31 มกราคม 2549 17:54 น.
เจ้าพานทอง
พ่อกูใหญ่ใครอย่าเทียมอย่าเหี้ยมหือ
พ่อกูคือผู้นำจำใส่หัว
อิทธิพลล้นหลามคนขามกลัว
มีชื่อชั่วเป็นตัวศักดิ์หนักแผ่นดิน
จะยื่นมือมาถือแคว้นก็แสนง่าย
แค่แปลงกายร่ายแหลกแล้วแหกหิน
หยิบใส่ปากอยากโหยหาโกยกิน
สูบเสร็จสิ้นซากไม่เหลือไม่เผื่อใคร
พ่อนั่งแต้ให้แห่หามทุกคามเขต
ดั่งอาเพศเปรตสัตว์คนจัดให้
ช่างแสนเพราะเหมาะจริงยิ่งได้ใจ
พ่อชอบใช้ลิ้นตวัดแล้วกัดเมือง
พ่อไม่สนคนจะว่าจะด่าทอ
พ่อไม่ง้อรอใครได้คำเขื่อง
คำเล็กเล็กให้เด็กกินไม่สิ้นเปลือง
คำโตโต โอ้กินเนื่องกินนานนาน
พ่อมีพวกจวกบ่อยอร่อยแบ่ง
เหมือนฝูงแร้งรุมรึงทึ้งอาหาร
ออกอวดโอ่โก้โกงทุกโครงการ
เก็บกินเกินเงินงานผ่านพวกพรรค์
ออกล่าเหยื่อเหลือคนชนบท
แสดงสดซดแซบเสียงสนั่น
คนยกยอประจ๋อประจบครบครัน
ผู้นำนั่นที่ฝันไว้ได้มาเยือน
ใครสู่รู้พ่อกูฟันแหลกบรรลัย
พ่อไม่ไว้หน้าอินทร์พรหมคมมีดเฉือน
พ่อปกปิดคิดฉกหมกเลวเลือน
เอาแต่ได้ไม่แปดเปื้อนให้เพื่อนโกง
พ่อกูใหญ่ใครอย่าเทียมจงเจียมหัว
อย่ามามั่วมัวจับสับตายโหง
จงอยู่ใครอยู่มันนั่นจะโล่ง
หากฉ่างโฉ่งเตรียมโลงรอพ่อจัดการ
แล้วกูก็จะใหญ่ตามความโฉดใคร่
ช่างภูมิใจในตัวพ่อต่อชั่วฉาน
ลูกจะเดินตามรอยพ่อขอคิดมาร
จะคอยผลาญราญแผ่นดินให้สิ้นไป
30 มกราคม 2549 09:04 น.
เจ้าพานทอง
กุมมือ
สัญญาคือมือนี้ที่ส่งให้
สอดนิ้วสานรักจากดวงใจ
เกี่ยวกระหวัดมัดไว้ให้ติดตาม
เริ่มก้าว
ทางยาวยิ่งท้อ?ฉันขอถาม
จะร่วมย่างทางไกลไหมคนงาม
ฤ คิดคร้ามไม่ตามไปใจระแวง
ก้าวสอง
ฉันทดลองมองเธอที่เผลอแผลง
นัยน์ตาเธอหวาดหวั่นพรั่นแสดง
อ่อนแสงแรงล้าตาพร่าพราย
ก้าวสาม
เธอเริ่มขามขาสั่นไม่มั่นหมาย
ใจหวะหวิวคิ้วเบียดเครียดไม่คลาย
ความกล้าลาหายพ่ายพลัง
ก้าวสี่
เธอรอรีมีกังวลอยู่หนหลัง
พะวักพะวงหลงทิศติดภวังค์
ความหวังพังแฟบแทบหมดทุน
ถามไถ่
เดินด้วยใจไปด้วยรักจักอบอุ่น
แต่หากเธอไม่เออชอบก็ขอบคุณ
ก็แค่หมุนหุนจากหากเบื่อเบือน
เธอตอบ
ขอให้ฉันมั่นชอบมอบรักเหมือน--
ดั่งเธอยื่นรักให้ไม่แชเชือน
จะเป็นเพื่อนเดินด้วยใจไปด้วยกัน
ฉันยิ้ม
ใจปิ่มเปี่ยมสุขเสกสวรรค์
เอาละจะรักษาสัญญามั่น
จะร่วมกันขันเดินเผชิญภัย
29 มกราคม 2549 10:22 น.
เจ้าพานทอง
เรืองเรืองเริ่มลับฟ้า.....
หว่างกอหญ้าคอยรับส่ง
สีแดงแข่งเหลืองคง.....
ดั่งบรรจงจัดแจงไว้
ดอกหญ้าชูปลายยอด.....
สูงเลยลอดลมพัดไป
เอนลู่ยักย้ายไหว.....
ตามบรรเลงเพลงยามเย็น
ใบหญ้ายุ่งยวบยอบ.....
แยงแสงบอบบางที่เป็น
เย้าหยอกดวงไฟเห็น.....
ว่า 'หนีมืด' หรืออย่างไร
ฟ้าหม่นเริ่มมีหมอก.....
แห่งชำชอกและช้ำใจ
ตะวันหลบทันใด.....
โลกแห่งไฟดับมืดมน
อาทิตย์นั้นหลีกลี้.....
หญ้าหลากสีกลับอดทน
เสียดยอดแทงไปบน.....
ฟ้าหม่นไหม้ใจแกร่งเกิน
20 มกราคม 2549 11:51 น.
เจ้าพานทอง
จับปากไก่ไล้อักษรแล้วร่อนร่าย
เริ่มระบายพรายรุ้งที่คุ้งแขวง
วาดตะวันแลจันทราจ้าแจรง
สีแสดงแสงอุทัยใส่จินตา
เสกเมรัยในทะเลแล้วเทจิบ
รินน้ำทิพย์สิบสวรรค์พันรสา
อภิรมย์ฉมกลิ่นประทิ่นทา
รจนาค่าขวัญอัญเชิญชม
เหล่าบุรุษเหล่าสตรีมีความฝัน
ต่างประชันต่างบรรเลงเพลงสุขสม
ขีดลายเส้นเป็นลายกลอนอ้อนอารมณ์
ขีดขื่นขมเป็นชมชื่นได้รื่นนาน
เขียนหม่นมืดเขียนสว่างเป็นทางใหม่
เขียนหัวใจเขียนสมองให้ลองอ่าน
เขียนดวงดาวเขียนราวฟ้าเขียนอาคาร
เขียนนรกเขียนวิมานผ่านคำกลอน
เพราะช่างฝันจึงปันจิตที่คิดเพริศ
ก่อบรรเจิดเกิดบรรจงคงเอื่อยอ่อน
สร้างโลกซ้อนซ่อนโลกเก่าเคล้าละคอน
ที่เน่าหนอนที่ร้อนร้ายระคายคาว
ด้วยอยากฝันถึงตะวันฝันจันทรา
ฝันเมฆาด้นอากาศวาดเวิ้งหาว
ปล่อยความคิดปลิดความขึ้งทึ้งความร้าว
ให้เหลือกลุ่มหนุ่มสาวเจ้าแห่งคำ
ใจอยากรี้หนีจริงที่อิงอยู่
ไม่อยากรู้เรื่องร้ายหลายสิ่งส่ำ
อยากอยู่ในไสวสดหมดมืดดำ
มรรคาธรรมที่อำรุงของทุ่งทอง
จึงจับจ่อเพื่อจดจารเสกงานศิลป์
ให้อยู่เรื้องเฟื้องสุบินถิ่นงามผ่อง
เป็นกลกานท์ผ่านสวรรค์อันรังรอง
สืบสมปองครองหัวใจไปตราบกาล
18 มกราคม 2549 09:56 น.
เจ้าพานทอง
โนรีนกผกผวาปีกล้าร่อน
จรจากคอนซ่อนตัวมัวเที่ยวหนี
สู่โลกกว้างทางลำบากอยากหลบรี้
พบอารีพบลำเค็ญเป็นธรรมดา
ปักษาน้อยค่อยย้ายถิ่นโผผินเรื่อย
มิพักเหนื่อยมิเมื่อยถามเพื่อตามหา
ความอบอุ่นมาหนุนนอนเมื่ออ่อนล้า
เพียงได้พาพบที่หมายกายปลอดภัย
บ้างเจอคนใจดีมีการุณย์
คนใจบุญอุ่นอุราได้อาศัย
หลุบปีกเปลี้ยเพลียผ่อนพักคลายหนักใจ
รังบ้านไร่ในถิ่นเถื่อนเพื่อนนกนาง
แต่เจอช้ำระกำร้ายไม่วายเว้น
แสนยากเย็นเข็ญขุกปลุกขวัญขวาง
ให้ร่อนปีกอีกครั้งยังเหลือทาง
เศร้าซ้ำบ้างกลางกระแสที่แปรปรวน
บินอยู่นานน่านฟ้ากว้างเวิ้งว้างนัก
ขวัญขยักนึกหนักอกจึ่งวกหวน
สู่ถิ่นเก่าเคยเนานอนย้อนทบทวน
หลังคิดครวญจึ่งหวนกลับมาหลับรัง
คงไม่มีที่ใดจะได้อุ่น
จะได้หนุนคอนเดิมเคลิ้มความหลัง
ณ ตรงนี้มีฟางเก่าเรานอนนั่ง
แม้นผิดหวังแต่รังนี้สุขีนาน
ไม่ถามแล้วไม่ถามหานภากว้าง
ไม่อยากคว้างอยู่กลางหนบนความหาญ
เพราะเหนื่อยกายใจก็โหยโรยเบิกบาน
ไม่อยากพานพบเพียง ว่าง ในทางไกล