7 มีนาคม 2546 18:59 น.
เจรนัย
โค้งสุดท้ายไม่ว่าใครต่างมุ่งหวัง
เพื่อถึงฝั่งหมายมั่นจะศึกษา
มหาลัยใครก็อยากจะเข้ามา
แต่หนทางลำบากหนาเหลือกำลัง
ไม่มีพวกไม่มีทีมไม่มีพ้อง
เมื่อเข้าห้องเตรียมสอบกันทุกท่าน
ทิ้งเรื่องเพื่อนทิ้งเรื่องพ้องเพื่อชีวัน
แล้วสู้กันกับตัวเองหลายชั่วโมง
สอบคณิตต่ออังกฤษก็แทบบ้า
มาสอบไทยต่อวิทยาเกือบตายโหง
เจอสังคมตอนปิดท้ายก็ลงโลง
คิดจะโกงก็ไม่ได้เดี๋ยวตายฟรี
คะแนนออกก็ต้องลุ้นกันอีกรอบ
ว่าการสอบจะได้ไปมอไหนนี่
ที่เลือกไว้จากคะแนนแย่สิ้นดี
มันจะมีทางติดได้อย่างไร
แล้วผลออกบอกว่าได้ม.บูแล้ว
พ่อแม่แก้วอยากตะโกนจนเสียงหาย
ทนลำบากเพื่อได้พรประดับกาย
ได้เรียนในมหาลัย...เอ้าไชโย
น้องที่กำลังEnt ก็พยายามเข้านะ...เพื่อตัวเองและคนที่คุณรัก!
5 มีนาคม 2546 19:47 น.
เจรนัย
สานวิญญาณบรรพชนคนสยาม
ที่เล่าตามนามกวีศรีอักษร
สืบตำนานแผ่นดินถิ่นบิดร
ที่ได้สอนสั่งข้ามาช้านาน
เราคือผู้สืบทอดตามสมัย
ให้เมืองไทยคงวิจิตรเช่นคำขาน
เลือดกวีแผ่ซ่านเช่นสายธาร
ที่ล่องผ่านทั่วสยามงามฤดี
มรดกเช่นนี้หาเทียมไม่
เราชาวไทยควรประจักษ์ในศักดิ์ศรี
ปล่อยวิญญามาลิ้มรสบทกวี
ให้ลือนามสยามศรีกวีทอง
3 มีนาคม 2546 15:39 น.
เจรนัย
ไปไหนดีไปไหนดีไปไหนได้
มองใครใครมีที่ไปก็ไร้หวัง
เกิดมาผิดโชคชะตาอาภัพจัง
ชีวิตยังเอาแค่รอดแทบถอดใจ
เป็นเพียงเด็กกำพร้าหน้าอดสู
มีชีพอยู่ไปวันวันตามอาศัย
ก็ไร้พ่อขาดแม่ให้ทำไง
กำพร้ากายกำพร้าใจใยมองเลว
ขาดพ่อแม่เหมือนขาดแร่สายชีวิต
ดินที่คิดปูนปั้นก็ดันเหลว
อย่าทำร้ายเขาไปด้วยไฟเปลว
ที่เผาหลอมความเลวของสังคม
เอาใจเขาใส่ใจเราดูบ้างเถิด
จิตใจเปิดรับแง่ดีบ้างซักหน
เขากับเราก็เหมือนกันนั่นคือคน
สร้างโอกาสให้เขาพ้นจากบ่วงกรรม...