23 สิงหาคม 2552 18:28 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
แค่ส่งแววตาหวานการวอนเว้า
ใครเห็นเข้าตอนนั้นต้องหวั่นไหว
ร้อนพะวงหลงเพ้อและเผลอใจ
ด้วยหลงใหลมนตรานางฟ้างาม
ภาพนางฟ้าหน้าใสใส่ทูพีซ
สุดสวีทซีทรูดูวาบหวาม
สองชิ้นน้อยเย้ายวนชวนมองตาม
ปีกขาวงามติดไว้ให้โบยบิน
ไม้วิเศษหว่านเสน่ห์เนรมิต
ทุกชีวิตรวดร้าวแทบด่าวดิ้น
ไม่อาจเอื้อมนางฟ้าน้ำตาริน
คนเดินดินธรรมดาแทบบ้ากัน
ตาแป๋วแหวววอนเว้าจากเกาหลี
ลุกเซ็กซี่ใสใสชวนไหวหวั่น
ภาพเธอบนเตียงนอนอ้อนออดพลัน
คือนางฟ้าจากสวรรค์ดลบันดาล
แค่ส่งแววตาอ้อนแล้ววอนเว้า
ทุกคนเข้าใจรับกับเนื้อสาร
ว่าไม่ใช่นางฟ้าน่าเดือดดาล
แต่เป็นเล่ห์ซาตานรุกรานเรา
23 สิงหาคม 2552 02:16 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ก่อนหินก้อนหนึ่งร้อง.............รำพึง
ทุกค่ำคืนตราตรึง.........................ตอกย้ำ
หินทับกระดาษอึง...................อกอยู่
เสพย์สุขกำซาบซ้ำ....................เสนาะเร้าเขย่าสวรรค์
มันปกป้องกระดาษด้วย.................หัวใจ
หนักแน่นบ่หวั่นไหว.....................ว่าเว้า
กอดก่ายกระดาษไผ.......................ผิว์พราก
ลมพัดจะยิ่งเย้า.................................แย่งยื้อกระดาษคืน
ขืนแรงบอกรักร้อง.....................ระเริงสวาท พลางแฮ
หินเสพสมสังพาส.......................พร่ำเพ้อ
กรีฑาท่าทับกระดาษ......................ดึงดูด
เล่นรักประเจิดประเจ้อ....................ประจักษ์แจ้งแทงตา
หน้ากระดาษยู่ยี่ไห้........................โหยครวญ
วอนพระพายพัดสวน.....................ต่อสู้
เถิดลมเร่งเร่งกระบวน...................การสะบัด
หินจะหลุดและกู้......................เกียรติได้สักวัน
อันหินสังเกตแล้ว......................ลงองค์
หินเจ็บกระอักตรง.........................อกนี้
ตระหนกตระหนักพะวง.................ตัวกระดาษ
รักเคยรักกลับปี้........................ป่นแล้วระทมเหลือ
เชื่อแล้วหินเชื่อได้.......................ดังเห็น
แต่ก็ยังใจเย็น...............................อยู่เหย้า
กอดเกี่ยวก่ายกระดาษเป็น...................ปานก่อน
รั้งแต่กายได้เศร้า.........................โศกช้ำจำยอม
ตรอมตรมทับกระดาษรู้..................เรื่อยมา
แต่ก็ต้องถึงครา................................คลาดแคล้ว
ยามตะวันเอ่ยคำลา..........................ลับโลก
หินอ่อนแรงหลับแล้ว..................อ่อนล้าโรยแรง
ค่อยตะแคงเลียดกระดาษต้อย..............ตามลม
แล้วโลดลิงสุขสม...........................ซาบซึ้ง
กระดาษเสพย์สังวาสจม....................กามจ่อม
กอดกระเฟียดฟัดลมอึ้ง.....................อกร้อนระเริงลม
ทุกข์ระทมหินร่ำไห้.........................โหยหวน
เศร้าจิตคิดเจ็บจวน............................จักบ้า
ไตรลักษณ์กฏโลกสรวล-..................เสแสยะ ยิ้มเนอ
ทุกข์ทับถมข่มกล้า............................กลอกกลิ้งยิงฟัน
อันความช้ำชอกย้ำ............................โยงคดี
กาลผ่านผันวันปี...............................ปรับเข้า
ไตรลักษณ์ประจักษ์ตี............................ธรรมแตก
หากทราบย่อมหยุดเศร้า...................โศกได้ทันใด
ไอ้ลมกับกระดาษร้อน......................แรงกาม
ยังไม่หยุดเสพย์ความ..........................ใคร่ค้าง
สุดสุดสังเวชตาม.............................ตัวบท
แต่ฤทธิ์กิเลสจะสร้าง....................สั่งให้กระสันหา
20 สิงหาคม 2552 21:36 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
อยากเรียนรู้ภาษาไทยให้รู้ลึก
ควรตรองตรึกตรวจทานการบัญญัติ
ภาษาสื่ออำนาจประกาศชัด
ซึ่งชี้วัดความเป็นใหญ่ในพิภพ
วาทกรรมจำไว้ให้ฉุกคิด
ใครยึดติดย่อมเทียบเปรียบเป็นกบ
ในกะลาหล้าหลังบ้าคลั่งครบ
คือการหลบหลีกเลี่ยงเสียงชีวิต
พลวัตรแห่งภาษาพาผันแผก
จึงเติมแตกต่อขยายหลายจริต
ยิ่งโลกหมุนเร็วจริงยิ่งแรงฤทธิ์
คนยิ่งบิดเบือนหลักประจักษ์ชัด
ยิ่งแช่แข็งภาษาทำหน้าเครียด
ยิ่งยัดเยียดค่านิยมแล้วถมอัด
ภาษาไทยของไทยให้เพียรคัด
กระบวนทัศน์ชาตินิยมบ่มสำนึก
คนรุ่นใหม่ยิ่งค้านต้านทานนัก
ยิ่งแตกหักคำครูสิ้นรู้สึก
ยิ่งเสรีทุกสิ่งใจยิ่งคึก
ยิ่งจารึกสำเนียงเสียงกระทบ
พูดเขียนไทยให้ซึ้งถึงชีวิต
ต้องตามติดอำนาจใหม่ไขระบบ
อำนาจแห่งทุนนิยมเหมาะสมครบ
เร่งเร็วลบพรมแดนแทนที่รุก
พื้นที่และเวลาพาผันแผก
โลกยิ่งแปลกใหม่กว่าน่าสนุก
ยิ่งยึดติดอัตลักษณ์จักยิ่งทุกข์
เถิดเธอปลุกการปล่อยวางอย่างพุทธะ
19 สิงหาคม 2552 10:58 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ท่ามกลางทุ่งดอกไม้กระหายฉี่
หนึ่งหนูน้อยอุ้มหมีรีรอท่า
สลอนมวลดอกไม้เห็นลายตา
ฉี่จะเล็ดออกมาบ้าเหลิอเกิน
ขอฉี่รดดอกไม้หน่อยได้ไหม
หนูน้อยวางหมีใหญ่ไม่เคอะเขิน
กระมิดกระเมี้ยนฉี่ออกมาท่าทางเพลิน
ดอกไม้ก็สรรเสริญจำเริญใจ
ฉี่แล้วเด็ดดอกไม้มาให้แม่
เพื่อตอบแทนรักแท้ที่แม่ให้
ฉี่ยังเปื้อนเต็มดอกเด็ดออกไป
เจ้าหมีใหญ่ก็หัวเราะเพราะเอ็นดู
เห็นแม่ดมดอกไม้ลูกใหญ่แล้ว
หมีก็แซวน้ำอะไรใสใสอยู่
เม็ดฉี่เกาะเกลือกกลิ้งวิ่งเกรียวกรู
ไหลหล่อลู่โลมดอกหยอกกลีบกัน
เมื่อเด็กน้อยเหนื่อยนักอยากพักผ่อน
กราบคุณแม่ขอพรไปนอนฝัน
เด็กก็จูงหมีใหญ่ไปแบ่งปัน
เรื่องสังสรรค์ก่อนจะนับเลขหลับตา
แม่เทน้ำบริสุทธิ์ผุดผ่องใส
ชะล้างดอกเสียใหม่ไว้ดีกว่า
แล้วสำรวมดวงจิตพิจารณา
จุดธุปเทียนบูชาพระพุทธคุณ
เมื่อเด็กหลับหมีก็มาหาคุณแม่
ช่วยจอแจจัดการงานวันวุ่น
กราบพระทำดีไว้ใช้เป็นทุน
จิตอุดหนุนธรรมไว้ไม่สั่นคลอน
ในความฝันเด็กน้อยค่อยเยื้องย่าง
อยู่ท่ามกลางดอกไม้รายเรียงสลอน
พระพุทธรูปองค์ใหญ่สวดให้พร
ให้หนูนอนฝันดีมีสุขเอย
18 สิงหาคม 2552 09:05 น.
เชษฐภัทร วิสัยจร
ฉันเป็นกระจกเมาอันเก่าแก่
ที่คอยแส่คอยสร้างเรื่องบางเรื่อง
คนชอบใช้ตีศัตรูอยู่เนืองเนือง
เพื่อยักเยื้องข้อเท็จจริงทุกสิ่งไป
กระจกเมาเก่าแก่แค่ใช้ส่อง
ลวงเพื่อนผองเปื้อนเปรอะเลอะเทอะใหญ่
เปลี่ยนชั่วเป็นดีงามตามแต่ใจ
อยู่ที่ใครจูงเพื่อนเยอะเลอะเทอะมา
แม้ทะเลาะกับศัตรูจนดูแย่
เพื่อนจะแห่จุ้นเสกเลขคาถา
ปลุกกระจกปาหี่ตีราคา
นี่เพื่อนข้าถูกหรือผิดช่วยคิดที
กระจกนับฝ่าตีนคอยวีนอยู่
ตีนสิบคู่เหลือขอรอปาขี้
กลัวฝูงเพื่อนชาติหมามารุมตี
จึงฉายภาพบัดสีที่บิดเบือน
ไม่ทันได้ไต่ถามความอีกข้าง
ก็เสกสร้างภาษามาเชือดเฉือน
ศัตรูท่านสมองเปรอะจิตเลอะเลือน
อีกปนเปื้อนบาปกรรมต่ำเลวทราม
เพื่อนฝูงตัวทำอะไรย่อมไม่ผิด
หากมนุษย์ไร้จริตจะคิดถาม
ไม่ฟังเสียงของศัตรูคือคู่ความ
ชั่งตวงตามยุติธรรมย้ำจิตใจ
กระจกรู้ทุกมุมแง่แต่นิ่งเฉย
ไม่อาจเผยความจริงสิ่งสาไถย
ฝืนสะท้อนภาพลวงทั้งปวงไป
เพื่อนท่านโคตรยิ่งใหญ่ไม่ผิดเลย
ฝูงเฮโลดีใจไปสามโลก
เมื่อหัวโจกมันปั้นหน้ามาเฉลย
ขี้ข้ายิ่งถ่อยเถื่อนเหมือนอย่างเคย
ความชั่วเผยเห็นย้ำอยู่ตำตา
ฉันเป็นกระจกเมาอันเก่าแก่
ที่ยังแส่สร้างคดีตีคุณค่า
ขอแค่คุณพาฝูงจูงเพื่อนมา
ฉันก็พร้อมตีราคาว่าตามกัน
ตามจำนวนตีนเพื่อนบิดเบือนอ้าง
ฉันจะยอมเสกสร้างทางสวรรค์
ฉายภาพเพื่อเอาใจให้เมามัน
นี่แหละชีวิตฉันกระจกเมา