25 ธันวาคม 2551 11:40 น.

ถุงชาร้อนกับความรัก

เจน_จัดให้

ถุงชาร้อนกับความรัก
  
 
รายงานโดย :หนูดี วนิษา เรซ:
 วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551
 

ใกล้เทศกาลปีใหม่และคริสต์มาสกันแล้ว ช่วงนี้ใครที่มีแฟนหรือมีครอบครัว ก็เตรียมอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล

เป็นเวลาดีๆ เวลาที่พิเศษอีกครั้งหนึ่ง...วันนี้ บรรยากาศช่วงปลายปีเป็นใจให้หนูดีชวนคุยเรื่อง ความรักและชีวิตคู่ เลยต้องขออนุญาตเล่าเรื่องสมัยที่หนูดีเรียนปริญญาตรีด้านครอบครัวศึกษา เพราะเป็นวิชาที่หนูดีแสนรักและนำมาใช้ในชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ เสมอๆ พบว่า ได้ผลดีทีเดียว ทำให้เราเป็นคนที่น่ารักขึ้นสำหรับคนรอบข้าง ทำให้คนอื่นๆ อยู่กับเราด้วยความสบายใจมากขึ้น และเมื่อคนรอบตัวมีความสุข...เราเองก็ได้อานิสงส์ความสุขนั้นไปด้วย ยิ่งช่วงปีใหม่นี้ เราต้องอยู่ด้วยกันเยอะกว่าปกติ อาจมีกระทบกระทั่งกันได้บ้าง หนูดีเลยเลือกเรื่องราวสองเรื่องนี้มาฝากกันค่ะ 

เรื่องของถุงชาร้อน...กับความรัก

วันหนึ่งศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยาครอบครัวของหนูดีเดินเข้ามาที่ห้องเรียน และโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงก็แจกกล่องชาลิปตันที่ภายในมีถุงชาร้อนอยู่นับสิบซอง บอกว่าให้นักเรียนหยิบกลับบ้านไปคนละซอง แล้วให้ทำการบ้านมาส่งว่า ถุงชานี้มีส่วนเหมือนกับชีวิตสมรสที่มีคุณภาพอย่างไรบ้าง เอากับครูเขาสิคะ การบ้านแบบนี้หนูดีไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย และพวกเรามีเวลาถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ที่จะคิด...แต่ต้องยอมรับแบบจนด้วยเกล้าว่า คิดกันไม่ค่อยออก พวกเรามาปรึกษางานกันที่ห้องสมุดแล้วก็ออกไอเดียกันว่า ชีวิตสมรสคงหอมหวานเหมือนชามั้ง บางคนบอกว่า คงร้อนแรงเหมือนชาร้อน...ว่าแล้วพวกเราก็ชงชากันเพื่อสังเกตรูปลักษณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปของใบชา 

ในที่สุด เมื่อกลับมาเรียนอีกครั้ง หลังจากที่ฟังไอเดียการบ้านเด็ดๆ หลายอัน คุณครูก็เฉลยว่า ฟังดูดีนะ แต่ผิดหมดเลยจ้ะ และก็พูดต่อว่า ลองดูเวลาเราชงชาสิ เราจะเห็นว่า น้ำร้อนจะเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลเหมือนสีชา และกลิ่นก็หอมขึ้น แต่ว่าถ้าเรายกถุงชาออกจากถ้วยก็จะพบว่า ใบชาก็ยังอยู่ข้างในเหมือนเดิม เปรียบไปก็เหมือนชีวิตคู่ที่มีคุณภาพดี ก็คือ บางสิ่งเก็บไว้ บางสิ่งแลกเปลี่ยนแบ่งปันแสดงออก

อาจารย์พูดต่อไปว่า 

บางครั้งในการอยู่เป็นคู่เราก็มีสิ่งที่เราเก็บไว้ไม่ต้องพูดทุกอย่างที่เราคิดก็ได้ แม้ในบางเรื่องก็จำเป็นต้องแบ่งปันความคิดเพราะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา แต่อย่ากังวลว่าต้องพูดทุกเรื่องที่คิดเสมอไป เพราะอาจทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงแทนที่จะดีขึ้น 

เนิ่นนานหลังจากคาบเรียนวันนั้น มาถึงวัยที่กลายเป็นนักศึกษาปริญญาโท หนูดีก็กลายมาเป็นนักเลงชาด้วยเหตุผลว่า หนูดีเป็นคนแพ้กาเฟอีนในกาแฟมากและจำต้องลดกาแฟลง เมื่อเรียนด้านสมองก็รู้ว่า กาแฟถือเป็นศัตรูตัวย่อมๆของสมองทีเดียว

อุปกรณ์คู่ใจของนักเลงชาก็คือ ป้านชา ถ้วย ที่ชงและใบชาประเภทต่างๆ รวมถึงหนังสืออ้างอิงชาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน หนูดีมีสะสมไว้มาก เรียกว่าถ้าใครมาเยี่ยมบ้านจะต้องถูกหนูดีบังคับให้ชิมชาใหม่ที่หนูดีเพิ่งได้มา มีตั้งแต่ชาขาว ไปจนถึงชาที่ทำจากผลไม้แห้งโดยไม่มีใบชาผสมเลย แม้แต่ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ไปขลุกอยู่ร้านชาในเกียวโตเสียนาน ด้วยความหลงใหล... แต่ไม่ว่าเวลาและฝีมือในการชงชาของหนูดีจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ดื่มชาแล้วจะลืมคำสอนของครูที่ว่า ชีวิตคู่ที่ดีก็เหมือนถุงชาร้อนนั่นเอง บางอย่างแสดงออกมา แต่บางอย่างก็เก็บไว้ภายใน ไม่จำเป็นต้องพูดทุกสิ่งที่คิดเสมอไป


เรื่องของ ความรัก...ช็อกโกแลต...และน้ำเปล่า

จบเรื่องถุงชาในคลาสต่อมาคุณครูก็เปิดหนังเรื่อง Like Water for Chocolate (เสมือนน้ำสำหรับช็อกโกแลต) ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่หนูดีเคยดูมา เป็นเรื่องราวของลูกสาวคนเล็กที่แม่ไม่ยอมให้แต่งงานเพราะจะเก็บไว้รับใช้กับตัว เมื่อลูกสาวมีแฟนที่รักกันมากและผู้ชายมาสู่ขอ แม่ก็ไม่ยอมยกให้ แต่บอกให้ผู้ชายแต่งงานกับพี่สาวของนางเอกแทน...และผู้ชายก็ยอมเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ นางเอก เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่าสงสาร เพราะทั้งคู่อกหักแต่ต้องมาอยู่บ้านเดียวกัน แฟนมีลูกกับพี่สาว หากแม่จับได้ว่านางเอกคุยกับแฟนเธอก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก เพราะแม่กลัวว่าจะสูญเสียเธอไป...สุดท้ายนางเอกมีปัญหาทางประสาทด้วยความสะเทือนใจชะตาชีวิตตัวเอง 

ตอนจบครูถามอีกเช่นกันว่า ทำไมหนังเรื่องนี้จึงตั้งชื่อแบบนี้? พวกเราคิดกันไม่ออกอีกเช่นเคย เพราะน้ำมาเกี่ยวอะไรก็ไม่ทราบ จนครูใบ้ว่า มีใครเคยทำช็อกโกแลตกินเองบ้าง? เวลาที่เราจะหลอมช็อกโกแลตให้ร้อน เราจะไม่นำไปตั้งไฟโดยตรงแต่เราจะตั้งน้ำให้ร้อนและเอาถ้วยใส่ช็อกโกแลตไปตุ๋นในนั้น เพราะถ้าช็อกโกแลตโดนกับไฟโดยตรงก็จะไหม้ไฟจนกินไม่ได้

ครูบอกว่า ความสัมพันธ์กับคนที่เรารักก็เหมือนช็อกโกแลตกับไฟนั่นเอง ที่ถ้าใกล้ไฟเกินไปนอกจากจะกินไม่อร่อยแล้วช็อกโกแลตยังอาจเสียหายไปทั้งหมดก็ได้ ในความรักการ อยู่ใกล้ กันเกินไปไม่ใช่จะเป็นผลดีเสมอไป การรู้จักให้ช่องว่างกันและกัน ให้อิสระกันตามสมควร พบว่าในระยะยาวแล้วกลับทำให้ทั้งคู่มีความสุขมากกว่า ความรักเป็นเรื่องของศิลปะว่า จะใกล้แค่ไหนที่ไม่อึดอัด จะไกลแค่ไหนที่ไม่ห่างเหิน ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละคู่จะต้องศึกษา พูดคุย และสังเกตกันเอง เพราะคู่ใครคู่มัน...ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่บอกได้ว่า ถ้าใกล้กันเกินไปตลอดเวลาอาจทำร้ายความรัก อย่างที่เรานึกไม่ถึงก็เป็นได้

ปีใหม่ปีนี้ พวกเราหลายๆ คนต้องอยู่ใกล้กับคนที่รักแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ด้วยกันที่บ้าน หรือการเดินทางท่องเที่ยวไปด้วยกัน เคยมีคนทำวิจัยบอกว่า ช่วงวันหยุดยาวเช่นนี้ พวกเราเครียดกันพอๆ กับวันทำงานเลยทีเดียว แต่เป็นความเครียดสะสมที่ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะถ้าเราต้องเตรียมงานปาร์ตี้หรือวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง...อาจมีหงุดหงิดอึดอัดบ้างกับคนใกล้ตัว แล้วเผลอระบายอารมณ์ใส่กันโดยไม่ตั้งใจ

ถ้าบังเอิญเรามีโอกาสได้ดื่มชา หรือกินช็อกโกแลตในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่...ช่วยระลึกถึงเรื่อง ถุงชาร้อนกับความรัก และ ช็อกโกแลตกับน้ำเปล่า แล้วหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดอะไรด้วยความหงุดหงิด ที่ทำให้เราต้องมาขอโทษกันทีหลังนะคะ ...สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ


ที่มา : ฟอร์เวิร์ดเมลจ้า....
Merry Christmas and Happy New Year นะจ๊ะทุกท่าน
ขอให้ความรักของทุกท่านสดใส..จิตใจชื่นบานตลอดปี 2552 และตลอดไป
จ้า....ท่านใดยังมิมีคู่....ก็อย่าเพิ่งเหงาเศร้าใจไป  ปีหน้าฟ้าใหม่ ยังมี
เรื่องราวดีดีให้ได้พบเจอ  เป็นปีทองของคนโสดเช่นกันจ้า

ปล.31 ธ.ค.นี้ ไปเจอกันได้ที่เมืองโบราณสมุทรปราการเน้ออออ  ได้ฤกษ์
ลั่นชัตเตอร์จากเลนส์วายตัวใหม่ซ้าที....หุหุ   ตื่นเต้นๆๆๆๆ				
Calendar
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจน_จัดให้
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจน_จัดให้
Lovings  เจน_จัดให้ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจน_จัดให้