17 ตุลาคม 2552 20:49 น.
เจน_จัดให้
เมื่อต้นเดือนก่อน...เจนได้รับอีเมลฉบับนึง เป็นเมลโปรโมทหนังเรื่อง
หนึ่ง หลังจากได้อ่านแล้ววว ก็ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า
ยังงัยก็ต้องดูหนังเรื่องนี้ให้ได้นั้นคือ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ...
และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึงหลังจากที่โหลด teaser หนังเรื่องนี้ดูเป็นรอบที่10 เห็นจะได้...และมันก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ....และที่สำคัญเป็นการนัด
ดูหนังที่มีเพื่อนมาดูด้วยกันมากที่สุด (จองตั๋วยกแถวเลยอ่ะจ้างานนี้)
ประทับใจมากมายยย
สำหรับหนังเรื่องนี้...นับว่ามีอะไรให้แปลกใจเยอะเหมือนกัน จากที่คิดว่า
เฮฮาปาร์ตี ไม่มีเสียน้ำตาอย่างแน่นอน ก็ดันมีคำพูดโดนๆให้แอบน้ำตา
ซึมซะได้ อาทิ
1. แฟนไม่ได้มีไว้อยู่ด้วยตลอดเวลา แต่มีไว้ให้รู้ว่ายังมีคนที่รักเราอยู่
2.ถึงแม้กล้องจะพัง แต่เมมโมรี่ยังอยู่
3.ถ้ามีแฟนแล้วต้องทำอะไรคนเดียว ไม่ได้เจอกัน แล้วจะมีไปทำไม
ฯลฯ อีกมากมาย...นอกจากนี้บางฉากยังถ่ายทอดถึงอารมณ์ของความเหงา
ออกมาได้อย่างกินใจ (ครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นแบบนี้เลยยย) แต่แม้จะ
ทำให้เศร้าบ้างแต่ก็กลายเป็นข้อคิดสะกิดใจในเรื่องของความรักด้วย
เช่นกัน มันมีมุมที่เป็นเหตุและผลไม่ใช่แค่อารมณ์เพียงอย่างเดียว
ในฉากเฮฮา ขำขัน ก็ทำได้ดี ฮากันได้แม้คนเส้นลึก...
(หัวเราะดังกว่าเราอีกกก) หุหุ
ในเรื่องนี้ถ้าสังเกตกันดีดี นอกจากตัวแสดงหลักอย่างพี่เคน ธีรเดช
คริส หอวังและ แพท อังศุมาลิน แล้วตัวประกอบเกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนที่เราๆเคยคุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ว่าจะพรีเซนต์เตอร์โฆษณา ดารานักแสดง
ยันผู้กำกับหนังกันเลยทีเดียว...สุดๆไปเลย
หุหุ วันนี้ก็เลยเป็นวันดีดีของเจนอีกเช่นเคยที่ได้ไปดูหนังสนุกๆ
พร้อมเพื่อนมากมาย ก็เลยแอบมายิ้มๆพิมพ์วิจารณ์เล็กน้อย
เผื่อเพื่อนๆบ้านกลอนจะไปดูหนังไทยดีดีเรื่องนี้...รับรองว่าคุ้มจ้า
ปล.ขออนุญาตเว็บมาสเตอร์ด้วยนะคะ หุหุ ขอใช้พื้นที่เล็กๆนี้
สนับสนุนหนังไทยดีดีอ่ะจ้า
2 ตุลาคม 2552 23:11 น.
เจน_จัดให้
ในหลวง คุณยายไข่ และไม้กวาดทางมะพร้าว
ณ โรงพยาบาลศิริราช ราว ๆ ใกล้เที่ยงของวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 ... ภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์สีชมพูกำลังเสด็จพระราชดำเนินกลับพระราชวังหลังจากที่ทรงฟื้นพระวรกายจากอาการประชวร คงจะเป็นภาพแห่งความทรงจำของชาวไทยทุกคน ประชาชนจำนวนมากที่มาชมพระบารมีของพระองค์ท่านที่โรงพยาบาลศิริราชต่างน้ำตานองหน้าด้วยความดีใจ เสียงตะโกนว่า "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องโรงพยาบาล
ใครจะรู้บ้างว่า ขณะที่ทุกคนกำลังปลาบปลื้มใจอยู่นั้น ณ มุมเล็ก ๆ ตรงนั้น ยังมี คุณยายไข่ หม่อมสระ...หญิงแก่อายุ 77 ปี จากดินแดนที่ราบสูงกำลังซับน้ำตาแห่งความยินดีหลังจากที่คุณยายปักหลักเอาใจช่วยพระองค์ท่านอยู่ที่โรงพยาบาลถึง 9 วัน
เรื่องราวเริ่มต้นจาก ณ บ้านโคกหมากเหลี่ยม ต.หนองคูขาด อ.บรบือ จ.มหาสารคาม คุณยายไข่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์แล้วได้ยินข่าวว่า ในหลวงทรงพระประชวร ด้วยความเป็นรักและเป็นห่วงในหลวง น้ำตาของคุณยายเริ่มกลั่นออกมาทันที
ที่หลังบ้านของคุณยายมีต้นมะพร้าวอยู่ 6 ต้น คุณยายได้ใช้ให้ลูกชายไปตัดทางมะพร้าวเพื่อนำมาเหลาเป็นไม้กวาด คุณยายได้เหลาทางมะพร้าวทีละก้าน ๆ เหลาไปน้ำตาไหลไป เพราะใจนึกถึงแต่ในหลวงตลอดเวลา จนในที่สุด คุณยายได้ไม้กวาดทางมะพร้าวเล็ก ๆ 4 ด้าม
คุณยายไข่เชื่อว่า เวลามีใครป่วย ถ้ามีญาติพี่น้องไปเยี่ยมเยียน ผู้ป่วยจะมีกำลังใจต่อสู้กับอาการป่วยไข้นั้นได้
คิดได้ดังนั้น คุณยายจึงเก็บเสื้อผ้าใส่ลังแล้วตัดสินใจเข้าไปกรุงเทพ เพื่อไปร่วมให้กำลังใจในหลวงพร้อมกับไม้กวาดทั้ง 4 ด้ามนั้นทันที
แม้ว่าลูกหลานจะทัดทานไม่ให้ออกเดินทางไปเมืองกรุง ด้วยเหตุผลทางสุขภาพ เพราะคุณยายไข่ยังเจ็บหลังอยู่จนต้องใช้ผ้ารัดไว้ตลอดเวลา รวมไปถึงเวลาเดินไปที่ไหนคุณยายก็เดินลำบากต้องใช้ไม้เท้าเสมอ แต่ถึงอย่างไร คุณยายไข่ก็เดินทางโดยรถไฟจากมหาสารคามไปยังกรุงเทพแล้ว
หลังจากที่ไม่เคยมาเมืองฟ้าอมรแห่งนี้กว่า 30 ปีแล้ว ตีห้าของวันที่ 30 ตุลาคม รถไฟสายอีสานขบวนหนึ่งจอดที่ปลายทาง นั่นคือ สถานีรถไฟหัวลำโพง หญิงชราค่อย ๆ ลงมาจากรถ แล้วมองหาพาหนะที่จะพาตนเองไปยังโรงพยาบาลศิริราช
คุณยายไข่ตัดสินขึ้นรถตุ๊กตุ๊กด้วยราคารับจ้างที่ตกลงกันไว้ว่า 50 บาท สารถีของรถตุ๊กตุ๊กคันนี้ได้พูดคุยกับยายไข่ในระหว่างทางโดยสาร จนได้ทราบถึงความมุ่งหมายอันแรงกล้าของหญิงชราหัวใจแกร่งผู้นี้
เมื่อถึงโรงพยาบาลศิริราช คนขับรถตุ๊กตุ๊กกลับไม่คิดเงินกับคุณยายไข่สักบาท แถมยังช่วยยกสัมภาระส่วนตัวของคุณยายไปยังเต็นท์สำหรับคนมาเฝ้าในหลวง ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นคนอีสานเหมือนกัน และเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นก็คือ เขาทั้งสองมีความรักในคนคนเดียวกัน นั่น คือ "ในหลวง" นั่นเอง
คุณยายไข่จึงขอยึดพื้นที่เล็ก ๆ ภายในเต๊นท์ เพื่อเป็นรังนอนชั่วคราวเพื่อเอาใจช่วยจนกว่าในหลวงจะหายจากอาการประชวร
ไม่ใช่ว่าคุณยายมาอยู่ที่โรงพยาบาลโดยไม่ทำอะไรเลย เพราะในทุกเช้า คุณยายจะช่วยกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าในบริเวณนั้น ตามแต่กำลังจะอำนวย ด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวของยาย แล้วทั้งวัน กิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงถวายพระพรหรือสวดมนต์ ยายไข่จะเข้าร่วมด้วยเสมอ
หลายวันเข้า คนที่มาร่วมเอาใจช่วยในหลวงเริ่มคุ้นเคยกับคุณยายผู้นี้ แล้วมิตรภาพดี ๆ ก็เกิดขึ้น อย่างเช่น เวลามีแจกอาหาร ตำรวจจะหยิบอาหารมาให้คุณยายไข่เสมอ เพราะคุณยายเดินลำบาก บางคนรู้ว่าคุณยายโปรดปรานอาหารอีสาน ถึงกับกลับบ้านเพื่อไปทำอาหารอีสานมาให้ นอกจากนี้ หลายคนก่อนกลับบ้าน มักจะมาไหว้คุณยายก่อนเสมอ
และแล้ววันที่ 9 ของการอยู่ที่โรงพยาบาลของคุณยายไข่ คำอธิษฐานของคุณยายก็เป็นจริง ในหลวงมีพระวรกายที่แข็งแรงขึ้น จนสามารถกลับพระราชวังได้แล้ว
คุณยายไข่อธิษฐานว่า ถ้าในหลวงแข็งแรงดีแล้ว คุณยายจะนำไม้กวาดทั้ง 4 ด้ามไปทำบุญให้กับโรงพยาบาลศิริราช วัดมหาธาตุ (ท่าพระจันทร์) วัดพระแก้ว และวัดระฆัง โดยที่คุณยายจะช่วยกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าในสถานที่แห่งนั้นด้วย
ในวันที่ในหลวงออกจากโรงพยาบาล ผู้เขียนได้พาคุณยายไข่ไปส่งที่วัดมหาธาตุ คุณยายตั้งใจจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งเพราะมีคนที่คุณยายรู้จักอยู่ที่วัดนี้ แล้วคุณยายจะค่อย ๆ เดินทางออกไปทำบุญทีละวัด ๆ เพื่อทำความดีถวายในหลวง
หวังว่าภาพของหญิงชราที่ค่อย ๆ กวาดเศษใบไม้ใบหญ้าคงจะกระตุ้นให้หลายคนอยากจะทำความดีในวันนี้ขึ้นมาบ้าง
ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/42097
"เรา ก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น. เพราะพ่อรู้ พ่อคือ พลัง แห่งแผ่นดิน ให้เรา พออยู่พอกิน กันต่อไป .หากจะหา ของ ขวัญ ให้พ่อ สักกล่อง เราทั้งผอง จะพร้อม กันได้ไหม. บวกกันเป็น ดินเดียว ให้พ่อ ได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา "