30 มีนาคม 2550 10:23 น.
เจ้าพานทอง
เดินเดี่ยวเปลี่ยวร้างอย่างคนเศร้า
มืดมัวหม่นเมาความนิ่งเฉย
อ้างว้างทางไกลไม่ถึงเลย
ยังไม่เคยถึงฝันวันสบาย
เหลี่ยวหาหน้าใครไม่มีเห็น
เพียงเป็นคนผ่านแล้วพลันหาย
มีแค่ตัวเปล่าเราเดียวดาย
กอดเข่าคู้กายหัวใจราญ
ลมฉิวผิวแสบแทบด่าวดิ้น
เกือบสิ้นลมหายใจไม่ร้องขาน
เสียงแหบแห้งโหยโรยวิญญาณ
หมดลานไขเท่าไรไม่ก้าวเดิน
ยินเพียงเสียงแว่วก็แล้วจาก
สุขพรากใจวะหวิว...แค่ผิวเผิน
กอดแต่ลมห่มแต่เศร้า...เขามองเมิน
เป็นส่วนเกินเศษผงคงไม่เอา
ไหล่ลู่คู้หลังแล้วถั่งเดิน
ต้องเผชิญแต่อับโชคโลกอับเฉา
ลากสังขารผ่านถนนบนทางเรา
ทางสายเก่าที่เราช้ำย่ำจุดเดิม
6 มีนาคม 2550 15:38 น.
เจ้าพานทอง
พลิกหน้าหารสทุกบทแทรก
จึงจำแนกแจกสารทั้งงานไข
ตัวละครสอนคดีมีเรื่อยไป
เป็นนิยามความนัยที่ว่ายเวียน
แค่ลองตริตรองดูจะรู้จัก
ระหว่างวรรคระหว่างคำที่กร่ำเขียน
มีภาษิตสะกิดใจให้พึงเรียน
มีจำนรรจ์อันแนบเนียนให้เพียรดู
นี่แหละคือนิยายขยายคน
คือถนนทอดผ่านกาลคงอยู่
เป็นเส้นสายลายชีวิตให้พิศดู
เป็นคำครูครองธรรมนำปัญญา
หากหลงทางอย่างตัวละครเป็น
ก็ลองเฟ้นเน้นหนักประจักษา
มาคลี่แลมาแก้ไขเพิ่งได้ตา
เบิกสว่างสางปัญหา...ยาหัวใจ
เนื้อนิยายดั่งนิยามความเป็นคน
เสนอผลสนนค่าปัญญาใส
เก็บเหตุการณ์สานสนุกมาปลุกใจ
ย้อนดูรู้คำไข...ให้แก่ตน