20 พฤศจิกายน 2545 18:21 น.
เจนนี่
ในเมืองนอกเมืองหนึ่ง สามีภรรยาคู่หนึ่งรักกันมากทั้งสองยากจนสามีมีรายได้พอเสียค่าเช่าบ้านค่าอาหารแต่ละวันเท่านั้น ไม่มีเงินเหลือเก็บเลยดังนั้นเมื่อมีอะไรชำรุดเสียหายจะซ่อมก็ต้องรอไปก่อนจนกว่าจะเก็บเล็กผสมน้อยได้ครั้งที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น สายนาฬิกาสามีขาด ก็ยังไม่มีเงินซื้อใหม่จึงมีแต่ตัวเรือนนาฬิกาใช้อยู่จนกระทั่งใกล้เทศกาลคริสตมาส ทั้งสองสามีภรรยาต่างก็คิดในใจว่าอยากจะให้ของขวัญแก่กันและกันเพราะนานแล้วไม่ได้ซื้ออะไรให้กันเลย สามีคิดถึงผมที่ยาวสลวยของภรรยาเขารู้ว่าภรรยารักผมของเธอมากเขาคิดถึงปิ่นปักผมงามๆ ที่จะทำให้เรือนผมของภรรยาจะยิ่งงามขึ้นอีกเขาอยากซื้อปิ่นให้แต่ไม่มีเงินพอ ฝ่ายภรรยาคิดถึงสามีที่ใช้นาฬิกาไม่มีสายอยู่นานแล้วนาฬิกาเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาและเรือนนี้เขารักมากก็คิดถึงสายนาฬิกาดีๆ มีราคาที่อยากจะให้สามีแต่ไม่มีเงิน
ทั้งคู่ก็เกิดความคิด ทั้งคู่คอยจนถึงวันที่ 24ธันวาคมโดยไม่แพร่งพรายให้รู้กันเลยเช้าวันนั้นสามีออกจากบ้านแต่เช้า ภรรยาเมื่อเห็นสามีไปแล้วก็รีบปิดบ้านออกจากบ้านไปด้วยแล้วภรรยาก็กลับเข้าบ้านก่อนเตรียมอาหารและของขวัญไว้คอยท่าสามี เมื่อสามีกลับมาบ้าน พอย่างเท้าเข้าบ้านเห็นหน้าภรรยาก็ชะงัก ถามภรรยาว่า " เธอไปทำอะไรกับผมของเธอ " ภรรยาตอบว่า " ฉันคิดว่าอยากจะเปลี่ยนทรงผมเสียที ผมสั้นๆ ก็ดูดีใช่ไหม " สามีพูดอะไรไม่ออกเขายื่นห่อของขวัญให้ภรรยาเมื่อภรรยาเปิดดู เธอเกือบจะร้องไห้เมื่อเห็นปิ่นปักผมเธอหยิบห่อของขวัญส่งให้สามีโดยไม่พูดอะไรอีกเมื่อสามีเปิดดูเขาเห็นสายนาฬิกาก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันทีเขาบอกภรรยาว่า " ฉันขายนาฬิกาเสียแล้วเพื่อซื้อปิ่นให้เธอ " แล้วทั้งสองก็กอดกันร้องไห้ด้วยความรัก และต่างเข้าใจในความรักของอีกฝ่ายหนึ่งที่ยอมเสียสละของที่ตนรักมากเพื่ออีกฝ่ายหนึ่งความรักมีมากจนไม่หวงสิ่งที่ดีที่สุด
18 พฤศจิกายน 2545 20:54 น.
เจนนี่
"พ่อครับ...ผมรักพ่อ เช้าวันศุกร์ ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง อีกสองวันก็ถึงวันที่ผมรอคอยและเตรียมตัวมาตลอด 2 ปี ผมเรียนพิเศษตลอด 2 ปี ก็เพื่อจุดหมายเดียวที่พ่อหวังไว้ ผมต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อให้ได้ ผมใช้เวลาวันละเกือบสิบชั่วโมง ใน 2 เดือนสุดท้าย เพื่อเตรียมตัวให้เหนือกว่าคู่แข่ง ช่วง 2 เดือนนี่เองที่ผมต้องนั่งทำแบบฝึกหัดจนถึงตี 3 ทุกวัน และก็ทุกวัน พ่อผมจะหากิจกรรมส่วนตัวของเขามานั่งทำเป็นเพื่อน เรานั่งอยู่ด้วยกันจนเกือบเช้าทุกวัน ทุกๆคืน ผมจะมีไมโลร้อนๆมาวางอยู่ข้างหน้า พร้อมๆกับมือของพ่อที่จะคอยตบบ่าให้กำลังใจ คอยเตือนว่า "นอนได้แล้วหละลูก อย่าเครียดเกินไปเลย" ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงนั้นลอดหูเข้ามาเลย มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยทุกวัน จนบางทีก็ออกจะรำคาญที่ถูกเตือนให้นอน เมื่อคืนก็เป็นเหมือนทุกคืน พ่อยังคงชงไมโลมาให้ แต่แปลกหน่อยตรงที่เมื่อคืนพ่อคุยกับแม่จนดึก แล้วค่อยมานั่งเป็นเพื่อนผม วันนี้วันศุกร์ อีกสองวันเอง ผมเดินสวนพ่อเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าอยากจะพูดอะไรด้วย แต่ก็ไม่ได้พูด ผมเดินไปแปรงฟันและอาบน้ำ ตอนเดินออกมาพ่อก็ออกไปทำงานเสียแล้ว วันนี้รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ ผมทำคะแนนจากข้อสอบปีเก่าๆได้คะแนนสูงมากกว่าที่ประเมินไว้ ประมาณสิบเอ็ดโมง ผมทำข้อสอบชุดสุดท้ายเสร็จ และก็ตั้งใจว่าถัดจากนี้ไป 2 วัน จะเป็นวันพักผ่อน เพราะไม่ต้องการให้เครียดก่อนวันสอบมาถึง ผมทำข้อสอบอยู่ชั้นสองของบ้าน น้องชายก็ขึ้นมาบอกว่าพ่อแวะเอาอาหารเข้ามาให้เรา ความรู้สึกตอนนั้นผมอยากจะลงไปบอกพ่อว่าทำคะแนนได้ดี แต่ก็คิดว่าอีกซักเดี๋ยวค่อยลงไป พอลงไปอีกทีพ่อก็ออกไปทำธุระเสียแล้ว ผมนั่งดูทีวีอยู่จนกระทั่งบ่ายสามโมง มีโทรศัพท์ดังขึ้น ผมเดินไปรับ เสียงของผู้หญิงลอดมาตามสาย ผมจับใจความได้ว่า เค้าพูดถึงชื่อพ่อผม และก็บอกว่ารถคว่ำเพราะหักหลบเด็กวิ่งข้ามถนน อาการไม่หนักนัก ผมเขียนโน๊ตไว้บนโต๊ะ แล้วรีบไปโรงพยาบาล ในใจตอนนั้นคิดว่าไปถึงพ่อคงใส่เฝือกอะไรแค่นั้น พอไปถึง อาผมก็ไปถึงพร้อมกันพอดี หมอนำเอกสารอนุญาติให้ผ่าตัดมาให้เซ็นต์ แล้วก็บอกว่าตอนนี้อยู่ห้อง X-Ray อาการไม่ค่อยดี เลือดคั่งในสมองต้องผ่าตัดด่วน แล้วเค้าก็เอาตัวพ่อเค้าห้องผ่าตัด ผมไม่ได้เจอพ่อเลย ตอนเย็นแม่มา ก็สั่งให้เรากลับบ้าน มีอะไรจะโทรไปบอกเช้าวันเสาร์แม่โทรมาบอกว่าตอนนี้พ่ออาการดีขึ้นแล้ว อยู่ห้อง ICU แต่ยังไม่ได้สติ ผมตัดสินใจบอกแม่ว่าวันจันทร์ผมไม่เข้าสอบ ผมอยากเฝ้าอาการพ่อ แม่รีบกลับมาบ้านโดยให้อาเฝ้าที่โรงพยาบาลแทน แล้วก็บอกกับผมว่ารู้รึเปล่าว่าพ่อเค้าอยากให้ผมสอบติดแค่ไหน แล้ววันนี้ที่เค้ารีบออกไป รู้ไหมว่าเค้าไปไหน ผมบอกว่า "ไม่รู้" แม่ขอร้องให้ผมไปเข้าสอบ แล้วแม่ก็บอกว่า "พ่อเค้ากำลังจะไปบนพระพรหม ขอให้ลูกสอบติด แต่รถคว่ำเสียก่อน" วันนั้นผมบอกแม่ว่าผมกลัวว่าพ่อได้สติขึ้นมาแล้วจะรู้ว่าผมไม่เข้าสอบ และจะเสียใจ ผมตกลงเข้าสอบ ผมหลบเข้าห้องน้ำ ยืนนิ่งแล้วก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าต้องเจอกับปัญหาที่หนักมาก ผมร้องไห้อยู่นานมาก ............ วันอาทิตย์แม่โทรมาบอกว่าพ่อได้สติแล้ว แต่ยังไม่ให้ผมไปเยี่ยม บอกแค่ว่าขอให้สอบให้เสร็จก่อน ทางนี้แม่จะดูแลเอง ผมสบายใจขึ้น คิดอย่างเดียวว่าพ่อจะต้องดีใจถ้ารู้ว่าผมสอบติด ผมมั่นใจมาก ทุกๆวันอาการของพ่อดีขึ้นเรื่อยๆ แต่แม่ก็ไม่ยอมให้ผมไปเยี่ยมผมและน้องเข้าสอบพร้อมกันอยู่ 5 วันจนเสร็จ ที่แรกที่ผมและน้องไป คือโรงพยาบาลทั้งชุดนักเรียนแบบนั้นแหละ ผมไปถึงแม่และอาก็ยังคงอยู่หน้าไอซียู แม่ถามว่าสอบเสร็จแล้วเหรอ ผมบอกว่าเสร็จแล้ว ทำข้อสอบได้ไม่ดีนัก แต่มั่นใจว่าน่าจะติดที่ไหนสักแห่ง แม่ให้เข้าไปเยี่ยมพ่อ พอผมเห็นพ่อ ผมยืนตัวแข็งเดินต่อเข้าไปไม่ได้ พ่อผมถูกโกนศีรษะเพื่อผ่าตัด พ่อยังไม่ฟื้น แม่ขอโทษ แม่บอกว่าอาการจริงๆดีขึ้น แต่ยังไม่รู้สึกตัว ผมเดินเข้าไปกุมมือพ่อ ผมเริ่มน้ำตาคลอ แต่ก็บอกกับพ่อว่าผมสอบเสร็จแล้ว รีบตื่นมาดูผลสอบด้วยกันนะ ทุกคนเห็นว่านิ้วมือพ่อขยับได้ นิ้วมือเขาขยับได้จริงๆ นางพยาบาลเดินเข้ามาดูอาการ แล้วก็บอกกับผมว่าอย่างนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว วันรุ่งขึ้นตอนหกโมงเช้า แม่ไปถึงโรงพยาบาล โทรกลับมาบ้านแต่เช้า บอกว่าข้างเตียงบอกว่าเมื่อคืนเห็นพ่อลืมตามองไปรอบๆ แม่ดีใจมาก ผมบอกว่าผมจะรีบไปก่อนแปดโมง ........... ซักเจ็ดโมงนิดๆ แม่โทรมาอีกครั้ง แม่บอกว่าให้เอาเสื้อสูทของพ่อไปด้วย..... ตอนนั้นผมร้องไห้ออกมาทันที ผมรู้ว่าแม่หมายถึงอะไร ผมรู้ว่าผมได้สูญเสียคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตไปแล้ว ผมไม่มีโอกาสจะได้คุยกับพ่ออีกแล้ว พ่อรอจนกระทั่งผมสอบเสร็จ ........ พ่อรอจนกระทั่งลูกของพ่อเดินไปบอกว่าสอบได้แล้วพ่อถึงไปอย่างสงบ ........... ครั้งเดียวในชีวิตที่ผมร้องไห้มากที่สุด ผมจะไม่มีใครชงไมโลมาให้อีกแล้ว ผมจะไม่มีใครมาคอยตบบ่าให้กำลังใจ ผมจะไม่มีวันได้พูดว่ารักพ่อ........... ทั้งๆที่เค้าคือคนที่ผมรักที่สุด วันนี้เวลาผ่านไปเกือบสิบปี สิ่งหนึ่งที่ยังคงทำให้ผมเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ คือวันศุกร์เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมเดินสวนกับพ่อโดยที่ไม่ได้คุยกับพ่อซักคำ ผมควรจะได้พูดว่าผมรักพ่อมากแค่ไหน แต่ผมก็เดินสวนไปเฉยๆ ทุกวันนี้ผมไม่เคยหยุดที่จะคิดเมื่อเวลาบอกคนที่ผมรักว่าผมรัก
18 พฤศจิกายน 2545 20:41 น.
เจนนี่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.... มีเกาะแห่งหนึ่งซึ่งรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกัน ความสุข,ความเศร้า,ความรู้และอื่นๆรวมทั้งความรัก วันหนึ่งมีประหาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่า เกาะกำลังจะจม ดังนั้นทั้งหมดจึงได้เตรียมเรือเพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ มีเพียงความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่บนเกาะ -ความรัก- ต้องการที่จะอยู่จนกระทั่งนาทีสุดท้ายเมื่อเกาะใกล้จะจม ความรักจึงร้องขอความช่วยเหลือ -ความรวย- แล่นเรือผ่าน ความรวยตอบว่า "ไม่ได้หรอก ฉันรับเธอไม่ได้เพราะเรือของฉันหน่ะ เต็มไปด้วยเงินและทองแล้ว มันไม่มีที่ให้คุณหรอก" ความรักตัดสินใจจะถาม-ความเห็นแก่ตัว-ซึ่งผ่านมาเหมือนกันด้วยเรือลำงาม "ความเห็นแก่ตัว ช่วยฉันด้วย" "ฉันช่วยธอไม่ได้หรอก ความรักเธอนะเปียกปอน อาจจะทำให้เรือฉันเปียกด้วย" -ความเศร้า- ได้พายเรือฝกล้เข้ามา ความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก "ความเศร้า อณญาตให้ฉันขึ้นเรือเธอนะ" "โอ้ความรัก ฉันกำลังเศร้ามากเลย ฉันต้องการอยู่คนเดียว ขอโทษนะ" -ความสุข- ได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือของความรัก เพราะมัวแต่กำลังมีความสุข ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา "มานี่ความรัก ฉันจะรับคุณไปเอง" เป็นเสียงของคนแก่คนหนึ่ง ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมาก จนลืมถามชื่อว่าใครคือผู้ใจดีผู้นั้น เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินที่แห้ง คนแก่ก็จากเขาไปตามทางของเขา ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชายแก่คนนั้น จึงหันไปถาม -ความรู้- "ใครเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน" -ความรู้-ตอบว่า "เวลา" "แต่ทำไมเวลาจึงช่วยฉันหละ" ความรักสงสัย ความรู้ยิมในความรอบรู้ของตน แล้วตอบความรักว่า "ก็เพราะมีเพียงเวลาเท่านั้นที่เข้าใจว่าความรักยิ่งใหญ่แค่ไหน ป.ล.ขอบคุณเวลาที่ช่วยพิสูจน์ความรัก