21 กุมภาพันธ์ 2549 12:42 น.
เจ้าพานทอง
เสรีภาพที่รับรู้ที่อยู่ยง
เจตน์จำนงคงสิทธิ์ออกคิดเห็น
แต่ปัจเจกอเนกหลายใช้ไม่เป็น
จึงขื่นเข็ญเป็นกรรมทำทุกข์ทน
เสมอภาคจากใครให้ตรองตริ
คือสิทธิที่ได้ตะพายสน
หรือสิทธิเสมอหน้าประชาชน
หรือสิทธิเฉพาะตนคนเหนือดวง
ประชาชื่อถืออำนาจอาจกู่ก้อง
ก็แค่ร้องป้องอำนาจที่อาจหวง
แต่ตัวจริงอิงอำนาจนั้นอาจลวง
แสร้งบำบวงหน่วงอำนาจที่อาจปลอม
บอกให้ไปใช้สิทธิ์กระมิดกระเมี้ยน
เขาก็เพียรเวียนเว้าเข้าเกลี้ยกล่อม
ให้หลงกลทนทำและจำยอม
เราก็ค้อมน้อมหัวเพราะกลัวเกรง
เมื่อเขาได้ใช้เส้นขึ้นเข่นชาติ
ก็ขนญาติฟาดต่อล่อข่มเหง
อ้างส่วนมากจากล้านเสียงเอียงอ้างเอง
แล้วเก็บกินลิ้นละเลงเบ่งคับคลอง
ทุจริตบิดเบือนเลื่อนชอบธรรม
ธุรกรรมทำถูกลูกเจ้าของ
ผิดก็ดีผีซ้ำเริ่มลำพอง
ช่างช่ำชองมองไกลไม่สนกรรม
พอผู้คนล้มหลามถามความจริง
ก็กลายลิงชิ่งลาบ้าระห่ำ
หลบอาญาประชาชนขาดคนนำ
สิทธิธรรมอำนาจปราศสิ้นไป
แต่เขายังยั้งอยู่ให้ชูเชิด
คนก็เทิดเทินหัวเป็นตัวใหญ่
บวมและเบ่งเก่งกร่างคางคกใคร--
มิเทียมได้ไหว้วอขอยอเยิน
เขาเป็นนายได้ครองผองประชา
เราขี้ข้าเอาแต่บ้าทำหน้าเขิน
ทำตามบอกกรอกหูดูนั่งเดิน
เราก็เพลินเดินตามความอัปรีย์
จะมีไหมใครมาปลดลดตรวนลง
เพื่อให้คงทะนงหนักในศักดิ์ศรี
ไม่เป็นแล้วขี้ข้าประชาชี
โค่นเสียทีกลีเมืองอย่าเชื่องเลย
19 กุมภาพันธ์ 2549 16:30 น.
เจ้าพานทอง
นักเลงกลอนอย่านอนเปล่าเร้าลุกนั่ง
หยิบหัวใจใส่พลังมาทั่งฝน
ให้เป็นกานท์งานงามตามใจตน
ยวนมายลผลกวีชื่นชีวิน
กวีเจ้าอย่าเฝ้าเฉยเลยคุณพ่อ
ร่ำมารอขอประชันวรรณศิลป์
ให้แหล่งหล้าหญ้าหย่อมพร้อมได้ยิน
ฟังเพลงพิณกวินกาพย์กำซาบทรวง
อาบอรุณอุ่นตะวันที่ฝันถึง
โคมราตรีที่คะนึงในบึงสรวง
เกิดปรากฏเป็นบทอยู่พู่กันควง
บาททะลักวรรคทะลวงช่วงประชัน
ที่ประลองสนองจินต์อันฝิ่นเฝื่อน
ก็เพื่อเพื่อนเยือนน้ำใจไม่แข่งขัน
เพียงภาษาพาร้อยถ้อยกำนัล
เป็นสุวรรณชั้นฟ้าอ่ามาชม
อย่าเพิ่งหน่ายหงายหลังขอตั้งเต้น
มาเลือกเฟ้นเล่นกลอนกร่อนขื่นขม
ร่วมขายฝันอันอำไพร่ายอารมณ์
เป็นน้ำพรมขมมลายสบายบาน
อย่านั่งเมาเนาทุกข์ที่ขลุกขลัก
เชิญมาชักธงนักรบพบคนหาญ
มาต่อกลอนย้อนคำเคยสำราญ
เอาแก่นสารใส่งานกลอนให้สอนใจ
เก็บผกามาตกแต่งทั้งแหล่งหล้า
จับมัจฉาถลาบินถิ่นฟ้าใส
ดัดดวงจันทร์เป็นคันซอล้อเพลงไพร
ล้วนเกิดได้เพราะหัวใจใส่จินตา
มาเถอะมาอย่าล้าถอยอย่าหงอยหงอ
สมองฝ่อต่อจริตติดกังขา
เอามาลับจับมาทักสักวา
เพื่ออุราพาอุไรหัวใจกลอน
17 กุมภาพันธ์ 2549 09:52 น.
เจ้าพานทอง
๐ เป็นโรคร้ายไม่หายขาดไม่อาจหยุด
ใจชำรุดทรุดหนักด้วยรักขม
ถูกเขาหลอกหยอกแล้วลวง...ดวงระทม
นอนระทดซดอารมณ์อกตรมตาย
๐ พบกี่คนที่หนไหน...ใจชอบแกว่ง
หัวใจแหว่งเพราะแบ่งเขา...เอาเร่ขาย
ยื่นแจกแถมแซมคำหวานซ่านผิวกาย
บ่ออมอายบ่หน่ายเหนื่อยมาเอื่อยรอ
๐ จึ่งได้สบพบระกำเกิดซ้ำซาก
เขาไม่อยากมากไมตรีมีแต่ขอ
ให้เลยไปไม่แยแสแค่เกี้ยวพอ
เกือบคิดท้อยังรอเร้าแม้เขาเมิน
๐ ผ่านหลายคนจนเหน็บเจ็บจิตลึก
ไม่สำนึกคึกอยู่ไม่รู้เขิน
เที่ยวจ่ายใจไม่เจียมรักสักแต่เพลิน
เลยต้องเดินเทินขมขื่นฝืนชมชู
๐ เพราะมีใจไว้ถูกลวงทรวงแสบแส้
ให้เขาแถแล่เนื้อเอาเกลือถู
แสนเสียดใจไม่สะท้านยังหาญดู
ยังรั้งสู้ไม่รู้ทุกข์ขุกลำเค็ญ
๐ จวนจะแย่ก็แค่บ้าปัญญาป่วง
ด้วยติดบ่วงตวงตัณหาที่ตาเห็น
เขาไม่แลแม้ปรายตามาชื่นเย็น
เพราะเขาเป็นเช่นคนอื่นหมื่นคนลวง
๐ จะมีใครที่ใดหนามาเพรียกรัก
เดินไขว่ขวัก...จักมีไหมที่ไม่หวง
มาแลกรักมาพักใจได้เดินควง
มาเนาหน่วงในดวงใจ...ใครสักคน
13 กุมภาพันธ์ 2549 19:54 น.
เจ้าพานทอง
มีดอกไม้ในช่อสวยรวยกลิ่นหอม
ดนตรีพร้อมน้อมหัวใจให้ของขวัญ
กุหลาบงามอีกความรักจักพร้อมพรรณ
มอบให้วันวาเลนไทน์...โอบใจเธอ
ไม่ใช่เพียงแค่เคียงกันวันสิบสี่
ทุกนาทีมีรักแจกแลกเสมอ
ทุกเวลาค่าดวงจิตคิดละเมอ
ใจไม่เผลอเพ้อถึงใคร...ใจจดจำ
สุขถ่องแท้แน่นักรักเธอยิ่ง
สุขใจจริง...สิ่งสวรรค์อันชื่นฉ่ำ
ที่มีคุณหนุนเนื่องไป...ใช้รักนำ
ต่างมีคำแห่งรักเป็นหลักใจ
ขอบคุณเธอที่เจอฉันทุกวันนี้
ขอบคุณที่มีกันทุกวันใหม่
เป็นเพื่อตายแม้กายสูญพูนอาลัย
แต่ดวงใจไม่พรากลาวิญญาณ์ยง
ดีใจที่มีเธอเป็นเช่นคู่ยาก
ทางลำบากถากสิ้นดังตั้งประสงค์
แม้ร่างกายลมหายใจมลายปลง
หลับตาลงเพราะคงรักปักชีวิน
จะคู่กันทุกวันวาเลนไทน์
จะอุ่นไอได้ห่มกอดสอดสุขสันต์
กี่ชาติหน้ามาพบคู่อยู่ด้วยกัน
แบ่งหัวใจให้สัมพันธ์...ฉันรักเธอ
9 กุมภาพันธ์ 2549 17:53 น.
เจ้าพานทอง
บุญที่ทำกรรมที่แต่งอยู่แห่งไหน
บาปที่เป็นเวรที่ได้ไม่จำจด
ไม่นำพายาพิษยังคิดคด
ไม่ยอมลดอดอายยังร้ายลาม
จนเมื่อฤทธิ์พิษเหิมเพิ่มความทุกข์
จึงเสียดจุกเจ็บตัวจั่วเลิกหาม
เลือกลำเสาใส่บ่าปัญญาทราม
สำนึกเชื่อก็เมื่อยามหามโลงไป
นั่นก็สายกลายสลดหมดโอกาส
อีกกี่ชาติมิอาจหนีมีแอกไถ
เดรัจฉานนานนับชั่วกัปไกล
มีโทษไฟเครื่องไถ่บาปไว้อาบกิน
บุญที่ทำกรรมที่สร้างอยู่ทางนี้
กวักมือเรียกสำเหนียกผีที่โหดหิน
แซ่กรรมกระหวัดแสบกายแทบสิ้น
เป็นอาจิณกินอาจมสมครรลอง
บาปที่เป็นเวรที่กลัวมีทั่วหน้า
เอาวิญญาณ์มาระกำส่ำสนอง
ให้เข็ดหลาบขนาบจิตที่คิดข้อง
ต่างโอยร้อง...ต่างฟ้องครวญจวนสิ้นใจ
จงเร่งรู้เถอะครานี้อย่าหนีถอย
เพื่อวันหน้าชะตาร่อยคอยหนามไหน่
บ่ชำแรกแหกร้องป้องปากไป
ว่าเสียใจว่าเสียดายทำไมทำ
จะได้รอดปลอดบาปที่หาบหาม
จะได้ปรามความชั่วที่นัวหนำ
ปล่อยแอกเวร...เข็นระทดปลดแอกกรรม
เทินดวงธรรมนำดวงไฟ...ฉายนำทาง