19 พฤศจิกายน 2545 20:44 น.
เครายาว
แต่ก็ยังพยายามกันอย่างไม่เคยพบเจอ ทำอย่างมาก และบางสถาบันเชิดชูยกย่องผู้ที่ดันทุรังเหล่านี้
การที่คนหนึ่งแบกเอาความมุ่งมั่นไว้กับตัวเองและบอกกับตัวเองว่าสิ่งนี้เป็นบันไดปลาโจนทำให้เขาได้มากกว่าเสีย คุ้มค่าหากคิดว่านี่คือการลงทุน
เขารู้หรือเปล่าครับว่าเขาได้แบกเอาสิ่งไร้ สิ่งที่ยากไร้ไว้กับตัวเอง เขาแห้งแล้งและอยู่กับความสิ้นหวัง สิ้นหวังที่จะอยู่กับการผ่อนพักและภาวะที่ไม่มีความแออัดเลยแม้แต่น้อย
เขาดันทุรังและไม่เคยอยู่กับความไม่ต้องทนเลย
หากไม่ต้องทนอยากรู้นักว่าจะดันทุรังกันอยู่อีกไหม
14 พฤศจิกายน 2545 20:17 น.
เครายาว
เขาเริ่มทบทวนจุดมุ่งหมายเดิม "สิ่งที่เราต้องการ คือ สิ่งที่เราไม่เคยสัมผัส ไม่เคยได้รับ ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร แล้วสิ่งนี้เราได้รับหรือยัง? เราเคยได้รับสิ่งที่ไม่เคยได้รับบ้างไหม? "
"เวลานี้ไม่ว่าอะไรที่เราได้รับและพึงพอใจอยู่ล้วนเป็นสิ่งที่เรารู้ก่อน อย่างนี้ เมื่อไรกันที่เราจะได้พบกับสิ่งที่เราไม่เคยสัมผัสถึงจริงๆ"
เขายังคงค้นหาจุดมุ่งหมายของเขาต่อไปโดยไม่มีใครรู้เลยว่าเขาอยู่ได้อย่างไรกับความแออัดของสิ่งที่ไม่มีตัวตนที่เขาแบกมันอยู่นั้น
11 พฤศจิกายน 2545 19:43 น.
เครายาว
นาย ตันตกะเป็นเด็กหนุ่มผู้สนใจใฝ่รู้แต่อยู่ในป่าจีงศีกษาจากธรรมชาติ จากต้นไม้จากสัตว์ป่าจากวันคืนและจากดวงดาว สิ่งหนึ่งที่เขาสำนึกอยู่เสมอคือเขาไม่รู้อะไรเลย ?
ในทุกวันพระสิบห้าคำพระวาสนกษัตริย์จะทรงจัดพิธีถวายข้าวพระ หลังจากนั้นกำหนดให้มีการโต้วาทีสำหรับนักปรัชญาทั้งหลาย นายตันตกะอยู่นอกสุดในบริเวณพลับพลาพีธีนั้น
" ชีวิตคืออะไร? " ผู้เฒ่ามีนามว่า สัจจชีวิตาเอ่ยขึ้นก่อนเป็นคนแรก
" ชีวิตคือการเกิด ชีวิตคือพัฒนาการ ชีวิตคือจิตวิญญานและลมหายใจ ชีวิตคือการดำรงค์อยู่ ชีวิตคือการงานความสุข
คือความห่วงหาอาทร และชีวิตไม่ใช่ความตาย " บุราณาจารย์อุตราแทรกขึ้น
" มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร? " มีคนถามขึ้น
" มนุษย์เกิดมาก็เพื่อแสวงหาความหลุดพ้น หลุดพ้นจากความมึนทึบทางสติปัญญา เพื่อความรู้แจ้งในความหมายของชีวิต "
ปราชญ์หนุ่มนามตันตกะชาวป่าเอ่ยขึ้นบ้าง
" เจ้าเป็นใคร ? เหตุใดจึงไม่รู้กาลเทศะไม่รู้ก่อนหลังไม่รู้ควรไม่ควร " มหาอำมาตย์โทผู้ควบคุมความเรียบร้อยในการเสวนาตวาดเสียงแหลม
" ชื่อของข้าไม่สำคัญเท่าความหมายในถ้อยคำของข้า ข้าเห็นกาลนี้เหมาะและควรที่จะเอ่ย ขออภัยที่ข้าไม่ได้คิดด้วยว่าท่านจะต้องเห็นว่าไม่สมควร จึงไม่ได้ทำตามใจท่าน "
" จงบอกที่มาและสำนักเรียนของเจ้า " พระวาสนกษัตริย์ทรงตรัส
" ข้าแต่มหาบพิตร ข้านามตันตกะศึกษาสำนักตักศิลาในป่าเขาใหญ่ อาจารย์ของข้านามธรรมชาตาผู้แจ้งแห่งการเกิดดับของสรรพสิ่ง "
" เอ้าวันนี้พอแค่นี้แหละ กลับบ้านกันได้แล้วพวกเอ็ง "
" แล้วพวกผมจะได้ฟังอีกเมื่อไหร่ครับ " เจ้าจุกถามขึ้น
" ก็เมื่อเจ้ารักพระราชาของเจ้ากับเมื่อเจ้าสนใจไฝ่รู้นั่นแหละ..... "
7 พฤศจิกายน 2545 20:33 น.
เครายาว
- ผมคงมองอะไรผิดไป
หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ไอ้อย่างที่คิดก็ไม่ได้เป็นอย่าง ๆ ( คงมองผิดไปจริง ๆ )
การใด ๆ ผมว่ามันน่าตลกขบขันทีเดียว ไม่ว่าจะอะไรจริง ๆ จัง ๆ หรือไม่ก็ตาม...........
- ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่พบก็คือ เรายังไม่ได้ตายไปจริง ๆ
ที่ผ่านมาผมเข้าใจตลอดว่าความเข้าใจของผมเป็นที่สุดแล้วไม่มีอื่นอีก
หลายคนบอกว่าผมผิดมาตลอด ความเข้าใจของผมผิดมาตลอด
นอกจากคำยืนยันเหล่านั้น หลักฐานที่เป็นการยืนยันอย่างชัดแจ้งคือผลของการกระทำที่ผิดพลาดของผม
การกระทำที่พลาดจากความเข้าใจที่ผิด
ใช่มันเป็นเช่นนั้น
- วันก่อนผมไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดซอยพระนาง ( แถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยฯ )
ครับกลางเมืองใหญ่ก็มีหมายสำหรับอ่านหนังสือดี ๆ มีบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม ( เงียบสงบมาก )
ผมได้จากที่นี่มาก
ไม่ว่ามันจะไม่แสดงผลได้ชัดในเวลานี้และหรือไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาผมก็จะพูดเหมือนเดิม
ผมเชื่อมั่นว่าแต่ละครั้งที่ผมมาที่นี่เหมือนกับผมมาบ้านหลังเก่า ( ผมมีอดีตที่นี่ )
หนังสือแต่ละเล่มที่ผมเลือกขึ้นมาอ่านเหมือนกับผมเคยอ่านมาแล้วและการอ่านครั้งนี้เป็นการย้ำว่าผมอ่านมันอีก
- หลักฐานทางความคิดของผมคือสิ่งเหล่านี้ผมทำอะไรอยู่ก็เหล่านี้นี่แหละที่อธิบายผม
แต่ละคนมีความคิด ความหวัง ความฝัน และสิ่งเหล่านั้นกองสุมอยู่ในหัวใจของพวกเขา
หลายคนกลัวความตายเพราะเกรงว่าจะไม่ได้ฝันอีก
บางคนรู้สึกว่าแบกโลกไว้ทั้งโลกด้วยบ่าของเขา
กับน้อยคนที่ไม่มีแม้กระทั่งความฝันในเวลานอนหลับ ( เป็นเพราะเขาตื่นอยู่ตลอด )