27 กุมภาพันธ์ 2549 14:40 น.
เจ้าพานทอง
หมดแล้วยังมนต์ขลังที่ฝังลวง
มนต์ที่หน่วงบ่วงร้ายขายความฝัน
มนต์ที่กดหดหัว...ที่กลัวกัน
มนต์ชั่วชั้นมนต์บรรลัย...ขอไถ่ลา
คนหมื่นหลายมิได้รู้...ชูสติ
หลงดำริหลอกใช้ให้ใฝ่หา
เขาครองอยู่โปรดดูนิดสะกิดตา
เพียงเงินหน้าก็บ้าเห่อเผลอหลงกล
เขาขายฝันบรรเจิดเกิดประโยชน์
แย่ที่โคตรโฉดฉินได้กินผล
ชาวบ้านไกลไม่ประสา...ไม่กล้ายล
เป็นแค่คนทนเทวษ...ไม่เอ็ดอึง
เขาโกงชาติขาดจริยธรรมแล้ว
แต่คนแคล้วคลาดรู้ดูไม่ถึง
รับแต่เสียงโทรทัศน์ที่ดัดดึง
ไม่รู้ซึ้งถึงกลไกข้างในปลอม
คนเลยยังตั้งต่อขอหนุนเขา
เพราะมัวเมาเดาไม่รู้อยู่ในกล่อง
ไม่เปิดตาพาใจให้เบิกมอง
ว่าเขาทำอย่างช่ำชองสนองตัว
ขอเถิดหนาตาเราอย่าเฝ้าปิด
เปิดสักนิดคิดสักหน่อยอย่าปล่อยหัว--
ให้ถูกลากถากไปไม่รู้ตัว
โปรดรู้ชั่วที่พัวพันอันตราย
ลุกขึ้นใหม่อย่าให้เขาเอากรอกหู
ลุกขึ้นสู้ดูวิเคราะห์ให้เหมาะหมาย
อ่านเอาเองเก่งกระจ่างทางประกาย
ยังไม่สายถ้าได้ทำ...อย่าซ้ำลวง
สื่อไม่สื่อ...มือไม่เห็นขึ้นเข่นข่ม
จึงติดตมจมปลักที่หนักถ่วง
รับข้อมูลหนุนฝ่ายเดียว...ไม่เหลียวทวง
จึงติดตำกรรมบ่วงทุกช่วงไป
พอเสียทีจากนี้ขอรี้หลบ
ไม่ประสบมนต์มารมุ่งขานไข
ขจัดสิ้นพวกกินชาติให้ปราศไป
ประชาธิปไตยได้ออกนอกกะลา
24 กุมภาพันธ์ 2549 11:33 น.
เจ้าพานทอง
โสดเอ๋ยโสดโปรดดูให้รู้หน่อย
คนโสดคอยหงอยเหงาเฝ้าถามหา
อ้อมกอดใครที่ใดเล่าจะเข้ามา
โอบอุราพาอุ่นใจได้กอดที
หากแค่แกล้งแสร้งสนกับคนโสด
ก็ไม่โกรธคดแค้นถ้าแล่นหนี
เพียงมาเล่นเป็นเพื่อนให้เหมือนมี--
คู่ชีวีที่หมายปองนานสองนาน
เชิญมาเหย้าเร้าหยอกบอกให้หลง
เข้าในพงดงใจใช้ทางผ่าน
เชิญมาปล้นกมลน้อยคอยเหนือคาน
ให้หัวใจได้สราญรับงานทำ
เพียงแค่นั้นฉันก็สุขจุกความรัก
เพียงแค่นั้นพลันประจักษ์รักชุ่มฉ่ำ
ในหัวใจไร้เศร้าที่เทาดำ
มีแต่คำพร่ำเพ้อเธอผู้เดียว
เพื่อจะได้ไม่มีสีดอกโสด
เพื่อไม่โกรธโทษชะตาฟ้าไม่เหลียว
เริงระบำนำรุ้งแทนคุ้งเคียว
มาเก็บเกี่ยวเหี่ยวเฉาเข้าฉางไป
แล้วก็จะสละโสดเคยโอดครวญ
จะไม่ยวนกวนคนที่หนไหน
จะมีแน่แค่เธอเสมอไป
เก็บดอกโสดหมดอาลัยทิ้งไกลเลย
21 กุมภาพันธ์ 2549 12:42 น.
เจ้าพานทอง
เสรีภาพที่รับรู้ที่อยู่ยง
เจตน์จำนงคงสิทธิ์ออกคิดเห็น
แต่ปัจเจกอเนกหลายใช้ไม่เป็น
จึงขื่นเข็ญเป็นกรรมทำทุกข์ทน
เสมอภาคจากใครให้ตรองตริ
คือสิทธิที่ได้ตะพายสน
หรือสิทธิเสมอหน้าประชาชน
หรือสิทธิเฉพาะตนคนเหนือดวง
ประชาชื่อถืออำนาจอาจกู่ก้อง
ก็แค่ร้องป้องอำนาจที่อาจหวง
แต่ตัวจริงอิงอำนาจนั้นอาจลวง
แสร้งบำบวงหน่วงอำนาจที่อาจปลอม
บอกให้ไปใช้สิทธิ์กระมิดกระเมี้ยน
เขาก็เพียรเวียนเว้าเข้าเกลี้ยกล่อม
ให้หลงกลทนทำและจำยอม
เราก็ค้อมน้อมหัวเพราะกลัวเกรง
เมื่อเขาได้ใช้เส้นขึ้นเข่นชาติ
ก็ขนญาติฟาดต่อล่อข่มเหง
อ้างส่วนมากจากล้านเสียงเอียงอ้างเอง
แล้วเก็บกินลิ้นละเลงเบ่งคับคลอง
ทุจริตบิดเบือนเลื่อนชอบธรรม
ธุรกรรมทำถูกลูกเจ้าของ
ผิดก็ดีผีซ้ำเริ่มลำพอง
ช่างช่ำชองมองไกลไม่สนกรรม
พอผู้คนล้มหลามถามความจริง
ก็กลายลิงชิ่งลาบ้าระห่ำ
หลบอาญาประชาชนขาดคนนำ
สิทธิธรรมอำนาจปราศสิ้นไป
แต่เขายังยั้งอยู่ให้ชูเชิด
คนก็เทิดเทินหัวเป็นตัวใหญ่
บวมและเบ่งเก่งกร่างคางคกใคร--
มิเทียมได้ไหว้วอขอยอเยิน
เขาเป็นนายได้ครองผองประชา
เราขี้ข้าเอาแต่บ้าทำหน้าเขิน
ทำตามบอกกรอกหูดูนั่งเดิน
เราก็เพลินเดินตามความอัปรีย์
จะมีไหมใครมาปลดลดตรวนลง
เพื่อให้คงทะนงหนักในศักดิ์ศรี
ไม่เป็นแล้วขี้ข้าประชาชี
โค่นเสียทีกลีเมืองอย่าเชื่องเลย
19 กุมภาพันธ์ 2549 16:30 น.
เจ้าพานทอง
นักเลงกลอนอย่านอนเปล่าเร้าลุกนั่ง
หยิบหัวใจใส่พลังมาทั่งฝน
ให้เป็นกานท์งานงามตามใจตน
ยวนมายลผลกวีชื่นชีวิน
กวีเจ้าอย่าเฝ้าเฉยเลยคุณพ่อ
ร่ำมารอขอประชันวรรณศิลป์
ให้แหล่งหล้าหญ้าหย่อมพร้อมได้ยิน
ฟังเพลงพิณกวินกาพย์กำซาบทรวง
อาบอรุณอุ่นตะวันที่ฝันถึง
โคมราตรีที่คะนึงในบึงสรวง
เกิดปรากฏเป็นบทอยู่พู่กันควง
บาททะลักวรรคทะลวงช่วงประชัน
ที่ประลองสนองจินต์อันฝิ่นเฝื่อน
ก็เพื่อเพื่อนเยือนน้ำใจไม่แข่งขัน
เพียงภาษาพาร้อยถ้อยกำนัล
เป็นสุวรรณชั้นฟ้าอ่ามาชม
อย่าเพิ่งหน่ายหงายหลังขอตั้งเต้น
มาเลือกเฟ้นเล่นกลอนกร่อนขื่นขม
ร่วมขายฝันอันอำไพร่ายอารมณ์
เป็นน้ำพรมขมมลายสบายบาน
อย่านั่งเมาเนาทุกข์ที่ขลุกขลัก
เชิญมาชักธงนักรบพบคนหาญ
มาต่อกลอนย้อนคำเคยสำราญ
เอาแก่นสารใส่งานกลอนให้สอนใจ
เก็บผกามาตกแต่งทั้งแหล่งหล้า
จับมัจฉาถลาบินถิ่นฟ้าใส
ดัดดวงจันทร์เป็นคันซอล้อเพลงไพร
ล้วนเกิดได้เพราะหัวใจใส่จินตา
มาเถอะมาอย่าล้าถอยอย่าหงอยหงอ
สมองฝ่อต่อจริตติดกังขา
เอามาลับจับมาทักสักวา
เพื่ออุราพาอุไรหัวใจกลอน
17 กุมภาพันธ์ 2549 09:52 น.
เจ้าพานทอง
๐ เป็นโรคร้ายไม่หายขาดไม่อาจหยุด
ใจชำรุดทรุดหนักด้วยรักขม
ถูกเขาหลอกหยอกแล้วลวง...ดวงระทม
นอนระทดซดอารมณ์อกตรมตาย
๐ พบกี่คนที่หนไหน...ใจชอบแกว่ง
หัวใจแหว่งเพราะแบ่งเขา...เอาเร่ขาย
ยื่นแจกแถมแซมคำหวานซ่านผิวกาย
บ่ออมอายบ่หน่ายเหนื่อยมาเอื่อยรอ
๐ จึ่งได้สบพบระกำเกิดซ้ำซาก
เขาไม่อยากมากไมตรีมีแต่ขอ
ให้เลยไปไม่แยแสแค่เกี้ยวพอ
เกือบคิดท้อยังรอเร้าแม้เขาเมิน
๐ ผ่านหลายคนจนเหน็บเจ็บจิตลึก
ไม่สำนึกคึกอยู่ไม่รู้เขิน
เที่ยวจ่ายใจไม่เจียมรักสักแต่เพลิน
เลยต้องเดินเทินขมขื่นฝืนชมชู
๐ เพราะมีใจไว้ถูกลวงทรวงแสบแส้
ให้เขาแถแล่เนื้อเอาเกลือถู
แสนเสียดใจไม่สะท้านยังหาญดู
ยังรั้งสู้ไม่รู้ทุกข์ขุกลำเค็ญ
๐ จวนจะแย่ก็แค่บ้าปัญญาป่วง
ด้วยติดบ่วงตวงตัณหาที่ตาเห็น
เขาไม่แลแม้ปรายตามาชื่นเย็น
เพราะเขาเป็นเช่นคนอื่นหมื่นคนลวง
๐ จะมีใครที่ใดหนามาเพรียกรัก
เดินไขว่ขวัก...จักมีไหมที่ไม่หวง
มาแลกรักมาพักใจได้เดินควง
มาเนาหน่วงในดวงใจ...ใครสักคน