1 มิถุนายน 2548 22:09 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เพราะความสุขทุกข์โศกโลกย์กำหนด
บริบทสารพัดแห่งผัสสะ
สัญชาติญาณชี้ทางสร้างภาระ
จึงพันธะทุรกรรมนำมนุษย์
ปรุงตัณหาแต่งนามความยึดติด
สมมติจิตเคืองคลั่งยากยั้งหยุด
เพลิงกิเลสโหมไหม้ใจทรามซุด
ปราชญ์ชำรุดเปรตชำเรามั่วเมากัน
หลงเห็นสิ่งเลวทรามคือความสุข
จึงเกิดทุกข์เพราะนิยามความยึดมั่น
ถือรักโลภหลงโกรธลืมโทษทัณฑ์
เพราะดื้อรั้นดิ้นรนบนอัตตา
สุมซ่อนเพลิงอัปรีย์ที่เปียกชื้น
รอเติมฟืนไฟกามความบอดบ้า
เพื่องมโง่งี่เง่าเผากายา
ยิ้มอย่างไม่ประสาสิ่งราคี
นกอยู่ฟ้าบอดใบ้ไม่เห็นฟ้า
ก็เหมือนปลาบอดน้ำทรามบัดสี
หนอนไม่เห็นความชั่วมั่วกาลี
จึงกินขี้ของเหม็นเล่นอาจม
ประสบการณ์กรองโลกสุขโศกเศร้า
ทุกโง่เขลาวันคืนเคยขื่นขม
ซึ่งโลดตามตัณหาห้วงอารมณ์
จึงเพาะบ่มบ่งชัดศรัทธาธาร
เบื่ออยากมีอยากเป็นการเข่นฆ่า
เหยียบอัตตาต้นตอจึงต่อต้าน
เพื่อขุดรากสันดอนถอนสันดาน
ล้างวิญญาณเย่อหยิ่งสิ่งมืดมัว
กร้าวประกาศสงครามความศักดิ์สิทธิ์
ฆ่าความคิดตกต่ำระยำมั่ว
ไตรสิกขากู้ร้องก้องระรัว
แผดต่อต้านความชั่ว ในตัวกู
25 พฤษภาคม 2548 22:50 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เขียนบันทึกชีวิตด้วยจิต ว่าง
เพื่อปล่อยวางจิต วุ่น ความขุ่นข้อง
ฉันทลักษณ์เรียงถ้อยคำร้อยกรอง
ลบมุมมองมืดมัวแห่งตัว กู--
ลืมกระแสแห่ง สื่อ คนถือ สิทธิ์
มาลิขิตกระบวนการการต่อสู้
จึงเพ่งจิตพิศจำย้ำตรองดู
แลกเรียนรู้รักเพียรเขียนศรัทธา
ละทิ้งความคิดชั่วมั่วกิเลส
เรื่องทุเรศต่ำทรามความบอดบ้า
บั่นทอนแรงกำหนัดหนีอัตตา
สร้างแสงแห่งปัญญาศึกษาธรรม
เกิดงานเขียนสืบสานบันดาลสุข
ตามกาลยุคด้วยอารมณ์อันบ่มร่ำ
ปล่อยตัว กู--ตามแรงกฎแห่งกรรม
แล้วดื่มด่ำกับความ ว่าง ระหว่างกลี
งานเขียนบนเส้นทางความว่างเปล่า
กัดกร่อนเกลาความวิบัติสิ่งบัดสี
ลบเลือนการแก่งแย่งแข่งชิงดี
บนวิถีหมกมุ่นจิต วุ่น วาย
หลอมเป็นหนึ่งลำนำกับธรรมชาติ
บันทึกทุกบทบาทไม่ขาดสาย
ทิ้งความวุ่นบนความว่างอย่างแยบคาย
คืนลวดลาย---ฉันทะ---ลักษณ์สู่จักรวาล
23 พฤษภาคม 2548 00:53 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
แสบซ่านขนลุกซู่เมื่อรู้สึก
ลมบาดลึกเล็ดลอดสอดผัสสะ
เสมือนช่วยแบ่งเบาเพลาภาระ
สร้างภาวะผ่อนคลายทั้งกายใจ
กลิ่นเกสรต้องลมชื่นชมกลิ่น
เมื่อผืนดินต้องมนต์หลังฝนใหม่
ลีลาศตามทำนองแห่งดอกไม้
ปลุกวิญญาณเยื่อใยให้จดจำ
หวิวหวีดลมบรรเลงเพลงขับขาน
สอดประสานเสียงสนุกรุกกระหน่ำ
จากใจจึงเรียงร้อยเป็นถ้อยคำ
เกิดลำนำลวดลายแห่งสายลม
คัดสรรท่วงทำนองกรองความคิด
จากชีวิตวันคืนเคยขื่นขม
ประสบการณ์ผ่านสุขทุกระทม
เป็นคำคมขับขานงานกวี
เขียนเพื่อลบภาพเก่าความเศร้าหมอง
หวังสนองความสุขแด่ทุกที่
รังสรรค์ความชื่นบานสานไมตรี
ด้วยสรรพ์สีลวดลายแห่งสายลม
16 พฤษภาคม 2548 09:52 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
สันดาลคนมุ่งมาดปรารถนา
อยากค้นหานิยามแห่งความฝัน
เสียงเซ็งแซ่สับสนดิ้นรนกัน
ต่างแข่งขันขวนขวายวุ่นวายใจ
ทระนงหลงเตลิดเกิดปะทุ
ร้อนระอุเพลิงกามตามโหมไหม้
กำหนดความร้อนเย็นซึ่งเป็นไป
กระตุ้นไฟกำเนิดนามความอยากมี
หื่นห่ามอย่างที่เห็นการเข่นฆ่า
คนบอดบ้าบื้อใบ้ไร้ศักดิ์ศรี
เพราะกระหายความสุขทุกนาที
จึงแก่งแย่งชิงดีผีสัตว์คน
หรือเป็นเพราะนิยามแห่งความสุข
นำความทุกข์โถมทับให้สับสน
จึงงมโง่ตั้งแง่เห็นแก่ตน
ให้ดื้อรั้นดิ้นรนบนโลกีย์
ยิ่งวิ่งหาความสุขยิ่งทุกข์มาก
ผูกมัดความยุ่งยากอยากวิ่งหนี
ลองหยุดคิดไขว่คว้าสักนาที
จะพบความสุขนี้อยู่ที่ใจ
14 พฤษภาคม 2548 01:05 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ถ้อยคำนำลิขิต
ส่อความคิดสื่อจิตใจ
ดื้อรั้นเลวจัญไร
หรือสัตย์ซื่อถือบาปกรรม
พึงคิดก่อนขีดเขียน
ทาสหรือเธียรเพียรท่องธรรม
โอบอ้อมแล้วน้อมนำ
เพื่อเรียงถ้อยคำร้อยกรอง
ย่อมเสียงคนสรรเสริญ
ธรรมดำเนินท่วงทำนอง
สำนึกผู้ตรึกตรอง
ตระหนักค่าความเป็นคน
หากคำหยาบบาปพล่าม
ซึ่งต่ำทรามหยามเหยียดจน
สันดานประจานตน
จักตกต่ำตามอัตตา
เชิงปราชญ์หรือชาติเปรต
แผกเพราะเหตุและเจตนา"
บทเรียนอีกราคา
แลกรับทราบรู้บาปตน