16 กุมภาพันธ์ 2552 21:56 น.

โคลงโลกกะติ๊ด ๒: รู้น้อยว่ามากรู้

เชษฐภัทร วิสัยจร

รู้น้อยว่ามากรู้.............เริงใจ 
รู้แต่ช่างปะไร...........เล่าว้า
พวกมากค่อยลากไป..............รุมกระทืบ
นี่แหละกฏหมู่ข้า................ขู่ผู้รู้หลาย

So little yet so much..one knows
Fools give no shit!, sono offense!!
Their mob rules will show-- off might
All savants will hence.be threatened by fools				
2 เมษายน 2556 16:28 น.

โคลงโลกกะติ๊ด ๑: นารีมีพิษเพี้ยง

เชษฐภัทร วิสัยจร

นารีมีพิษเพี้ยง..............พจีหวาน
อึ้งอกเอวนงคราญ..........เครียดแล้ว
ทั้งเสน่ห์เล่ห์ชำนาญ............เธอผ่อน ดึงนา 
กี่บุรุษก็ไม่แคล้ว...................พ่ายแพ้แก่สตรี

Sweetly, words of ladies,.......of course
Boobs, bums are like swords............Oh Christ!
Manipulative force..........of charms,
Slays men in surprise..................with female smile				
16 กุมภาพันธ์ 2552 04:18 น.

อีเหงา ตอนที่หนึ่ง

เชษฐภัทร วิสัยจร

บัดนั้น
พระอาทิตย์ด้นดั้นขึ้นพลันสว่าง
แสงกระทบหน้านี้จึงมียาง
สัตว์ป่าก็เปลี่ยนร่างสร้างตัวตน

เปลี่ยนเป็นป่าดงสุกสนุกนัก
ให้ธิดารู้จักรักฝึกฝน
ฝึกวิชาปกครองผองปวงชน
สาละวุ่นสาละวนสับสนความ

เมื่อสัตว์ป่าแสร้งทะเล้นเป็นสัตว์เมือง
ปิดปมเขื่องวิปริตจิตห่ามห่าม
กระแดะมีรสนิยมปิดปมตาม
ฉาบหน้าด้วยความงามนิยามมนุษย์

้ตัวเหี้ยอ้วนจองหองยืนสองขา
ไล่ตัดหางฝูงหมากันอุตลุด
ควายเมื่ออยากเป็นเหี้ยเตี้ยต่ำทรุด
เสือกไว้เขาจรยุทธผุดอุบาย

ชะนีเริ่มแต่งหน้าและทาปาก
พ่นสำรากเลวทรามความฉิบหาย
สาระแนแรดด้วย นอ จนพ่อตาย
ยังชั่วร้ายไม่สำนึกรู้สึกตัว

อีกป้าลิงจอมกวนยังป่วนป่า
สร้างแต่เรื่องบ้าบ้าช่างน่าหัว
ปล่อยฝูงเหี้ยสนตะพายเป็นควายวัว
เพื่อจะเสือกเรื่องชั่วผัวเออ ออ

พระธิดาหน้าเบ้เหยเกหนัก
ยิ่งประจักษ์ยิ่งช้ำทำหน้าหงอ
ถวิลถึงพระบิดาน้ำตาคลอ
จะครองเมืองไปต่อก็กระไร

นี่เพิ่งเริ่มบทเรียนเป็นบทแรก
ยิ่งดูแปลกดัดจริตวินิจฉัย
เช็ดขี้มูกด้วยชะบาบ้าเหลือใจ
สังเวชความเป็นไปในเมืองพนา

ทั้งเล่ห์แรดเล่ห์ลิงสิงห์และเหี้ย
ทั้งเล่ห์ดูดเล่ห์เลียเล่ห์เมียหมา
ทั้งเล่ห์หมีเล่ห์มดเล่ห์หมูมา
ทั้งเล่ห์ไก่เล่ห์กาเล่ห์ล่าลวง

ทั้งเล่หนูเล่ห์นกเล่ห์ผกผิน
ทั้งเล่ห์บินเล่ห์บ่างบ้างเล่ห์บ่วง
ทั้งเล่ห์แมวเล่ห์เม่นเล่นเล่ห์ควง
ทั้งเล่ห์หวงเล่ห์ห่าเล่ห์ภาระ

ราชธิดาหน้าบูดเป็นตูดหมู
ฉันไม่เรียนฉันไม่สู้ไม่รู้ล่ะ
วันนี้เอาแค่นี้นี่พอนะ
ขอประกาศภาวะอยากสบาย

ค่อยวันพรุ่งวันใหม่ให้เรียนต่อ
บทที่สองค่อยรอพอนัดหมาย
ความขี้เกียจเร่งผุดจุดประกาย
พระธิดาโกยหายร้ายเหลือเกิน				
3 กุมภาพันธ์ 2552 15:26 น.

ข้อคิดจากสามก๊ก

เชษฐภัทร วิสัยจร

ลิโป้
ปลาใหญ่เก่งน้ำลึก...................ลุยมหา สมุทรเฮย
แม้ประมาทก็อาจพา................พลาดพลั้ง
น้ำตื้นดุจอัตตา......................ตมปลัก โคลนนอ
จะม่องน้ำตื้นทั้ง.....................ที่กล้าแกร่งผยอง

จูกัดเหลียง
ตรองระลึกฝึกคิดอ้าง...............อิงดู
สหวิทยาการชู......................ช่วงใช้
แทนอาวุธยุทธบู-..................รณภาพ
ความคิดบูชิตไว้....................เวี่ยข้างเคียงเสมอ

เตียวหุย
เผลอหัวเสียจิตข้อง...................ขุ่นมัว
อาจจะต้องเสียหัว...................โหดแท้
โทโสนี่แหละตัว....................ตามฆ่า คนเนอ
โกรธหนึ่งหนอาจแพ้....................พ่ายทั้งสมรภูมิ

ลิโป้
สมรภูมิย่อมพิชิตด้วย....................ความดี
ตามแบบมาคิอาเวลลี.....................เล่าอ้าง
ผสมนิดหน่อยจริยะศรี...................เสริมภาพ
เพื่อชนะการศึกสร้าง.................สุขทั้งโลกสถาน

เล่าปี่
สำราญเพราะได้นั่ง........................ในใจ คนเฮย
ทัพมั่งมีศรีชัย...............................ชนะท้น
คนที่ถ่อมตัวใคร...................ก็ชอบ
คือเหตุบารมีล้น...................หลั่งด้วยมโนธรรม

กวนอู
จำเถิดสุจริตตั้ง.....................ติดถาม
ให้สัตย์ซื่อแม้ยาม.................ยากแค้น
เสมอต้นและปลายตาม...............มีเกิด
เกียรติยศยงอยู่แม้น...................มอดทั้งนรกสวรรค์

อุยกาย
พลันอริทั้งโลกไร้....................ความหมาย
เกลือที่เป็นหนอนหลาย..................หากรู้
ครั้นเทียบสิ่งเสียหาย....................เห็นกระจ่าง ใจนา
แสบยิ่งกว่าอริสู้..........................ศึกด้วยครรลอง

ฮั่นสิ้น
ลองคิดเถิดมิตรต้อง.....................ตรองคดี
ความลับในโลกมี.......................อยู่ไซร้
เมื่อคนม่องเป็นผี....................เสียก่อน
ปากย่อมจะหุบให้......................หากม้วยมรณา

เราเอง
พิจารณาธรรมะแล้ว....................ทั้งสาม ก๊กนา
ต้องพินิจติดนิยาม......................ยกฉ้วย (ช่วย)
กายเป็นบ่าวเดินตาม..................ตัวจิต ใจเฮย
ฝึกสติปฏิบัติด้วย......................จิตให้เห็นธรรม				
28 มกราคม 2552 23:48 น.

ร่วงริน

เชษฐภัทร วิสัยจร

ชีฟองพลิ้วปลิวไหวในทุ่งหญ้า
ของนางฟ้าจากสวรรค์แต่ชั้นไหน
เร้าสำเนียงเสียงเห่ของเรไร
ที่หวั่นไหวร้องระงมชื่นชมตาม

ผมสลวยสวยยาวเหย้าหยอกโลก
พระพายโบไหวไหวเหมือนไถ่ถาม
หนาวที่บาดผิวรุกเร่งคุกคาม
หนาวแค่ไหนหนอคนงามในยามนี้

ซาบซึ้งดวงตะวันท่านปกป้อง
ฉาบเปลวทองทิพย์แท้แผ่รังสี
อบอวลอุ่นอาบไอให้คนดี
ธรณีก็แซ่ซ้องสาธุการ

ทั้งท้องทุ่งสีทองร้องรำฟ้อน
ดอกไม้อ้อนเอ่ยย้ำกรีดคำหวาน
นกน้อยขับเพลงสวรรค์อันเบิกบาน
ชลธารก็ตอบถ้อยร้อยเรียงจินต์

ภาพนางฟ้าฟ้อนรับกับธรรมชาติ
ใช่ภาพวาดแห่งพรหมปฐมศิลป์
แท้คือถ้อยลำนำคำศิลปิน
ซึ่งร่วงรินจากสวรรค์บันดาลเอย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเชษฐภัทร วิสัยจร
Lovings  เชษฐภัทร วิสัยจร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเชษฐภัทร วิสัยจร
Lovings  เชษฐภัทร วิสัยจร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเชษฐภัทร วิสัยจร