1 พฤศจิกายน 2553 21:31 น.

งึด

เชษฐภัทร วิสัยจร

๏ มืดมิดสรรพสัตว์ฮ้อง...................โหยหวน

กลางป่าดึกดื่นทวน.........................จิตตั้ง

กางกลดปฏิบัติครวญ........................คร่ำเคร่ง

พระเฒ่าเข้าฌานยั้ง..........................กิเลสด้วยพุทโธ

 

๏ โทสะในจิตล้วน.............................แลเห็น

พองยุบพองฮ้อนเย็น.........................อย่างนั้น

ขณะเพ่งภาพประเด็น.........................ดูปัจ-จัยเนอ

งึด ภาพอเนจอนาถกระชั้น.................กระชากชี้สีเพลิง

 

-------------------------

ฝันชั้นที่หนึ่ง

 

๏ เปิงเปิดสะเดิดเฒ่าสะดุ้ง.....................เสียงกระสุน

งึด ตระหนกตระหนักหมุน....................เหมิดฟ้า

ขิวกลิ่นกระแทกกระทั้นฉุน....................ช้ำจมูก ขนาดเนอ

คอนกรีตกรุงสะดีดบ้า............................บิดพื้นราชประสงค์

 

๏ ฟ่งมวลควันลุกดื้อ..............................ดึงดัน

แม้นพ่อเฒ่าเสียขวัญ.............................เดือดฮ้อน

บั้งไฟเพิ่นเล็งหัน...................................หาจุด ยิงเนอ

เล็งระหว่างห่ากระสุนย้อน........................ถล่มข้อขาแขน

 

๏ แน่นแฟ้นเพลิงกระหวัดฮ้อน..................ฮูปนาม

ขณะเฒ่าสลบเหมือดตาม.........................เพ่งฮู้

ซ้อนฝันเกิดจิตนิยาม...............................ย้อนอดีต

ซาวกว่าปีก่อนสู้.....................................ชีพใช้แฮงงาน

 

-----------------------------

 

ฝันชั้นที่สอง

 

๏ เชี่ยวชาญการก่อสร้าง......................บ้านเฮือน

อยู่ต่างประเทศเหมือน..........................อยู่ใกล้

งึด ยามส่งเงินเดือน..........................ให้แม่

ซาอุจากบ้านได้..................................ผ่อนหนี้นาเฮา

 

๏ เว้าไปแฮงม่วนย้อน..........................ย้ำถาม

เคยเบิ่งศึกสงคราม..............................คึกแท้

ขีปนาวุธ สกั๊ด ตาม...........................ยิงตลอด

แพทริอ็อต ดักสกั๊ดแก้.......................จุดได้ดีไฉน

 

๏ ไผพบเหตุอย่างข้อย.........................คงขำ

งึด เรื่องฆ่าแกงประจำ........................ตลอดย้อน

ตูมตามหวีดหวีดตำ..............................ตาอยู่

อิรักมะริกันซ้อน.................................แทรกทั้งประเทศไทย

 

------------------------------------

 

๏ ใกล้ดวงจิตประสิทธิ์สร้าง....................ปัญญา

ฝันกี่ชั้นชั้นตรา....................................สติไว้

ซ้อนฝันจับละเอียดหา...........................วงเหตุ

สะดุ้งสะเดิดสดับสะดุดได้.......................ดักฮู้ให้ทัน

 

๏ กระชั้นกระชากเปรตป่าฮ้อง..................โหยหวน

งึด สติพระเฒ่าทวน.............................ทบซ้ำ

สรรเสริญสรรพสัตว์สรวล........................ยกย่อง

นรกโลกถึงสวรรค์ย้ำ..............................อยู่ซึ้งศึกษา				
15 ตุลาคม 2553 21:06 น.

เห็น

เชษฐภัทร วิสัยจร

เห็นผีห่าซาตานพบพานจาก
เห้นปลิงทากหนอนหนูดูหนุกหนาน
เห็นเดือนดับดาวไหม้ไฟเพลิงพาล
.เห็นเมืองไทยเปลี่ยนผ่านตามกาลนี้

เห็นเมฆฝนฟ้าผ่าบ้าระห่ำ
เห็นผีปล้ำเทวดาน่าบัดสี
เห็นภิกษุดูหนังโป๊โอ้อลัชชี
เห็นเข้าทีจึงดูด้วยแล้วช่วยปลง

เห็นบ้านเราวิปริตผิดสังเกต
เห้นอาเพศผีบ้าพาลุ่มหลง
เห็นผีปอบผีทะเลเฮโลลง
เห็นเทพพรหมร่วมวงก๊งเหล้ากัน

เห็นสติสตังค์เราอับเฉาแล้ว
เห้นดวงแก้วโกสินทร์สิ้นสีสัน
เห็นวงจรวัฏจักรสิ้นศักดิ์พลัน
เห้นขอบขัณฑ์เมืองแลบลิ้นแล้วปลิ้นตา

เห็นไกลไกลแสงสว่างอยู่ข้างนั้น
เห็นสีสันรุ้งเจ็ดสีที่โหยหา
เห็นความหวังหลังทุกข์ทนหลังฝนซา
เห็นชีวาวงจรเปลี่ยนเวียนแบบนี้				
4 ตุลาคม 2553 02:19 น.

อัตตาของกวี

เชษฐภัทร วิสัยจร

ดู "อัตตา" และ "อัตยาย" ก็ไม่สูง
เห็นเดินจูงกันเพลินเขินนิดหน่อย
ตากับยายเปิดปากเคี้ยวหมากคอย
บ่นอัดน้อยเบี้ยก็นิดกะติ๊ดเดียว

เห็นไอ้หลานเป็นกวีอยากมีหน้า
เบ่ง "อัตตา" กับ "อัตยาย" วุ่นวายเสียว
ตาบอกยายปล่อยมันไปไว้เดี๋ยวเดียว
มันคง "เหี่ยว" เพราะไร้คนมาสนใจ

อัตไม่มีก็อย่าทำให้ลำบาก
ตายายฝากบอกอย่าเร่งเที่ยวเบ่งไข่
เบ่งจนพองระเบิดแตกแหลกเละไป
ย่อมเป็นเรื่องเสียนิสัยไม่น่าดู

ลองเก็บเล็กผสมน้อยค่อยสะสม
เพื่อเพาะบ่มคุณค่างานการต่อสู้
คำกวีรินหลั่งไหลพรั่งพรู
จนคนรู้อหังการจากงานเอง

เก็บ "อัตตายาย" ไว้ให้มิดชิด
หลานอย่าคิดแข่งคารมไล่ข่มเหง
ปล่อยรสความรสคำสำแดงเพลง
อักษรเบ่งความยิ่งใหญ่ให้คนลือ				
1 ตุลาคม 2553 22:46 น.

ฮุ้งแห่งสยาม

เชษฐภัทร วิสัยจร

แฮงพิสูจน์พิเศษข้อ................ความฮัก
แต่งพิภพสยามศักดิ์..............สิทธิ์ไว้
พญาแถนเพิ่นฟูมฟัก..............ฝังฝาก
น้ำและลมไฟใช้...................ช่วยสร้างแผ่นดิน

 ศิลป์ชลเทพจากฟ้า...........ชโลมเมือง
หอมกลิ่นดินประเทือง..........ทิพย์ฟุ้ง
ไฟตะเว็นอุ่นออกเฮือง-........ฮองจรัส  นภาเนอ
ระบายเพชรเจ็ดสีฮุ้ง............ฮุ่งแจ้งกระจ่างงาม

 ตามพรพ่อเป่าให้................มนุษยชน
ธรรมรัฐสัตรงค์ผล..............ผลิตนี้
สถาบันปกครองคน............ลิขิตเขตคามเฮย
มนุษย์ต่างชาติพันธุ์ชี้............สิทธิ์ใช้นำกัน

 เผดิมสรรสีม่วงโอ้.............อวตาร
ทศพิธราชธรรมขาน.........ฮับเข้า
เป็นอธิปัตย์ภิบาล...............สรรพบุรุษ
หนึ่งเทพสมมติเบ้า............แบบผู้ปกครอง

 สองสีครามขีดแต้ม...........ตราชู
เฮ็ดตุลาการครู.................ครบถ้วน
น้ำเงินอีกสีมนู...................เทพลิขิต
ผู้แต่งธรรมศาสตร์ล้วน..........แหล่งอ้างสัจธรรม

 สีเขียวฮ่วมเฮ็ดสร้าง.................กองทัพ
เฮือและบกกำกับ................แกร่งกล้า
เพลิงโหมอัคคีศัพ-..................ทานุภาพ
กำหราบอริราชข้า-...............ศึกทั้งนอกใน

 วิไลสีเหลืองป้ายแต่ง..........เติมลง
ตำรับตำราผจง......................จัดสร้าง
ศาสน์ศิลป์ศาสตร์สืบพงศ์...........ผิดถูกไฉนนา
นักปราชญ์บัณฑิตอ้าง...........อวดโอ้อารยธรรม

ชำนาญสีแสดซร้อง............ศิลป์วิธี
เทพจิตกรกวี.....................กระวาดตั้ง
ปั้นแปงแต่งดนตรี.............ตามสติ ตรองนา
อัตลักษณ์สยามยั้ง.................อยู่ได้โดยทะนง

 วาดพงศ์ชนชาติด้วย...............ชาดแดง
หมายทุกชนชั้นแฝง...............ฝากซ้ำ
ความเทียมเท่าคือแฮง............บุญบาป
โอกาสใช้สิทธิ์ย้ำ..............ยกสู้เสมอกัน

 ปันฮักใส่ฮุ้งฮด............เหี่ยฝน
แสงสาดตะเว็นวน.............หว่านถ้อย
งามสีเจ็ดเฮ็ดผล.............ผืนโลก
ความฮักเพิ่นแผ่ฮ้อย...........ฮูปฮุ้งเฮืองสยาม				
24 กันยายน 2553 16:20 น.

อิทัปปัจยตาสยาม

เชษฐภัทร วิสัยจร

แดนสยามอยู่เยี่ยงนี้......นานสมัย
สรวลและกันแสงไหว.......หวั่นอ้าง
หลักฐานโลกธรรมใจ......จงตรึก...ตรองเฮย
หมุนสลับปรับเวียนบ้าง.....บอกให้เห็นจริง

สรรพสิ่งย่อมเกิดแล้ว......ดับลง
ทุกอิฐศิลาคง.........ไม่แคล้ว
อิทัปปัจยตาวง.........เวียนวาด
ย่อมพิสูจน์ทิพย์ธรรมแก้ว........กฏย้ำดำเนิน

เผชิญฤดูหลากร้อย........ลีลา
หลากมนุษย์เปลี่ยนเวียนวา-.......ระย้อน
ตึกเก่าถล่มใหม่นา.......ครเกิด
คนชั่วคนดีซ้อน..........สุดแท้แต่จะเห็น

เช่นนั้นเช่นนี้นึก.........ตรึกตรอง
สุขทุกข์เถิดเฝ้ามอง.........มรรคแล้
ปัญหาหากยากลอง........เล่นกับ มันเฮย
แก้ไม่ได้ไม่แก้.........เกริ่นให้ทบทวน

ครวญครุ่นความคิดแล้ว......ลองเผชิญ
ผูกมิตรโลกธรรมเทอญ.......ท่องซ้ำ
ทุกเหตุปัจจัยเผอิญ.........พอเหมาะ
จึงเกิดเป็นเหตุย้ำ.........เล่าไว้ให้ตรอง

มองสยามพิพาทเพี้ยน........พบเจอ
เช่นว่าฉันและเธอ.........ที่เศร้า
มองเศร้าเถิดลองเสนอ..........ลองปล่อย
พิศเหตุเลวดีเคล้า..........คิดแล้วเตือนตน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเชษฐภัทร วิสัยจร
Lovings  เชษฐภัทร วิสัยจร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเชษฐภัทร วิสัยจร
Lovings  เชษฐภัทร วิสัยจร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเชษฐภัทร วิสัยจร