23 กันยายน 2546 23:21 น.
เจือจันทร์
@เสียงขลุ่ยเศร้าเราสื่อมาคราลมโบก
เสนาะโศกสะอื้นน่าน้ำตาไหล
ด้วยว่านางน้องห่างนาหนีหน้าไกล
เพียงผิวไปไล้คนงามตามสายลม
@ลมรำเพยเชยชื่นระรื่นร่ำ
กล่อมคืนค่ำคลายคืนฟื้นจากขื่นขม
ข่มความเจ็บเหน็บระกำช้ำระทม
ใจจ่อมจมล่มสลายละลายลง
@หอมกลิ่นโมกก็โศกคลายหายสลด
แม้นไม่หมดลดกลิ่นนางจนจางหลง
กรุ่นกลิ่นนางหรือจางลดจนปลดปลง
กลิ่นยังคงทรงโบกจนโมกอาย
@โถความรักแรกเริ่มมักเติมสุข
ยามความทุกข์รุกรักมาน่าใจหาย
จากกลมกลืนเกลียวกลมมากลับกลาย
ให้วุ่นวายว้าเหว่ในเวลา
@เสียงขลุ่ยเราที่เป่าไปจากใจเศร้า
แม้นเงียบเหงาก็งดงามยามโหยหา
แม้นใกล้ใจแต่อย่างไรก็ไกลตา
พี่ห่วงหาด้วยห่วงหวงดวงกมล
@เปรียบดั่งลมคารมชายหมายปลิ้นปล้อน
เจ้าเนื้ออ่อนจักขอเทียบเปรียบดังสน
หากต้องลมคราใดยามได้ยล
โอ้ต้นสนโอนเอนไหวในทุกครั้ง
@เจ้าจากไกลไปศึกษาหาความรู้
ขอยอดชู้จงพากเพียรเรียนดังหวัง
ยามใจท้อจงต่อเติมเสริมพลัง
ให้ความหลังคอยรั้งหลักด้วยรักเรา
@ต้นกระสังยังพลิใหม่ออกใบเขียว
ดอกกระเจียวยังเกลื่อนกล่นอยู่บนเขา
เห็ดระโงกโคกเห็ดไคยังได้เอา
ขลุ่ยเลาเก่ายังเป่าคลอรอเจ้าคืน
7 กันยายน 2546 13:54 น.
เจือจันทร์
@ ภาพฝันที่ฉันวาดนั้นขาดวิ่น
ริ้วรอยบิ่นสิ้นงามแล้วความหมาย
เสื่อมสาดซัดกัดกร่อนจนกลับกลาย
ทะเลทรายทลายทะลักผลักแผ่นดิน
@ สิ้นสายน้ำหลามล้นเคยท้นเจิ่ง
สูญป่าเยิงยางยูงฝูงปักษิณ
สิ้นเกสรภมรเหย้าเฝ้าโบยบิน
สูญอาสินสิ้นอาศัยใช้ชีพยัง
@ อำนาจใดก็สิ้นไร้ในอำนาจ
หวังไม่อาจวาดไว้ได้ดังหวัง
พลังใดก็สิ้นไร้ในพลัง
กายผุพังดั่งใจบาดขาดจากกาย
@ ฟากฟ้าใสถูกไฟเผาเป็นเงาแสด
แสงแดดแผดเผาเราแต่เงาหาย
โหมคลื่นยักษ์ทะลักเข้าภูเขาทลาย
ลาวาสายไหลซัดกัดกร่อนกัลป์
@ ช่วยฉันด้วยใครก็ได้ช่วยฉันด้วย
ช่วยฉันด้วยช่วยฉันตื่นฟื้นจากฝัน
ปลุกฉันทีปลุกฉันทีปลุกให้ทัน
ก่อนชีพฉันพลันสลายไม่หายใจ