4 มีนาคม 2546 21:53 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ลมหายใจ เจียนขาด บาดใจนัก
เมื่อเห็นภาพ มันหนุนตัก ยอดรักอยู่
หมดเรี่ยวแรง แข็งขืน จะฝืนดู
น้ำตาพรู ไหลพร่าง อย่างแค้นใจ
ป่าวประกาศ เป็นกลอนแปด แผดศัพท์เสียง
ร้อยรอยช้ำ ร่ำเจรียง สำเนียงไหว
ใครจะหนุน ตักใคร ก็ช่างใคร
จะขอลบ จากใจ ไม่ขอจำ
เสียแรงรัก ภักดี กี่ปีแล้ว
ห่วงดั่งแก้ว นพเก้า เฝ้าครวญคร่ำ
เสียแรงเขียน เพลงร้อย เป็นถ้อยคำ
กลั่นลำนำ ย้ำสลัก ว่ารักจริง
น้ำตาริน ไหลพร่าง อย่างเงียบเงียบ
มันเย็นเฉียบ ช้ำใน เพราะใจหญิง
ชีวิตสิ้น แหล่งพัก ไร้หลักพิง
เพราะความรัก ถูกทิ้ง ยิ่งน้อยใจ
กลั้นใจปลุก ปลอบขวัญ ที่ปั่นป่วน
คิดทบทวน ครวญคร่ำ พลางร่ำไห้
กลั้นเสียงโฮ อโหสิกรรม ย้ำหทัย
จะหลบลี้ หนีไป ไม่จดจำ
ถึงเอามีด กรีดใจ ก็ไร้ค่า
เมื่อเธอสิ้น ปรารถนา อารมณ์ร่ำ
เหลือแต่มีด กรีดพร้อย เป็นถ้อยคำ
เพื่อหลั่งเลือด อโหสิกรรม ย้ำความคิด
4 มีนาคม 2546 05:20 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ต้นมะยมปลูกไว้ได้หวังผล
ทั้งรสชาติฝาดล้นปนเปรี้ยวหวาน
ไว้ขบเคี่ยวเคี้ยวเล่นแก้รำคาญ
ปลูกเอาไว้ในบ้านอร่อยดี
ปลูกมะยมคงนิยมสมคุณค่า
พิจารณาความเหมาะสมให้ถ้วนถี่
คนจะชื่นชมได้ด้วยความดี
ด้วยบารมีของบุคคล....ใช่ต้นไม้
ต้นมะขามปลูกไว้ให้หวังผล
รสมะขามอร่อยล้นคนขานไข
อีกลำต้นที่เบ่งบานเป็นก้านใบ
เป็นต้นใหญ่ให้ร่มเงา เราพักพิง
ปลูกมะขามปลูกไว้ให้ใครขาม
ลองหวนคิดพินิจความตามสรรพสิ่ง
ผู้มีเกียรติ์บารมี....ผู้ดีจริง
ผู้คนย่อมเคารพยิ่งกว่าสิ่งใด
เหมือนขนุนที่ปลูกไว้ให้ลิ้มรส
ใครพลาดก็อดรสผลไม้
กลิ่นขนุนหอมหวนเย้ายวนใจ
หวานอร่อยชวนให้มาลิ้มลอง
ปลูกขนุนใช่หวังให้ใครหนุนนำ
การกระทำสิคอยย้ำกรรมสนอง
บุญบาปใดก่อไว้ตามครรลอง
เราจะต้องตามจดตามชดใช้
ต้นไม้มิได้ให้คุณตามชื่อ
ประโยชน์คือ หวังคอยใช้สอยได้
ดุจดั่งคน วัดคุณค่า ที่หัวใจ
แม้ชื่องาม แต่เลวไซร้ ก็ไร้คุณ