3 สิงหาคม 2548 18:28 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
นิราศนนทบุรี
กรุงเทพมหานคร
เมืองอมรมิ่งหล้า
หยาดฟ้ามาโลมจินต์
บวรศิลป์เทพเสกสรรค์
ดุจสวรรค์วรวิจิตร
งามโสภิตดิลกภพ
นพรัตน์ราชธานี
ศรีพิมานมาศมิ่ง
อยุธเยศยิ่งยอดด้าว
ราเมศไท้ธิราชท้าว
ท่านตั้งสมญาฯ
๑.ผจงศรีอักษเรศร้อย..............ภาษา
โคลงนิราศลีลา.........................เลิศล้ำ
เป็นศรีพุทธบูชา.......................เฉลิมโลก
ฉายทิพย์ฉาบธรรมซ้ำ...............ซาบซึ้งกราบสงฆ์
๒.กราบอาจาริยเจ้า................จอมกวี
ลิลิตพระลอศรี-.........................ปราชญ์พร้อม
นายนรินทรวจี.........................ไวจิตร
ก้มกราบครูขอน้อม....................สิบนิ้วเหนือหัว
๓.ธรณีนี่นี้..............................เป็นพยาน
กู อยากฝากดวงมาน.................มุ่งร้อย
แปรความทุกข์สาธารณ์..............ทางโศก สลดเฮย
เป็นพจน์จารจดถ้อย.................ทาสซึ้งทางศิลป์
๔.ตรองพุทธดำรัสช้ำ.................ชอกทรวง
ช้ำชอกโลกย์หลอกลวง..............เล่ห์ด้วย
รอยกรรมทับโถมทวง................แทงจิต เราฤา
จึงเจ็บเจียนมอดม้วย.................มนัสเศร้าโศกศัลย์
๕.รักก่อกำเนิดห้วง...................หนใด
ความทุกข์จักรุกไป....................แห่งนั้น
ตามพุทธวินิจฉัย........................คือสัจ-ธรรมเฮย
ความทุกข์ขีดกีดกั้น...................กรีดร้อยรอยแผล
๖.โศกสุดโศกแสบซ้ำ.................กำสรวล
เช้าค่ำยังคร่ำครวญ....................คับข้อง
รอยแผลพิษแปรปรวน.............เป็นอื่น แลแม่
จำเจ็บโทษโอดร้อง....................เล่ห์ร้ายหลอกหลอน
๗.ลงเรือยังท่าน้ำ.......................ตากสิน
ฟ้องพระผู้พรหมินทร์ .................มาตรแม้น
เคยคอยท่าเทวินทร์....................ทวีเทวษ
คอยยิ่งคอยยิ่งแค้น....................ขาดน้องหมองหมาง
๘.ขืนโทสะกิเลสร้าย..................เลวระยำ
กูจะดับไฟกรรม.........................โกรธขึ้ง
รวมจิตจับจดจำ ........................แจงแจก
ตรองพุทธดำรัสซึ้ง......................ทราบซ้ำคำสอน
๙.หยุดเคืองโกรธเกลียดด้วย....อานิสงส์
จิตปล่อยวางปลดปลง...............ปรับย้าย
นึกถึงแง่ดีอนงค์......................เพียงหนึ่ง เดียวนา
ลืมสิ่งเลวทรามร้าย..................ร่ำร้องเรียกขวัญ
๑๐.แชงกรีลา แหล่งหล้า...........ลอยสวรรค์ เปรียบฤา
เคยคิดนิมิตฝัน-.......................เฟื่องร้อง
ถึงนิวาสสวาทวรรณ..................วรวิจิตร
หวังก่ายกอดกกน้อง..................แนบเนื้อนวลถนอม
๑๑.การสื่อสารพานผิดพลั้ง.........พลาดตาม
โทรศัพท์หวังปรับความ..............ขุ่นข้อง
กลับรังเกียจเหยียดหยาม..........เผยอหยิ่ง หญิงเอย
หลายสิบมิสคอลร้อง...................เรียกซ้ำทำเฉย
๑๒.เห็นบ้านทูตฝรั่งแล้ว............ใจระบม
ครวญคิดความผิดปม.................ป่วนเศร้า
รอยอดีตกรีดใจตรม..................จนตรอก
วันและคืนแหว่งเว้า..................เหว่ว้าวนหลอน
๑๓.เคยเรียนฝรั่งเศสข้าง............เคียงอร
เอมอิ่มใจคนจร.........................เจตน์อ้าง
มาเคืองขัดตัดรอน.....................แรมสวาท
เกิดบทเรียนรักร้าง....................เจ็บร้อนลามถลำ
๑๔.อัสสัมฯบางรักร้อย................รูปหญิง
เพ้อผิดคิดครวญจริง....................จิตสร้าง
โยงตัวร่วมรวมอิง.........................เอากล่าว
เพลินพิศคิดถึงอ้าง......................เอ่ยแท้ทุกข์โถม
๑๕.มาแตร์จิตมั่วย้ำ.....................โยงกัน
โบสถ์คริสต์ภาพติดพัน.................ผูกย้าย
กระแสจิตผิดผ่านผัน...................ผวนผก
เพราะจริตพิษผิดคล้าย.................ขุ่นแค้นเคืองเข็ญ
๑๖.นิมิตหลอนลวงหลอกย้ำ..........หยอกตา
เคยพบพักตร์เสาวภา....................ภาพพร้อง
เธอในเครื่องแบบมา-...................แตร์ก่อน แรกเลย
ลงทะเบียนนิสิตร้อง.....................แรกเข้าผูกขวัญ
๑๗.โอเรียลเต็ลผ่านแล้ว.............ผ่านเลย
เหมือนผ่านหน้าทรามเชย............ชอกช้ำ
กูจึงเชิดเมินเฉย-.....................เชิงหยิ่ง
ครานั่งเรือเหนือน้ำ.....................ผ่านน้องหน่ายแหนง
๑๘.เลยบ้านท่านฑูตกล้ำ.............กลืนกมล
เห็นโลกโศกสุขปน......................หลอกปลิ้น
โปรตุเกสอดีตชน........................ชาญยุทธ ศึกเฮย
กลับหมดอิทธิฤทธิ์สิ้น.................อนาถเศร้าโศกไฉน
๑๙.มหาอำนาจอุบาทว์บ้า-...........บอสมัย โน้นนอ
รวมฝรั่งเศสเกริกไกร..................เกียรติกล้า
ยังอังกฤษชาติชัย.......................ชาญฉลาด
สูญเสื่อมแรงทวงท้า...................ถ่วงต้านทานกระแส
๒๐.อเมริกากุมโลกแล้ว..............ตอแหล
อำนาจปัจจุบันแปร.....................เปลี่ยนขั้ว
แสดงสัจธรรมแฉ.......................เชิงโลกย์
ลาภยศเสื่อมสลับรั้ว....................เสื่อมด้วยสรรเสริญ
๒๑. รักกูก็เสื่อมสิ้น.....................สูญสลาย
เธอเลือกหลงรูปชาย...................ใหม่ชี้
กลอนกลหมดความหมาย............มนต์เสน่ห์
เธอมั่ววัตถุลี้...............................หลบทิ้งธรรมสาร
๒๒. เห็นวงวัฎจักรซึ้ง..................สกลวาล
สรรพสุขทุกข์สาธารณ์.................ถ่องแท้
ความแน่ไม่แน่พาล....................พาเตลิด ตรมเย่
ตามจิตพิษพ่ายแพ้......................ผ่าวร้อนโลภหลง
๒๓. สี่พระยาหมดสี่ห้อง...........หฤทัย
จิตเจ็บจิตพิสมัย...................แต่เจ้า
เจ็บจึงเจ็บปวดใจ........................จนตรอก
ทุกข์เจ็บทุกค่ำเช้า.....................ชอกช้ำกำสรวล
๒๔.อริยสัจสี่แก้.........................รอยกรรม
ทุกข์สมุทัยนำ............................นิโรธน้อม
แสวงหามรรคโดยธรรม...............ทางสงบ
เตรียมพลัดพรากจากพร้อม..........พลัดเจ้าจอมขวัญ
๒๕.ออร์คิดเชอระตั้นตึก.............ตอกตา
หลงผิดจิตคิดพา.........................เผยอย้อน
โรงแรมแห่งมหา.........................นครเสน่ห์ สนองแม่
มโนภาพบาปแทรกซ้อน..............ชอกช้ำจำถวิล
๒๖. ปานนี้นวลแน่งน้อย..............นงพาล พี่เอย
คงเสพสุขสำราญ........................ร่วมชู้
เคียงหมอนหนุ่มสามานย์..............มัวมั่ว
ตรองสติหวังต่อสู้........................ภาพย้ำระกำหมอง
๒๗.ยกยอ ฝืนขื่นช้ำ................ปากยก ยอมัน
เพลิงผ่าวเผาเพียงอก..................ระอุอ้าง
น้ำตาพร่าไหลตก........................ตายอนาถ
ขืนขัดวัดใจกว้าง........................สุภาพซึ้งบุรุษสม
๒๘. ราชวงศ์วงศ์ราชไท้.............เทวัญ ลิขิตฤา
เจ็บแปลบแสบเสียขวัญ.............ขาดน้อง
คิดถึงทุกคืนวัน. .......................ระแวงคร่ำ ครวญนา
เสียท่าเสียรู้ร้อง........................ร่ำไห้โหยหา
๒๙. คงเพราะกรรมบาปให้.........เห็นผล
ใช่เทพละเลงกล.......................กลั่นแกล้ง
สุขหรือทุกข์ก็ตน......................ตามลิขิต
กฎแห่งกรรมนำแย้ง-..................ลิขิตฟ้าฟากสวรรค์
๓๐.สะพานปกเกล้าปกเกล้า......สกัดมาร
ฝืนชั่วช้ามหาศาล......................สกัดสิ้น
ธรรมสมาธิพิจารณ์.....................แจงจริต
พิเคราะห์ความปลอกปลิ้น...........ปรับร้ายกลายเกษม
๓๑. สะพานพุทธพุทธปิฎกท้า.....ทางโลก
ตรองสดับระงับโศก...................เสนียด แห้ว
ลมหายใจจับประโยค..................ญาณวิสุทธิ์
ใจนิ่งใสสดแผ้ว.........................ผ่องซ้ำเพ่งกสิณ
๓๒. ถึงวิไชยประสิทธิ์ป้อม.........ประวัติกาล
รอยหลั่งเลือดไทยหาญ..............ฮึกสู้
รบฝรั่งประเทศชาญ....................พิชัยยุทธ
ความอดีตกรีดอกรู้-....................สึกซ้ำกำสรวล
๓๓. จักรวรรดินิยมเก่าสิ้น.........สมัยเดิม
รอลัทธิใหม่เหิม..........................หื่นห้าว
ทุนนิยมตลาดเติม.......................ตามเขมือบ
จักรวรรดินิยมใหม่กร้าว............กวาดสิ้นโลกสถาน
๓๔.ใครครองเศรษฐกิจกล้า........แกร่งไฉน
ย่อมยึดครองอธิปไตย.................ตลกแท้
หมดยุคยุทธพิชัย........................ชายชาติ ทหารฤา
ธุรกิจวัตถุแล้.............................เล่นล้างเลือนสมอง
๓๕. ไทยปรับรับกฎเกื้อ.............อเมริกา
โลกภิวัฒน์ จัดพัดพา...............เพื่ออ้าง
เอกราชมาตรเงินตรา.................ตามตลาด
จึงชาติหวังวาดสร้าง....................ปรับสู้กู้สมัย
๓๖. เธอก็หลงวัตถุตั้ง................ตามกระแส
อิทธิพลทุนแปร........................เปลี่ยนด้วย
ชายรวยหลอกตอแหล..............ยังเตลิด ตามนอ
ลืมมรณสติม้วย.........................หมดสิ้นบุญสลาย
๓๗. กูก็หลงบาปด้วย................โดนกิเลส ลวงนา
อาพาทธรรมอาเพศ..................ผิดพลั้ง
ลืมตรองจิตผิดเจตน์..................พิจัยโกรธ
เตือนสติกลับจิตรั้ง-...................รัดกู้กรรมฐาน
๓๘. พอกินพออยู่ได้..................ด้วยฤดี นาแม่
ถึง วัตถุโนโลยี........................ยุทธด้อย
คงจิตมิตรไมตรี........................เติมโลก เทอญแม่
จารเสน่ห์พิมพ์ยิ้มร้อย................สุขสร้างอย่างสยาม
๓๙. ปรางค์อรุณสูงสุดแท้..........เทียมจันทร์
เห็นยอดสูงสุดฝัน.....................ฝั่งฟ้า
ดูดวัชรโลกันตร์........................กัมปนาท
ลงสู่แดนดินหล้า......................ผ่อนร้ายคลายกระแส
๔๐. ดังดูดไฟโกรธเกรี้ยว...........กลับเกษม
เสริมสิ่งดีปรีดิ์เปรม....................เปรียบแล้
ใจควรอิ่มเอิบเอม......................อวลอก
ดับอัคคีโทษแก้........................กอบกู้เกิดผล
๔๑. คงเขาสุเมรุแห่งนี้................หนักหนา นะแม่
ใครแบกพระปรางค์มหา..............เหตุตั้ง
จักแบกวิบัติอัตตา......................ตัวกิเลส
ลองปล่อยวางสักครั้ง.................ขีดชี้ฉายแสง
๔๒. ชมสถาปัตย์วัดแล้ว..............ลืมปลง
ลิงแบกภูเขาหลง.......................โลกย์ร้าย
คิดถึงแต่หน้าอนงค์....................นวลเสน่ห์
จึงแบกโลกโศกคล้าย................แค่นแค้นขื่นขม
๔๓. ท่าเตียนเตียนติด้วย............พุทธกมล
ตรองตัดขัดตัวตน.....................สติตั้ง
สังเกตจิตวกวน.........................ระแวงวุ่น
ปฏิจสมุปบาทยั้ง........................หยุดยื้อความหลง
๔๔. อวิชชาเห็นผิดร้าย...............แรงกลี
หลงคิดผิดคือดี..........................สลับด้วย
มืดโศกโลกราคี..........................คาวบาป
วนว่ายตายเกิดม้วย......................มั่วสร้างทางศูนย์
๔๕. สังขารก่อเกิดข้อง..............แรงขับ
เสียงภาพสัมผัสรับ.....................เล่ห์ร้าย
ชิมรูปรสกายจับ.........................จำจด
ยึดมั่นอายตนะคล้าย...................ขุ่นข้องขาดกุศล
๔๖. เป็นบ่อกำเนิดย้ำ................วิญญาณ
นึกคิดติดดวงมาน......................หม่นไหม้
โยงรู้สึกศัพท์สาร.......................เสียงเสน่ห์ นางเอย
เนื้อนิ่มจำติดไว้.........................วุ่นว้าพะวงถึง
๔๗. ชิวหาหวังรสลิ้ม..................ลวงสนอง
คอยแอบคิดจิตปอง...................ลอบปล้ำ
ทุกคืนเลอะเฉอะนอง................เนืองชุ่ม กามนา
ฝันว่าฝันเปียกน้ำ........................เปียกน้องเสน่หา
๔๘. ตามเหตุนามรูปตั้ง...............ตัวดู
เกิดยึดถือ ของกู.....................โกรธบ้า
ใจคิดครอบครองพธู....................ถือมั่น
จึงเหนื่อยเจ็บเหน็บล้า................เหน็บซ้ำกรรมหลอน
๔๙. นาวิกสภาผ่านแล้ว..............ใจละลาย
หลงรักลูกสาวชาย-.....................ชาติกล้า
ทหารเรือหน่อเนื้อนาย................นวาเอก เทียวนอ
พิษหักอกนรกบ้า........................บอดใบ้บังศีล
๕๐.อธิษฐานจิตอ้าง...................อีกหน
กูก็ลูกนายพล ...........................พิสุทธิ์ผู้
กูจงอดจงทน.............................ทานทุกข์
ขันติธรรมกอบกู้........................กวาดร้ายคลายหมอง
๕๑. สรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้............ทนทาน
ลาภ ยศ หมดตามกาล..........เกียรติด้วย
สรรเสริญ อัตตาสาร................โทรมเสื่อม
สรรพสิ่งก็มอดม้วย.....................หมดสิ้นดับสูญ
๕๒. กราบลงกราบพระแก้ว......กำสรวล
คำนับธรรมคำนวณ..................นึกแก้
ใดผิดคิดทบทวน.....................ทางเปลี่ยน
ลบผิดพิษพ่ายแพ้...................เพลี่ยงพล้ำฉ่ำหนอง
๕๓. วัดระฆังดังกึกก้อง............กลางใจ
เตือนเหตุร้ายเภทภัย...............พูดย้ำ
ตามพุทธวินิจฉัย.....................เชิงโลกย์
ฉายทิพย์มงคลล้ำ....................ลิขิตร้อยถ้อยแถลง
๕๔. ชินบัญชรท่องซ้ำ..............สอนกมล
ตรองเจตน์ตามเหตุผล.............ผิดแก้
ชนะความคิดจิตตน..................ตรองตระหนัก
ระงับโกรธโทษผิดแพ้...............ผิดพลั้งคลั่งหลง
๕๕. เพราะรักเธอมากล้น..........เหลือคณา
จึงจิตดื้อดึงปรา-.......................กฎซ้อน
แม้ซึมทราบพุทธา-...................นุสติ
พูดง่ายทำยาก ย้อน.................ชั่วย้ำซ้ำวิถี
๕๖. อดทนปฏิบัติซึ้ง.................แสงสวรรค์
ขืนขัดตัดรำพัน.........................พร่ำฟ้อง
ห้ามหาญหักใจยัน...............เหยียบเปรต กิเลสนอ
กลั้นกลัดน้ำตาร้อง...................รักกลุ้มสุมหัว
๕๗.. ถึงศิริราชแล้ว...................ใจสลาย
เป็นเพราะเธอรักชาย.................ชื่ออ้น
ใจกูเจ็บเจียนตาย......................จนตรอก
มันกลับสมสุขล้น......................สนุกล้ำระยำหมา
๕๘.โดยธรรมบำบัดสิ้น...............ริษยา
หวังมรรคจักเป็นยา.................หยุดย้าย
ความยึดติดอวิชชา....................เชลยโลกย์
ปลงปล่อยปลิดพิษร้าย................รุ่มร้อนนิวรณ์วิถี
๕๙.ท่าพระจันทร์จันทร์ต่ายแต้ม.....ติดตา
เคยกล่อมกลอนก่อนมา...............พรากเจ้า
เสียงศัพท์ขับภาษา.......................ยังสดับ โสตเฮย
ใจพร่ำคำวอนเว้า...........................ห่วงน้องนางเสมอ
๖๐. เคยเก็บดาวประดับเฝ้า...........เสกฝัน
ระบายภาพสีนวลจันทร์..................แจ่มฟ้า
คอยเก็บหิ่งห้อยสรร.....................เสริมแต่ง
เพลงดอกไม้ในหล้า.....................ขับร้องเรียกขวัญ
๖๑. แต่งปรับรับหับห้อง...............หอนาง
ด้วยกวีดุริยางค์...........................ยั่วเจ้า
จินตการก่อนฟ้าสาง....................เสียงเสนาะ
หวังสนิทนิทราเข้า.......................ขับเข้ากล่อมสาว
๖๒. ธรรมศาสตร์เลือดสาดซ้ำ....แสบสัน
เคยทักรู้จักกัน..........................ก่อนนี้
ไมตรีจิตสัมพันธ์........................ยังติด ตาเฮย
กลับแตกแหลกป่นปี้..................แปลกแท้ระทมไฉน
๖๓.สีเหลืองแดงรอบรั้ว......มหาลัย
สีเลือดแดงกู ไหล....................หลั่งแล้ว
สีเหลืองเจ็บจากใจ...................จนฉ่ำ หนองเฮย
สีเลือดสาดคลาดแคล้ว.............ขุ่นข้องหมองหมาง
๖๔. ลอดสะพานปิ่นเกล้า..........กิเลสถอง
เอาปิ่นธรรมย้ำตรอง................ตลบแก้
คิดหมายบ่มคลายหนอง...........ในอก เรานา
ระงับพิษหนามผิดแพ้...............พลาดพลั้งคลั่งหลง
๖๕. พระรามแปดใจแปดเปื้อน.....เปรอะกาม
ใจพ่ายสลับดีทราม..................เสื่อมเว้น
ตามแรงจิตปิดปราม................ปลงปราบ
จิตอ่อนทุกข์ก็เต้น.................ตอกย้ำกระหน่ำโถม
๖๖.วัดราชาธิราชไท้...............ทศธรรม นาพ่อ
ศรีพิพิธคิดจดจำ....................ประจักษ์รู้
อโกธะมุตรากตรำ...................ตรองตัด เตือนเฮย
บริจาคทานศีลสู้.....................ซื่อซ้ำสัตย์สงวน
๖๗.หยุดเบียนเบียดอุบาทว์ร้าย.....ฤทธิ์ผี
อโหสิกรรมวิธี..........................ท่องน้อม
อ่อนโยนหยุดราวี......................ระแวงด่า
ขันติตรับรับพร้อม....................พิษแพ้พ่ายผล
๖๘.สะพานธนฯ ทนอดซ้ำ...........สูญสุข
สุภาพบุรุษจึงทนจุก...................เจ็บร้อน
กัดฟันอัดอั้นทุกข์......................ทนชอก ช้ำนา
ห้ามด่าประชดย้อน...................ยอกซ้ำนำแถลง
๖๙. เป็นสุภาพบุรุษเพี้ยง...........ภายนอก แลแม่
เพียงแต่เธอลองปอก................เปลือกปลิ้น
เห็นใจต่ำช้ำชอก.......................ชาเจ็บ เพราะแม่
เพียงเล่นละครเล่นลิ้น..............เล่ห์ร้อยตามสถาน
๗๐. เทเวศร์ทุกข์เทวษท้อ...หมดทาง
ปลงปล่อยนิวรณ์วาง.................วุ่นแท้
หวังเพียงคิดสะสาง..................ความโศก สลดนอ
ดวงจิตยากหยั่งแก้..................กลัดกลุ้มกมลหมอง
๗๑. ถึงวิทยาลัยก่อเกื้อ..............การุณย์
เคยช่วยเหลือเจือจุน................จบสิ้น
ฉันมันสัตว์สถุล........................ทางต่ำ ทรามฤา
จึงคิดลวงเล่นลิ้น .....................เล่ห์ร้อยหลอกหลอน
๗๒. ฝืนกัดฟันต่อสู้..................สิ่งทราม
ลบบาปหวังปราบปราม..............ปรับชี้
ดับไฟต่ำกรรมกาม................กมลโกรธ
อโหสิธรรมดับหนี้.....................นิมิตสร้างทางสวรรค์
๗๓.เมตตาเติมจิตด้วย...........ความดี
กรุณาไมตรี..........................แต่งแต้ม
มุทิตาจิตศรี..........................เสริมสุข
อุเบกขาธรรมแย้ม................หยุดยั้งอกุศล
๗๔. เรือทวนฉิวลิ่วน้ำ.............เหนือกระแส
ฝืนจิตคิดอยากแปร..................เปลี่ยนบ้าง
หมายสวนวิ่งทวนแถ..................ทางกิเลส
ถือพระไตรปิฏกอ้าง..................โอบอุ้มเอ่ยสนอง
๗๕.บุญรอด หวังรอดร้าย........คลายระกำ
เคร่งครัดปฏิบัติธรรม................บาปท้า
แล้วเพียรพรากตรากตรำ........ตรองจิต ตนเอย
บำบัดความบอดบ้า...................วิบัติสู้กู้ฝืน
๗๗. ยันฮี ยันสัจซึ้ง................กระแสโลก
สุขทุกข์คลุกทรามโศก..............สลับแสร้ง
ยิ่งยึดมั่นบริโภค-.......................นิยมอยาก
ยิ่งวุ่นโศกโลกแกล้ง..................กลัดกลุ้มสุมสมัย
๗๘.เกิดแก่ตายเจ็บอ้าง............อีกหน
ธรรมชาติประกาศผล................พูดชี้
มนุษย์กลับดิ้นรน......................เริงกิเลส
ฝืนกฎธรรมชาติปี้.....................ป่นสร้างทางสวน
๗๙ ใจเมื่อยเหนื่อยหน่ายสิ้น.....ทุกสถาน
เบื่อคร่ำครวญขับขาน...............ขุ่นข้อง
ยิ่งอยากยิ่งยากมาร...................ผจญมั่ว
อยากหยุดอยากร่ำร้อง..............เรียกกู้สิทธิ์เสมอ
๘๐. "ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง...อนิจจัง"
คงแต่บาปบุญยัง....................อยู่ได้
มัวยึดติดคงพัง......................เพียงอก เรานา
หยุดคร่ำครวญโหยไห้................ระห่ำบ้าบอดหลง
๘๑. บางโพ โพธิ์ร่มหล้า.........แรงธรรม
เจิมจิตจึงจดจำ.........................แจ่มแจ้ง
หลังอภัยทุกถ้อยคำ..................ทุจริต นางเอย
เย็นอกจึงดับแล้ง..................ดับเศร้ากำสรวล
๘๒. พระรามเจ็ดเจ็ดย่านน้ำ......ย่ำหนอง
หนองฉ่ำน้ำตานอง...................เหนื่อยล้า
ล้าเหน็บเจ็บใจหมอง................หมางหม่น
หมางหม่นทนเหว่ว้า..................วุ่นร้องเวียงหลง
๘๓. เจ็บใจจึงจากเจ้า...............จำจร
โดดเดี่ยวเดินดงดอน................ดุ่มดั้น
เป็นปุ่มป่ำเปียกปอน.................ปนเปรอะ
เคืองคิดใครคาดคั้น.................ขุ่นข้องคำไข
๘๔. พระรามห้ากามหื่นห้า.........โหมหลอน อีกแม่
กวนจิตสำนึกถอน.....................ถ่ายสู้
ต้องตั้งสติสังวรณ์.....................สภาวะ
เพียงจิตคิดตรองรู้.....................รับเศร้าสุขกระสัน
๘๕.ตรองปัจจัยเหตุให้.............หาผล
คือวิธีฝึกกมล..........................ใหม่กล้า
เรียนไตรสิกขาผจญ................พิจัยสภาพ
ศีลก่อนสมาธิท้า.....................ทุกข์แท้ระทมถอน
๘๖.ปัญญาอุบัติชี้....................เกิดฌาน
เหนือโลกโศกสาธารณ์.............ทุกข์สิ้น
เตรียมขึ้นฝั่งฝ่ามาร.................มวลนรก
เพราะหยุดเดินหยุดดิ้น......ระดับใกล้พ้นกระแส
๘๗. รักก่อกำเนิดห้วง.............หนใด
ความทุกข์จักรุกไป................แห่งนั้น
ขอจงวินิจฉัย........................คำปราชญ์ ท่านนา
หยุดโมหะคติรั้ง.......................ตรึกซึ้งตามสมอง
๘๘. เข้าใจธรรมโลกแจ้ง.......ทางจร
ด้วยวิ่งสวนทวนศร..................ซึ่งน้ำ
ฝึกต้านสภาพจิตหลอน..........ลวงหลอก
จึงเกิดปัญญาย้ำ....................แยกชี้วินิจฉัย
๘๘. ขึ้นฝั่งเหนือท่าน้ำ..........นนทบุรี
รำลึกธรรมวิถี........................ถ่องแท้
พุทธดำรัสขจัดกลี................กลโศก
จึงชนะไฟพ่ายแพ้..................เพราะซึ้งคำสอน
๘๙. ปล่อยวางใจปล่อยน้อง...นวลอนงค์
แล้วพินิจจิตผจง....................เจตน์ย้ำ
ตามทางสัตว์โลกหลง............ทางหลอก
ปลดปล่อยกิเลสช้ำ...............บาปเชื้อฉ้อฉล
๙๐.อภัยทานธารกรวดน้ำ......ชโลมดิน
ธรรมแผ่เมตตาจินต์..............เจตน์เกื้อ
เหนือรักรอยราคิน................คาวโลกย์
คือรักด้วยจิตเอื้อ................โอบอุ้มอภัยสนอง
๙๑. ยิ่งใหญ่เหนือแผ่นพื้น....ผืนสวรรค์ เปรียบฤา
อบอุ่นอรุณสุริยันต์..............ยั่วฟ้า
พราวเพชรเกล็ดสมุทรสรรค์.สะท้อนเสก
ผสานโลกลบโศกท้า...........ทุกข์สิ้นอบายสูญ
๙๒.จักรวาลวัฎฎะสร้าง........สรรวิถี
ตามแต่ปัจจัยมี....................เกิดซ้อน
วนเวียนว่ายกาลี...................หลายกัปป์
สภาวะวงจรย้อน..................ยอกซ้ำย้ำสมัย
๙๓.ใครจักบังคับขั้ว............ขัดขืน
ต่างสิ่งต่างจุดยืน..................ต่างเหย้า
สันดานขัดจัดฝืน................ธรรมชาติ
จักทุกข์สุมรุมเร้า.................รุ่มร้อนเลวโหม
๙๔. พิศโลกตรองโศกแล้ว...ลิขิตความ
รับทราบบาปบุญตาม............ตรับรู้
แยกจิตพินิจนาม..................เหนือทุกข์ สุขเฮย
จึงจิตเข้าใจสู้.......................สงบได้โดยกสิณ
๙๕. ขอบคุณที่รักร้าง...........หลอนใจ เจ็บนา
รู้โลกเห็นเป็นไป..................ปรับแก้
ทราบสุขทุกข์วิสัย................ธรรมวิสุทธิ์
รู้อัตลักษณ์แท้....................ทับห้วงหนสวรรค์
๙๖. ตรองพุทธดำรัสด้วย.....ดุลยวินิจ
คำจัดคัดลิขิต.....................เคียดร้อง
ลบลืมอคติจริต...................บรรจงจรด
วิเคราะห์ความขุ่นข้อง..........ขีดร้อยถ้อยแถลง
๙๗.บันทึกบรรทัดสร้าง........วรรณศิลป์
จารจดบทกวินทร์.................เวี่ยไว้
สรรพสุขทุกข์มลทิน......แทนสัจ ธรรมเฮย
เรียนรับปรับถามใช้..............ก่อเชื้อธรรมกุศล
๙๘.เชษฐภัทรคำจัดสร้าง.....ศึกษา
อุทิศจิตคิดเพียรพา...............วิพากษ์สู้
ประสบกามทุกข์สุขตรา........เตือนติด
ยี่สิบสามปีรู้..........................แรกซึ้งโสตกระแส
๙๙.ตรองสติพินิจตั้ง.............ต่อครู
เชิญปราชญ์ติติงกู................ปรับแก้
ตามความเหมาะพิเคราะห์ดู...ดำริ
หวังจิตจริงใจแท้..................ท่วมท้นมิตรสหาย
๑๐๐.ศึกษาศาสตร์ปราชญ์ร้อย....เรียบเรียง
หวังคัดคำโคลงเคียง.................คู่ฟ้า
เปลี่ยนทุกข์กลับสุขเพียง........ผจงจัด
เป็นนิราศโลมแหล่งหล้า.........โลกซึ้งกวีหอม
28 กรกฎาคม 2548 01:07 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
จากกระท่อมหญ้าแฝกเมื่อแรกเริ่ม
ค่อยปรับเติมต่อสานบันดาลฝัน
เวลาเวียนเปลี่ยนผ่านเนินนานวัน
เกิดตึกสูงเสียดกั้นสวรรค์กับดิน
จากรถม้าซึ่งสร้างขึ้นอย่างง่าย
แล้วกลับกลายเป็นเครื่องยนต์จนหมดสิ้น
คนประกาศศักดาท้าธรนินทร์
สร้างเรือบินเหินฟ้าท้าพิภพ
สงครามเลวหลงระห่ำบ้าอำนาจ
มนุษยชาติวนอยู่มิรู้จบ
ดีชั่วเลวแหลกทรามลามบัดซบ
เหล็กเลอะศพสาปเลือดเดือดสันดาน
สัญลักษณ์ซ่อนเร้นเห็นแสงสวรรค์
กำหนดขั้นขีดนับเสียงขับขาน
ธรรมปิฏกสดับดังก้องกังวาน
สงฆ์สวดผ่านอักษรสะท้อนใจ
จึงเลิกทาสหยุดแบ่งชนกำหนดชั้น
ทิ้งคืนวันขื่นขมระทมสมัย
กลายเป็นซากเศษประวัติวิบัติภัย
เกิดประชาธิปไตยในกาลี
แตกฉานเรื่องแผ่นฟ้าดาราภพ
สู่ระบบจักรวาลสถานวิถี
การสื่อสารเพียงพริบตาชั่วนาที
ก็ถึงที่จุดหมายคล้ายเสกมนต์
สารพันตัวยารักษาโรค
ผ่อนความตายคลายโศกโลกสับสน
เกิดการยืดยื้อชั่วถือตัวตน
ซื้อชีวิตวุ่นวนบนโลกา
ยาพิษอาบลูกศรดาบฆ้อนขวาน
เสียงศัพท์สารสรวงเซ่นการเข่นฆ่า
นิวเคลียร์ล้างโลกขีดโชคชะตา
เผาระเบิดป่าช้าบ้าตัวตน
ล้านคืนวันผันผ่านการเกิดดับ
ทุกข์สลับสุขทรามความปี้ป่น
คราบน้ำตาคลุกเลือดเดือดมณฑล
เกิดสับสนสาปซวยด้วยมือใคร
26 กรกฎาคม 2548 13:11 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เรียงอารมณ์บ่มร่ำคัดคำหวาน
เสกมนต์กลอนซ่อนกลดลบันดาล
ผจงจารพิจิตรนำห้วงคำนึง
หมาวัดเอื้อมดอกฟ้าน่าอนาถ
หวังสวาทกุลวัลย์ริฝันถึง
เช้าเย็นสายบ่ายค่ำย้ำติดตรึง
เฝ้ารำพึงพิศวาสมิคลาดคลา
แม้มิใช่ยอดกวีราศีศักดิ์
แต่ใจรักจะเรียงถ้อยร้อยภาษา
บังอาจพร่ำรำพันจำนรรจา
ถึงดอกฟ้าลิขิตรักสลักกลอน
เสาวรสพจนีที่เอื้อนเอ่ย
ร่ำเฉลยฉันทลักษณ์ศรีอักษร
ขอเชิญชื่นชมประจักษ์ทุกวรรคตอน
อย่าตัดรอนสัมพันธ์มั่นจำนง
ขอเชิญเนตรสบเนตรสังเกตบ้าง
โปรดอย่าหมางรสคำร่ำประสงค์
สำเนียงรักถักร้อยค่อยบรรจง
ถึงอนงค์นาฎน้องห้องหัวใจ
หวังกุศลส่งมาฟ้าช่วยเกื้อ
เธอจุนเจือรับรักมิผลักใส
พ่ายเสียงสรวลนวลยิ้มพิมพ์เยื่อใย
ยิ่งหลงใหลรสคำสำเนียงนาง
หอมระเหยหวนเย็นมิเว้นค่ำ
รสกลิ่นย้ำกมลตรึงถึงรุ่งสาง
เสน่ห์เนื้อนิ่มแนบแอบเอวบาง
มิจืดจางจดจำเฝ้ารำพัน
งามประจักษ์เนตรล้ำเฉกน้ำเพชร
ประดับเก็จแก้วมณีศรีสวรรค์
ปลุกบทเพลงเสน่หาสารพัน
สะกดมนตราฝันดลบันดาล
งามชม้ายชายมายิ่งว้าวุ่น
แหลกเป็นจุณเมื่อพบสบตาหวาน
พิศทรวดทรงองค์พักตร์ประจักษ์มาน
ยิ่งลนลานรักลามความชื่นชม
กิริยางามงดหมดจดยิ่ง
แลวิเศษสวยพริ้งทุกสิ่งสม
พยายามห้ามรักหักอารมณ์
แต่ยิ่งตรมเพราะป่วนตามเกินห้ามใจ
แม้เวลาเปลี่ยนผันคืนวันผ่าน
ความงามเธอจะคู่กาลนานสมัย
เป็นนางฟ้าจากสวรรค์นิรันดร์ไป
กำเนิดไฟศิลป์วิจิตรพินิจกรอง
อารมณ์ร่ำคำกลอนย้อนครวญคร่ำ
ความรักโหมโถมนำพร่ำสนอง
มือขวาคัดขีดคิดพิศตรึกตรอง
บนครรลองมธุรสบทกวี
บันทึกห้วงความรักชีพถักร้อย
ทุกริ้วรอยรำพึงคำนึงวิถี
ทุกวิญญาณท่วงท่าทุกวาที
กี่โกฎิปีจักรภพมิลบเลือน
แม้ตัวตนแห่งกวีสิ้นชีวิต
ความวิจิตรยังให้เห็นเช่นเคยเหมือน
ทวีค่ารักแท้มิแชเชือน
อักษรเตือนทุกชั่วฝันนิรันดร์เอย
14 กรกฎาคม 2548 15:27 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ตาแก่เคืองเคียดแค้นแน่นในอก
ไฟนรกสุมทรวงห้วงพิกัด
เพราะยึดหนี้ชีวิตกิจวัตร
ตามกำหนัดกำหนดบทกระทบ
โรคร้ายในโลกงามโหมลามรุก
เร่งคามคุกติดตามถามจุดจบ
วงกฎธรรมชาติประกาศครบ
รอกินศพชีวิตลิขิตนับ
เขาสู้ฝืนขืนขัดมัจจุราช
ใช้อำนาจเทคโนโลยีที่เคลื่อนขับ
ทั้งกินยา ผ่าตัด แพทย์จัดรับ
ชะลอความเกิด-ดับ ปรับชีวิต
เพราะยังหวงเงินทองห่วงของรัก
ศรีและศักดิ์สรรเสริญเจริญวิจิตร
ร้อยหญิงสาวสวยใสคนใกล้ชิด
ยังอยากคิดหื่นกามตามกิจวัตร
เพิ่งอายุของเขาเก้าสิบหก
เพราะอยากกกสาวต่อจึงขอผลัด
ทุ่มซื้อตัวมัจจุราชประกาศชัด
ใช้เงินนี้ชี้วัดจัดชีวิต!
13 กรกฎาคม 2548 11:20 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ลมระลอกหยอกล้อช่อน้ำฝน
ซึ่งรินรวงร่วงหล่นบนพรมหญ้า
ซึ้งลำนำทำนองของฟากฟ้า
แทรกหยาดแสงสุริยาทาบธาริน
เพลงแห่งความปราณีชีวิตโลก
ดับเศร้าโศกสร้างสุขทั่วทุกถิ่น
สำเนียงทุกถ้อยคำยังย้ำยิน
บาดผืนดินกระทบฝนดลบันดาล
ดับไฟคาวราคีแห่งชีวิต
ห้วงจริตยากยุ่งซึ่งฟุ้งซ่าน
ผนึกความสันโดษโชติญาณ
บันทึกเปรียบประสบการณ์การไตร่ตรอง
สร้างชีวิตด้วยชีวิตลิขิตฝน
ผ่อนร้ายคลายสับสนลบหม่นหมอง
คือวิถีพืชสัตว์คนบนครรลอง
สำนึกของหยาดฝนบนลานดิน