12 เมษายน 2546 19:15 น.

บทความกระเทือนใจ

เจนนี่

เราต่างกันเกินไป" (แล้วเธอมาจากดาวไหนล่ะ?) 

"เราไปด้วยกันไม่ได้หรอก" (จะไปไหนเหรอ?) 

"ยังมีคนอื่นที่ดีกว่าฉันนะ" (แน่น้อนนน!!) 
"เธอไม่ใช่" (ไม่ใช่อารายเหรอ?) 
"เธอไม่ใช่คนนั้น" (อืม...แล้วคนไหนล่ะ?) 
"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกหย่างนะ" (ดี ไม่เปลือง) 
"ฉันอยากมีพี่ชาย" (ผมไม่อยากได้น้องสาวนี่) 
"ฉันชอบเธอแบบพี่ชายมากกว่า" (งั้นผมคงเป็นพี่ชายคนที่ 8 ของเธอ) 
"มันสายไปแล้วล่ะ" (จริงๆน่าจะจบกันตั้งนานแล้วนะ ฮ่าๆ) 
"เราจบกันแค่นี้นะ" (อ้าว ! แล้วจะให้จบแค่ไหนอ่ะ) 
"เธอเป็นคนดีเกินไป" (ชอบคนเลวใช่ม่ะ...ด้ายยยย) 
"เธอก็น่าจะรู้" (ฉันไม่ได้มีพลังจิตอ่านใจคนได้นี่) 
"เธอไม่เข้าใจฉัน" (แล้วจะให้เข้าไปทางไหนล่ะ) 
"เราเป็นแค่เพื่อนกันดีกว่านะ" (เพื่อนมีเยอะแล้ว...เพื่อนมีแยะแล้ว) 
"เธอตัดใจซะเถอะ" (ตัดก็ตาย เด้) 
"เราเหมือนเส้นขนานกันนะ" (เส้นขนานอย่างน้อยก็ไปด้วยกันได้) 
"นึกถึงความจริงบ้างสิ" (แล้วนี้ฉันฝันอยู่หรืองัย)				
11 เมษายน 2546 17:56 น.

มุมมองดีดี

เจนนี่

มุมมองดีดี

- มีขยะที่ต้องเก็บหลังงานปาร์ตี้เลิก 
นั่นหมายความว่าเราได้อยู่กับเพื่อนๆ 

- มีภาษีที่ต้องจ่าย 
หมายความว่าเรามีงานทำ 

- มีเสื้อผ้าคับเกินไป 
หมายความว่าเรามีอาหารเพียงพอที่จะกิน 

- มีเงาตามหลังขณะเราทำงาน 
หมายความว่าเราได้ออกไปรับแสงแดด 

- มีสนามหญ้าที่ต้องตัด หน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด ท่อน้ำที่ต้องซ่อม 
หมายความว่าเรามีบ้านอยู่ 

- เสียงด่ารัฐบาลที่เราได้ยิน 
หมายความว่าเรามีเสรีภาพที่จะพูด 

- ได้ที่จอดรถที่ไกลที่สุดของพื้นที่จอด 
นั่นหมายความว่าขาเรายังเดินได้ 

- เสื้อผ้ากองใหญ่ที่ต้องซักรีด 
หมายความว่าเรายังมีเสื้อผ้าใส่ 

- รู้สึกเมื่อยล้าหลังการทำงานในแต่ละวัน 
หมายความว่าเรายังทำงานได้ 

- เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นทุกเช้า 
หมายความว่าเรายังมีชีวิตอยู่ 

- ได้เสียเวลาอ่านหน้านี้ 
หมายความว่าเรามีเพื่อนที่ยังคิดถึงเรา คอยส่งมาให้เราอ่าน..นะจ๊ะ				
19 มีนาคม 2546 17:21 น.

น้องชายกับพี่สาว

เจนนี่

อุทาหรณ์จากเรื่องจริง.................ที่เกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว 
เหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว 




เช้าวันหนึ่ง พี่ชายอายุ 15 น้องสาวอายุ 13 อยู่ในบ้านตามลำพัง 2 
คนในวันหยุด "พี่ชายค่ะ พี่ชาย" 
น้องสาวเข้ามาในห้องพี่ชายด้วยความกระวนกระวาย 
"เกิดอะไรขึ้น" พี่ชายร้องทักด้วยความเป็นห่วงน้องสาว 
น้องสาวเอ่ยปากบอกพี่ชายด้วยความกังวลไปว่า 
"พี่ชายค่ะ เออ...คือว่า 
น้องรู้สึกว่ามีบางอย่างอะไรในตัวน้องเปลี่ยนไป" 
"มันเป็นงัยเหรอ" พี่ชายถามด้วยความสงสัย 
"น้องรู้สึกว่ามันกำลังจะใหญ่ขึ้นทุกวันๆ" 
"ใหญ่ขึ้นเหรอ" 
พี่ชายพูดพร้อมทำตาเบิกโพลงด้วยความสนใจแล้วเอ่ยปากว่า 
"ขอพี่ดูหน่อยได้ไหมจ๊ะ" 


พี่ชายดึงตัวน้องสาวลงมานั่งที่ขอบเตียง 
แต่น้องสาวได้เลื่อนมือมาปิดไว้เสียแล้ว 
"น้องเอามือออกซิ พี่ชายจะดูว่ามันใหญ่ขึ้นจริงมั๊ย" 
น้องสาวเลื่อนมือออกด้วยความเขินอาย 
"ทำไมใหญ่จัง" พี่ชายร้องด้วยความตกใจ 
พร้อมเอื้อมมือจะไปสัมผัส "พี่ชายจะทำอะไรน้อง" 
"พี่ชายแค่อยากสัมผัส ขอพี่จับได้ไหม" 
พี่ชายเอ่ยปากด้วยสายตาที่วิงวอน 
ด้วยความสงสารพี่ชาย น้องสาวจึงตอบไปด้วยความเต็มใจ 
"ได้ซิพี่ชาย" "สีชมพู เต่งตึง" 
พี่ชายพูดพร้อมคลึงไปพร้อมกัน 
เกินที่น้องสาวจะเก็บความรู้สึกไว้ได้จึงพูดโพลงออกมาว่า 

"อือออ......อาว.......พี่ชายจ๋า น้องทรมานเหลือเกิน" 
เมื่อพี่ชายได้ยินเช่นนั้นพี่ชายดึงร่างน้องสาวมานอนบนเตียง 

"นอนลงซิจ๊ะพี่ชายจะช่วยให้น้องหายทรมาน" 
"โอ๊ย...พี่ชายพอก่อน น้องเจ็บ" 
น้ำตาของน้องสาวไหลออกมาด้วยความเจ็บ 
ด้วยความสงสารพี่ชายจึงเอานิ้วคลึง 
เพื่อบรรเทาความเจ็บให้น้องสาว "หายเจ็บหรือยังจ๊ะ พี่ก็เพิ่งจะทำครั้งแรกนิ " พี่ชายถาม "ดีขึ้นแล้วจ๊ะ" น้องสาวตอบไปพร้อมเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม 
"งั้นพี่ทำเบา ๆ ก่อนน่ะ" 
น้องสาวพยักหน้าพร้อมรับสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น 
พี่ชายออกแรงกดช้า ๆ "อืออ....โอวววว...." 
น้องสาวร้องฟังไม่เป็นศัพท์ "อืออ....อูยย..ดีจังค่ะ 
พี่จ๋าของน้องจะแตกแล้ว แรงๆเลยจ๊ะ โอวว..." 
พี่ชายออกแรงกดตามเสียงร้องน้องสาว 
"โอวว...อูยยย... พี่จ๋าน้องไม่ไหวแล้ว จะแตก แตก....แตก..แตกแล้ว" 
พี่ชายพลิกตัวมานอนด้วยความเหนื่อยหอบ 
"พี่ชายดูซิ เลอะหน้าน้องหมดเลย แสบด้วย" 
น้องสาวตัดพ้อพี่ชาย พี่ชายหันมายิ้มพร้อมพูดว่า 
"ครั้งแรกไม่ใช่เหรอ มันก็ต้องเจ็บ ต้องแสบเป็นธรรมดา" 
"มีเลือดออกด้วย" น้องสาวร้องลั่นด้วยความตกใจ 
พี่ชายจึงพูดออกไปด้วยความรำคาญ 

"มันก็ต้องมีเลือดออกซิ สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ขนาดนี้ 
ไม่ดูแลหน้าตาตัวเองเลยปล่อยให้เป็นสิวหัวช้างได้" 
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ล้างหน้าทุกเช้าและก่อนนอน 
จะไม่เป็นสิวน่ะจ๊ะ" 

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...เหอ เหอ เหอ เหอ...ฮิ้ววววววว!...				
12 กุมภาพันธ์ 2546 18:14 น.

ไดอารี่เเห่งความทรงจำ

เจนนี่

ความเศร้าได้คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ   ความหลังที่แม้จะดูเลือนลาง  แต่คงมีเพียงการบันทึกเท่านั้นที่ทำให้เราจำความหลังนั้นได้  แสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านเข้ามาในตัวรถ ทำให้เขานึกถึงเรื่องราวเก่าๆ เขาจึงหยิบไดอารี่สีแดงในกระเป๋าออกมาอ่าน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

        นี่มันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว มีเพียงภาพๆหนึ่งที่ฉันยังคงจำได้จนติดตา มันคือ ภาพเขานั่นเอง !! ใช่..ฉันยังจำเขาได้ เด็กหนุ่มรูปร่างสันทัดและสูงมาก ใบหน้าอันอ่อนโยนของเขาเป็นใบหน้าที่ทำให้ฉันหวั่นไหวเสมอ และฉันยังจำได้อีกว่า ฉันพบเขาครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้วเป็นตอนที่เขาย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่  ทุกอย่างมันเหมือนกับความฝันที่ฉันและเขาเรียนอยู่ห้องเดียวกันและสิ่งที่ทำให้ฉันดีใจที่สุดก็คือ เขาชวนฉันกลับบ้านพร้อมกับเขา นั่นทำให้ฉันสนิทกับเขามาขึ้นสนิทมากจนฉันคิดว่า ฉันรักเขาเข้าแล้วล่ะ 
         วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันอยู่ ม.4  ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อว่า ฉันกับเขาอยู่คนละห้อง  เมื่อโรงเรียนเลิก ฉันเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกจากโรงเรียนอย่างเศร้าๆ และหวังที่จะได้พบเขา และแล้วฝันของฉันก็เป็นจริง  เขากำลังวิ่งตรงมาทางฉัน
 จีจี รอเราด้วยสิ 
 อ้าว...เอิร์ธ มีอะไรเหรอ   ฉันถึงกับต้องเงยหน้าคุยกับเขา
 รอเราหน่อยได้ไหม วันนี้เราจะกลับด้วย 
 จ๊ะ   ฉันตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
         เราสองคนกลับบ้านด้วยกันหลายครั้ง ส่วนมากแล้วเอิร์ธมักพาเพื่อนของเขามาด้วย
 เอ่อ..ถึงบ้านเราแล้วล่ะ ขอบใจนะที่กลับเป็นเพื่อนเรา แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะ   ขณะที่ฉันกำลังหันหลังแล้วเดินเข้าบ้าน เอิร์ธก็ดึงฉันไว้
 เดี๋ยวก่อน! จี เรามีอะไรจะบอก   
ฉันจึงหันหลังกลับไปถามแต่ก็ต้องตกใจ  มีอะไรหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าแดงเชียว 
 เอ่อ..ก็..เอ่อ..ที่เราจะบอกก็ .. คือว่าเอ่ออ.อ  
 อะไรล่ะ พูดว่าเอ่ออยู่ได้   เขาหน้าแดงขึ้นไปอีก
 เอ่อก็เราเก็บไว้ในใจมาสักพักแล้ว  แต่เราไม่มีโอกาสที่จะบอก จี 
    เมื่อเขาพูดจบ ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่า ใบหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นแรงและเร็ว เขาจะคิดเหมือนฉันหรือเปล่านะ เขาจะบอกว่า เขาชอบเราหรือเปล่า ฉันคิด
 เอ่อ..ทีเราอยากจะบอกก็คือเรา..เราไปล่ะนะ  บาย 
    แล้วเขาก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนนิ่ง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงก่ำไปถึงใบหู
         หลายวันต่อมาฉันไม่มีโอกาสได้คุยกับเอิร์ธเลย แต่ทุกครั้งที่เราเจอกัน เขาจะยิ้มให้ฉันเสมอ ทำให้ฉันดีใจจนแอบปลื้มในตัวเขาไปเสียแล้ว
         ช่วงพักกลางวันของวันหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังเดินขึ้นห้องเรียน ฉันก็ได้ยินเติมพูดกับเอิร์ธ..
 เอิร์ธ ตกลงแกจะเอายังไงกันแน่ ตัดสินใจเสียทีสิวะ  
 รออีกหน่อยไม่ได้หรือไงเรายังไม่กล้าไปพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่เราวะ 
 ทำไมวะ แล้วแกจะรอให้ไอ้มิคมันมาฆ่าแกก่อนหรือไง  
 เออก็ได้ บอกก็บอก แต่นายต้องไปกับเรานะ 
 เออ..ไปแน่ อย่าลืมล่ะ 
    แล้วเขาก็เดินจากไป หลังจากที่ฉันฟังแล้ว  มันก็ทำให้ฉันตกใจมาก เอิร์ธน่ะเหรอ ไปมีเรื่องกับคนต่างโรงเรียน  ทำไมเขาไม่มาปรึกษาฉันบ้างนะ  ฉันคิดเรื่องนี้ตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเลิกเรียน
         ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกจากโรงเรียนอย่างกระวนกระวาย ฉันก็เห็นกลุ่มนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าโรงเรียน มันทำให้ฉันตกใจกลัวเป็นอย่างมาก และ
 จี!!!   เสียงของเอิร์ธนั่นเอง ที่ทำให้ฉันตกใจ  แต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
 มีอะไรเหรอ เอิร์ธ 
 วันนี้เรากลับด้วยนะ 
 อ๋อ..ได้สิ 
 แต่วันนี้กลับทางหลังโรงเรียนได้ไหม 
 ทำไมล่ะ กลับด้านหน้าก็ได้นี่    ฉันถามเขา ทั้งๆที่ฉันก็น่าจะรู้คำตอบดี
 เอ่อ..ไว้เราจะเล่าให้ฟังวันหลังนะ รีบไปเถอะ 
 เดี๋ยวสิ   ก่อนที่ฉันจะพูดจบ เขาก็จับมือฉันและพาวิ่งไปหลังโรงเรียนทันที
         ขณะเดินกลับบ้าน เราทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว นี่คงเป็นการกลับบ้านด้วยกันที่เงียบเหงาที่สุด ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะร้องไห้
 ถึงแล้ว จี อ่าว..เป็นอะไรไปล่ะ ร้องไห้ทำไม   แล้วเขาก็ส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉัน 
 ขอบใจนะ  ฉันเช็ดหน้าด้วยความอายและใบหน้าร้อนผ่าว 
 ไม่เป็นไรหรอก   เขาตบบ่าฉันเบาๆ   แล้วจีร้องไห้ทำไมล่ะ อย่าร้องเลยนะ มีอะไรก็เล่าให้เราฟังสิ เร็วเข้า..ยิ้มหน่อยสิ เดี๋ยวไม่สวยนะ   เขาบอกฉัน  นั่นไม่ทำให้ฉันสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย แต่ฉันก็พยายามยิ้ม แล้วเช็ดน้ำตาอีกครั้ง 
 เอิร์ธ แล้วทำไมต้องกลับทางด้านหลังด้วยล่ะ   ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
 เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอก
 นี่ๆ อย่ามาโกหกกันนะ 
 โธ่ๆ ก็ได้ งั้นคืนนี้จะโทรหานะ 
 อืม   ฉันตอบ แล้วก็รีบไล่ให้เขากลับไปเพราะมันเย็นมากแล้ว
    ในคืนนั้นฉันรอโทรศัพท์จากเขา รอแล้วรออีก 2ทุ่ม...3 ทุ่ม 4ทุ่ม ... รอรอไปเรื่อยๆจนฉันเผลอหลับไป


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


          ความจริงแล้วเรื่องมันจบเพียงแค่นี้  แต่หลังจากผมได้อ่านมัน  ผมก็รู้ว่าต้องเขียนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้จบ เอาเป็นว่า
         เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน ผมไปมีเรื่องกับมิค มีเรื่องกับเขาเพราะ เป้ง วันนั้นผมกำลังเดินทางกลับบ้านพร้อมกับไซ ผมก็ไปแวะซื้ออาหารตามปกติ ผมได้ยินเป้งคุยกับเพื่อนของเขาเรื่องจี  ผมไม่ขอบอกแล้วกันว่า เขาพูดว่าอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เขาพูดทำให้ผมโกรธมาก  ผมจึงเดินเขาไปต่อยเขา เป้งโกรธมาก พวกเราจึงชกต่อยกัน  แต่พวกเราโชคดีเพราะขณะนั้นมีตำรวจเดินผ่านมา เป้ง ผมและไซจึงรีบวิ่งหนี  วันต่อมาผมคิดว่าเป้งคงไปฟ้องมิค เขามาดักทำร้ายผม โทรศัพท์มาขู่ผมต่างๆนานา  ผมกลัวมาก ผมจึงไปปรึกษาเติมที่โรงเรียน เติมบอกผมว่า ผมควรจะบอกพ่อกับแม่  ผมทำใจแทบตายกว่าจะกล้าพูดออกไป ท่านทั้งสองคนตกใจมาก เราคุยกันนานนานมากนานจนผมลืมโทรไปหาจี 
         เช้าวันต่อมา ผมตื่นขึ้นและตกใจมาก ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมลืมโทรหาเธอ ผมจึงรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพื่อมารอเธอที่หน้าบ้านของเธอ และผมก็คิดว่า นี่คงเป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง    
 จี!!! เราขอโทษ 
 ขอโทษเรื่องอะไร  เธอถามผมอย่างงงๆ เหมือนกับว่าเธอลืมไปแล้ว
 ก็เรื่องเมื่อคืนไง ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรไปตามที่เราบอกเธอ 
 อ๋อ..ไม่เป็นไรหรอก  แต่ว่ามาหาเราที่บ้านทำไมล่ะ ไปบอกเราที่โรงเรียนก็ได้นี่ 
 ก็เราอยากจะอธิบายเรื่องระหว่างทางน่ะ   ผมตอบ แต่ผมไม่ได้หมายความอย่างที่พูด เพราะเหตุผลจริงๆของผมก็คือ สารภาพรักกับเธอในวันนี้  ผมหลงรักเธอมานานแล้วรักเธอมาตั้งแต่พบเธอครั้งแรกก็ว่าได้ แต่ผมไม่กล้าที่จะบอกรักเธอเพราะผมเปลี่ยนใจในตอนหลัง แต่คราวนี้คงไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว
 อืม..  เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหวั่นไหวเสมอ และผมก็ไม่คิดว่า จะได้เห็นรอยยิ้มนี้เป็นครั้งสุดท้าย
         ระหว่างทาง ผมก็อธิบายให้เธอฟังว่า ทำไมถึงต้องกลับทางหลังโรงเรียน ทำไมถึงไม่ได้โทรหาเธอ ทำให้ผมได้รู้ว่า เธอพอจะรู้เรื่องราวมาบ้างแล้ว เธอถามผมหลายครั้งว่า ทำไมผมถึงทำอย่างนั้น แต่ผมก็ตอบเธอไม่ได้  เราเดินคุยต่อไปเรื่อยๆผมคิดว่า เธอคงเข้าใจผม ผมยังคงอธิบายต่อไป
         และแล้ว ผมก็ตัดสินใจจะเปลี่ยนเรื่องคุย ผมจะสารภาพกับเธอ จะบอกเธอว่า ผมรักเธอ แต่ผมก็ไม่มีโอกาสอีกครั้ง เพราะ
 มิค    นั่นทำให้ผมตกใจมากจนหน้าซีดไปเลย คงเป็นเพราะผมกลัว ผมดึงเธอไว้ไม่ให้เดินต่อ เธอเลยหันมามองผม
 เอิร์ธ มีอะไรเหรอ  
 ป่าว...ไปกันเถอะ ผมจับมือเธอแน่น แต่...เราก็ไปไม่ได้เพราะมิคและเพื่อนของเขา 4-5 คนขวางทางเรา
 จะไปไหน มาคุยกันก่อนเซ่... มิคบอก แล้วเขาก็ผลักผม   ใครวะ !! สวยนี่หว่า
 นี่แหละจี   เป้งพูด พร้อมกับมองผมด้วยสายตาที่เกลียดชัง
 อ๋อคนนี้เองน่ะเหรอ   แล้วมิคก็เดินตรงมาทางจี  ผมเตรียมพร้อมที่จะพาจีวิ่ง แต่
 อย่ายุ่งกับเธอนะ!!   เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของผม แต่เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคย เสียงของเติมนั่นเอง เขาเดินเข้ามาพร้อมกับไซและหิน  พวกเขาเดินเข้ามาขวางมิคไม่ให้เข้าใกล้จี
 แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก ไอ้เติม   มิคจึงหันไปคุยกับเติมแทน
 ก็เพื่อนเรานิ ทำไมจะยุ่งไม่ได้ล่ะ
 อ๋อ..เพื่อนแกเหรอ.. งั้นขอบอกแกไว้เลยนะว่า เพื่อนแกเนี่ยมาหาเรื่องพวกเราก่อน แกต้องจัดการกับเพื่อนแกด้วยนะโว้ย!!!      
 เออ..เรื่องนั้นเรารู้ งั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกัน   
         แล้วเติมก็ชกหน้ามิคอย่างแรงทำให้มิคล้มลง  จากนั้นพวกเราก็ชกต่อยกับพวกมิค ผมพยายามพาจีออกไปจากตรงนั้น แต่ผมก็ทิ้งเพื่อนไม่ได้ เติมเลยหันมาบอกผมว่า ไม่ต้องห่วงให้รีบพาเธอออกไป ผมจึงจับมือเธอวิ่ง ตอนนั้นเธอมีสีหน้าหวาดกลัวมาก เธอจับมือผมแน่นและน้ำตาของเธอไหลพรากไม่หยุด
 เอิร์ธ ระวัง!!!!    หินพูด
ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!..เสียงปืนดังขึ้น ในขณะที่ผมไม่ได้ระวังตัว
    ร่างของผู้หญิงที่ผมรักที่สุดล้มลง ผมทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วโอบร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนของผม ขณะนั้นน้ำตาของผมไหลพรากไม่หยุด  แต่เธอยังไม่ตาย เธอพูดกับผมด้วยเสียงที่เบาเบามาก  ผมพยามยามฟัง  แล้วผมก็ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด  เป็นคำที่ผมไม่คิดว่าเธอจะพูดออกมา
 เอิร์ธเราเรารักเอิร์ธนะ
 ไม่!!!!!!!!!!!!!   ผมตะโกนลั่น 
         เธอนอนนิ่ง เธอหลับตาลงหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้ม  น้ำตาของผมไหลพรากไม่หยุดอีกครั้ง เธอจากไปจากไปแล้วจากไปอย่างไม่มีวันกลับ..จากไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้มีโอกาสบอกเธอเลย ว่าผมรักเธอ 
         หลังจากเสียงปืนหยุดลง ทุกคนก็หยุดนิ่งเช่นกัน  เติม หินและไซวิ่งเข้ามาหาผม ทั้งสามคนตกใจมาก แต่ทั้งสามคนก็ยังคงนิ่งสนิท ต่างคนต่างทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งนิ่งและเสียใจกับการตายของจี  ส่วนเพื่อนของมิคต่างวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปหมด แต่มิคทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างเงียบๆ  ผมคิดว่า เขาคงตกใจและคิดว่าตัวเองทำสิ่งนี้ลงไปได้อย่างไร และผม ผมได้แต่นั่งร้องไห้ น้ำตาไหลของผมไม่หยุด ผมกอดเธอกอดเธอไว้ให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
         และแล้วทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็ว ผมเสียใจเสียใจมาก ผมเจ็บปวดที่เสียเธอไป แต่ก็คงไม่เจ็บปวดเท่าพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่เธอไม่ได้โทษอะไรพวกผมเลยแม้แต่น้อย แต่มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
         ผม เติม หินและไซ พวกเราทั้งสี่คนก็ไปงานศพของจี เติม หินและไซนั่งอยู่กับผม คอยปลอบใจผม เราคุยกันว่า เราจะทำอย่างไรต่อไป เขาทั้งสามคนมีแผนไว้แล้ว  ส่วนผม...ผมบอกพวกเขาว่า ผมคงไม่ได้เจอพวกเขาอีก เพราะผมกำลังจะย้ายบ้านพวกเราจึงสัญญากันว่า จะกลับมาเจอกันอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หลังจากงานศพเลิก พวกเราก็แยกย้ายกันไป
         ...ก่อนผมจะกลับ แม่ของจีก็เรียกผม
 เอิร์ธ แม่คิดว่า เอิร์ธควรจะเก็บสิ่งนี้ไว้นะ 
    แม่ของจีพูดแล้วจึงยื่นสมุดสีแดงเล่มเล็กให้กับผม มันเป็นไดอารี่ของจี เป็นไดอารี่ที่ทำให้ผมรู้เรื่องราวทั้งหมด ผมอ่านอ่านไปเรื่อย ผมคิดถึงเธอมากมากกว่าใครในโลก  แม้มันจะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ผมยังคงนั่งโทษตัวเองอยู่ ผมผิดเองผมผิดที่สร้างเรื่องนี้ไว้แล้วไม่แก้ปัญหา ทำให้ผมต้องสูญเสียเธอ แต่ละวันที่ผมดำเนินชีวิตต่อไปนั้น ไม่มีวันไหนที่ผมจะลืมเธอเลย 
  จีเราขอโทษ  
เอิร์ธ รัก จี

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -				
3 กุมภาพันธ์ 2546 18:17 น.

*+*+*+*+*+ เรื่องดีๆที่ไม่ควรพลาด *+*+*+*+*+

เจนนี่

คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.5 ของครูทั้งชั้นซะแล้ว ตั้งแต่วันแรกเลยด้วย คุณครูบอกเขาว่าครูรักเด็กๆ เท่ากันหมดเลย แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนนึงชื่อ เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาปีนึงและสังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดีๆ กับเด็กคนอื่นเท่าไหร่ ว่าเสื้อผ้าของเขาสกปรกและเค้าตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยแหละ และบางทีเท็ดดี้ก็เกเรด้วยถึงขั้นที่ว่าครูทอมป์สันสนุกกับการตรวจของเท็ดดี้ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว F ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ ที่โรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอน คุณครูต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนด้วย และครูก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย แต่ทันใดนั้นเมื่อคุณครูตรวจแฟ้มเข้า ครูทอมป์สันก็แปลกใจใหญ่เลยครับ เมื่อพบว่าครูชั้น ป.1 ของเท็ดดี้วิจารณ์มาว่า "น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว" คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.2 เขียนว่า "เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหาเพราะแม่ของเท็ดกำลังป่วยหนัก และชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ๆ" คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.3 เขียนว่า "เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไปเขาพยายามเต็มที่แล้วแต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรักความสนใจเขาเท่าไหร่ และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งพลกระทบต่อเขาแน่ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ" คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.4 เขียนว่า "เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควรไม่ค่อยมีเพื่อนและหลับในห้องเรียน ตอนนี้ คุณครูทอมป์สันรู้ถึงปัญหาแล้ว และอับอายในการกระทำของตนเองมาก ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีกเมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมาให้ ห่อในกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้ณแต่ของเท็ดดี้ ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว ครูทอมป์สันกัดฟันเปิดกล่องของเท็ดดี้ดูกลางกองของขวัญอื่น ๆ เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่าเท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำอยู่ก้นขวดแก่เธอ แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่ากำไลเส้นนั้นสวยเพียงใด สวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย เท็ดดี้ สต๊อดดารด์อยู่เย็นให้นานพอที่จะพูดว่า "ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ" หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้านครูทอมป์สันก็ร้องไห้อย่างนั้นเป็นชั่วโมง วันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียนและเลิกสอนเลขคณิต คุณครูเริ่มสอนเด็กๆ แทน คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น ภายในสิ้นปีนั้น เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และแม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น "ศิษย์โปรด" ของครู หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่าคุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี หกปีต่อมาครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ และคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้าง เขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็วๆ นี้ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง (เหรียญทอง) และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่าคุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดของเขาในชีวิตเขา จากนั้นสี่ปีผ่านไปแต่จดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มา ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด จดหมายนั้นอธิบายว่าคุณครูยังเป็นครูคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ชื่อของเขายาวขึ้นอีกหน่อย จดหมายนั้นลงชื่อว่า นพ. ทีโอดอร์ เอฟ สต๊อดดารด์ เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะ คือว่า ฤดูใบไม้ผลินั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนนึงและก็จะแต่งงานกัน เขาอธิบายว่าพ่อของเขาได้เสียไปเมื่อสองสามปีก่อนและเขาสงสัยว่าคุณครูทอมป์สัน จะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อเจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่ แน่นอนที่สุด ครูทอมป์สันก็มา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูก และต้องฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่าแม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน ครูกับศิษย์กอดกันกลมเลย และคุณหมอเท็ดก็กระซิบในหูคุณครูทอมป์สันว่า "ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญและแสดงให้ผมเห็นว่าผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้" ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า "หมอเท็ดจ๊ะ เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ เธอต่างหากที่สอนครูว่าครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้ ครูไม่รู้จักการสอนจนกระทั่งครูได้พบได้รู้จักเธอนั่นแหละ" เติมเต็มหัวใจของคนอื่นด้วยความรักเสียแต่วันนี้...........ส่งต่อเรื่องนี้ไปให้ คนอื่นได้อ่านด้วยและโปรดจำว่า ไม่ว่าคุณจะไปไหน หรือทำอะไร คุณจะมีโอกาสที่จะสัมผัสและ/หรือเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นเสมอ ขอให้คุณสัมผัสและเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นในทางทีดีด้วยล่ะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจนนี่
Lovings  เจนนี่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจนนี่
Lovings  เจนนี่ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจนนี่
Lovings  เจนนี่ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจนนี่