31 ตุลาคม 2546 15:38 น.
เจ้าขาว
เอียงแก้มแอบอิงเงาจันทร์ในน้ำ
ฝืนความงามยั่วเย้าไว้ไม่ไหว
น้ำหน้าหนาวเย็นเยียบเสียบใจ
สะดุ้งไหวละลอกคลื่นกลืนเงาจันทร์
/(-_-)
19 ตุลาคม 2546 01:55 น.
เจ้าขาว
มื้อนี้ไม่มีเธอ
น้ำตาร่วงหล่นลงบนเตาย่าง
ตะเกียบค้างอยู่กลางถ้วยน้ำจิ้ม
เนื้อไหม้เกรียมเป็นเถ้าไปไม่ทันชิม
มองดูกิมจิเฉาเศร้าอุรา
ลูกชิ้นกุ้งคำนั้นที่เธอป้อน
ชั้นก็ร้อนรวกลิ้นเธอยิ้มร่า
คำสุดท้ายแทบขย้อนเธอป้อนมา
คือคำลาคาคอไม่ขอกลืน
18 ตุลาคม 2546 12:52 น.
เจ้าขาว
เที่ยงวันอันสุดแสนสว่าง
เริ่มเดินทางสู่ความมืดหม่น
จากเที่ยงคืนที่แสนทุกข์ทน
จะค่อยพ้นไปสู่รุ่งเช้า
เหลียวไปรอบกายตอนนี้
มีเพียงความว่างเปล่า
ใจยึดเอาความปวดร้าว
ราวกับตะเกียงชี้ทาง
ผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน
หวังฟื้นมาตอนรุ่งสาง
กลับสะดุ้งตื่นมาครวญคราง
ฝันร้ายยังค้างติดตา
จะต้องผ่านไปอีกกี่นาที
ราตรีนี้ช่างเชื่องช้า
ยามเช้าอยู่แห่งไหนนา
จึงมาไม่ถึงสักที
ฤาต้องรอจนสิ้นลมหายใจ
งั้นก็คงใกล้แล้วล่ะตอนนี้
หัวใจเคลื่อนช้าลงทุกที
ในเลือดมีแต่น้ำตา
จากเที่ยงคืนที่แสนจะทุกข์ทน
คงดิ้นรนหายใจไปจนกว่า
ประกายแรกแตะแต้มขอบฟ้า
คงหลับตาลงได้อีกครั้ง
13 ตุลาคม 2546 00:47 น.
เจ้าขาว
เมฆคลึ้มคลุ้มคลั่ง
หลั่งฝน
ก็อดทนเฝ้ารอฟ้าใส
หวังรุ้งทอแสงอำไพ
สดใสสู่โลกโศกลา
เมฆคลึ้มคลุ้มคลั่ง
หลั่งฝน
มืดหม่นหนทางข้างหน้า
ละอองเศร้าเคล้าฝนปนน้ำตา
คลำหาโอกาสสุดท้าย
เมฆคลึ้มคลุ้มคลั่ง
ดั่งว่า
เวลานั้นไม่เคลื่อนไหว
พายุกระหน่ำในใจ
ซ้ำไป...ซ้ำมา
แล้วเมฆคลึ้มคลุ้มคลั่งก็หยุด
เหมือนสุดเวรสุดกรรมทำทีท่า
เปล่งแสงเจ็ดสีที่ขอบฟ้า
อนิจจา..........รุ้งจืด
...
...
...
เจ็บ...ใจ