3 มีนาคม 2546 15:39 น.
เจรนัย
ไปไหนดีไปไหนดีไปไหนได้
มองใครใครมีที่ไปก็ไร้หวัง
เกิดมาผิดโชคชะตาอาภัพจัง
ชีวิตยังเอาแค่รอดแทบถอดใจ
เป็นเพียงเด็กกำพร้าหน้าอดสู
มีชีพอยู่ไปวันวันตามอาศัย
ก็ไร้พ่อขาดแม่ให้ทำไง
กำพร้ากายกำพร้าใจใยมองเลว
ขาดพ่อแม่เหมือนขาดแร่สายชีวิต
ดินที่คิดปูนปั้นก็ดันเหลว
อย่าทำร้ายเขาไปด้วยไฟเปลว
ที่เผาหลอมความเลวของสังคม
เอาใจเขาใส่ใจเราดูบ้างเถิด
จิตใจเปิดรับแง่ดีบ้างซักหน
เขากับเราก็เหมือนกันนั่นคือคน
สร้างโอกาสให้เขาพ้นจากบ่วงกรรม...
6 กุมภาพันธ์ 2546 17:35 น.
เจรนัย
สิ้นเสียงเรียกสำเนียง เสียงสวาท บาดใจ
แม่ล้มกลิ้งดิ้นทุลาย แทบบ้า
ยมทูตพรากลูกไป ไกลจาก นิรันดร์กาล
สถิตเหลือไว้แต่ร่าง ฝังไว้ กับดิน
ทุกชีวิตมันช่างดู แสนสั้น
ทุกชีวันนั้นไม่ช้า ก็สิ้น
เป็นบ่วงกรรมที่ย้ำ เตือนจิต คิดจริง
ไม่ประมาทก็สุขยิ่ง ทบทวน ชีวา
28 มกราคม 2546 13:03 น.
เจรนัย
ดั่งก้อนหินแม้นิ่งยังกลิ้งได้
ดั่งไม้ใหญ่เอนไหวไม่หักโค่น
ดั่งลูกไม้โดนหน้าเอาตาโปน
ดั่งดินโคลนพอเผาราคาแพง
คนหนึ่งคนใช่ว่าจะไร้ฤทธิ์
เรามีสิทธิสรรค์สร้างฤทธิ์กำแหง
ขอให้ใช้ถูกตามทางแสดง
ก็จะเป็นพรแฝงไว้กับตัว
12 ธันวาคม 2545 17:11 น.
เจรนัย
ฉันเพียงแค่คนรู้เห็น
เรื่องราวที่เป็นสัจจะ
ไม่ใช่คนชอบปะทะ
หาเรื่องหาราวใส่ตัว
เห็นจริงก็เขียนตามจริง
ไม่อิงอย่างอื่นจนมั่ว
อำนาจอำเนิจไม่กลัว
กลัวแค่บิดเบียนเรื่องราว
ไม่ขุดไม่ค้นไม่รื้อ
เพียงใช้แค่มือเล่ากล่าว
และตาเป็นจอบอกเรื่องราว
ข่าวคราวเป็นมาเป็นไป
ใครใครก็หาว่าชั่ว
คนกลัวด่าตามวิสัย
ขึ้นโรงขึ้นศาลเรื่อยไป
สุดท้ายก็เข้าตาราง
ความจริงมันอยู่ที่ไหน
ใครใครจะมาสะสาง
มีแต่โดนมายาพลาง
แล้ววางว่ารู้ความจริง
รู้ไหมชาติไร้พึ่งพิงแล้ว
มั่วหลงลูกแก้วเฉิดฉินท์
ชาติเลยต้องจมลงดิน
เพราะคนชั่วไร้ถิ่นพันธนาการ
12 ธันวาคม 2545 16:43 น.
เจรนัย
จงอย่ากลัวจงอย่าท้อจงอย่าหวั่น
เมื่อถึงวันที่ต้องสู้อย่างโดดเดี่ยว
ไร้มวลมิตรเพื่อนฝูงที่กลมเกลียว
ที่เคยเที่ยวไปมาหาสู่กัน
มาวันนี้ต้องไปไกลปืนเที่ยง
ทำอย่างเยี่ยงอุดมการณ์ที่วาดฝัน
ถึงห่างมิตรตรึงจิตมิตรนิรันดร์
แค่จากกันใช่จากร้างตลอกกาล