24 กรกฎาคม 2549 13:12 น.
เก่งกาจ
รักแรกอย่างนั้นหรือ ทำไมเธอจึงรักเขาล่ะกริชหันมาถามด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มีความหมายหากแต่หยีไม่อาจรับรู้ได้
เป็นเธอ เธอจะไม่หวั่นไหว กับคนที่พยายามทำให้เห็น ว่าเขามีความจริงใจกับเราแค่ไหนอย่างนั้นหรือ แม้มันจะเป็นแค่ช็อกโกแลตก็ตามเถิดหยีตอบ พลางก้มลงมองช็อกโกแลตในมือ ใจคิดไปถึงคนที่ให้
แต่การที่เขาหยุด และมาส่งใหม่อย่างนี้ ฉันเริ่มไม่แน่ใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อฉันหยีเอ่ยกับกริชเหมือนอยากจะตัดใจจากชายที่ให้ช็อกโกแลต
อย่าเพิ่งด่วนสรุปอย่างนั้นสิ เขาอาจจะมีเหตุผล เช่น เขาคงคิดว่าเขาเจอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาคิดว่าอาจเป็นเธอที่เขาส่งช็อกโกแลตมาให้ตลอดเวลา จนวันหนึ่งเขาอาจรู้ความจริงว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ ทางเดียวที่จะทำให้เธอไม่คิดว่าเขาลืมเธอ คือส่งช็อกโกแลตมาให้ก็ได้นะกริชเอ่ยเหมือนเป็นเด็กชายคนนั้นเสียเองจนหยีอดแปลกใจไม่ได้
ทำไมเธอเข้าใจเขาดีจัง เหมือนรู้จักเขาอย่างนั้นแหละหยีเอ่ยถามอย่างแปลกใจ แต่ไม่ได้เอะใจอะไร
เปล่า ฉันก็แค่พูดไปเรื่อย ไม่อยากให้เธอคิดมากกริชหาข้อแก้ตัว เขาไม่อยากให้หญิงสาวรู้ความจริงบางอย่าง หยีพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
เรื่องเมื่อเย็น ฉันขอโทษนะที่ใส่อารมณ์กับเธอกริชเอ่ยทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ และมันเป็นคำพูดที่เขาอยากจะบอกหยีที่สุดในวันนี้
ไม่เป็นไรฉันลืมไปหมดแล้วละหยีกล่าวยิ้ม ๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ของกริชดังขึ้น กริชหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าใครโทรมา
เค้กเขาเอ่ยออกมาพร้อมกดรับทันที
หวัดดีจ๊ะ เค้กกริชกล่าวทักทายแฟนสาว แล้วยิ้มออกมา
กริชเหรอ นี่เค้กนะ เค้กจะบอกว่าวันนี้เค้กไปช่วยกริชออกแบบฉากด้วยไม่ได้ เค้กต้องไปธุระกับแม่ ขอโทษด้วยนะจ๊ะเค้กกล่าวธุระของตน หยีฟังทั้งคู่สนทนารู้สึกถึงความสนิทสนมของทั้งคู่ก็อดรู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ บอกไม่ถูกว่าทำไม ลึก ๆ แล้วเธอปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบสนใจชายหนุ่มผู้นี้ อาจเป็นเพราะเขา หวงแหนเพลง First love มากเช่นเดียวกับเธอ
ไม่เป็นไรกริชกล่าวอย่างสุภาพ พร้อมยิ้มออกมา
พรุ่งนี้เค้กสัญญานะ ว่าจะไปช่วยกริชแต่เช้า ถือว่าเป็นการไถ่โทษแล้วกันเค้กกล่าวเหมือนง้องอนเพราะกลัวแฟนหนุ่มจะเคือง
จ๊ะกริชกล่าวสั้นพร้อมยิ้ม รอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้หยีซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ อดรู้สึกเจ็บในใจอย่างบอกไม่ถูกที่ตนเองนึกชอบคนที่มีเจ้าของแล้ว
งั้นแค่นี้นะจ๊ะเค้กกล่าวพร้อมตัดสายไป กริชกดวางแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วหันไปยิ้มกับหยีที่ตอนนี้กำลังเหม่อลอยอยู่
หยีกริชเรียกครั้งที่หนึ่งแต่หญิงสาวไม่ได้ยินเขาจึงเรียกซ้ำ พร้อมเอามือปัดไปมาผ่านหน้าหญิงสาวที่กำลังเหม่อลอย
หยี เหม่ออะไรกริชกล่าวพร้อมยิ้มขัน ๆ
เปล่านี่ ว่าแต่เค้กโทรมาหรือหยีที่ได้สติหันไปพูดพร้อมยิ้มแหย ๆ
อือ เค้าโทรมาบอกว่าวันนี้มาช่วยงานไม่ได้กริชตอบอย่างไม่ปิดบัง
งานอะไรเหรอหยีถามต่ออย่างอยากรู้
ออกแบบฉากละครให้พี่กุ๊กน่ะกริชตอบ
เหรอ อยากมีคนช่วยไหมหยีเสนอความช่วยเหลือ พร้อมยิ้มออกมา
ฮือ อะไรนะกริชอุทานออกมาเหมือนต้องการให้หญิงสาวทวนคำถาม
ให้ฉันช่วยไหมหยีหายใจเข้าพร้อมบอกจุดประสงค์ของตนเอง
ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็...ได้กริชกล่าวพร้อมยิ้มให้ หยียิ้มออกมาอย่างยินดี
ถ้างั้นก็ลงมือกันเลยกริชกล่าวต่อพลางชวนหยีเข้ามาในบ้านเพื่อทำงาน
กริชหายไปที่ห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ไม่นานก็กลับมาทั้งของที่เตรียมมาด้วย นั่นคือ กระดาษ ดินสอ และสีมาที่โต๊ะทำงาน
จะแบ่งงงานกันยังไงดีละหยีเอ่ยถามกริชเหมือนไม่รู้จะทำยังไง
อือ เอางี้ ฉันวาด เธอระบายสี ตกลงไหมเขาออกความเห็น พร้อมถามหญิงสาว
ก็ได้ แต่วาดให้ดีๆละหยีเห็นด้วย
เธอก็ระบายให้ดี ๆละ กริชกล่าว จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะกันออกมาอย่างมีความสุข อย่างประหลาด โดยทั้งคู่ไม่รู้ตัว
แต่เวลาผ่านไปชั่วโมงหนึ่งกริชไม่สามารถวาดอะไรออกมาได้เลย พยายามจะจินตนาการฉากเท่าไรก็คิดไม่ออก หยีเห็นเวลาผ่านไปแต่งานไม่ดำเนินอะไรสักอย่าง เธอจึงพูดกับกริชว่า
กริชทำไมไม่วาดเสียทีล่ะหยีเอ่ยถาม
ฉันวาดไม่ออกน่ะหยีกริชกล่าวเสียงอ่อย ๆ
ทำไมล่ะหยีเอ่ยถามอย่างสงสัย
ฉันจินตนาการไม่ออก ว่าควรจะวาดยังไงดีกริชบอกความจริงที่เป็นปัญหา
เธอจะวาดฉากอะไรหยีเอ่ยถาม
ฉากที่นางเอกเล่นเปียโนและร้องเพลง ให้พระเอกฟังน่ะกริชกล่าวพร้อมมองหยีเหมือนขอความช่วยเหลือว่าควรจะทำไงดี
เอางี้ ฉันจะเล่นเปียโนให้เธอดู แล้วเธอก็จินตนาการฉากที่มันเข้ากับอารมณ์ของตัวละครตัวนั้นหยีออกความเห็น
อือ ความคิดดีนี่กริชเอ่ยชมแล้วยิ้มออกมา หยีก็ยิ้มรับ
บ้านเธอมีเปียโนใช่ไหมหยีเอ่ยถามทันทีเมื่อนึกขึ้นได้
มี แต่น่าแปลกกริชตอบพร้อมพยายามบอกอะไรบางอย่าง
อะไรหรือหยีถามเหมือนอยากรู้
ก็บ้านฉันมีเปียโน แต่ฉันกลับเล่นไม่เป็นเลยนี่ ตลกไหมกริชกล่าวพร้อมยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี พยายามพูดให้หญิงสาวขัน ได้ผลหยีหัวเราะออกมาเช่นกัน
จากนั้นหยีก็เดินไปที่เปียโน จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลง First love ออกมา พร้อมร้องเพลงออกมาด้วย เธอร้องเพลงเหมือนจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดภายในใจผ่านเพลง กริชได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกดี ๆที่ก่อขึ้นภายในใจ มือก็วาดภาพไป บางครั้งก็ยิ้มให้กับหยี ที่กำลังก้มลงมองที่นิ้วที่ดีดเปียโนจึงทำให้หยีไม่สามารถเห็นรอยยิ้มที่มีความหมายนั้นได้
ไม่นานกริชก็วาดเสร็จ ภาพนั้นเป็นฉากที่สวยงามที่สุดฉากหนึ่งก็ว่าได้
สวยจังหยีชม พร้อมขอภาพมาดูใกล้ ๆ อย่างถูกใจ
ต่อไปก็ถึงตาที่เธอต้องแสดงฝีมือแล้วละ หยีกริชกล่าวพร้อมยิ้มให้เธอ เธอยิ้มให้เขาไม่ตอบสิ่งใด แต่ก้มลงระบายสีรูปนั้น อย่างบรรจง และสุดฝีมือ
กริชลุกขึ้นพร้อมเดินออกไปจากห้องนั้น แต่ไม่นานเขาก็นำโกโก้ร้อนมาให้หยี
ขอบใจจ๊ะหยีกล่าวพร้อมรับถ้วยมา จากนั้นก็ลงมือระบายสีต่อ ไม่กล่าวสิ่งใดก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว โดยไม่ทันสังเกตว่ากริชมองเธอด้วยสายตามีความหมาย
กริชเดินออกจากห้องนั้นไป เวลาผ่านไปสองสามชั่วโมงหยีก็ระบายภาพนั้นเสร็จ ภาพนั้นพอระบายสีออกมาเป็นฉากที่สวยที่สุดฉากหนึ่งก็ว่าได้ หยีมองรูปภาพนั้นอย่างภูมิใจ แต่เธอก็รู้สึกเพลียมาก จึงก้มตัวลงนอน และฟุบหลับที่โต๊ะทำงานนั้น
เมื่อกริชเดินกลับมาที่ห้องก็พบว่าหยีหลับอยู่เขาจึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัวหญิงสาว เขามองเธอที่หลับอย่างไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งมองเธอด้วยความรู้สึกที่สุขใจเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับหญิงที่รัก
กริชอยากจะก้มลงจูบที่หน้าผากแต่ก็หยุดเอาไว้ แล้วเดินจากห้องนั้นไปอย่างเงียบๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นแดดทอแสงผ่านหน้าต่าง ที่ตรงนั้นมีโต๊ะที่หยีฟุบหลับอยู่ หยีรู้สึกแดดแยงตา เธองัวเงียตื่นขึ้นพร้อมมอง ๆไปรอบตัวไม่เหมือนบ้านของตน
นี่เรานอนที่นี่ทั้งคืนเลยหรือหยีบ่นกับตนเองพลางเห็นกริชที่เดินเข้ามา
ตื่นแล้วหรือกริชถามพลางยิ้มให้เธอ
ขอโทษนะที่ฉันมารบกวนหยีกล่าวพลางยิ้มแหย ๆ
ไม่ต้องขอโทษ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอกริชกล่าวยิ้ม ๆ
ถ้ายังงั้น ฉันกลับละนะหยีกล่าวพลางลุกเดินหนีทันที
เดี๋ยวฉันไปส่งกริชกล่าวพลางรีบเดินตามหยีออกไป
ในใจหยีรู้สึกหวั่นไหวที่ต้องอยู่กับบ้านชายหนุ่มที่เธอพึ่งรู้จักเพียงวันเดียว เธอไม่ยอมพูดจาเอาแต่คิดเรื่องนี้
เมื่อถึงหน้าบ้านเธอก็พบว่ามีกล่องช็อกโกแลตวางหน้าบ้าน และมันจะวางทุกครั้งที่เธอเล่นเพลง First Love
เธอจำได้ว่าเธอเล่นเพลงนี้ครั้งสุดท้ายก็บ้านของกริช ถ้าจะมีใครรู้ว่าเธอเล่นคงจะมีเขาเพียงคนเดียว
หรือว่าเขาจะเป็นคนให้ช็อกโกแลตเธอ
เธอหันไปเผชิญหน้ากับเขาที่ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
หยีอ้าปากจะพูดแต่ตัดสินใจไม่พูดดีกว่า เพราะเธอยังไม่แน่ใจ
อะไรหรือหยีกริชเอ่ยถามแล้วยิ้ม
ชายหนุ่มเห็นกล่องช็อกโกแลตในมือของหยี ก็ยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า
นั่น มีคนส่งช็อกโกแลตมาให้อีกแล้วหรือเขาพูดแล้วยิ้ม
น่าแปลกนะหยีตัดสินใจพูดออกมาพร้อมสังเกตท่าทีของชายหนุ่ม
อะไรหรือเขายังถามเรียบ ๆ ด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่ยังไม่มีทีท่าผิดสังเกต
ฉันรู้สึกว่าคนที่ให้ช็อกโกแลตกับฉัน เขาอยู่ใกล้ฉันมาก ใกล้จน ...น่ากลัวหญิงสาวพูดพร้อมสบตาชายหนุ่มอย่างเปิดเผยความในใจ
กลัวอะไรเขาพูดเบา ๆ พร้อมสบตาเธออย่างมีความหมาย
ฉันกลัวว่าวันที่ฉันรู้ความจริงว่าเขาเป็นใคร ฉันอาจจะรักเขาไม่ได้หญิงสาวค่อย ๆพูด แต่ชัดเจนทุกคำ ในใจนึกรู้ว่าใครเป็นคนส่งมา
ทำไมถึงรักเขาไม่ได้ล่ะชายหนุ่มถามพลางสบตาหญิงสาวอย่างมีความหมาย
เพราะเขามีเจ้าของอยู่แล้วสิหยีกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย พลางหลบตาเขาเหมือนไม่อยากให้รู้ความในใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเค้กขัดจังหวะการสนทนา
กริชจ๊ะเสียงเค้กดังขัดจังหวะขึ้น เธอมาหาแฟนหนุ่มแต่เช้าเพื่อมาช่วยงานเขาตามที่สัญญาไว้นั่นเอง
ทั้งกริชและหยีหันไปทางต้นเสียงนั้น พร้อมปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้เค้กรู้ความรู้สึกในใจของทั้งคู่
สวัสดีจ๊ะ เค้กหยีกล่าวทักทายตามมารยาท พร้อมยิ้มให้เค้ก
สวัสดีจ๊ะหยีเค้กทักทายและยิ้มให้เช่นกัน
ทำไมมาแต่เช้าเลยล่ะกริชถามพลางยิ้มให้แฟนสาว พร้อมจับมือเธอไว้ หยีได้แต่มองด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ นี่เธอคงจะรักคนที่มีเจ้าของเข้าให้แล้ว เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อไม่อยากมองภาพบาดตาและใจนั้น
ทำเป็นลืม ก็เมื่อวานนี้เค้กสัญญากับกริช ว่าจะมาช่วยกริชออกแบบฉากแต่เช้าไงเค้กกล่าวพลางยิ้มให้กริช
อ๋อ..จริงด้วย แต่ว่าตอนนี้ไม่ต้องแล้วก็ได้จ๊ะกริชกล่าว คำพูดของกริชทำให้เค้กรู้สึกแปลกใจแล้วถามว่า
อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะเค้กเอ่ยถามอย่างอ่อนหวานตามนิสัยของเธอ
คือ เมื่อคืน ผมกับหยีช่วยกันจนเสร็จแล้วล่ะ แต่ว่ากว่าจะเสร็จได้ก็ ทั้งคืนกริชกล่าวไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ทันสังเกตว่าเค้กสะดุดใจกับคำว่าทั้งคืน
เธอสองคนอยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยหรือเค้กกล่าวหน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง รู้สึกหึงแฟนหนุ่มเล็กน้อย แต่ยังไม่กล่าวอะไรเสียก่อนก็มี เสียงคนหนึ่งขัดขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอ
เขาคือโดมนั่นเอง
เฮ้ย ไอ้หยีโดมเดินเข้ามา พร้อมตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง
อ้าว ไอ้โดม โผล่หัวออกมาได้สักทีนะแก!หยีหันไปแหวใส่เพื่อน
แหม ..เจอหน้าก็แว้ดใส่เลยนะโดมกล่าวกับเพื่อนสาว เขาเข้ามายืน โดยที่เค้กหันหลังให้ โดมจึงไม่ทันเห็นหน้าเค้ก
เฮ้ย แต่เมื่อวานขอโทษจริงเว้ย ตื่นสายไปหน่อย ว่าแต่พี่กุ๊กคงบ่นถึงฉันน่าดูเลยโดมพูดพร้อมหัวเราะออกมา
เขาไม่ได้แค่บ่นหรอก แต่เค้าด่าแกกรอกหูฉันเลยล่ะ เขาบอกว่าถ้าแกยังไม่รับผิดชอบอย่างนี้ เค้าจะตัดชื่อแกออกจากโปรเจคนี้หยีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่โดมไม่สะทกสะท้าน
เฮ้ย ...พี่เค้าไม่กล้าหรอก ว่าแต่ใครนี่ เพื่อนแกเหรอโดมถามอย่างแปลกใจพึ่งสังเกตเห็นว่าหยีมีแขกถึงสองคน แต่ยังไม่ทันสังเกตว่ามีเค้กด้วย
เออ..ลืมแนะนำ สองคนนี้ไงที่เขามาช่วยงานพี่กุ๊กหยีนึกขึ้นได้พร้อมบอกโดม และแนะนำเพื่อนทั้งสองให้โดมรู้จัก
อ๋อ...โดมพยักหน้ารับรู้
คนนี้ ชื่อกริชน่ะหยีแนะนำ
สวัสดีครับโดมพยักหน้า เป็นเชิงทักทาย
สวัสดีครับกริชทักทายพร้อมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
คนนี้ เค้กหยีแนะนำ
จังหวะนั้นเค้กหันหน้ามาเผชิญกับโดม พร้อมกล่าวคำว่า
สวัสดีค่ะ ทันทีที่โดมเห็นหน้าเค้ก เขาตะลึง ทำอะไรไม่ถูก เพราะเค้กนั้นเป็นคนที่เขารู้จัก และรู้จักดีเสียด้วย รู้สึกยินดีที่ได้พบหญิงสาวในวันนี้
โดมนั้นรู้จักเค้กดี ในใจชายหนุ่มคิดเคืองที่เค้กทำเป็นเหมือนไม่รู้จัก
แต่ถ้าโดมอ่านใจเค้กได้ จะรู้จริง ๆว่า เค้กไม่เคยรู้จักโดมมาก่อน
สวัสดีโดมกล่าวเมื่อรู้สึกตัว เขาเอาแต่มองหน้าหญิงสาว ด้วยความรู้สึกเคืองเล็กน้อยที่เค้กทำท่าเหมือนไม่รู้จักเขา
เธอจำฉันไม่ได้จริง ๆหรือโดมกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ในตัวเค้ก
เค้กอึ้งทำอะไรไม่ถูก แต่ก็หาประโยคพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า
ขอโทษนะค่ะ ฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะค่ะคำพูดนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับโดม แต่เขายังสงวนท่าที แต่แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง โกรธ และเสียใจปนกันไป
หยีรู้สึกสงสัยเลยขัดจังหวะขึ้น
โดม แกเคยรู้จักเค้กมาก่อนหรือ?หยีเอ่ย
ไม่เคยหรอก แกก็ได้ยินที่เขาพูดไม่ใช่หรือ ว่าฉันจำคนผิดโดมกล่าวเน้นประโยคสุดท้ายเป็นเชิงประชดด้วยใบหน้าทีเฉยชาแต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ
ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปละน่ะหยีโดมกล่าวเสียงแข็ง พร้อมจะเดินผละไป
อ้าวแล้วจะรีบไปไหนล่ะ?หยีร้องออกมา พร้อมมองเพื่อนเหมือนไม่เข้าใจอารมณ์เท่าไร
ว่าจะไปหาอะไรมาล้างตาเสียหน่อย เดี๋ยวจะจำคนผิดขึ้นมาอีก! โดมกล่าวเน้นใส่อารมณ์ประโยคสุดท้ายด้วยความประชดประชันพร้อมมองเค้กด้วยสายตาเฉยชา
เค้กและกริชได้แต่แปลกใจว่าโดมเป็นอะไรไป
ไอ้โดม เดี๋ยวสิ!หยีเรียก แต่โดมเดินดุ่ม ๆไม่ยอมหันหลังมาอีกเลย
ขอโทษแทนไอ้โดมด้วยนะ ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไรอีก ถ้ายังไงฉันขอตัวเลยนะ เดี๋ยวสิไอ้โดม !รอฉันด้วย!หยีหันไปขอโทษพลางวิ่งตามเพื่อนสนิทที่เดินดุ่ม ๆไปไกลลิบ แล้ว
โดมกลับมาบ้านของตน เขาไม่รอช้า เดินไปที่โต๊ะที่มีของวางอยู่ เขาไม่รอช้าปัดของกระเด็นกระจายไปทั่วเหมือนต้องการระบายอารมณ์
ทำไม !ทำไม! ต้องทำเป็นไม่รู้จักฉัน ทำไม!
24 กรกฎาคม 2549 13:11 น.
เก่งกาจ
เค้ก เค้กเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวเราตามเข้าไปกริชกล่าวเหมือนขอร้อง เค้กเห็นดังนั้นไม่กล่าวสิ่งใดเดินเข้าไปในห้องประชุม
กริชคิดถึงภาพในอดีต เป็นภาพ เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นเวลาเช้าก่อนที่เขาจะไปโรงเรียน บ้านของกริชเคยอยู่ติดบ้านของหยี ทุกเช้ากริชจะได้ยินเสียงเปียโนจากบ้านของหยี เขามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเล่นเปียโนอย่างเพลิดเพลิน โดยหารู้ไม่ว่ามีเด็กชายคนหนึ่งกำลังหลงรักเธอและเสียงเพลงของเธออยู่เงียบ ๆ
กริชไปโรงเรียนได้แล้วลูก เดี๋ยวสายนะแม่ของกริชบอกพร้อมยื่นกระเป๋านักเรียนให้ แต่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงบ่นออกมา
นี่ลูกเอาช็อกโกแลตไปกินในห้องเรียนด้วยหรือ เดี๋ยวคุณครูก็ว่าเอาหรอกแม่บ่นออกมา
กริชเห็นดังนั้นรีบดึงเอาช็อกโกแล็ตและกระเป๋าจากมือแม่แล้ววิ่งออกไป ช็อกโกแล็ตนั้นมีลักษณะเดียวกับที่หยีเคยได้รับ
หลังจากที่กริชตื่นจากภวังค์ เขาก็ตามเค้กเข้าไปที่ห้องประชุม เขาเฝ้าบอกกับตัวเองว่าตลอดเวลาเขาต้องการพบเด็กผู้หญิงซึ่งเป็นรักแรกของเขา
วันที่เขาได้พบกับเค้ก มีสิ่งหนึ่งในตัวเค้กที่ทำให้เขามั่นใจว่าเป็นเด็กหญิงคนเดียวนั้น คือ เพลงFirst love หากแต่วันนี้ เขากลับพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งคือเด็กผู้หญิงคนนั้นตัวจริงเข้าวันนี้ ชายหนุ่มอดที่จะรู้สึกสับสนกับความจริงข้อนี้ไม่ได้
กริชตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องประชุมเพื่อ พิสูจน์อะไรบางอย่าง
ระหว่างทางใจเต้นไม่เป็นส่ำ ที่ตนเองจะได้เจอกับผู้หญิงที่เขาเฝ้าตามหา ผู้หญิงที่เฝ้ารอคอย ผู้หญิงที่เป็นดังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
เมื่อถึงห้องประชุม เขาเดินอย่างเงียบ ๆ
เสียงเปียโนกลบเสียงฝีเท้า เสียงเพลงนั้นถูกบรรเลงโดยหญิงสาวที่เขาว่าไปเมื่อสักครู่
แต่เป็นหญิงสาวที่เขาอยากพบเจอมากที่สุดในขณะนี้ ทันที่รู้ความจริงบางอย่างว่าแฟนสาวไม่ได้แต่งบทเพลงนี้หากแต่เป็นหญิงสาวที่เล่นเปียโนให้ฟังอยู่ตรงหน้า
ในหัวใจเขาสุขล้นเหลือเกิน ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตว่าเค้กมายืนอยู่ข้าง ๆโดยไม่พูดจาสักคำ เฝ้าดูว่ากริชจะทำอย่างไรกับความจริงที่ได้รับรู้
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นคนนั้นคือเจ๊กุ๊กนั่นเอง
หวัดดีจ๊ะ คุณน้องเจ๊กุ๊กกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมยิ้มให้กริชกับเค้ก
หวัดดีค่ะ/ครับกริชรู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์ หันไปทักทายพร้อมยิ้มให้เล็กน้อย เค้กก็เช่นกัน
นี่คงเป็นน้องกริช กับน้องเค้กใช่ไหมค่ะเจ๊กุ๊กเอ่ยถามเพื่อให้แน่ใจ
กริชพยักหน้ายิ้มรับเล็กน้อย เค้กก็เช่นเดียวกัน
ขอบคุณน้องสองคนมากเลยนะจ๊ะที่มาช่วยงานพี่ ถ้าไม่ได้คนเก่ง ๆอย่างน้องสองคนมาช่วยพี่แย่แน่เลยเจ๊กุ๊กอดหยอดคำหวาน เป็นการออดอ้อนไม่ได้
หยีในตอนนี้หยุดเล่นเปียโนทันทีเมื่อได้ยินเสียงเจ๊กุ๊กที่เดินเข้ามา เธอเดินมาหาเจ๊กุ๊กที่ข้างล่างเวที
หวัดดีค่ะพี่กุ๊กหยีเอ่ยพร้อมยิ้มให้พี่กุ๊ก แต่สายตาไปหยุดที่ใครคนหนึ่งที่มองมาที่เธอเช่นกัน เป็นแววตาที่เธอไม่อาจคาดเดาได้ เขาคือกริชนั่นเอง
หวัดดีจ๊ะหยี คุณน้องนี่เจอกี่ทีก็เล่นแต่เพลงนี้ แต่ว่าฟังกี่ทีก็เพราะ ไม่เบื่อเลยเจ๊กุ๊กอดชมไม่ได้ เพราะเธอชื่นชมในฝีมือการดนตรีของหญิงสาวเองจึงได้ชวนกันมาร่วมทำกลุ่มโปรเจคด้วย
กริชได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าคนที่เขาตามหามาตลอดคือหยีนั่นเอง
เขาได้แต่มองหยีด้วยสายตาที่มีความหมายมากขึ้น อยากบอกเหลือเกินว่าตลอดเวลาเขาต้องการพบเธอแค่ไหน
ว่าแต่วันนี้เรียกประชุมทำไมค่ะหยีเอ่ยถามอย่างสงสัย
ก็วันนี้เราจะคัดตัวแสดงเอกกัน แต่ว่าต้องรอไอ้ได๋ มันก่อนเจ๊กุ๊กเอ่ยถึงได๋ รุ่นน้องพี่กุ๊กหนึ่งปี หรือเด็กเปอร์ อยู่ปีห้ากล่าว ทั้งสองคนคือพี่กุ๊ก กับพี่ได๋ยังติดวิชาโครงงานอยู่หลายปี ทั้งคู่ตั้งใจที่จะให้ผ่านปีนี้ให้ได้
หวัดดีเจ๊กุ๊ก ได๋กล่าวทักทายขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่
ตายยากจริงนะแกเจ๊กุ๊กหันไปแขวะใส่เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นคู่กัดกันมา แล้วหันหน้ามาทางหยี พร้อมพูดว่า
นี่หยี แล้วไอ้โดมล่ะพี่กุ๊กหันไปถามเสียงแข็งกับยาหยีทันที
ขอโทษค่ะพี่กุ๊ก หยีพยายามโทรไปตามมันหลายเที่ยวแล้ว แต่มันยัง..หยีจะพูดต่อ แต่พี่กุ๊กแทรกพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
ยังไม่ตื่นพี่กุ๊กกล่าว หยียิ้มรับอย่าง แหย ๆ
เอาละไม่ต้องรอมันแล้ว เริ่มคัดเลือก ตัวแสดงเอก ของเรื่องกันนะเถอะพี่กุ๊ก กล่าวขึ้น
มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้น
พี่กุ๊กครับ ขอขัดจังหวะหน่อย เราจะคัดนักแสดง ทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องราวอย่างนั้นหรือพี่ได๋เอ่ยถาม
เรื่องของละครหรือคะ คืออย่างนี้ ค่ะ พระเอกของเรื่อง หลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขาคิดมาตลอดว่า เป็นคนแต่งเพลงFirst love ให้เขา แต่ เขาไม่เคยรู้ความจริงว่าเจ๊กุ๊กหยุดเล่าเรื่อง เป็นเชิงรอให้คนอื่นถาม
ซึ่งได๋ก็ถามขัดขึ้นทันที
ว่าอะไรเจ๊ได๋เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
เขาไม่เคยรู้ว่า ผู้หญิงอีกคนซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องเป็นคนแต่ง จนมาได้ยินนางเอกร้องเพลง เขาก็เริ่มสับสนเจ๊กุ๊กเล่าทีละนิดเหมือนต้องการเรียกความสนใจจากผู้ร่วมทีมทีละนิด
แต่เจ๊กุ๊กไม่ได้สังเกตว่ากริชเฝ้ามองหยี ถ้าทำได้เขาอยากจะเข้าไปโอบกอดเธอไว้แล้วบอกเธอว่า เขาเฝ้าตามหาเธอมาตลอด หยีเป็นรักแรก และหญิงเดียวในดวงใจของเขา เขารู้สึกว่าเรื่องราวของเจ๊กุ๊กคล้ายชีวิตรักของเขายิ่งนัก
ได๋อยากรู้เรื่องมาจึงเอ่ยถาม
พระเอกสับสนอะไหรือเจ๊ได๋เอ่ยถาม
เขาสับสนว่าเขาควรจะรักแฟนของเขา ซึ่งเขาคิดมาตลอดว่าแต่งเพลงนี้ หรือเขารักนางเอกซึ่งร้องเพลงนี้ได้เข้าถึงอารมณ์กันแน่ พี่กุ๊กเล่าพร้อมนึกภาพตามไปด้วย พี่กุ๊ก เล่าเรื่องจนคนอื่นเพลิน ๆ พอหยุด ทุกคนต่างเสียอารมณ์ เพราะต้องการรู้จุดจบของเรื่อง
แล้วตอนจบมันควรป็นยังไงครับพี่กริชเอ่ยถามโดยนัย มองมาที่หยีด้วยความรัก เขาต้องการให้ใครสักคนช่วยบอกทางออกที่ดีสำหรับเขาที
ยังตัดสินใจไม่ได้จ๊ะพี่กุ๊กหันมาตอบพร้อมถอนหายใจ
ทำไมละครับรุ่นน้องคนหนึ่งถามขึ้น
ยังคิดไม่ออกค่ะพี่กุ๊กกล่าว ทุกคนได้แต่ถอนหายใจเพราะอยากรู้ตอนจบ
แล้วมันจะทันหรือพี่กุ๊กใกล้วันงานแล้วนะพี่ได๋ออกความเห็น
ไม่รู้ค่ะ ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนพี่กุ๊กกล่าวพร้อมกุมขมับตนเอง
เอาละค่ะ น้อง ๆ ก็ซ้อมบทละครเท่าที่มีไปก่อน ตอนจบเป็นยัง ไง ใกล้วันแสดงจริง เดี๋ยวพี่จะบอกอีกทีนะคะพี่กุ๊กตัดบท พร้อมเอ่ยต่อว่า
ตอนนี้เราก็มาคัดตัวแสดงเอกกันก่อนนะคะ
แล้วพี่ตัดสินใจเลือกใครบ้างละครับได๋ถามต่อทันที
พี่ตัดสินใจเลือกตัวพระเอกไว้แล้วค่ะ คือ..ยังไม่ทันที่พี่กุ๊กจะเอ่ยต่อ ได๋ก็ขัดจังหวะขึ้นทันที
ผมใช่ไหมครับพี่กุ๊กพี่ได๋กล่าวเล่น ๆ เหมือนไม่จริงจัง
อุ๊ยคุณน้องขา บุคลิกของคุณน้อง คนละขั้วกับพระเอกของพี่นะคะพี่กุ๊กปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมยิ้มให้กริชแล้วพูดต่อ
คนที่จะมารับบทพระเอก ก็คือ คุณน้องกริชค่ะพี่กุ๊กกล่าวอย่างอารมณ์ดี
ไม่ดีกว่ามั้งครับพี่กุ๊ก ผมขอเป็นแค่สตาร์ฟดีกว่ากริชกล่าวปฏิเสธทันที หากแต่พี่กุ๊กก็ส่ายหน้าไม่รับฟังพลางแย้งว่า
ไม่ได้ ไม่ได้ ค่ะคุณน้องกริช ที่พี่เลือกน้องกริช เพราะพี่รู้มาจากเพื่อนของพี่ว่า น้องกริชรักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งมันก็ตรงกับตัวละครของพี่พี่กุ๊กหยุด ก่อนพูดต่อเป็นเชิงขอร้องแกมบังคับ
เอาเป็นว่าอย่าปฏิเสธเลยนะค่ะ รับหน้าที่นี้ไปซะโดยดีกริชได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าปฏิเสธ พี่กุ๊กจึงหันไปพูดต่อ
ต่อเลยนะค่ะ คนที่จะมารับบทแฟนพระเอก ก็คือ คุณน้องเค้กค่ะยังไม่ทันที่พี่กุ๊กจะกล่าวอีก พี่ได๋ก็แย้งขึ้นเหมือนไม่เห็นด้วย
เดี๋ยวนะครับพี่กุ๊กได๋กล่าว
อะไรอีกล่ะค่ะ คุณน้องพี่กุ๊กกล่าวอย่างนึกรำคาญในความขี้สงสัยของได๋
ทำไมถึงเลือกเค้กเป็นแฟนพระเอกละครับได๋กล่าว เขาอยากให้เค้กเล่นเป็นนางเอกของเรื่องมากกว่าเป็นแฟนพระเอก
ก็คุณน้องเค้ก เธอเล่นดนตรีเก่งกำลังจะพูดต่อ ได๋ก็แย้งขึ้นมาอีก
ยัยหยี ก็เล่นดนตรีเก่งนะครับได๋กล่าวต่อเหมือนอยากเชียร์ให้เค้กซึ่งเขาแอบปลื้มอยู่เป็นนางเอกของเรื่องมากกว่า
ก็ใช่ค่ะ แต่ว่าที่พี่เลือกน้องเค้ก เพราะบุคลิกของคุณน้องเค้ก พร้อมความสามารถที่เล่นดนตรีเก่ง มันสามารถโน้มน้าวให้ตัวพระเอกมารักเธอได้โดยไม่สะกิดใจสักนิดว่ารักคนผิดพี่กุ๊กอธิบายอย่างยืดยาว ได๋รับฟังพร้อมถามต่ออย่างสงสัย
ถ้าอย่างนั้นพี่เลือกใครเป็นนางเอก
น้องหยีสิค่ะพี่กุ๊กกล่าวยิ้ม ๆ ในการตัดสินใจของตนเอง
ยัยหยีนี่นะพี่ได๋กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อในฝีมือ
ก็ใช่นะสิค่ะคุณน้อง อย่าหาว่าพี่เวอร์เลยนะค่ะ คุณน้องหยีเนี่ย ร้องเพลงเพราะมาก มากเท่านักร้องมืออาชีพเลยก็ว่าได้เจ๊กุ๊กพูดพร้อมยิ้มให้ยาหยี หยียิ้มรับกับสายตากับทุกคนอย่างแหย
ถ้างั้นพวกเราคงต้องขอพิสูจน์คำพูดของพี่กุ๊กหน่อยละครับกริชหันไปพูดกับพี่กุ๊ก พร้อมหันหน้ามาพูดกับยาหยีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่แววตานั้นมองมาด้วยความรัก
เธอช่วยร้องเพลงให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมกริชหันไปบอกยาหยี
ร้องเพลง First Love สิหยีเค้กสนับสนุนอีกแรง เมื่อเห็นแฟนหนุ่มไม่ได้ว่าอะไรหากหยีจะร้องเพลงนี้
แต่ว่าเพลงนั้น..หยีได้แต่อ้ำอึ้ง พร้อมมองกริชเหมือนไม่แน่ใจว่าเขายังจะเคืองเธออยู่หรือเปล่าหากเธอร้องเพลงนี้
ร้องเลยหยี เค้กเห็นหยียังอ้ำอึ้ง เธอจึงสนับสนุนอีก
ร้องสิกริชกล่าวสั้น ๆพลางสบตาหยีเป็นเชิงอนุญาต
จากนั้นหยีก็ร้องเพลงFirst love ออกมา ในระหว่างที่ยาหยีกำลังร้องเพลง กริชฟังเพลงที่ยาหยีร้องพร้อมเก็บความถูกใจในน้ำเสียงของหยีอย่างเงียบ ๆโดยไม่แสดงออก
ทันทีที่ร้องเพลงจบ ก็มีเสียงปรบมือด้วยความยินดี ยาหยีโค้งคำนับเป็นเชิงขอบคุณ
เพราะมากค่ะ คุณน้องหยีเจ๊กุ๊กปรบมืออย่างยินดี พร้อมมองไปที่กริช เห็นมองไม่วางตาจึงหันไปแซวชายหนุ่ม
เป็นไงค่ะคุณน้องกริช นางเอกของพี่ร้องเพราะไหมค่ะเจ๊กุ๊กกระเซ้า
พี่แล้วทำไมต้องไปถามกริชด้วยละได๋โผล่งออกมา เพราะตนคิดว่า หยีจะร้องเพลงดีไม่ดี ไม่เห็นเกี่ยวกับกริชเลย
เฉยน่ะไอ้ได๋ แกนี่ชอบขัดฉันเสียจริงเจ๊กุ๊กหันไปว่าพี่ได๋ จนได๋ต้องเงียบไป
ว่าไงค่ะ น้องกริช เพราะไหมเจ๊กุ๊กหันมาถามกริชต่อ เหมือนต้องการคำตอบ
เพราะมากครับเขากล่าวสั้น พร้อมมองหยีด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
คุณน้องกริชรู้สึกใช่ไหมละค่ะว่า ไม่อยากเชื่อว่าหยีจะร้องได้ไพเราะขนาดนี้เจ๊กุ๊กเอ่ยถามเหมือนต้องการรู้อะไรบางอย่างเพื่อเป็นประโยชน์ต่อละครของตน
ครับกริชตอบตามความเป็นจริง
เห็นไหมค่ะคุณน้องทั้งหลาย คุณน้องกริชไม่เคยคิดว่าน้องหยีหรือนางเอกของพี่ จะร้องเพลงได้ไพเราะตรึงใจขนาดนี้ ซึ่งมันเป็นอารมณ์เดียวกับพระเอกของเรื่อง แสดงให้เห็นว่าคุณน้องกริชเล่นเรื่องนี้ได้พี่กุ๊กกล่าวอย่างยินดี ที่ละครของตนสำเร็จไปกว่าครึ่งเพราะเลือกตัวเอกที่ลงตัว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการความคิดเห็นของกริชที่มีต่อการร้องเพลงของหยี
ในระหว่างที่พี่กุ๊กมอบบทให้แต่ละคน หยีไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนแอบมองอยู่ เขาคือกริชนั่นเอง
หลังเลิกประชุมชมรม หยีก็ได้ขี่รถจักยานกลับบ้านทันที เธอเห็นทั้งเค้กและกริชขี่รถแซงหน้าไป เธอได้แต่มองเขาไปทั้งคู่
อีตาบ้าไปได้เสียก็ดี อยู่ ๆก็มาตู่ว่าเพลงฉันเป็นของตัวเองหยีเบะปากบ่นถึงชายหนุ่มอย่างรู้สึกเคือง ยาหยีไม่ได้ขี่กลับบ้านทันทีแต่ไปที่บ้านโดม เพื่อจะบอกงานที่พี่กุ๊กฝากมาให้ แต่เมื่อไปถึงบ้านโดม บ้านปิดเงียบไร้ผู้คน
ไอ้โดม ไอ้โดม อยู่หรือเปล่าหยีตะโกนเรียกเพื่อน แต่ไม่มีเสียงขานรับ
สงสัยจะออกไปวิ่งหยีพึมพำกับตนเอง จากนั้นเธอก็กลับบ้านทันที
ทางด้านโดมได้ออกมาวิ่งที่สนามของหมู่บ้าน ในขณะนั้นก็รู้สึกหน้ามืดมากะทันหัน เขาย่อตัวลง พร้อมกุมขมับตนเองเหมือนรู้สึกมึนหัว ทันใดนั้นมีของเหลวแดงไหลออกมาจากจมูก
เป็นอะไรไปวะเราโดมบ่นกับตนเองพร้อมเอามือกุมขมับตนเอง
ทางด้านหยีที่ขี่จักรยานถึงหน้าบ้าน เธอพบว่ามีกล่องอันหนึ่งอยู่ในรั้วบ้านเธอ เธอพบว่ากล่องนั้นคือกล่องช็อกโกแล็ต เธออดแปลกใจไม่ได้ ว่าใครส่งมา
คิดไปคิดมา รู้ทันทีว่าอาจเป็นคนเดียวกับที่เคยส่งให้เธอเมื่อสมัยยังเด็ก ๆ
มองออกไปที่ข้างบ้าน เห็นบ้านเปิดไฟ แสดงให้เห็นว่ามีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ หลังจากที่บ้านนี้มีคนย้ายออกไปเสียนาน
ทันใดนั้นเอง เธอก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้าน เขาคือกริชนั่นเอง
หมอนั่นนี่หยีอุทานออกมา เสียงของเธอดังพอที่กริชจะได้ยิน และเห็นเธอที่มองมาทางเขาพอดี
ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเป็นมิตรมากกว่าเคย พร้อมยิ้มให้ แล้วเดินเข้ามาหาหยี
สวัสดีดีครับ กริชกล่าวทักทาย
สวัสดีค่ะหยีเหวอไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ ตอนกลางวันยังว่าเธออยู่เลย
คุณอยู่ที่นี่หรือครับกริชเอ่ยถาม
ค่ะ ฉันอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เด็กหยีตอบพลางยิ้มให้ ค่อยรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นท่าทีเป็นมิตร
คุณพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่หรือคะหยีเป็นฝ่ายถามบ้าง
เปล่าครับ ผมเคยอยู่ที่นี่สมัยเด็ก ๆเหมือนกันชายหนุ่มตอบ หยีพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
กริชยิ้มแล้วเห็นบางสิ่งอยู่ในมือของหยี มันคือกล่องช็อกโกแลตนั่นเอง
นั่นคุณถืออะไรมาหรือครับกริชเอ่ยถาม
ช็อกโกแลตนะค่ะ มีคนมาวางไว้หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าใครหยีมองช็อกโกแลตในมือยิ้ม แล้วตอบชายหนุ่ม
คุณไม่ดีใจหรือครับที่มีคนมาให้อย่างนี้กริชถามเหมือนอยากรู้ แต่เก็บอาการไว้ ไม่อยากให้หญิงสาวรู้ความรู้สึก
เรียกฉันว่าหยีก็ได้นะหยีไม่ตอบแต่เอ่ยเรื่องชื่อแทน
เธอก็เรียกเราว่ากริชก็ได้นะกริชบอกเช่นกัน
ได้จ๊ะ กริชหยียิ้มรับ
เธอยังไม่ตอบฉันเลยกริชเอ่ยขึ้น เหมือนไม่ลืมง่ายๆ
อะไรหรือหยีเอ่ยถามอย่างสงสัย
เธอไม่ดีใจหรือที่ได้ช็อกโกแลตกริชเอ่ยถาม พร้อมเก็บซ่อนความอยากรู้คำตอบภายในใจ
ได้ช็อกโกแลตจากคนใจร้ายอย่างนั้น ไม่เห็นอยากดีใจเลยหยีเอ่ยออกมาอย่างน้อยใจ
คนใจร้ายอย่างนั้นหรือ ทำไมไปว่าเขาอย่างนั้นละกริชเอ่ยถามยิ้ม ๆ
ก็เขาเคยให้ช็อกโกแลต ตั้งแต่เราเด็ก จนถึงปีที่แล้วนี่เอง อยู่ ๆเขาก็ไม่ส่งให้เสียเฉย ๆหยีบ่น อ่อย ๆ
เขาคงเป็นคนสำคัญสำหรับเธอนะกริชพูดเป็นเชิงถาม
เขาน่ะสำคัญสำหรับเรา แต่เขาคงไม่คิดว่าเราสำคัญ เขาน่ะ คือรักแรกของเราเลยนะหยีกล่าวความรู้สึกที่มีออกมา กริชตะลึงกับคำว่ารักแรกของหยี
รักแรกอย่างนั้นหรือ ทำไมเธอจึงรักเขาล่ะ
24 กรกฎาคม 2549 13:07 น.
เก่งกาจ
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อยาหยี บ้านฉันอยู่ที่หมู่บ้านสายลมและแสงดาว ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลป์ แห่งหนึ่ง คณะศิลปกรรม เอกการละคร แต่ฉันก็รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ และมีเพลงโปรดที่มักเล่นเสมอ นั่นคือเพลง First Love
สมัยเด็ก ๆ เวลาเช้าก่อนไปโรงเรียนฉันจะมาเล่นเพลงนี้เสมอ และหลังจากกลับจากโรงเรียน ฉันก็จะได้ช็อคโกแล็ตแท่งหนึ่ง แต่หากวันไหนฉันไม่เล่นเพลงนี้ฉันก็จะไม่ได้รับช็อคโกแล็ต
ฉันอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่มาให้ช็อคโกแล็ตกับฉันทุกวันอย่างนี้ เขาคงเป็นเด็กชายแน่เลย นึกแล้วฉันก็แอบหลงรักเขาเข้าให้แล้ว นี่กระมังที่เรียกว่ารักแรกของฉัน
รักแรกของฉันกำลังจะถูกลืมค่ะ เพราะมีชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต จะเป็นใครนั้นขออุบไว้ก่อน
ขอพูดถึงเพื่อนสนิทของฉันก่อนแล้วกัน เขาเป็นผู้ชายค่ะ มีชื่อว่าโดม
ในความคิดของฉันฉันคิดว่าโดมเป็นคนที่หละลอยไปวัน ๆ ไม่มีแก่นสาร สมัยเขาเป็นเด็กเขาก็รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ เขาเก่งนะค่ะเขาสามารถแต่งเพลงได้ตั้งแต่อายุ สิบสองขวบ เพลงแรก และเพลงเดียวในชีวิตของเขา คือเพลง First Love ที่ฉันมักแอบขโมยมาเล่นอยู่เสมอ จนได้รับช็อคโกแล็ตจากชายหนุ่ม
แต่วันหนึ่ง
ฉันให้แกโดมกล่าวกับฉันพลางยื่นโน้ตเพลงFirst Love ให้
ฉันรับมาแล้วพูดว่า
ให้ฉันจริง ๆหรือฉันกล่าวพลางยิ้มดีใจ กอดโน้ตนั้นไว้แน่น
ก็ใช่นะสิ แต่แกต้องสัญญานะหยี ว่าแกจะไม่บอกใครว่าฉันเป็นคนแต่งเพลงนี้โดมกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมเดินผละไป
ฉันอยากจะถามเหตุผลว่าทำไม แต่ไม่กล้า ได้แต่มองตามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
ตอนนี้ฉันจะพูดถึงชายหนุ่มที่ทำให้ฉันลืมรักแรกไปสนิท ชายคนนั้นเขาชื่อกริช เป็นนักศึกษาคณะศิลปกรรม ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาค่อนข้างเงียบขรึม ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาค่ะ เพราะเขามีแฟนอยู่แล้ว เธอคนนั้นมีนามว่าเค้ก เป็นดาวคณะของคณะศิลปกรรมมหาลัยเดียวกับกริช เธอค่อนข้างเรียบร้อย และดูเหมาะสมดีกับกริช ทั้งคู่เข้ามาพัวพันในชีวิตฉันได้อย่างไรหรือค่ะ เพราะพวกเขามาช่วยพี่กุ๊กซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีหก คุณคงแปลกใจว่าทำไมพี่กุ๊กถึงเรียนตั้งหกปี เพราะพี่กุ๊กไม่ผ่านวิชาโปรเจคเสียที คือพวกเขามาช่วยพี่กุ๊กแสดงละครของรุ่นปีสี่ในมหาวิทยาลัยฉัน
เข้าเรื่องกันเลยนะ
ที่บ้านของยาหยีทุกเช้ายาหยีจะต้องโทรไปบ้านของโดมเพื่อปลุกโดมให้ไปเรียน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นถี่ โดมยังงัวเงีย เอามือไปขวานหาโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
ฮัลโหล โทรมาทำไม คนกำลังจะนอนโดมบ่นงึมงำ เหมือนรู้ดีว่าเป็นยาหยี
สายแล้วนะแก รีบไปเรียนด้วยละ แล้วอย่าโดดเด็ดขาด เพราะวันนี้มีประชุมชมรมละครยาหยีรัวพูดเพราะกลัวเพื่อนจะวางสาย
เออๆ รู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหม...เขาพูดจบก็วางสายทันที
เดี๋ยว....ยังไม่ทันที่ยาหยีจะพูดต่อไป เพื่อนเธอก็กดวางสายทันที
ไอ้บ้าเอ๊ย วางเสียแล้ว ยังพูดไม่จบเลยยาหยีบ่นกับตนเอง เธอวางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปที่มหาลัยตามความเคยชินของเธอ หยีรีบปั่นจักรยานอย่างรวดเร็ว เพราะเวลานี้ก็สายมากแล้ว
หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีเธอก็มาถึงมหาวิทยาลัย เธอเอารถไปจอดที่ตรงที่เขาจัดไว้ให้จักรยาน
จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องเรียนทันที เธอใช้เวลาวิ่งไม่ถึงสองนาทีก็มาถึง
หยีหยุดยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมหายใจแรงเพราะวิ่งมาเรียนรู้สึกเหนื่อยมาก
ในห้องอาจารย์ยังเขียนหนังสือบนกระดาน โดยไม่ทันสังเกตว่า หยีที่กำลังแอบย่องเข้าห้องเรียน
เธอหันซ้ายแลขวา ว่ามีที่ตรงไหนว่างจากนั้นก็นั่งลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเพียงเสี้ยวนาที อาจารย์ก็หันมาแต่ไม่ทันสังเกตอยู่ดี อาจารย์ก็สอนตามปกติ หยีถอนหายใจอย่างโล่งอกที่รอดจากถูกอาจารย์ตำหนิว่ามาสาย
เธอนั่งเรียนอยู่ในห้องนานประมาณหนึ่งชั่วโมงแต่ จนแล้วจนรอดเพื่อนชาย หรือนายโดมก็ไม่ยอมมาเสียที เธออารมณ์เสียกับความหละลอย และไม่รับผิดชอบของเพื่อนมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นเพื่อน คิดดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาโดมทันที
ที่บ้านของโดม เสียงโทรศัทพ์ดังขึ้น โดมได้แต่เอามือปิดหูไม่อยากได้ยินแต่ไม่เป็นผล เสียงโทรศัพท์ยังคงดัง เพื่อตัดความรำคาญเขาจึงรับโทรศัพท์เพื่อนทันที
ไอ้โดม เมื่อไหร่แกจะมามหาลัย สักที วันนี้มีประชุมชมรมนะหยีรัวใส่เพื่อนทันที อย่างอารมณ์เสีย
เออ.. เดี๋ยวตามไป เลิกโทรมาเสียทีได้ไหมจะนอนพูดจบโดมก็วางสายไปทันที ไม่รอให้เค้กพูดต่อ
เดี๋ยวสิไอ้โดม ไอ้โดมหยีหงุดหงิดโยนโทรศัพท์ใส่กระเป๋าทันที
หลังจากนั้นไม่นานก็หมดชั่วโมงเรียน หยีตรงไปที่ห้องประชุมทันที แต่ที่นั่นไม่มีใคร ในห้องประชุมชมรม เป็นเวที และบนเวทีมีเปียโนตั้งอยู่ ตอนนั้นหยีเห็นไม่มีใคร เธอเดินไปที่เปียโน แล้วนั่ง จากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงโปรดของเธอ เพลง First Love
ทางด้านชายหญิงคู่หนึ่ง ก็เดินตรงมาที่ห้องประชุมชมรมละคร ของมหาวิทยาลัยที่หยี ศึกษาอยู่ ชายและหญิงคู่นี้ มีนามว่ากริชกับเค้ก เมื่อพวกเขามาถึงที่ชมรม ก็จะเดินเข้าไปที่ห้องประชุม หากแต่กริชก็นึกอะไรออก เขาหันมาพูดกับแฟนสาวซึ่งพึ่งคบหากันไม่นาน
เค้ก เราลืมของ เค้กเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวเราตามไปจากนั้นกริชก็วิ่งออกไป เค้กมองตามแล้วยิ้ม
เค้กนั้นเริ่มคบหากับกริชไม่นาน เธอจำได้แม่นยำว่า เธอและกริชเริ่มคุยกันครั้งแรกเมื่อไร ในตอนนั้นของวันหนึ่งเป็นวันที่เธอต้องสอบร้องเพลง เธอได้นำเพลง ๆหนึ่งมาร้องไห้อาจารย์ฟัง ซึ่งเธอก็ไม่เคยทราบว่าใครเป็นคนอัดเทปส่งมาให้เธอ
เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธออายุสิบสอง วันนั้นวันที่เธอจะย้ายออกจากบ้าน มารดาของเธอก็เดินมาหาเธอพร้อมตลับเทปกล่องหนึ่ง แล้วพูดว่า
เค้ก มีคนส่งของมาให้ลูกจ๊ะแม่กล่าวพลางยื่นกล่องนั้นให้เค้ก
อะไรหรือค่ะเค้กยิ้มให้แม่ พร้อมรับกล่องนั้น
ไม่รู้สิ เค้กลองเปิดดูสิแม่เธอกล่าว พร้อมลูบหัวลูกอย่างเอ็นดู
เค้กค่อยๆแกะกระดาษห่อของขวัญออก จากนั้นเธอก็เปิดว่าในนั้นเป็นอะไร มันคือตลับเทปนั่นเอง
ตลับเทปอะไรนี่เค้กบ่นพึมพำกับตนเอง
หญิงสาวไม่รอช้าเดินไปที่วิทยุ พร้อมใส่ตลับเทปลงในวิทยุ จากนั้นก็กดปุ่มเล่นเสียง
ไม่นานก็มีบทเพลงหนึ่งดังขึ้น มันมีแต่ทำนอง แต่ไม่มีคำร้อง เล่นด้วยเปียโน เพลงนั้นเป็นเพลงช้า ให้ความรู้สึกถึงความตั้งใจของคนให้ อย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นเธอก็เห็นว่าเพลงนี้ไม่มีคำร้องเธอจึงแต่งให้เข้ากับทำนองเพลงอันไพเราะ และอ่อนหวานนั้น เธอได้รับข้อความที่มาพร้อมกับกล่องของขวัญนั้นว่า
อาจเป็นเพลงที่มีคนเดียวสนใจฟัง แต่หัวใจก็ยังตื้นตัน เพราะรู้ว่าคนนั้นคือเธอ
เธออ่านข้อความข้างล่างมาอีก
Fisrt Loveเธออ่านออกมาเบา ๆ พร้อมยิ้มออกมา
ในใจอยากรู้ที่สุดว่าใครเป็นคนส่งมาให้ เขาคนนั้นรู้สึกอย่างไรกับเธอ ถึงได้มอบสิ่งที่มีค่านี้ให้กับเธอ
เธอได้แต่เฝ้ารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ
และยิ่งรู้สึกอย่างนั้นมากขึ้น เพราะเพลงนี้ ทำให้เธอได้พบกับใครคนหนึ่ง ซึ่งก็คือคนที่เธอคิดว่าเป็นรักแรก และครั้งเดียวของเธอ
เขาคือกริชนั่นเอง
วันนั้นเธอจำได้ว่าต้องสอบวิชาดนตรีสากล เธอได้ร้องเพลงนี้ให้อาจารย์ได้รับฟัง เธอจำได้ว่าตั้งแต่อยู่มหาลัยเดียวกับชายหนุ่ม เขาไม่เคยพูดกับเธอสักคำ
เขาเป็นคนค่อนข้างเงียบขรึมในความคิดของเธอ
แต่เมื่อวันนั้น ทันทีที่เขาได้ฟังเธอร้องและเล่นเพลง First love
เขาก็ได้เขามาพูดกับเธอด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป เธอรู้สึกได้ว่าเขาให้ความสำคัญและสนใจเธอมากขึ้น จนน่าประหลาดใจ
เขาเริ่มไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยๆ เช่น นัดกินข้าว ไปดูหนังเมื่อวันหยุดมาถึง วันหนึ่งขณะที่เรากำลังเล่นเปียโนเพลง First love ซึ่งเป็นเพลงที่ทั้งเธอและเขาต่างชอบที่สุด
เขาก็ร้องเพลงให้เธอที่แสดงความจริงใจ เพลงที่เต็มไปด้วยความหมาย และสุขใจนั้นจนไม่สามารถบรรยายได้ว่ามันวิเศษสุดแค่ไหน มันเป็นเพลงที่เธอแต่งคำร้อง ไปในเพลง
ที่รัก โปรดอย่ารู้สึกว่าเพลงนั้นก็แค่เพลง เพราะรักของเรามันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบทเพลง แม้มือฉันเองจะคว้าดวงดาวที่เธอปรารถนาไม่ได้ แต่มือเดียวนี้มีสิ่งมีค่ายิ่งกว่าดวงดาวนั่นคือบทเพลงแทนใจ ที่รักเมื่อใดที่บทเพลงนี้บรรเลง ลองฟังสิ เธอจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่ร่ำร้อง โอ้ที่รัก ฉันไม่เคยรู้เลยว่าการที่ได้รักใครสักคน จะมีความสุขแค่ไหน จนเมื่อได้พบเธอ รักแรกของฉัน เขาร้องประโยคสุดท้ายขอเพลงพร้อมหยุดเล่น แล้วมองเธอด้วยสายตาที่มีความหมาย
ฉันรักเธอกริชกล่าวพร้อมยิ้มให้
จากนั้นเขาก็ค่อย ๆโน้มตัวเอาใบหน้าของเขาใกล้ใบหน้าของหญิงสาว ๆช้า
เค้กเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ชายหนุ่มค่อย ๆบรรจงจูบหญิงสาวอย่างนุ่มนวล หญิงสาวยอมรับจูบแห่งรักนั้นโดยไม่ขัดขืนสักนิด
หลังจากวันแห่งความหมายนั้น เค้กและกริชก็คบกันเรื่อยมา ทั้งสองรู้สึกมีความสุขที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
หลังจากที่เค้กคิดถึงอดีต ก็พบว่าเธอมาถึงห้องประชุมห้องเดียวที่ หยีกำลังเล่นเปียโนอย่างเพลิดเพลิน
ที่ห้องประชุมหยีตั้งใจเล่นเปียโนโดยไม่สนใจเค้กที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ เค้กรู้สึกคุ้นกับเพลงนี้ เธอเข้าไปนั่งในห้องประชุมนั้น
หลังจากที่หยีเล่นจบ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น หยีหันไปตามเสียงนั้น เธอเห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งยิ้มมาให้เธออย่างเป็นมิตร
ขอโทษค่ะเค้กกล่าว พลางโค้งตัว เธอยิ้มแหย ๆ ก่อนพูดว่า
คือฉันกับเพื่อน คือคนที่พี่กุ๊กชวนมาเพื่อช่วยละครของคณะน่ะค่ะเค้กกล่าว
อ๋อ ค่ะ แต่ว่าตอนนี้พี่กุ๊กยังไม่มาหยียิ้มและกล่าวอย่างเป็นมิตร
แล้วเพื่อนคุณอยู่ไหนคะหยีถามต่ออย่างสงสัยทันที พลางมองหาเพื่อนเขา
เรียกเราว่าเค้กก็ได้ เพื่อนเราลืมของ เขากำลังไปเอา เดี๋ยวจะตามมาเค้กอธิบายพลางยิ้มให้เช่นเคยจากนั้นเธอจึงชวนคุย
เพลงเมื่อกี้ เธอแต่งหรือเค้กเอ่ยถาม พร้อมเดินมานั่งใกล้ ๆ หยี
หยีนึกถึงคำพูดที่เคยพูดกับโดม ที่เคยสัญญากับโดมไว้ เธอจึงคิดก่อนตอบชั่วครู่ แล้วตัดสินใจบอกไปว่า
จ๊ะ ฉันแต่งเพลงนี้เองหยีกล่าวพลางหลบตาเค้ก เหมือนไม่อยากให้รู้ว่าโกหก เค้กไม่สนใจ เธอยิ้มแล้วถามว่า
บังเอิญจังเลย ฉันเคยได้รับเทปที่อัดเสียงเพลงนี้ไว้ แต่ไม่รู้ว่าใครส่งมา เป็นเธอใช่ไหม ขอโทษนะ เธอชื่ออะไรเค้กเอ่ยถามทันทีเมื่อนึกขึ้นได้
หยีจ๊ะหยีตอบแล้วยิ้ม
ตกลงเธอส่งมาใช่ไหมเค้กถามต่อทันทีด้วยท่าทีที่อยากรู้
ส่งอะไรหยีถามอย่างสงสัย
ก็เทปเพลงไงเค้กตอบ พร้อมรอฟังคำตอบจากหยีบ้าง
ฉันไม่เคยส่งไปนะหยีรีบตอบปฏิเสธทันควัน เค้กมีสีหน้าผิดหวัง เพราะเธออยากจะรู้มานานว่าใครกันที่ส่งเพลงไพเราะนี้ให้กับเธอ
ก็เธอเป็นคนแต่งเพลงนี้ไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วใครส่งมาล่ะเค้กเอ่ยอย่างสงสัย
ไม่รู้สิจ๊ะ อาจเป็นคนแถวบ้านฉันได้ยิน เลยอัดมา แล้วส่งไปให้เธอหรือเปล่าหยีหาข้ออ้างไปเรื่อย ในใจนึกรู้ว่าอาจเป็นโดมที่เป็นคนส่งไป คิดจะไปถามเพื่อนหลังจากเลิกเรียน
เหรอเค้กเอ่ย เหมือนไร้ข้อสงสัย จากนั้นก็ชวนหยีเล่นเพลง First love ต่อ
ถ้ายังไงเธอเล่นให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม เพราะดี แล้วเธอแต่งเนื้อร้องหรือยังเค้กเอ่ยถามพร้อมยิ้มออกมาเหมือนถูกชะตากับหยี
หยีได้แต่ยิ้มแหย ๆ พร้อมตอบว่า
ยังหยีตอบสั้น แต่เค้กยิ้มแล้วพูดออกมา
ฉันแต่งเนื้อร้องเพลงนี้ได้แล้วนะ ถ้าเธอไม่รังเกียจ ใช้เนื้อร้องของฉันก็ได้นะเค้กเสนอความคิดเห็น
อือ ถ้างั้นฉันเล่นดนตรี เธอร้องละกันหยีเสนอความคิดเห็น
จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มร้องและเล่นดนตรี เพลงFirst Love โดยหารู้ไม่ว่ากริชฟังอยู่ และกำลังฟังอยู่อย่างไม่พอใจ
กริชเดินตรงไปที่เปียโนซึ่งมีหยีและเค้กอยู่ แล้วพูดว่า
ใครอนุญาตให้เธอเล่นเพลงนี้กริชพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองด้วยความไม่พอใจ พร้อมนัยน์ตาที่จับจ้องมายังหยีด้วยความโกรธ
ไม่เอาน่า กริชเค้ก จับมือเขาไว้ เหมือนไม่อยากให้มีเรื่อง หากแต่แฟนหนุ่มก็ไม่สนใจ ยังคงจ้องเอาเรื่องกับหยีไม่เลิก
เอ่อ..หยีไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่อ้ำอึ้งอย่างนั้น
จำไว้นะ ถ้าฉันไม่อนุญาต ห้ามเล่นเพลงนี้กริชกล่าวจบก็เดินผละออกไป อย่างฉุนเฉียว เค้กได้แต่มองตามแล้วหันไปพูดกับหยีด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆว่า
หยี เราขอโทษแทนกริช เขาก็เป็นอย่างนี้ โกรธง่ายหายเร็วจากนั้นเค้กก็วิ่งตามออกไป
หยีได้แต่อึ้งทำอะไรไม่ถูก รู้สึกสงสัย น้อยใจปะปนกันที่มีคนมาว่าเธอ เพราะเพลงที่เธอรัก
ทางด้านเค้กซึ่งวิ่งตามกริชออกมา ก็ตรงไปที่เขาพร้อมดึงมือเขา แล้วหันตัวเขามาเผชิญหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงเคืองเล็กน้อยว่า
กริช ทำไม่เธอต้องอารมณ์เสียขนาดนั้นด้วยเค้กตำหนิกริช พร้อมสายตาที่มองมาอย่างไม่พอใจ และไม่เข้าใจ
เธออย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ฉันมีเหตุผลนะกริชกล่าวด้วยท่าทีที่อ่อนลง พร้อมมองเค้กด้วยสายตาที่มีความหมาย แต่เค้กยังคงไม่เข้าใจ
เหตุผลอะไร เค้กเอ่ยอย่างสงสัย ท่าทีของเค้กทำให้กริชเปลี่ยนสายตาและน้ำเสียง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
ฉันไม่ชอบให้ใครมาเล่นเพลงของเรา ยัยนั่นเล่นไปเพื่อความสุขชั่วครู่เท่านั้น ฉันว่าเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงนั้นมีค่าและมีความหมายแค่ไหนกริชกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองในการกระทำของหยี
ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาไม่รู้เค้กย้อนถามอย่างใจเย็น ตั้งใจจะบอกบางอย่างกับกริช
พูดอย่างนี้หมายความว่าไงกริชสะดุดกับคำพูดของเค้ก พร้อมมองเค้กอย่างแปลกใจ
หมายความว่า เพลงนี้เขาเป็นคนแต่งนะสิเค้กกล่าวยิ้ม ๆ หากแต่ไม่นึกว่าคำตอบจะทำให้กริชตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ไม่น้อย เพราะเขาคิดมาตลอดว่าเค้กเป็นคนแต่งเพลงFirst love
อะไรนะ เธอไม่ได้แต่งเพลงนี้เองอย่างนั้นหรือกริชเสียงแข็งขึ้นอย่างมีอารมณ์
ไม่ได้แต่งจ๊ะ คนที่แต่งเพลงนี้ คือหยีคนที่เธอพึ่งว่าไปเมื่อกี้เค้กตอบเสียงอ่อย แต่กริชเริ่มโกรธขึ้นไปอีก
แล้วทำไมไม่บอกฉันแต่แรกว่าเขาเป็นคนแต่งกริชเสียงดังขึ้น
เธออย่าเสียงดังสิเค้กตำหนิขึ้น แต่กริชไม่ยอมลดลา
ตอบมาสิว่าทำไมไม่ยอมบอกกริชเสียงดังคาดคั้น
ฉันพึ่งรู้ว่าเขาเป็นคนแต่ง..เค้กกล่าว กำลังจะพูดต่อแต่กริชขัดขึ้น
อย่างน้อย เธอก็น่าจะพูดสักคำว่าเธอไม่ได้แต่งกริชเสียงดังแทรกมา
ขอโทษ แต่เธอก็ไม่เคยถามฉันนะเค้กเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอก กริชได้แต่ถอนใจ ไม่อยากใช้อารมณ์ เขาพยายามสงบสติอารมณ์กับเรื่องทีได้รับรู้
เขาพยายามข่มความโกรธอยู่นาน แล้วตัดสินใจพูดว่า
เค้ก เค้กเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวเราตามเข้าไปกริชกล่าวเหมือนขอร้อง เค้กเห็นดังนั้นไม่กล่าวสิ่งใดเดินเข้าไปในห้องประชุม