6 มีนาคม 2552 10:35 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ปลาร้ากินได้ทุก................เผ่าพรรณ
เหม็นแหละเหม็นยิ่งมัน........จะบอกให้
ศัตรูมิตรก็ต้องปัน..........ปลาแบ่ง กินเฮย
อุบายเล่ห์อาหารใช้..............ช่วยชี้สันติธรรม
Pickled fish, eaten by................all races,
Smelly, is the best......................trust me!
When friends, foes, share taste...........of fish
Food becomes strategy..................that brings about peace
Chettapat Wisaijorn's interpretatio
27 กุมภาพันธ์ 2552 07:06 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ครรโลงโลกกะติ๊ดนี้...................นำแถลง
ในยุคโลกเปลี่ยนแปลง...............ปรับอ้าง
สุภาษิตศัพท์แสง...................สอนตรึก ตรองเฮย
ว่าโลกไร้แก่นสร้าง...................สั่งไว้ให้ครวญ
ลองฟังพระพุทธเจ้า...................จอมธรรม
ว่าปล่อยวางโลกจำ....................จดไว้
โลกเป็นอนิจจังคำ-....................นึงเถิด
ตรรกศาสตร์ก็ยังไร้.....................ฤทธิ์เอื้ออธิบาย
ถวายธรรมปฏิบัติน้อม...................นำทาน
เห็นทุกข์ย่อมเกิดชาญ...................เชี่ยวรู้
ลองตรองเถิดถึงจาร...................เจริญสติ
ไตรสิกขาขับสู้.............................สลักร้อยเรียงโคลง
โลกกะติ๊ดคือโลกไร้...................พรมแดน
เกิดแก่เจ็บตายแสน......................โศกเศร้า
เช้าสายบ่ายเย็นแผน......................ผังสลับ เวียนเฮย
โลภโกรธเกลียดเวียนเข้า-..............................ขู่ล้อเลียนคน
25 กุมภาพันธ์ 2552 13:54 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ขับแสลง-แข้งสลับ เร้า...........รุมสกรัม
น้องพี่-นี่ผองกรรม................กราดเกรี้ยว
มั่วชัด-มัดชั่วถลำ...................เถลิงเกียรติ ใครฤา
แผลงฤทธิ์-พิษแรงเฮี้ยว.........โห่ก้องปทุมวัน
ฉันนี้-ชี้นั่นใช้........................นำเชิง
อวดเก่ง-เอ็งกวดเริง................ราดร้อน
ฆ่าศึก-คึกซ่าเถลิง...................แถลงลูก ปืนเฮย
พึ่งหมวก-พวกมึงย้อน..............ยอกแก้กันกระสุน
ร้องหนุน-รุ่นน้องเร่ง..................แรงหนัก
แดงเลือด-เดือดแล้งศักดิ์-....................สิทธิ์สิ้น
กากศพ-กลบซากกัก.................กมลนิสิต
.กองทับกลับท้องปลิ้น..............เปรอะเปื้อนการประลอง
สยองศพ-สยบซร้องศึก................ศักดิ์สยาม
ขอติด-คิดต่อถาม........................ไถ่บ้าง
เพื่อนตาย-พ่ายเตือนลาม....................หลอนจิต ไหมฤา
รั้นสนุก-รุกสนั่นสร้าง.............................ศึกย้อมหัวใจ
วันใหม่-ไว้หมั่นตั้ง.........................สติตน
คุมศึก- คึกซุ่มกล..........................กีดป้อง
ปิดกั้น-ปั่นกิจผล.......................เพียรตรวจ ตรานอ
ครวญเหตุ- เคสหวนต้อง..................ตัดต้นเหตุดู
ผู้ใหญ่-ภัยอยู่ใต้..........................ตาเอง
ครั้นศิษย์-คิดสั้นเลบง...................บทบ้า
ส่งจิต-ศิษย์จงประเลง.....................รักเพื่อน มนุษย์เฮย
หน้าที่-นี้ถ้ากล้า.............................เก่งได้ไทยเจริญ
24 กุมภาพันธ์ 2552 14:22 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เพลินเสียงด่ากึกก้อง...............กลกลี
ทำเนียบหน้าหลังยี-.................ย่ำเย้ย
โคตรเหง้าสักกะหลาดตี...........ปิ๊บขุด
สำรากสำรอกเฮ้ย.................ห่าเหี้ยเสียหมา
วาทีวาทะกลั้ว.....................การเมือง
ใครที่เล่นก็เปลือง...............ป่วนเกล้า
เทวดาอาจหน้าเหลือง.............หากเล่น
มนุษย์ยิ่งสุดเศร้า.................โศกช้ำคำหยัน
จันทร์ถึงอาทิตย์ทั้ง.................ทำงาน
มันก็ยังระราน........................ร่ำร้อง
นี่หรือที่พระขาน...............ขันติ
ขันอย่าแตกจิตต้อง...............สติตั้งระวังใจ
ใช้ฝึกปฏิบัติเกื้อ..............กุศลคุณ
ขันติธรรมนำหนุน..............เนื่องสร้าง
เสียงด่าย่อมเป็นบุญ..............บอกท่าน
บอกทุกข์สุขโลกอ้าง..........ออกให้เห็นธรรม
คำแสลงซึ่งกราดเกรี้ยว...........เกรียวกรู
เถิดฝึกตรึกตรองดู...............ดั่งนี้
เปรียบเสียงด่าเป็นครู..............คนหนึ่ง
ฝึกจิตสมาธิชี้..................สติตั้งตรงงาน
ลานเวทีพื้นที่........................การเมือง ไทยนอ
ดุจประทีปธรรมประเทือง................ทิพย์แท้
ให้ฝึกละโกรธเคือง.................อคติ
ปฏิบัติพุทธธรรมแก้.................กิเลสได้ดีไฉน
21 กุมภาพันธ์ 2552 22:10 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
เห็นท้องฟ้าสีครามเหมือนทะเล
หลังสิ้นเสียงขับเห่ของลมคลื่น
ตะวันน้อยน่ารักลุกขึ้นยืน
ทักทายผืนแผ่นดินด้วยสีทอง
ละเลียดหิมะขาวคั่นขอบฟ้า
หลังฝนหล่นลงมาล้างหม่นหมอง
ถักเป็นพรมผืนใหม่ขาวชวนมอง
โอบประคองผืนเขาและผืนดิน
ตะวันบรรเลงรักระบายสี
มอบไมตรีจากใจให้หมดสิ้น
อ้อนเสียงสัตว์น้อยใหญ่ให้ได้ยิน
นกน้อยบินประดับภาพทะเลฟ้า
หลังน้ำฝนหล่นลงชโลมโลก
ความทุกข์โศกก็สูญสิ้นทุกแหล่งหล้า
เหมือนความสุขมาเยือนอีกครั้งครา
นี่แหละภาพมายาแห่งชีวิต