27 ธันวาคม 2548 21:18 น.
เจ้าพานทอง
มารแมงมุมว่า
๐ เธอเป็นดินฉันเป็นน้ำปลูกความรัก
ความแน่นหนักเป็นพื้นฐานการคบหา
ความซื่อสัตย์คงมั่นคือสัญญา
ความศรัทธามีต่อกัน...ฉันกับเธอ
๐ เธอคือฉันฉันคือเธอเสมอค่า
วันเวลาลึกล้ำสม่ำเสมอ
นับจากวันที่ใจได้พบเจอ
งามเลิศเลอไม่เคยชืดจืดจางเลย
๐ ยิ่งเนินนานต้นไม้เราเฝ้าเติบใหญ่
แม้ห่างไกลใจคะนึงถึงคำเอ่ย
พรอดพร่ำรักปักดวงจิตสนิทเคย
เป็นคำเผยความในใจให้แก่กัน
เจ้าพานทองต่อ
๐ คืนวันพ้นต้นรักนั้นพลันเติบใหญ่
สูงขึ้นไปเทียมเมฆาฟ้าสุขสันต์
ออกดอกผลเป็นพยานสานชีวัน
เรารักกันไม่ผันพรากจากครรลอง
๐ เธอเป็นดินฉันเป็นน้ำปลูกความรัก
ให้ประจักษ์ต้นรักนี้มีเจ้าของ
เธอและฉันมือน้อยน้อยคอยประคอง
เพียงเราสองสร้างสัมพันธ์นิรันดร์กาล
25 ธันวาคม 2548 13:40 น.
เจ้าพานทอง
๐ เมื่อแรกพบสบตาใจข้าฯ อ่อน
ขนตางอนงามจับจิตพิสมัย
ดั่งศรรักปักทรวงบ่วงหัวใจ
หวังเพียงได้แก้วตามาประคอง
๐ พอพบเธอเพ้อไปในวันพรุ่ง
มีพรายรุ้งเรืองไสวดูใสผ่อง
มีนกน้อยลอยฟ้าข้าฯ แอบมอง
และมีสองหัวใจในห้องเรา
๐ ที่รักข้าฯ รออยู่ไม่รู้หน่าย
จากยามสายถึงบ่ายคล้อยคอยใจเหงา
ภาพเธอนั้นบันทึกนึกแนบเนา
ในดวงใจอันหม่นเศร้าเร้าอยู่นาน
๐ อยากได้เพียงเมตตามานอนหนุน
ได้การุณย์จุนเจือเพื่อสืบสาน
ได้ปรานีที่เอ็นดูอยู่ทุกวาร
ว่าจะพานพบกันทุกวันไป
๐ บทเพลงนี้มีเพียงเธอเออละหนอ
ลำนำล้อเล่นกันฝันและใฝ่
พรรณนาหารักเธอเทียวเพ้อไป
เวลาเหงาเฝ้าห่มไห้ในทำนอง
๐ บทเพลงนี้มีแต่เธอเสมอค่า
ดุริยาพากล่อมห้อมเราสอง
จังหวะซึ้งจึงทราบซ้ำน้ำตานอง
ไม่อาจได้เธอมาครองปองจิตตรม
๐ เพราะข้าฯ ต่างห่างที่มีแต่ตัว
ข้าฯ หม่นชั่วมัวหมางช่างไม่สม
เธอคือฟ้าคือดาราอันน่าชม
คือสายลมที่ลอยไปไม่กลับมา
๐ หวังสักวันพลันเจ้าได้เข้าใจ
ว่ามีใครหมายมาตรปรารถนา
ถึงเจ้าอยู่ทุกเมื่อไม่เบื่อลา
เมื่อนั้นข้าฯ จะเอื้อมฟ้าหาเจ้าเอง
23 ธันวาคม 2548 01:08 น.
เจ้าพานทอง
๐ เอาแต่เพลินเดินกลางทางอบาย
หลงเหลี่ยมลายพ่ายพ้องของขลาดเขลา
ตาบอดปิดคิดชั่วมั่วมัวเมา
ไม่มีเงาหัวหายร้ายรุนแรง
๐ มัวแต่มองของชั่วรั่วธรรมศีล
เป็นอาจิณติดจำ--กล้ากำแหง
เริ่มทำลายกลายพิษจิตแสดง
ชั่วช้าแฝงฝั่งในไป่เห็นตัว
๐ หลงแต่พล่ามหยามเขาเรา ฤ แน่
ตัวแหละแพ้--เพียงแลเผินเดินสลัว
ไฟปัญญาพร่าหายไม่รู้ตัว
ขมุกขมัวชั่วชั้นมิบรรเทา
๐ เอ้า! อย่ายั้งถั่งทำกรรมเยอะเยอะ
จะได้เจอะเลอะบาปหาบหามเสา
ฆ่าชีวิตบ่ผิดสัตว์ปัดบุญเก่า
แล้วนอนเนาเอาสุรามาลิ้มลอง
๐ เอ้า! อย่าช้าคร่าฉุดมุดกามา
มุ่งมุสาฝ่าขนบคบชู้สอง
พรากเขามาพาเขาจาก--ยากประคอง
คลายครรลองสนองใคร่จัญไรโลด
๐ เอ้า! อย่าหยุดรุดขโมยโดยมิบอก
ลอบลวงหลอกลอกลายอุบายโฉด
ทำเถอะทำกรรมเกวียนเวียนวกโทษ
อย่าอิดโอดอ้างธรรมยามช้ำกาย
๐ จงประจานสิงานชั่วอย่ากลัวขาม
จงประณามสิความเลวให้เหลวหาย
จงประจำสิสติอย่าริคลาย
จงประกายสิพรายแสงแห่งปัญญา
๐ จงทะลายเถอะข่ายขุมชุมนุมบาป
จงขนาบเถอะลาภยศ ลดหรรษา
จงทะนุอายุบุญหนุนวิชา
จงขมาเถอะเงาหัวอย่ามัวเพลิน
20 ธันวาคม 2548 19:21 น.
เจ้าพานทอง
๐ รื่นรมย์ ห่มรัก สลักทรวง
ชื่นเชย เลยล่วง อุษาสาง
เนื้อนวล อวลประทิ่น กลิ่นจาง
แก้มนาง คลึงเคล้า เร้าประโลม
๐ ชมนะ แม่นะ จะยลเจ้า
เพียงเรา เนาเขนย จะเย้าโสม
เก็บดาว เกี่ยวเดือน เกลื่อนโพยม
ฉมโฉม โนมพรรณ วรรณนา
๐ ขออิง ขอแอบ แนบหทัย
ห่อนไกล ใจเธอ เทียวเพ้อหา
อยู่ร่วม สรวมกาย ถวายชีวา
ดั่งข้า ซื่อสัตย์ มิขัดนาย
๐ อยากเป็น อาภรณ์ วอนห่ม
เป็นพรม รองนาง ไม่หางหาย
เป็นสร้อย ห้อยศอ บ่อับอาย
เป็นสาย สไบบาง อยู่กลางทรวง
๐ รสรัก ลิ้มละไม ใจหวะหวาม
โมงยาม เคลื่อนคล้อย มิหงอยง่วง
ยังตรึง ตราไว้ ในแดดวง
แสนหวง บ่วงอุรา ทุกนาที
๐ พี่จะจำ คำเจ้า เฝ้าฝัน
คืนวัน ย้ำสลัก เป็นสักขี
คะนึงนาน แม้กาลเปลี่ยน เวียนปี
ก็บ่เลือน เคลื่อนฤดี หนีจากนาง
ภาพประกอบ ผลงาน อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต ครับ ขออนุญาตมา ณ ที่นี้ด้วย
19 ธันวาคม 2548 19:26 น.
เจ้าพานทอง
เธอจ๋า...
ฉันไม่มีอะไรจะให้
มีเพียงหัวใจที่ฟกช้ำ
มองเธอ...
ด้วยดวงตาแดงก่ำ
พิลาปร่ำหาเธอเสมอไป
อยู่เดียว...
แสนเปลี่ยวหนาวและเศร้าใจ
มองไปไม่มีใคร...ให้แอบอิง
ตรงนี้...
หวังดีพลีรักหนักยิ่ง
สรรพสิ่งส่งให้ไม่อิดโอย
คือรัก...
แม้ชีพจักห่อนสุขและแห้งโหย
แต่หัวใจไม่หล่นโรยไปไหนไกล
เพียงใจ...
เทียมใจ เท่าใจ แทนใจ
ขอบคุณที่ยังอยู่ให้คิดถึง
มอบรักจากฉันวันรำพึง
เธอจะเป็นหนึ่งในใจไม่เปลี่ยนแปลง