบลงใต้พื้นพสุธา
ไฟเผาสารพัดกายา..มนุษย์มนัสสัตว์หมา
หมกไหม้อยู่ใต้ไฟกาม
คลื่นซัดกระหน่ำซ้ำไฟทราม.คราบขี้สงคราม
สึนะมิช่วยล้างมลทิน
ล้างบาปออกจากผืนดินสายฝนหลั่งริน
ดับไฟโลกันตร์รันทด
๖. แล้วเสียงเพลงก็ปรากฏ..เขตคามงามงด
ดอกไม้ก็แย้มผลิบาน
สัตว์โลกออกหาอาหาร.ต้นน้ำลำธาร
สรวงสวรรค์คืนแคว้นแดนดิน
ความรักท่วมท้นธรณิน.นกน้อยโผผิน
มนุษย์กลับตัวกลับใจ
กลับสู่วิถีทางสว่างไสว..สร้างชาติภูมิชัย
เลิกทางอบายภูมิทุรกรรม
สังเวชสังวรณ์ในธรรมบุญบาปหลาบจำ
จึงมีสันติภาพตราบนานฯ
1 กุมภาพันธ์ 2548 20:40 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
คือประชาธิปไตยที่ใช้ปาก
พ่นสำรากรจนาภาษาสัตว์
หนึ่งในพุทธวิถีปฏิวัติ
จรรโลงรัฐสุขสงบสยบทุกข์
ลิ้นแสลงแทงใจให้ฉุกคิด
วันละนิดกับสำนวนชวนสนุก
ยึดอัตตาว่าตามประณามรุก
บำรุงสุขประชาชาติประหลาดนัก
ศาสตร์แห่งปวงประชาวิวาทะ
คือภาระชาวสยามว่าตามหลัก
มือไม่พายตีนราน้ำช่างถามซัก
ด่าทุกพรรครัฐบาลวิจารณ์ซิ!
ใช้ปากแก้ปัญหาด่าเป็นชุด
โผล่สันดานอมนุษย์อุตริ
นี่คือความดีงามความเริ่มริ
เปิดมิติความฝันจรรโลงรัฐ
เพื่อช่วยเหลือไพร่ฟ้าประชาราษฏร์
ธำรงชาติศาสนามหากษัตริย์
ต้องโอษฐาธิปไตยวิสัยทัศน์
ใช้ชี้แจงความแจ่มชัดวัดจิตใจ
รอฟังท่านโยนขี้เล่นฝีปาก
พ่นสำรากคารมสมสมัย
เพราะหลงรักโอษฐาธิปไตย
รอร้องเพลงชาติไทยให้ฟายฟัง