7 สิงหาคม 2546 17:09 น.
เจือจันทร์
@นั่งรถไฟแล่นไกลห่างมากลางทุ่ง
มั่นหน้ามุ่งจากกรุงมาหาสวรรค์
พร้อมหมู่เพื่อนเกลื่อนหมู่มิตรสนิทกัน
มุ่งมามันส์มั่นมาเที่ยวเทียวทะเล
@เทน้ำดำ*ทำน้ำใจส่งให้เพื่อน
รถไฟเลื่อนเคลื่อนขบวนมาพาใจเขว
จากชานชะลาลู่สู่ชานชะเล
หวังคลื่นเห่ชะเลชะล้างให้ห่างตรม
@ห่างตรมเคยห่มรักไม่หักห่าง
กลับมาร้างห่างแก้วตาเหมือนยาขม
เคยร่วมเรียงเคียงคู่เชยเคยชื่นชม
กลับมาล่มภิรมย์ร้างด้วยห่างกัน
@หันหน้ามองสองทิวทัศน์ตัดทิวทุ่ง
รถไฟมุ่งตัดทุ่งลานผ่านทุ่งฝัน
เพลาผ่านเพดานฟ้าเลื่อนลาวัน
พาถึงพลันชวนกันลงตรงชานราง
@ถึงที่พักสักเย็นย่ำจนค่ำดึก
ในสำนึกตรึกให้นอนรอตอนสาง
ค่ำคืนนี้มีเสียงคลื่นสะอื้นคราง
คิดถึงนางครางสะอื้นแข่งคลื่นลม
@คลื่นตะล่อมกล่อมทะเลให้เห่หลับ
เสียงฉาดฉับสดับเพราะแสนเหมาะสม
แม้นแปลงได้หมายกลายชื่นเป็นคลื่นลม
พัดไปห่มพรมเธอนั้นให้ฝันดี
@รังสีแดดแผดแสงมาเพลาเช้า
ราวเร่งเร้าเจ้าปูลายหลายหลากสี
เราไล่คุบผลุบคว่ำหงายอยู่หลายที
แต่ไม่มีที่จะหมายได้สักปู
@จากเช้าช่วงจะล่วงมาเพลาสาย
ขยะหลายรกสายตาน่าอดสู
ทัศนีย์ที่ทัศนาเคยน่าดู
กลับไม่รู้ดูอย่างไรแล้วใจเอย
@พายุหื่นซัดคลื่นโหมเข้าโทรมหาด
หมายสวาทมาดสวรรค์รุมกันเสวย
แต่กลับไร้ใจรักษ์ไว้ให้คงเคย
แล้วเชลยชะเลชะอำก็ช้ำตรมฯ
*หมายเหตุ น้ำดำในที่นี้คือน้ำอัดลมชนิดหนึ่งออกเสียงคล้ายครก อิอิ
6 สิงหาคม 2546 13:07 น.
เจือจันทร์
@ค่ำคืนหนาวยามดาวเลือนเดือนกระจ่าง
เปิดหน้าต่างรับทางลมผสมเสียง
แว่วรำพึงลมรำพันสรรสำเนียง
ลมหรือเพียงพัดเรื่องราวมายาวไกล
@ลมพัดพาความรักมาเมื่อคราก่อน
ยังอาวรณ์ตอนใกล้มดแสนสดใส
กำซาบซ่านสะท้านจิตสนิทใจ
ยังอาลัยแม้ไกลลับจะกลับคืน
@ลมพัดพาความเศร้ามาเมื่อคราโศก
แสนวิโยคโศกอนาถไม่อาจฝืน
ทรุดลงนั่งดั่งใจขาดไม่อาจยืน
แสนสะอื้นหมื่นสะทกอกสะเทือน
@ลมพัดพาหมู่มิตรมาเมื่อคราหลัง
ด้วยใจหวังตั้งมั่นไว้ในคำเพื่อน
ถึงยามห่างถึงทางแผกถึงแยกเลือน
แต่คำเพื่อนยังเตือนย้ำว่ายังจำ
@ลมพัดพาศัตรูมาเมื่อคราศึก
นั่งนึกนึกตรึกตรองตาช่างน่าขำ
กระดานหมากหากตั้งไว้ไม่กระทำ
คงหน้าดำด้วยรับกรรมทำฝ่ายเดียว
@ลมพัดพาความหวังมาเมื่อคราฝัน
ยังยืนยันฟันฝ่าไปไม่คืนเหลียว
แม้กระทบสบเกลียวคลื่นก็ฝืนเกลียว
ไม่หันเลี้ยวให้เกลียวแยกจนแตกเรือ
@ลมพัดพาความจริงมาเมื่อคราตื่น
กายต้องขืนยืนต้องแข็งแรงต้องเหลือ
จิตต้องตั้งหวังต้องมั่นไม่สั่นเครือ
ใจต้องเชื่อไม่เพรื่อพร่ำกระทำจริง
@ลมพัดพาหมาหอนมาเมื่อคราดึก
ใจระทึกตึกระรัวกลัวผีสิง
ขนลุกชันหวั่นสะทกอกประวิง
จึงรีบวิ่งทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
@ค่ำคืนหนาวยามดาวเลือนเดือนกระจ่าง
ปิดหน้าต่างขวางทางลมผสมเสียง
สิ้นรำพึงลมรำพันสรรสำเนียง
ลมหรือเพียงพัดเรื่องมาแล้วลาไกล
20 กรกฎาคม 2546 14:22 น.
เจือจันทร์
@ รอรถเลยล่วงแล้ว........เวลา พี่เอย
สองหกเมล์ไม่มา...............หม่นเศร้า
คอยนานบ่เห็นหน้า...........รถผ่าน เลยนา
น้องนั่งเหน็บกินก้น...........บ่นบ้า คนเดียว
@ เหลียวลองมองม่องป้าย..รถเมล์
เห็นแต่คนเหยเก..............เท่ห์มาก
พวกเขาต่างรอเมล์.............ทุกท่าน หนอพี่
จึงบ่บ่นทนไว้.....................ไม่ท้อ รอเมล์
*****แต่งเล่นยามรอรถเมล์กลับบ้านแจ่มจ้า****
10 กรกฎาคม 2546 21:59 น.
เจือจันทร์
@แสงดาวพราวพร่างเพี้ยง..........แสงดาว
ล้ำค่าพรายพร่างพราว..................ค่าล้ำ
ดารดาษส่องสกาว.......................ดารดาษ
งามดั่งดวงพรายน้ำ....................ดั่งน้ำพรายงามฯ
@เดือนยามอร่ามฟ้า....................เดือนยาม
หล้าแหล่งแจ้งวาววาม..................แหล่งหล้า
ส่องสว่างสมดังนาม....................ส่องสว่าง
แสงก่องส่องผืนฟ้า.....................ก่องฟ้าส่องผืนฯ
@เมฆาครืนเคลื่อนคล้อย..............เมฆา
ริ้วร่องยามเลื่อนลา......................ร่องริ้ว
พลิ้วระหว่างทางลมพา..................พลิ้วระหว่าง
ลอยห่างราวร้อยนิ้ว......................ห่างนิ้วราวร้อยฯ
@ฝนคล้อยฝนห่างฟ้า..................ฝนคล้อย
คุ้นกลิ่นดินรินร้อย........................กลิ่นคุ้น
กรุ่นกล่อมฟุ้งหอมฟ้อย.................กรุ่นกล่อม
พรมพร่ำหวานฉ่ำวุ้น......................พร่ำวุ้นฉ่ำหวานฯ
@คนงานกร้านหว่านกล้า...............คนงาน
คร้านเกียจเดียดฉันท์การ..............เกียจคร้าน
คงนิ่งบ่ได้นาน............................คงนิ่ง
เช่นดั่งคนตายด้าน.......................ดั่งด้านตายคนฯ
9 กรกฎาคม 2546 15:19 น.
เจือจันทร์
@นักเลงกลอนนอนกร่างอยู่กลางแคร่
กลางแคร่แลดาวพราวห้วงหาว
ห้วงหาวพราวแจ้งด้วยแสงดาว
แสงดาวสาวแดงแสลงใจ
@แสลงใจไฉนแดงมาแกล้งพี่
แกล้งพี่กี่แพงแดงรู้ไหม
รู้ไหมใคร่แดงดั่งแสงไฟ
แสงไฟไสฟืนสุดฝืนทน
@ฝืนทนฝนเททะเลคลื่น
ทะเลคลื่นครืนครืนดั่งคลื่นฝน
คลื่นฝนขนฟืนไปขืนคน
ขืนคนฝนครืนให้ฝืนคอย
@ฝืนคอยฝอยคืนยังยืนย่ำ
ยืนย่ำย้ำชมชื่นลมฝอย
ลมฝอยลอยฟ่องมาล่องลอย
ล่องลอยคอยนางอยู่กลางดาว
@กลางดาวกราวดังดั่งกลองใหญ่
กลองใหญ่ใกล้ยองประคองสาว
ประคองสาวเราสองประคองดาว
ประคองดาวสาวแดงกับแสงจันทร์
@แสงจันทร์สัญจรไปนอนไหน
นอนไหนไม่ร้อนหรือนอนนั่น
นอนนั่นมันร้อนไม่นอนมัน
นอนมันนั่นหมอนไปนอนลง
@นอนลงนงอรนอนตักพี่
ตักพี่นี้พลีรตีสงค์
รตีสงค์ตรงสีนรีองค์
นรีองค์นงอรน้องนอนเพลิน
@นอนเพลินเนินพร่างสว่างจ้า
สว่างจ้าว่าจางให้นางเขิน
นางเขินเนินขางพานางเดิน
นางเดินเพลินชมนิยมไพร
@นิยมไพรไหนเล่าโน่นเจ้านก
เจ้านกจกเนาข้ามเขาใหญ่
เขาใหญ่ใครเหย้าให้เขาไป
เขาไปใครเป่าให้เขาแปลง
@เขาแปลงแขนงปลายโน่นไม้กิ่ง
ไม้กิ่งมิ่งกายเงาไม้แฝง
ไม้แฝงแมลงลายพิษร้ายแรง
ร้ายแรงแดงน้องต้องระวัง
@ต้องระวังรั้งไว้แล้วย้ายยาตร
ย้ายยาตรย่างเยื้อนจากเถื่อนเขา
เถื่อนเขาเถาเขื่อนค่อยเลื่อนเลา
เลื่อนเลาเข้าเรือให้เหลือใจ
@เหลือใจไหลเจือพายเรือจ้วง
เรือจ้วงล่วงเรือเจือน้ำใส
น้ำใสไหนซ้ำเปรียบน้ำใจ
น้ำใจไหนจะซ้ำให้ช้ำบัว
@ช้ำบัวชั่วน้ำซ้ำกระฉอก
ซ้ำกระฉอกลอกคลื่นจะกลืนหัว
กลืนหัวกลัวหายเหมือนสายบัว
สายบัวขั้วใบมันไร้บัง
@ไร้บังรั้งใบไว้กับต้น
กับต้นพ้นเงาเจ้าเต่าหวัง
เต่าหวังตั้งไว้ใช้ชีพยัง
ชีพยังชั่งใจแม้ไร้บัว
@ไร้บัวกลัวใยใช่ไร้เจ้า
ไร้เจ้าเร้าใจให้ฟ้าหลัว
ฟ้าหลัวมัวแสงจะแล้งตัว
แล้งตัวกลัวแดงจะแกล้งเรา
@แกล้งเราเฝ้าพรอดจะกอดเจ้า
กอดเจ้าเฝ้าฟอดจะกอดสาว
กอดสาวเจ้ายึกยักกลับพลักเรา
พลักเราจนเขาพรากตกจากเรือ
@นักเลงกลอนนอนทุ่งสะดุ้งตื่น
สะดุ้งตื่นฟื้นฝันมาน่ากลัวเหลือ
กลัวเหลือถูกสาวผลักตกจากเรือ
จากเรือแล้วจากลามาเล่ากลอนฯ