9 มิถุนายน 2550 08:45 น.
เจน_จัดให้
...เธอคือใคร ...
ศิลปิน : ETC
เธอคือใคร ETC
ชั่วชีวิตที่เคยรักใคร ไม่เคยล้อเล่นกับหัวใจ
แต่ว่าทุกคนเ ข้ามาคบกัน ไม่นานเขาก็ไป
แต่ละครั้งก็คอยทุ่มเท แต่สุดท้ายก็ยังเสียใจ
เจ็บจนคุ้นเคยแต่ไม่ชอบเลย ที่ต้องไม่เหลือใคร
*ดั่งฟ้าจะแค่เพียงต้องการแกล้งกัน
ให้ฉันต้องพบเจอแต่เจ็บความช้ำใจ
จนไม่รู้ว่ารักแท้น่าตาเป็นเช่นไร
ก็ยังไม่พบเจอใคร ที่รักกันจริงสักที
**จะมีไหมสักคน มาเปลี่ยนชีวิตของฉัน เธอคือใคร
ที่จะรักจริงไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้
จะมีไหมสักใจจะได้เจอเธออยากรู้เธอคือใคร
ที่จะเป็นรักสุดท้าย ของฉันจริงๆสักที
อยากจะพบสักคนที่เข้าใจ ไม่ต้องพร้อมต้องดีมากมาย
อาจจะเถียงกัน อาจทะเลาะกันเขายังไม่ไปไหน
อยากจะพบสักใจที่เข้ากัน อยู่กับฉันรักกันเรื่อยไป
อยากให้แวะมา ฝากแค่น้ำตาให้ค้างคาในหัวใจ
*,**
ไม่รู้จะเจอเมื่อไร ก็เฝ้าแต่ถามก็ได้แต่ถามจากฟ้า
**
16 พฤษภาคม 2550 09:10 น.
เจน_จัดให้
จาก Forward mail จ้า เคยสงสัยมานานเกี่ยวกับกระแสที่ มี การ ห้อย ตุ๊กตา เอาไว้ ท้ายรถเป็นจำนวน มาก เพิ่งกระจ่างเนี่ยอ่ะจ้า
เริ่มจาก คนกลุ่ม เล็กๆ
แล้วก็ มากขึ้นเรื่อยๆ
จนกลายเป็น แฟชั่น ในที่สุด
พ่อ แม่ พี่ น้อง บนท้องถนน
หรือกระทั่ง คนขับรถโดยสารสาธารณะ
เริ่ม เอามาห้อยบ้าง (โดยไม่รู้ที่มาที่ไป)
ลุกลามไป ถึง รถกระป้อ รถบรรทุก รถมอไซด์ รถยนต์ทุกชนิด
มันดูน่ารัก เท่ห์ และไม่เสียหายอะไร
ค่าใช้จ่ายต่ำมาก (ผมก็ว่าเช่นนั้น)
และ เป็น จุดสังเกต ว่านั่นคือรถของเรา
ซึ่งผมเองยังไม่มีรถ
และกำลังจะซื้อรถเร็วๆนี้
ก็มีความคิดที่จะทำเช่นกัน
แต่พอได้อ่านกระทูก่อนหน้านี้
เรื่องที่มาที่ไปของการห้อยตุ๊กตา ได้ความว่า
ในเริ่มแรกเดิมทีนั้น
ตอนแรกๆจะห้อยตุ๊กตาที่มีรูปร่าง "เหมือนคน" กันครับ
พวกตุ๊กตาบาบี้ หรืออะไรก็ได้ ที่ดูออกว่า "เป็นรูปคน"
แล้วเค้าห้อยทำไม ... การห้อยตุ๊กตารูปคน ทำเพื่อแก้เคล็ดครับ
สำหรับรถที่เคย "ลากคนไปอยู่ใต้ท้องรถ" มาแล้ว
ด้วยความเชื่อที่ว่า เพื่อไม่ให้วิญญาณคนที่ถูกลาก
ตามติดอยู่ใต้ท้องรถตลอดไป จะขายราคาก็ตก เงินก็ไม่มี เดี๋ยวไม่มีรถใช้
[คล้ายๆกับเรื่องที่เราไปแย่งนอนเตียงผีน่ะครับ ถ้าเราไปนอนแทน
ผีก็นอนไม่ได้]
เรื่องตุ๊กตาห้อยท้องรถก็เช่นกัน
ห้อยไว้ เพื่อเอาตุ๊กตามา "แย่งที่" ไม่ให้วิญญาณ
มาอาศัยใต้ท้องรถเราอยู่ครับ
บางคนซื้อรถมือสอง แล้วเห็นอะไรแปลกๆขณะขับรถ
หรือไม่ไว้ใจประวัติรถ ก็มักจะมาห้อย กันเอาไว้ก่อนน่ะครับ
.......
มาตอนนี้กลายเป็นว่า ... ห้อยเป็นแฟชั่น
แต่การห้อยเป็นรูปตุ๊กตาหมีหรืออะไรต่างๆน่ะ กันวิญญาณไม่ได้นะครับ
แต่อาจจะทำให้วิญญาณเร่ร่อน ตามติดรถไปได้อีก
การโชว์ ตุ๊กตา
หรืออะไรต่างๆที่เป็นของที่มนุษย์ใช้ที่มันดูน่ารักน่าเล่นน่ะ
ไม่ต่างอะไรกับการ "เชื้อเชิญ" นะครับ ถ้าใส่ไว้ในรถจะไม่เป็นไร
แต่ถ้านอกรถเป็นการ แสดงการเชื้อเชิญครับ
[คล้ายๆกับการตอบ "ครับ" หรือเปิดประตูรับน่ะครับ
ทำให้วิญญาณเข้ามาในบ้านเราได้]
ถ้าเผลอไปลากคนไปอยู่ใต้ท้องรถมาแล้ว
ไม่จำเป็นต้องห้อยตลอดไปนะครับ แค่ 49 วันก็พอ
กลัวนับผิด จะห้อยเกินไปบ้างก็ไม่เป็นอะไร
วิญญาณใต้ท้องรถน่ะ แม้โดนแย่งที่ แต่มีสิ่งเหนี่ยวอยู่สิ่งเดียวครับ
ก็คือใต้ท้องรถที่ลากเค้าน่ะแหละครับ
วิญญาณที่สามารถยึดติดอยู่กับสิ่งเหนี่ยวได้ จะไม่ไปผุดไปเกิดนะครับ
แต่ถ้าไม่สามารถยึดติดได้ จะไปผุดไปเกิดในช่วง 49 วันครับ
ฉะนั้น ถ้าเผลอห้อยแล้วหลุด หรือโดนหมางับหายไป
ให้เริ่มต้นห้อยและนับ 1 ใหม่ ไปอีก 49 วันนะครับ
4 พฤษภาคม 2550 11:54 น.
เจน_จัดให้
เหตุเกิดจากความเหงา
ศิลปิน : อีโมชั่น ทาวน์(Emotion Town)
Intro: C/Cmaij7/F/G
C Cmaij7 F G C Cmaij7 F G
ขอบคุณระยะทาง ที่ทำให้เราต้องห่างไกล ขอบใจเธอเหมือนกัน ที่เธอเลือกจากฉันไปแสนไกล
F G Em Am G
* ขอบคุณเวลาที่ฉันนั้นไม่มีใคร ขอบคุณอารมณ์อ่อนไหว ที่มาทักทายใจ
Dm7 F G
ทำให้ฉันได้รู้ หากขาดเธอไป คงอยู่ไม่ไหว
C Em Am G C Em Am / G
** เหตุเกิดจากความเหงา ที่ทำให้รู้ว่า รักเธอ เท่าไร ความห่างไกลมันทำให้ฉัน คิดถึงเธอ
F Fm G
ความอ้างว้างเดียวดายคอยตอกย้ำ.....อยู่เสมอ
C Em Am /G C Em Am / G
เหตุเกิดจากความเหงา ที่ทำให้รู้เธอสำคัญเพียงใด ความห่างไกลมันทำให้ฉัน คิดถึงเธอ
F Fm G C/G
ยิ่งห่างเหินเท่าไรก็ยิ่งรู้ ว่าเป็นเธอ ที่ฉันรักหมดหัวใจ
C Cmaij7 F G C Cmaij7 F G
วันนี้มาพบเธอ ด้วยใจที่เดินอย่างอ่อนล้า ต้องการมาพบหน้า ต้องการจะบอกว่าพึ่งเข้าใจ
ซ้ำ *,**
Am Em7 Dm7 G C
มีคนเคยบอก ถ้าไม่สูญเสียบางอย่าง ก็ยังไม่รู้คุณค่าสิ่งนั้น
Am Em7 Dm7 F G
เหมือนยังตัวฉัน ที่พึ่งรู้ว่าคืนวัน ที่ผ่านมาว่าใครคือคนสำคัญ
ซ้ำ**
5555+ ใครเล่นกีต้าร์เพลงนี้ได้เล่นให้ฟังด้วยน๊ะ ใครร้องได้ร้องตามได้เลยน๊ะ ชอบมั๊กมากกก
28 เมษายน 2550 12:30 น.
เจน_จัดให้
...รักไม่ใช่ประเด็น...
...เสนาหอย : ost.โกยเถอะเกย์
ขอบคุณที่ในฉันดูแล เป็นเพื่อนในบางครั้ง
ขอบคุณที่ระบายให้ฟัง ทุเรื่องที่เหนื่อยใจ
* แม้จะเป็นคนสุดท้ายที่เธอจำได้ ก็ยังดีกว่าเป็นคนแรกที่เธอลืม
ไม่รู้ว่าตลอดกานมันนานแค่ไหน แต่ฉันก็ตั้งใจจะทำเพื่อเธอไปแค่นั้น
รักฉันบ้างรึเปล่าไม่ใช่ประเด็น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แค่ขอให้เพื่อนคนนี้ของฉัน มีความสุขกับชีวิตก็พอ
ไม่เคยคิดว่าฉันดีพอ จะครอบครองเธอไว้
แต่บอกเลยว่าฉันเต็มใจ ให้เธอเป็นเจ้าของ
(*,**)
** ฟ้ากำหนดมาแล้วให้ทำเพื่อเธอ
ฟ้าให้อยู่เพื่อเธอไม่มีคำว่าทำไม่ได้
ไม่เคยบอกว่ารักเพราะมันอาจรบกวนเธอมากไป
ไม่เป็นไรแค่ความรู้สึกของฉัน (เท่านั้นเอง)
6 เมษายน 2550 13:17 น.
เจน_จัดให้
ีชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก Warren Buffet วอร์เรน บัพเฟตต์
แปลโดย Wilai Trakulsin
มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์
มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศล 31,000 ล้านดอลล่าร์
ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา:
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้
หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วน
ตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึง
ซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับ
ซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดู
โทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่า
ตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบ
บัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน
บัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า: จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม1มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว
เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน
....มองทะลุวัตถุนิยม และเห็นความหมายที่แท้จริงของชีวิต
ที่มา: http://www.dek-d.com/content/view.php?id=1571
แล้วคนไทยหละ???