24 กรกฎาคม 2549 13:16 น.
เก่งกาจ
วันเสาร์ที่รอคอยก็มาถึง เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของโดม เป็นวันที่มีค่าที่สุดในความทรงจำของโดม หากวันนี้เขาต้องจากไปแต่ถ้าเขาได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะไม่มีวันเสียใจเลย
ณ สวนสาธารณะ โดมรอเค้กด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้า หากทว่า หัวใจเต็มไปด้วยความสุขที่จะได้พบเค้ก แม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตก็ตาม
หากแม้ต้องตาย แต่ใช้ลมหายใจที่เหลืออยู่กับคนที่รัก เขาก็ตื้นตันเป็นที่สุด และไม่มีห่วงอะไรอีก
ณ กลางสวนหญ้านั้นมีเปียโนตัวหนึ่งตั้งอยู่
สิบปีที่แล้วเขาตั้งใจจะมอบเทปเพลงให้เค้กด้วยมือของเขา
แต่วันนี้มือทั้งสองของเขา จะเล่นเพลงให้เค้กให้หญิงฟังเป็นครั้งสุดท้าย
เขาได้แต่หวังว่าแม้บทเพลงนี้จะเล่นเป็นครั้งสุดท้าย แต่หญิงที่เขารักจะจดจำภาพนั้นไปตลอดชีวิต
เค้กเดินมาที่ทางเข้าสวนสาธารณะ ที่ตรงนั้นมีร้านดอกไม้ขายอยู่
เธอยิ้ม แล้วเดินเข้าไปซื้อดอกไม้ให้โดม และแล้วสายตาก็ไปสะดุดที่กุหลาบแดงช่อหนึ่ง
เธอเลือกมันมาหนึ่งดอก ที่เธอคิดว่าสวยที่สุด จากนั้นก็จ่ายเงินให้คนขาย
เค้กรู้ดีว่าความรู้สึกที่แสนพิเศษนี้ ไม่ต่างอะไรจากสิบปีที่แล้ว ที่โดมนัดเธอ หากแต่ก็มีบางสิ่งขวางกั้นไว้ นั่นคือเธอประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้ชะตาเปลี่ยนไป
แต่วันนี้เธอจะระวังทุก ๆก้าวที่จะไปหาเขา เพื่อไม่ให้มีสิ่งใด มาขวางกั้นหนทางที่เธอจะไปพบเขา
เธอเดินไปทุกก้าวอย่างแสนสุขเมื่อจะได้ เจอชายที่รัก
ไม่นานเธอก็เห็นโดมยืนยิ้มมาให้เธออย่างยินดีเป็นที่สุด
ข้าง ๆกายเขามีเปียโนตัวหนึ่งตั้งอยู่
เธอยิ้มให้เขาเช่นกัน พร้อมเดินเข้าไปหาเขา จากนั้นเค้กยื่นกุหลาบแดงให้โดม
ฉันให้เค้กกล่าวขณะยื่นให้เขา พร้อมยิ้มให้เขา
กุหลาบแดงหรือเขากล่าวอย่างแปลกใจ แต่ก็รับมันมาแล้วยิ้มให้
เธอคงรู้ความหมายของมันใช่ไหมเค้กเอ่ยถาม พร้อมรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ เธอจะจดจำเวลาแห่งมีค่าระหว่างเขาและเธอ
ไม่รู้ มันหมายถึงอะไรหรือโดมส่ายหน้า พร้อมเอ่ยถามอย่างสงสัย
รักแท้ไง ฉันตั้งใจจะมอบมันให้เธอตั้งแต่วันนั้น น่าแปลกนะที่ฉันพบรักแท้ตั้งแต่อายุสิบสองเค้กบอกรักโดม เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานยิ่งนัก
ฉันมีอะไรจะให้เธอเหมือนกันโดมเอ่ยยิ้ม ๆ พลางชวนเค้กมานั่งข้าง เขา
เขาหันหน้ามาพูดกับเค้ก ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
ฉันไม่มีกุหลาบแดงให้เธอหรอกนะ จะมีก็แต่เพลงFirst love เธอยินดีที่จะรับมันไหม ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมยิ้มให้ แต่ใบหน้าของเขาช่างดูดอิดโรยจากโรคที่รุมเร้าเขาอยู่ และมันกำลังจะพรากชีวิตเขาจากโลกใบนี้ไปในไม่ช้า
เค้กพยักหน้ายิ้มรับทั้งน้ำตา เธอรู้สึกกลัวที่จะสูญเสียเขาไปในพริบตา และกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะหาเขาไม่พบ
โดมเห็นดังนั้นก็เอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลรินของหญิงสาว พร้อมจับเธอเข้ามาสวมกอดเป็นการปลอบประโลมทั้งที่ในใจก็เจ็บปวดกับความจริงที่รู้ว่าเวลาที่ของเขาเหลืออีกไม่มาก น้ำตาไหลออกมาเช่นกัน
เขาไม่อยากจากผู้หญิงคนนี้ไปเลย
เธอรู้ไหมฉันเกลียดอะไรที่สุดเค้กสะอื้นออกมาทั้ง ๆที่ยังอยู่ในอ้อมกอด
อะไรหรือโดมกล่าวเสียงสั่นเครือเช่นกัน เขาเริ่มจะควบคุมความกลัวไม่ได้ เขาไม่อยากจากเค้กไปเลยจริง ๆ
โชคชะตาไง เพราะมันทำให้ฉันสับสนว่าควรเกลียดหรือขอบคุณมันดีเค้กเอ่ยอย่างแผ่วเบา พยายามกลั้นความเสียใจไว้ ไม่อยากให้ชายคนรักเสียขวัญ
ทำไมต้องสับสนด้วยละโดมอดขันไม่ได้ กับพูดของหญิงคนรัก
มันทำให้ฉันมีความสุขโดยการให้ฉันได้พบกับเธอ แต่มันก็พรากเธอไปจากฉันหยีกล่าวทั้งน้ำตา เธอไม่สามารถหยุดความรู้สึกกลัวการสูญเสียได้อีกต่อไป
โดมเห็นดังนั้นใช้มือทั้งสองข้างจับใบหน้าของหญิงสาวเผชิญหน้า
ฟังฉันนะเค้ก มันพรากฉันไปจากเธอแค่ลมหายใจเท่านั้น แต่มันไม่สามารถพรากหัวใจรักของฉันที่มีต่อเธอไปได้โดมกล่าวทั้งน้ำตา พยายามปลอบประโลมหญิงคนรักทั้ง ๆที่ตนเองก็กลัว
แต่เขาก็บอกกับตนเองว่าแม้เขาต้องตาย แต่ได้อยู่กับคนรักแม้จะแค่หนึ่งวันเขาก็ไม่เสียใจแล้ว
ฟังเพลงของเรากันดีกว่านะโดมพยายามทำน้ำเสียงให้สดใส เพื่อไม่อยากให้หญิงคนรักลืมความเสียใจ
เค้กยิ้มรับทั้งน้ำตา
เค้กเอาศีรษะของเธอทาบวางลงไปที่ไหล่ของโดม พร้อมตั้งใจฟังบทเพลงที่เป็นสิ่งแทนใจระหว่างเธอกับเขา นึกในใจเธอนี่โง่เสียกระไรที่มัวแต่ไปเล่นเพลงนี้ให้คนอื่นฟัง โดยหารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งเฝ้ารอคอยมอบเพลงนั้นให้กับเธอเช่นกัน
ระหว่างที่โดมบรรเลงเพลงFirst love หยีก็ร้องเนื้อร้องที่เธอแต่งขึ้นมาเองตามไปด้วยทั้งน้ำตา
ที่รัก โปรดอย่ารู้สึกว่าเพลงนั้นก็แค่เพลง เพราะรักของเรามันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบทเพลง แม้มือฉันเองจะคว้าดวงดาวที่เธอปรารถนาไม่ได้ แต่มือเดียวนี้มีสิ่งมีค่ายิ่งกว่าดวงดาวนั่นคือบทเพลงแทนใจ ที่รักเมื่อใดที่บทเพลงนี้บรรเลง ลองฟังสิ เธอจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่ร่ำร้อง โอ้ที่รัก ฉันไม่เคยรู้เลยว่าการที่ได้รักใครสักคน จะมีความสุขแค่ไหน จนเมื่อได้พบเธอ รักแรกของฉัน
เค้กร้องตลอดเพลงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอพยายามร้องจนถึงท่อนสุดท้ายของเพลงทั้ง ๆที่ยังเอาใบหน้าหนุนไหล่ชายคนรักอยู่อย่างนั้น
เมื่อบทเพลงจบ โดมหยุดบรรเลง พร้อมพูดกับเค้กอย่างเล่น ๆว่า
เธอขี้โกงจังโดมกล่าวพร้อมยิ้มให้เค้กซึ่งกำลังน้ำตาเอ่อล้นอยู่
ขี้โกงยังไงหรือเธอกล่าวเสียงสั่นพร้อมเอามือปาดน้ำตา พยายามทำตนเองให้สดใสทั้งที่ยากเย็น
เวลานั้นใกล้มาถึงแล้ว โดมในเวลานี้ดูอิดโรย และอ่อนเพลียเหลือเกิน ชะตากำลังลิขิตให้เขาพรากจากเธอ
ตั้งแต่เด็กฉันเป็นฝ่ายเล่นให้เธอฟังตลอด แต่เธอไม่เคยเล่นให้ฉันฟังสักครั้งเขาพูดพร้อมยิ้มให้เธอ ยิ้มนั้นช่างดูอ่อนหวานยิ่งนักในสายตาเธอ
เค้กพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
ไม่นานเธอก็บรรเลงเพลงนั้นให้ชายคนรักฟัง
โดมเห็นดังนั้นเอาใบหน้าไปวางบนไหล่ของหญิงสาวเช่นเดียวกับที่เค้กทำเช่นกัน เขาตั้งใจบทเพลงที่หญิงสาวบรรเลงเพื่อเขา
จากนั้นโดมก็พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนว่า
เธอต้องสัญญากับฉันนะเขาพูดทั้ง ๆที่หน้ายังอยู่บนไหล่
สัญญาอะไรเค้กเอ่ยพยายามพูดให้น้ำเสียงไม่สั่นเครือ แต่ก็รู้ว่ายากเย็น
สัญญาว่าจะเล่นเพลงนี้ให้ฉันฟังทุกวัน นะเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
ในใจโดมนึกรู้ว่าเวลาคงเหลือไม่กี่นาทีข้างหน้า ชะตากำลังพลัดพรากลมหายใจของเขาไปจากเธอ
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาจะจดจำเค้กหญิงที่เขารัก และบทเพลงที่แสนมีค่านี้ไปตลอดนิรันดร์
จ๊ะสัญญา แต่เธอห้ามหลับเด็ดขาดนะเค้กกล่าวสะอื้นไห้ นึกรู้ว่าเขากำลังจะจากเธอไป
ได้ฉันไม่หลับหรอก เพลงเพราะออกอย่างนี้ฉันหลับไม่ลงหรอกเขากล่าวอย่างอิดโรย พร้อมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้อยู่กับหญิงที่รักจนวาระสุดท้าย
เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้วจริง ๆ ลมหายใจของโดมเริ่มโรยริน เพราะโรคร้ายรุมเร้า
ไม่กี่วินาที เขาก็นิ่งไม่ไหวติง
เค้กนึกรู้ว่าวินาทีแห่งการพลัดพรากมาถึงแล้ว
โดม อย่าหลับสิ ได้ยินไหมตื่นขึ้นมานะ ฉันยังเล่นไม่จบเลยเค้กสะอื้นไห้ พร้อมสวมกอดชายคนรักไว้ ที่นอนแน่นิ่งไปนั้นพยายามจะยื้อชีวิตเขา ทั้ง ๆที่รู้ว่าทำไม่ได้
ในใจคิดว่าตอนนี้เธอเหลือเพียงแค่ร่างที่ไร้ลมหายใจ และความรักของเขาเท่านั้น
ณ สุสาน ที่ฝังร่างของโดมตามพิธีศาสนา
ทั้งเค้ก กริชและหยี ยืนไว้อาลัยให้กับโดม
ไปสู่สุขคติเถอะนะ ขอให้เราเกิดมาเป็นเพื่อนกันอีกหยีกล่าวพร้อมวางช่อดอกไม้ลงที่สุสาน
หยีมองรูปเพื่อนเป็นการอำลาการครั้งสุดท้าย
หยีหันไปมองกริช เป็นเชิงชวนกันกลับ
กลับด้วยกันไหมเค้กหยีชวนเค้ก ที่ยืนมองดูสุสานของชายหนุ่มด้วยสายตาที่เศร้าโศก
หากแต่เค้กก็ฝืนยิ้มแล้วตอบว่า
ไม่ละ ฉันต้องร้องเพลงให้เขาฟังก่อนเค้กกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส
เค้กไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วงเธอ จึงฝืนความเศร้าไว้ข้างใน
กริชกับหยีเห็นดังนั้น จึงไม่ว่าอะไรเดินจากออกไปอีกทาง
เค้กหันไปมองรูปของชายคนรักที่กำลังยิ้มมาให้เธอ น้ำตาเธอเอ่อล้นขึ้นมาอีก แต่เธอก็เงยขึ้นมองบนฟ้าเหมือนต้องการให้มันไหลกับไปส่วนลึกของหัวใจ เพื่อฝังความเศร้าโศกทั้งมวล
จากนั้นก็หันไปมองรูปของโดมอีกครั้ง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า
ฉันมาร้องเพลงให้เธอฟังตามสัญญาแล้วนะเค้กกล่าวพร้อมยิ้มให้รูปนั้น
เธอนำวิทยุที่อัดเสียงเพลงที่เล่น เปิดให้ชายคนรักฟัง แม้รู้ว่าวันนี้เขาไม่อาจอยู่เคียงข้างเธอ แต่ความรักของเขายังคงอยู่
รอฉันก่อนนะ อีกไม่นานเราคงได้พบกัน
เค้กยิ้มให้โดมนึกในใจ สักวันหนึ่งเธอจะพบกับเขาเมื่อเวลาของเธอมาถึง อีกไม่นานหรอกนะ
เธอคงได้พบกับเขา ชายคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต
ทันทีที่กริชขับรถมาถึงบ้านของหยี เขาได้เดินไปเปิดประตูให้หยี
หยีเดินลงมาจากรถ จะเข้าบ้าน โดยไม่ทันสังเกตว่ากริชมีบางอย่างจะให้เธอ
เดี๋ยวสิหยีกริชเรียกไว้ ทันทีที่เห็นหยีจะเดินเข้าบ้าน
อะไรหรือหยีเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมยิ้มให้เขา
บัดนี้กำแพงหัวใจเธอพังทลายลงแล้ว ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นความรู้สึกของเธออีกต่อไป
กริชทำท่าจะพูดบางสิ่ง หากแต่ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น
เอ่อ.. เธอยังไม่ขอบใจฉันเลยกริชแสร้งเปลี่ยนเรื่อง เริ่มกลัวที่จะพูดบางสิ่ง
อ๋อ ขอบใจนะหยีกล่าวพร้อมยิ้มออกมา
จะหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน หากแต่กริชก็เรียกเธอไว้อีก
หยีกริชเรียกเธอ พร้อมมองเธอเหมือนต้องการพูดบางอย่าง
อะไรหรือหยียังหันมามองเขาเหมือนรู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
กริชลังเลก่อนพูดออกมาว่า
เธอเคยสงสัยไหมว่าทำไมเด็กชายคนนั้นถึงไม่ยอมมอบช็อกโกแลตกับมือเธอสักทีกริชเอ่ยถามเหมือนต้องการบอกบางอย่างกับหญิงสาว เขาต้องการบอกในสิ่งที่ค้างคาใจมานาน
ไม่รู้ ทำไมเหรอหยียังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ รอบางอย่างที่เขาต้องการให้เธอ
เพราะเขากลัวนะสิหยีเขายังกังวลกลัวไปสารพัดว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจะปฏิเสธ
กลัวอะไรหยีเอ่ยอย่างสงสัย พร้อมมองเขาอย่างรอคำตอบอย่างตั้งใจ
เขากลัวว่าพอเขาให้ช็อกโกแลตกับมือเธอแล้ว เธอจะไม่ต้องการมันนะสิเขาเผยความกลัวในใจที่อัดอั้นมาสิบปี บัดนี้เขามีความกล้าที่จะให้มันแก่เธอ
รอแต่ว่าหยีจะต้องการมันไหม
ถ้าฉันบอกว่าฉันต้องการ เขาจะกล้าให้มันไหมล่ะหยีกล่าวอย่างมีความหมายซ่อนอยู่ เธอต้องการให้ชายคนรักมีความกล้าเสียที
คำตอบของหยีทำให้กริชยิ้มออกมาอย่างยินดี ชายหนุ่มหยิบช็อกโกแลตที่ซ่อนไว้ข้างหลัง
ฉันให้เขากล่าวพร้อมยิ้มให้หญิงสาวด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข หยีก็เช่นกัน
ขอบใจจ๊ะ กินเลยนะหยีรับช็อกโกแลตมา แล้วเปิดกล่องออก หยิบช็อกอันหนึ่งขึ้นทาน
เธอยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อทานมัน
อื้อ เป็นช็อกโกแลตที่หวานและอร่อยที่สุด อย่างนี้ต้องให้รางวัลหญิงสาวเอ่ยยิ้ม ๆ เหมือนมีแผนในใจ
จากนั้นเธอก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม จากนั้นก็หอมแก้มชายหนุ่มฟอดใหญ่
กริชตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนยิ้มออกมาอย่างยินดีกับจูบนั้น
เขายิ้มให้เธอ พร้อมยื่นหน้าไปใกล้หญิงสาวจากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการเอาคืน
หยียิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานที่สุดในความคิดของกริช
กริชมองหยีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
ให้รางวัลแค่นี้ไม่พอหรอกเขาพูดด้วยท่าทางขึงขัง ก่อนมองหญิงสาวเป็นเชิงอ้อน ๆ
ไม่พอหรือ งั้นจะเล่นเพลงFirst Loveให้ฟังเอาไหมหยีเอ่ยเหมือนรู้ทัน
เท่านั้นเองชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี
ดี เล่นให้ฟัง....ตลอดชีวิตเลยนะกริชกล่าวอย่างจริงจัง พร้อมหยีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายเหมือนมองสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
ได้ เล่นให้เธอฟัง .....ตลอดชีวิตของฉันเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงและร้อยยิ้มที่อ่อนหวานที่สุด เหมือนสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดชีวิต
จากนั้นทั้งคู่ก็จูงมือเข้าไปในบ้าน ไม่นานบทเพลงรักก็บรรเลงขึ้น
ทั้งคู่บอกกับตนเองว่าจะไม่ยอมให้เพลงแห่งรักในใจสิ้นสุดลง สัญญาด้วยหัวใจของเราสองคน....
จบ
24 กรกฎาคม 2549 13:15 น.
เก่งกาจ
วันที่หมอนัดที่จะบอกผลเอกซ์เรย์ก็มาถึง วันที่ชี้ชะตาของโดมว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร
ในห้องพิเศษที่โดมรออยู่ พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกว่า
เดี๋ยวคุณโดมตามดิฉันไปที่ห้องคุณหมอนะคะพยาบาลคนนั้นกล่าวและยิ้มอย่างสุภาพ
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกห้องพิเศษไป แล้วตรงไปที่ห้องของหมอ
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงห้องของหมอ
โดมรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กลัวตนจะเป็นอะไรไป
หากทว่าก็พยายามไม่คิดอะไรมาก
คุณโดมนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะพยาบาลเอ่ยพร้อมเดินจากไปอีกทาง
ในระหว่างที่นั่งรอนั่นเอง โดมก็เห็นใครคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องหมอ
ห้องนั้นเป็นห้องของหมอทางประสาทและสมอง ห้องเดียวกับที่โดมกำลังรออยู่นั่นเอง
ใครคนหนึ่งที่โดมเห็นคือเค้กนั่นเอง ชายหนุ่มแปลกใจว่าทำไมเค้กจึงมาในสถานที่นี้
แต่ก็มีเสียงใครคนหนึ่งขัดขึ้น
คุณโดมค่ะ ไปกันเถอะค่ะพยาบาลคนเดิมมาเรียกโดมเข้าห้องของหมอเพื่อฟังผล
ครับ เอ่อ..คุณพยาบาลครับ คุณคนนั้นเขามาหาหมอทำไมโดมหันไปถามอย่างสงสัย เขาสงสัยว่าเค้กมาหาหมอทางประสาทและสมองเพราะอะไร
คุณเป็นเพื่อนคุณเค้กหรือค่ะพยาบาลเอ่ยถามยิ้ม ๆ
ครับ เธอเป็นอะไรหรือครับโดมพยักหน้า และรอฟังคำตอบเช่นกัน
คือคุณเค้กเธอประสบอุบัติเหตุจากรถชนเมื่อสิบปีก่อน จนสูญเสียความทรงจำ แต่ว่า...พยาบาลหยุดไปนิดหนึ่งเพราะโดมถามแทรกขึ้นอย่างร้อนรน
แต่ว่าอะไรหรือครับโดมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นที่สุด
แต่ว่าเธอพึ่งได้รับความทรงจำกลับคืนมาเมื่อไม่นานมานี้พยาบาลเอ่ยต่อไปเรื่อย ๆ
หากทว่าความจริงที่ได้รับรู้ มันทำให้เขารู้สึกผิดมากที่รู้สึกโกรธเคืองเค้ก ทั้ง ๆที่เค้กไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกของเขา ทั้ง ๆที่เค้กพยายามรักษาสัญญา
เขามันบ้าที่ไม่รับฟังคำอธิบายของหญิงสาว
ภาพในวัยเด็กผุดขึ้นในความทรงจำ มันเป็นตอนที่โดมเดินออกมาจากสวนสาธารณะแล้วมีคนมุงอยู่
เขานึกออกแล้ว คงจะเป็นตอนนั้น ตอนที่เขาไม่ได้หันหลังกลับไปดูว่าคนมุงอะไรกัน
หากวันนั้นเขาหันกลับไป เขาคงจะได้รู้ว่าเค้กไม่เคยผิดสัญญา
หากเขารู้ว่าวันนั้นเธอเจ็บตัว เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไป
หากทว่ามีเสียงหนึ่งทำให้เขาตื่นจากภวังค์
ไปหาคุณหมอกันเถิดค่ะ พยาบาลคนเดิมเอ่ยชวนอย่างสุภาพ พร้อมเดินนำโดมเข้าไป
โดมเดินตามเข้าไป ในใจคิดอยากจะปรับความเข้าใจกับเค้ก หากแต่ทว่าก็ยังทำไม่ได้เพราะตนยังไม่แน่ใจบางอย่าง ไม่แน่ใจว่าชีวิตของตนจะเป็นอย่างไร
เมื่อโดมเข้าไปที่ห้องหมอ
หมอก็ฉายภาพเอ็กซ์เรย์ ให้โดมดู พร้อมบอกสิ่งที่ทำให้เขาทั้งช็อกและเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
จากผลการเอกซ์เรย์ เราพบเนื้อร้ายที่สมองหมอค่อย ๆบอกเหมือนพยายามไม่ให้คนไข้ตกใจ
แต่ไม่ได้ผล เพราะยังไงโดมก็รู้สึกเหมือนโดนตบหัวอย่างรุนแรง อยู่ดี
คุณหมอหมายถึง มะเร็งอย่างนั้นหรือครับโดมค่อย ๆเอ่ย ๆช้า ชัด ๆ น้ำตาเริ่มไหลริน
กลัวคำตอบที่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่าคืออะไร
มันลามไปทั่วสมองอย่างรวดเร็ว จนเราหมดความสามารถหมอเอ่ย ตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่อยากให้คนไข้เสียขวัญ
คุณหมอกำลังจะบอกว่า ผมเหลือชีวิตอยู่อีกไม่นานหรือครับโดมไม่ยอมสบตาหมอ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน
เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังถล่มทลาย สิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตเขากำลังจะมาถึง แต่เขากลับไม่มีหนทางแม้แต่จะต่อสู้ ไม่มีแม้กระทั่งเวลา
ไม่จริงเขามี เขาต้องมีเวลา เขายังไม่ได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเลย เขายังไม่ได้เอ่ยขอโทษเค้กเลย
ผมเสียใจหมอเอ่ยอย่างแผ่วเบา ไม่ตอบคำถามใด ๆทั้งสิ้น
ผมเหลือเวลาอีกนานเท่าไรโดมเอ่ยถามพร้อมจ้องหมออย่างรอฟังคำตอบ
ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หมอมองเขาด้วยสายตาที่รู้สึกผิด ที่ช่วยคนไข้ไม่ได้ หากทว่าก็ข่มความรู้สึกนั้นเพราะพยายามเต็มที่แล้ว
โดมได้ฟังดังนั้นลุกขึ้นออกจากห้องหมอไปทันที
เขาวิ่งไปเรื่อย ๆ เหมือนต้องการไปที่จุดหมายที่ใดที่หนึ่ง ที่ที่เขามีเค้กอยู่นั่นเอง
ในระหว่างที่โดมกำลังวิ่งลงบันไดหนีไฟนั้น
ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ออกมาจากลิฟท์ หากแต่พวกเขาก็ไม่เห็นโดมที่วิ่งลงบันได้ไป ทั้ง ๆที่เหนื่อย อ่อน
ไม่นานทั้งเค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ ก็มาถึงห้องโดม หากทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของโดม
ขณะนั้นเองก็มีพยาบาลคนที่พาโดมไปห้องของหมอ เข้ามาที่ห้องพิเศษ
คุณพยาบาลคะ คนไข้ที่อยู่ห้องนี้ไปไหนค่ะเค้กเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อไม่เห็นโดม กลัวเขาจะเป็นอะไรไป
อ๋อ.. ไปพบคุณหมอ เพื่อฟังผลเอกซ์เรย์น่ะค่ะพยาบาลตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ทันที่ทุกคนได้ยินก็ตรงไปที่ห้องของหมอทันที ระหว่างทางทุกคนเดินไปด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงโดมเป็นที่สุด
ไม่นานก็ถึงห้องหมอ
อาหมอเค้กเรียกหมอคนที่เธอมารักษาอยู่บ่อย ๆครั้ง ที่ยังไม่ได้รับความทรงจำคืน
อ้าวเค้ก มีอะไรหรือหมอคนนั้นเรียกเธออย่างรู้จักคุ้นเคยเพราะเป็นคนไข้ประจำ
เพื่อนหนูคนที่มาฟังผลเอกซ์เรย์ เขาเป็นไงบ้างค่ะเค้กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ห่วงอาทรเป็นที่สุด
แต่หมอกลับเงียบ ไม่เอ่ยสิ่งใด เค้กเริ่มกลัวคำตอบ ในใจเต้นไม่เป็นส่ำ
หมอเสียใจหมอเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ทุกคนรวมทั้งกริช หยี เจ๊กุ๊ก ได๋ โดยเฉพาะเค้กตกตะลึงกับคำตอบที่ได้รับ
น้ำตาเค้กเอ่อล้นดวงตา แล้วไหลรินออกมา เธอถามทั้งน้ำตาว่า
เสียใจอะไรค่ะ! ทำไมอาหมอต้องเสียใจ!เธอเสียงดังอย่างควบคุมความรู้สึกไม่ได้ สะอื้นไห้ออกมาอย่างอดกลั้น
คนไข้เป็นมะเร็งสมอง ระยะสุดท้าย เรารู้ช้าเกินไปหมอเอ่ยอย่างแผ่วเบา เขาไม่อยากตอบเพราะไม่อยากให้เค้กเสียใจ หากทว่าก็ต้องทำ เพราะมันเป็นความจริงที่ทุกคนต้องรับรู้
ไม่จริง! ไม่จริง!เค้กหลอกตัวเองสะอื้นไห้อย่างนั้น
เค้กทำใจดี ไว้นะกริชปลอบประโลมพร้อมตบบ่าอย่างเบา ๆ
แล้วตอนนี้โดมอยู่ที่ไหนค่ะเค้กไม่สนใจ เธอถามถึงชายคนที่เธอรักด้วยความเป็นห่วง
เขาวิ่งออกไปเมื่อกี้ ไม่ได้กลับไปที่ห้องหรือหมอตอบอย่างแปลกใจ นึกรู้ทันทีว่าโดมหนีออกจากโรงพยาบาล
เค้กไม่รอช้าเธอวิ่งไปที่ห้องพิเศษ อย่างเร็วที่สุดในชีวิต เธอต้องการพบโดมเป็นที่สุด
เธอต้องการปลอบเขา ทั้งที่ตนเองก็ต้องเผชิญความจริงที่แสนเจ็บปวดกับเขา
ไม่นานเธอก็มาถึงห้องพิเศษ แต่ก็ไม่พบใคร
โดมหนีไปแล้วแน่เลย เราต้องตามหาเขานะเค้กหันไปพูดกับกริชด้วยน้ำเสียงร้อนรน และเป็นห่วงโดม กลัวโดมจะทำอะไรโง่ ๆ
จากนั้นทุกคน เค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ ก็ออกตามหาโดม
พวกเขาไปที่บ้านของโดม แต่ทว่าก็ไร้เงาของโดม เค้กสิ้นหวัง ไม่รู้จะไปหาชายหนุ่มได้ที่ไหน
ทางด้านเจ๊กุ๊ก ที่ออกตามหาโดมที่ชมรมละคร เพราะคิดว่าโดมคงอยู่ เมื่อไม่เจอ ก็เป็นห่วงแต่ก็รู้สึกกลัวว่าถ้าไม่มีโดมตนก็จะต้องตกวิชาโปรเจค
ทำไงดีไอ้ได๋ พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแสดงอยู่แล้ว ถ้าไอ้โดมมันไม่มา เราไม่ผ่านวิชาโปรเจคแน่เจ๊กุ๊กเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวลกับเรื่องของตนเอง จนได๋อดเคืองนิดหนึ่งไม่ได้
หือ..เจ๊ นี่เจ๊ไม่เป็นห่วงไอ้โดมมันเลยเหรอได๋หันไปถามอย่างหงุดหงินในความไม่เข้าเรื่องของเจ๊ได๋
ห่วงสิ แต่ฉันก็ไม่อยากตกวิชาโปรเจคอีกนะเจ๊กุ๊กหันไประเบิดอารมณ์อย่างอดกลั้น
ได๋ได้ยินดังนั้น อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นทันที
แล้วไงล่ะเจ๊ อย่างน้อย เจ๊ก็เรียนใหม่ปีหน้าก็ได้ แต่ไอ้โดมนี่สิมันไม่มีแม้แต่วันพรุ่งนี้ ถ้าผมรู้ว่าเจ๊เป็นคนยังงี้ ผมยอมตกวิชาโปรเจค ดีกว่าต้องร่วมงานกับคนแล้งน้ำใจอย่างเจ๊ได๋ตวาดใส่เจ๊ได๋เป็นครั้งแรก พร้อมเดินผละไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งให้เจ๊ได๋อึ้งสนิทอยู่ตรงนั้น
วันที่แสดงละครก็มาถึง หากทว่าก็ยังไร้เงาของโดม ทั้งกริช หยี โดยเฉพาะเค้กเป็นห่วงมาก เธอไม่มีแม้แต่กระจิตกระใจจะทำอะไร
แต่ก็ต้องรับผิดชอบกับหน้าที่ของตนคือ ต้องช่วยเจ๊กุ๊กทำโปรเจคนี้ คือแสดงละครให้เสร็จสิ้น
เจ๊กุ๊กเรียกประชุมกริช หยีและเค้ก เพื่อบอกถึงตอนจบของเรื่องว่าทุกคนควรเล่นอย่างไร
เอาไงล่ะเจ๊ ไม่มีไอ้โดมแล้ว เจ๊เขียนตอนจบไว้ว่ายังไงได๋เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ หลังจากที่หายเคืองในความแล้งน้ำใจของเจ๊กุ๊ก
เจ๊กุ๊กหันไปทางหยี กริชและเค้ก พร้อมพูด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
ตอนจบของละคร มันขึ้นอยู่กับพวกเธอ ว่าต้องการให้มันจบ แบบไหน แต่ไม่ว่าพวกเธอจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่เธอเลือกเจ๊กุ๊กเอ่ยออกมา ยิ้มให้กับทุกคน
เจ๊กุ๊กคิดในใจว่า มันคงเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะตอบแทนทุกคน คือกริชหยี เค้ก หรือแม้แต่โดมที่มาช่วยละครของเธอ เธอเข้าใจดีแล้วว่ามิตรภาพสำคัญกว่าความสำเร็จ
ทั้งกริช หยี และเค้กต่างมองหน้ากัน ว่าจะเลือกให้ตอนจบเป็นแบบไหนดี เพราะทุกคนคิดว่าตอนจบของละครมันสำคัญกับตนมาก เพราะมันมันไม่ได้แค่เป็นละคร หากแต่เป็นสิ่งที่เลือกจากเสียงข้างในหัวใจที่มันเรียกร้อง มันคือชีวิตจริง
เจ๊กุ๊กเองก็ต้องการให้ทั้งสี่คนตัดสินว่าจะเลือกที่จะให้ชีวิตรักตนเป็นแบบไหนโดยใช่ละครเป็นสะพานเชื่อม
เมื่อผ้าม่านเปิดออก ทุกคนปรบมือเสียงดังด้วยความยินดี
ละครเริ่มต้น ตั้งแต่กริชพบเจอกับเค้กที่เล่นเปียโน จนทำให้เขาหลงรัก เพราะเขาคิดว่าเค้กเป็นคนแต่งเพลง First love หากทว่าวันหนึ่ง เขาก็พบว่ารักหยี เพราะเขารู้ความจริงจากเค้ก ว่าหยีเป็นคนแต่งเพลงนี้
แต่หยีก็ปฏิเสธความรักของเขา พร้อมบอกกับกริชว่าความจริงแล้วเพลงFirst love จริง ๆแล้วเป็นของเค้ก เพราะมีชายคนหนึ่งที่รักเค้กต้องการแต่งมันเพื่อเป็นสิ่งแทนใจให้กับเธอ
ฉากนี้เป็นฉากที่กริชตัดสินที่จะพูดความในใจ และสิ่งที่เขาต้องการเลือกให้กับตนเองจริง ๆ ไม่ใช่แค่ละคร
เดี๋ยวสิ หยีกริชซึ่งตอนนี้แสดงละคร อยู่จับมือหยีเอาไว้เหมือนต้องการพูดบางสิ่ง
หยีหันกลับมาเผชิญหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า
ฉันคิดว่าเราไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกแล้วหยีเอ่ยไม่กล้าสบตา สร้างกำแพงในหัวใจเช่นเคย
ฉันรักเธอหยีเขาโผล่งออกมาไม่สนใจท่าทีของหญิงสาว สายตาที่มองเต็มไปด้วยความหมายตามที่พูด น้ำเสียงก็อ่อนหวานยิ่งนัก คนดูที่อยู่ในห้องประชุมต่างคิดว่านี่คือละคร หากแต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
เธอรักฉัน ทั้งที่รู้ว่าฉันไม่ได้แต่งเพลง First love อย่างนั้นหรือหยีเอ่ยทั้งน้ำตา หากแต่ไม่ยอมแพ้เสียงข้างในหัวใจตนเอง
ฉันไม่สนใจว่าเธอจะแต่งเพลงนั้นหรือเปล่า ฉันรู้แต่ว่า ..ฉันรักเธอกริชเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเป็นที่สุด เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยมือนี้ไป
แต่เส้นทางนี้ ฉันเลือกที่จะเดินคนเดียวหยีไม่ยอมแพ้ เธอต้องขัดขวางไม่ให้เขาและเธอทำเรื่องที่ผิดต่อเค้ก
เส้นทางชีวิตคนอาจจะต้องเดินหน้า หรือถอยหลังเพื่อหาสิ่งที่ตนต้องการ แต่ไม่ว่าเลือกเส้นทางไหน พวกเขาจะพบรักแท้ที่เฝ้ารอมาตลอดจนได้ เวลานี้ฉันคิดว่าฉันเดินมาไกล เกินกว่าจะหันหลังกลับได้ เพราะมีสิ่งหนึ่งเหนี่ยวรั้งฉันไว้ นั่นคือเธอนะหยีกริชเอ่ยทุกประโยคทุกคำพูดอย่างชัดเจนและหนักแน่นในความต้องการของตนเอง
หยียิ้มรับทำพูดทุกคำของกริชทั้งน้ำตา เธออยากจะรักเขาให้เต็มหัวใจ หากทว่าก็ทำไม่ได้เพราะมีเค้กอยู่
แต่เธอมีเค้กนะหยีเอ่ยเบา ๆทั้งน้ำตา เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับการวิ่งหนีความรัก มันทรมานเสียกระไร
ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาอีกด้านหนึ่งของฉากขัดการสนทนาของทั้งคู่
แต่ฉันไม่ได้รักกริชอีกต่อไปแล้วเค้กเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมเดินเข้ามาหาหยีแล้วจับมือด้วยท่าทางเป็นมิตร
ทำไมล่ะเค้ก เธอไม่จำเป็นต้องเสียสละหยีขอร้องเค้กไม่ให้ทำเพื่อตนขนาดนี้ก็ได้มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิด
ฉันไม่ได้เสียสละหยี เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉันรักกริช แต่เมื่อวันหนึ่งความทรงจำของฉันกลับมา ฉันถึงรู้ว่าฉันมีใครคนหนึ่งอยู่ในใจอยู่แล้วเค้กเอ่ย พร้อมยิ้มเศร้า ๆ เมื่อนึกถึงโดมขึ้นมา
แต่ก็มีเสียงคนหนึ่งขัดขึ้นจากทางด้านหลังของเค้ก หยี และกริชเห็นดังนั้นก็ยินดี
เขาคือโดมนั่นเอง
เค้าเป็นใครหรือ เค้กโดมกล่าวออกมาพร้อมยิ้มให้กับเค้กอยู่ทางด้านหลัง เค้กหันไปเผชิญหน้ากับเขา
โดม เค้กเรียกชื่อโดม มองหน้าเขาทั้งน้ำตาอย่างดีใจที่เขาไม่เป็นไร
เค้กโผกอดชายคนรักอย่างยินดี กระชับวงแขนนั้นแน่นขึ้นเหมือนไม่อยากให้เขาไปไหน
เธอไม่เป็นไรนะเค้กผละออก แล้วถามอย่างเป็นห่วง
โดมส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
เธอยังไม่ตอบเลย ว่าเธอมีใครอยู่ในใจเขาเอ่ยถามพร้อมยิ้มให้เธอ ทั้งที่ใบหน้าอิดโรย
ก็เธอไงเค้กเอ่ยทั้งน้ำตา พร้อมโผกอดเขาด้วยความยินดี
เธอยอมรับคำขอโทษจากฉันแล้วหรือโดมเค้กเอ่ยถามแทน เมื่อเห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไป ไม่เฉยชาเหมือนแต่ก่อน
เธอไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ ขอบใจนะที่วันนั้นเธอไปตามสัญญาโดมเอ่ยอย่างแผ่วเบา พร้อมก้มหัวให้นิดหนึ่งอย่างรู้สึกผิด
เธอรู้แล้วหรือเค้กเอ่ยถามอย่างสงสัย
โดมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ พร้อมยิ้มให้
แต่ว่าเธอยังติดค้างฉันอยู่นะโดมเอ่ยพร้อมยิ้มให้เค้ก ในความคิดโดมรอยยิ้มนั้นเศร้ายิ่งนัก หากแต่เขาก็พยายามฝืนหญิงเพื่อหญิงที่เขารัก
อะไรเค้กเอ่ยถามทั้งน้ำตา เธอรู้สึกตื้นตัน และยินดีที่เขาให้อภัยเธอ
เธอยังไม่ได้มารับเทปเพลงนั้นด้วยมือของเธอโดมกล่าวอย่างอ่อนหวาน เหมือนชายที่ต้องการแสดงความรักกับคนรัก เขาเอามือเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมา
ได้สิ เจอกันที่เดิมนะเค้กเอ่ยยิ้มทั้งน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข
สถานที่เค้กหมายถึง หมายถึงสวนสาธารณะที่โดมเคยนัดไว้เมื่อสิบปีก่อน
เธอยังอยากจะได้ยินเพลงนั้นอยู่หรือเปล่าโดมเอ่ยถาม พร้อมมองเค้กด้วยสายตาที่มีความหมาย
เขาคิดในใจว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก เขาต้องการทำอะไรให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย
อยากสิ อยากที่สุดเค้กพยักหน้าพร้อมยิ้มรับทั้งน้ำตา
จากนั้นโดมก็กอดเค้กมาปลอบประโลม ทั้งที่น้ำตาตนเองก็ไหลรินกับความจริงที่ต้องจากเค้กไปอย่างไม่มีวันพบเจอกันได้อีก
กริชกับเค้กก็สวมกอดกันด้วยความรัก ที่มีต่อกัน กำแพงในหัวใจของทุกคนถูกทำลายลง ด้วยความรัก
ผ้าม่านปิดลง ทุกคนในห้องประชุม ปรบมือเสียงดังสนั่นกับบทสรุปของตัวละครทั้งสี่คน
แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังฉากละครนั้นจะมาจากความรักความเศร้าของตัวละครที่แสดงอย่างแท้จริง
24 กรกฎาคม 2549 13:14 น.
เก่งกาจ
อะไรนะ จะเอาไอ้โดมมาเล่นละครเนี่ยนะได๋เอ่ยอย่างตกใจพร้อมทำสีหน้าหนักใจแทนเจ๊กุ๊กที่ต้องมีภาระหนักที่ต้องรับมือกับโดม
อือเจ๊กุ๊กกล่าวยิ้ม ๆ
เจ๊กุ๊ก เจ๊รู้หรือแกล้งไม่รู้ ไอ้โดมมันไม่ยอมหรอก จะบอกอะไรให้นะ ฉุดช้างขึ้นบันได ยังง่ายกว่าชวนไอ้โดมมาเล่นละครให้เราเสียอีกได๋แย้งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ต่อให้ยากกว่าฉุดช้างทั้งโขลงขึ้นบันได ฉันก็ต้องเอาไอ้โดมมาเล่นละครกับเราให้ได้เจ๊กุ๊กเอ่ยด้วยสีหน้าที่มาดมั่นว่าตนต้องทำได้
ว่าแล้วทั้งคู่ออกจากหลังฉากแล้วเดินไปหาโดมที่ไปสงบสติอารมณ์อยู่ที่ด้านหนึ่งของหอประชุม
ในขณะที่เขากำลังนึกถึงเค้ก
เจ๊กุ๊กกับได๋ซึ่งเดินตามหาทั่วหอประชุม และห้องชมรมเมื่อเห็นโดมทั้งคู่ก็ดีใจ เดินเข้าไปหาโดม
หวัดดี โดมเจ๊กุ๊ก แกล้งทักทาย พร้อมยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั้นแฝงเลศนัย
อ้าวเจ๊กุ๊ก เฮียได๋ มีอะไรหรือโดมเอ่ยอย่างแปลกใจที่ทั้งสอง จู่ ๆก็เข้ามา
คือเจ๊กุ๊กเค้ามีเรื่องอยากปรึกษาแกน่ะได๋เอ่ยกับโดมพร้อมยิ้มอย่างมีแผนการเช่นกัน
ปรึกษาผมนี่นะโดมอุทานเหมือนไม่อยากเชื่อ เพราะเขาคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีความสามารถพอที่ทั้งคู่จะพึ่งได้
คือเจ๊มีอะไรอยากขออะไรโดมอย่างน่ะเจ๊กุ๊กกล่าวพร้อมไปนั่ง ใกล้ ๆชายหนุ่ม
ขออะไรเจ๊ หวังว่าไม่ใช่ตัวผมหรอกนะโดมอดแหย่เจ๊กุ๊กตามนิสัยอารมณ์ดีไม่ได้
ฮึ้ย..ไม่เอาหรอกให้ฟรี ๆ ยังไม่อยากเอาเลย คือเจ๊อยากให้โดมมาเล่นละครให้เจ๊หน่อยได้ไหมเจ๊กุ๊กกล่าวประโยคท้ายอย่างอ้อนวอน พร้อมเขย่าตัวโดมให้ยอมรับข้อเสนอ
ไม่! ต่อให้นรกเย็นเป็นน้ำแข็งผมก็ไม่ยอมเล่นเด็ดขาด!โดมได้ยินดังนั้นปฏิเสธเสียงแข็งทันที เจ๊กุ๊กหน้าเสีย เปลี่ยนอารมณ์ทันที จากที่ยิ้มให้โดม ตอนนี้สีหน้าดุดันเอาจริงเอาจังแล้วพูดกับโดมว่า
แต่แกต้องเล่น! ต่อให้นรกเย็นเป็นน้ำแข็งยังไง แกก็ต้องเล่น! เพราะถ้าแกไม่เล่นฉัน...จะเอาแกออกจากกลุ่มโปรเจคของฉันเจ๊กุ๊กเอ่ยประโยคสุดท้ายเหมือนต้องการหาข้อมาขู่ให้โดมกลัวแต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ออก ก็ออกสิ ผมทำโปรเจคปีหน้าก็ได้โดมกล่าวอย่างไม่สนใจ พร้อมยักไหล่
แกต้องเล่นละครให้ฉันเพราะถ้าแกไม่เล่น นอกจากฉันจะให้แกออกแล้วไอ้หยีต้องออกด้วยเจ๊กุ๊กกล่าวเหมือนตนมีไพ่เหนือกว่าในมือ
เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับไอ้หยีเลยนะพี่!โดมกล่าวอย่างมีอารมณ์เคืองในความเอาแต่ใจของเจ๊กุ๊ก
เกี่ยวสิ เพราะไอ้หยีมันเป็นเพื่อนรักแก แกน่ะมีข้อเสียมากมาย แต่มีข้อดีอยู่อย่างคือแกรักเพื่อน หวังว่าแกยังจะรักษาข้อดีของแกต่อไปนะเจ๊กุ๊กกล่าวยิ้มอย่างมีชัยที่ทำให้โดมเริ่มยอมรับข้อเสนอตนได้บ้าง
คิดให้ดีละ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย ฉันให้เวลาแกคิดห้าวินาทีเจ๊กุ๊กเอ่ยข้อเสนอที่ไม่มีทางเลือกให้กับโดม
หนึ่ง สอง สาม สี......สี่ครึ่ง......เจ๊กุ๊กจะนับถึงห้า แต่โดมขัดขึ้นมาก่อน
ก็ได้ ก็ได้ พอใจหรือยัง!โดมกล่าวอย่างเสียไม่ได้ เขารู้สึกเคืองมากที่โดนบังคับจิตใจอย่างนี้เดินผละไปอีกทาง
เจ๊กุ๊ก เจ๊ไม่คิดว่าทำเกินไปหรือ บังคับจิตใจมันขนาดนั้นได๋หันไปพูด นึกเห็นใจโดมที่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
เฉยเถิดน่ะไอ้ได๋! แกก็เลือกเอาละกันว่าจะเห็นใจไอ้โดม หรือจะเอาเอวิชาโปรเจคนี้ ฉันน่ะอยากผ่านวิชาบ้า ๆนี้เต็มทนแล้วนะแก!เจ๊ได๋กล่าวอย่างหงุดหงิดพลางเดินไปอีกทางอย่างเสียอารมณ์เช่นกัน นึกเครียดถ้าโปรเจคไม่ผ่านต้องเรียนซ้ำอีกปี
ที่ห้องชมรมละคร เจ๊กุ๊กได้นัดนักแสดงทุกคนคือ กริช เค้ก หยี และโดมมาซ้อมบทละคร
เจ๊กุ๊กไม่ทันสังเกตว่า ทั้งสี่คนไม่มีอารมณ์จะซ้อม เพราะมัวคิดแต่เรื่องของตนเองอยู่
เอาล่ะค่ะ คุณน้องวันนี้ เราจะมาซ้อมบทน่ะค่ะ วันนี้พี่แก้บทให้ทุกคนใหม่ และอยากบอกกับทุกคนว่าวันนี้ พี่มีนักแสดงอีกคนที่อยากให้น้อง ๆรู้จัก น้องโดมช่วยยืนขึ้นหน่อยค่ะเจ๊กุ๊กหันไปพูดกับโดมอย่างอารมณ์ดี โดยทำเป็นลืมว่าตนเองบังคับจิตใจโดมแค่ไหน
คือน้องโดมจะมาเล่นละครให้พี่ด้วย น้องโดมจะรับบทเป็นกิ๊กของน้องเค้กค่ะเจ๊กุ๊กกล่าวอย่างอารมณ์ดี
กิ๊กอย่างนั้นหรือค่ะพี่กุ๊กหยีเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
จ๊ะ กิ๊ก คือพี่จะเติมบทขึ้นมาอีกนิดหน่อย ตรงที่ในเรื่องเค้กจะมีกิ๊ก ไม่ใช่สิเค้กเคยมีคนที่รักอยู่แล้วในวัยเด็ก เค้กเคยสัญญากับโดมว่าจะไปเอาตลับเทปที่อัดเพลงที่โดมแต่งไว้ในวันหนึ่ง แต่ว่าเค้กก็ต้องผิดสัญญาเจ๊กุ๊กหยุดกล่าว พร้อมสังเกตท่าทีของทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าโดมรู้สึกโกรธเค้กทันทีที่ฟังเรื่องนี้
เขาแกล้งไปถามเจ๊กุ๊กเป็นเชิงประชดเค้กว่า
แล้วทำไมเค้าถึงผิดสัญญาละเจ๊ หรือว่าสำหรับเขาไอ้เพลงนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลยโดมเน้นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงข่มขื่น ผิดหวังและเสียใจปนกันไป
ไม่ใช่หรอกโดม ในเรื่อง เค้กสูญเสียความทรงจำ จึงไม่สามารถจำสัญญาที่ให้ไว้กับโดมเมื่อสิบปีก่อนได้เจ๊กุ๊กตอบออกมาจากความจริงที่ได้รู้
หากแต่ว่าโดมก็ไม่เฉลียวใจสักนิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
เค้กได้แต่มองโดมด้วยสายตาที่เจ็บปวด ที่โดมประชดและเฉยชาใส่ตน
ไปนั่งได้แล้วจ๊ะโดมเจ๊กุ๊กอนุญาตโดม
จากนั้นโดมก็เดินไปนั่งใกล้ ๆเค้กเพื่อพูดบางสิ่งโดยที่ต้องการให้ได้ยินแค่สองคน
ในละคร ฉันอาจจะให้อภัยเธอได้ เพราะเธอสูญเสียความทรงจำ แต่ชีวิตจริงมันไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่ฉันจะยอมรับคำขอโทษจากเธอโดมกระซิบข้างหูเค้กอย่างชัดเจน เหมือนต้องการกรีดหัวใจเค้กให้เป็นเสี่ยง ๆ
เค้กหันมามองทั้งน้ำตา ไม่กล่าวสิ่งใดได้แต่เบือนหน้าหนีใบหน้าของคนที่เธอคิดว่าใจร้ายเสียเหลือเกิน
เค้กอยากจะบอกกับโดมเหลือเกิน ว่าเธอไม่สามารถไปตามสัญญาได้เพราะเมื่อสิบปีก่อนเธอเกิดอุบัติเหตุรถชนในวันที่นัดกับโดมว่าจะไปรับเทปที่โดมตั้งใจจะมอบให้
เธออยากบอกว่าเธอให้สำคัญกับมันเท่า ๆกับที่โดมให้เธอ
แต่เธอรู้ว่าพูดไป ชายหนุ่มคงไม่มีวันเชื่อ
ด้านเจ๊กุ๊กได้หันหน้าไปทางกริช และหยีซึ่งตอนนี้ปั้นปึ่งใส่กันต่างคนต่างไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันเพราะกำแพงหัวใจที่เอามากั้นไว้
เจ๊กุ๊กเห็นตอนนี้ทั้งคู่มีอารมณ์ใกล้กับบทละคร จึงต้องการให้ทั้งคู่ซ้อมบท
น้องกริช น้องหยีเจ๊กุ๊กเรียกทั้งคู่
คะ/ครับทั้งคู่ขานรับ มองตากันอย่างคนที่รู้สึกดีต่อกันแต่รักกันไม่ได้
คือพี่อยากให้น้องซ้อมบทตอนที่ กริชตามง้อหยี เพราะหยีไม่ต้องการให้กริชมายุ่งกับตน นี่จ๊ะบทที่พี่แก้ เล่นตามนี้เลยนะเจ๊กุ๊กกล่าวพลางยื่นบทให้ ทั้งคู่รับไปแล้วหยิบไปอ่านอย่างเสียมิได้ ทั้งคู่สบตากันเหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่ก็ยั้งใจเอาไว้
ทั้งกริชและหยีออกมาที่เวทีเพื่อแสดงให้เจ๊กุ๊กและทุกคนดู
เดี๋ยวสิกริชเริ่มแสดงตามบทที่เจ๊กุ๊กเขียน โดยเอื้อมมือไปจับหยี ในใจลึก ๆเขาต้องการจะง้อหยีจริง ๆ ให้หยียอมรับรัก และทำลายกำแพงหัวใจนั้นเสีย
มีอะไรหยีไม่ได้อ่านบท เธอคิดแต่เพียงว่าไม่อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่มให้นานกว่านี้เธออยากจะหนีไปให้พ้น ไม่อยากเจอหน้าเขาเพราะกลัวใจตนเอง
ฉันรักเธอหยีกริชเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีความหมาย แผ่วเบาแต่หนักแน่นและชัดเจน จนหยีอดซาบซึ้งไปกับคำนั้นไม่ได้ น้ำตาของไหลรินอย่างอดกลั้นไม่ได้ทั้งสุขที่ชายหนุ่มบอกรัก และเจ็บปวดที่เขาและเธอรักกันไม่ได้
แต่เธอมีเค้กอยู่แล้วกริชหยีกล่าวทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครือ
ทั้งเค้กและโดมมัวแต่คิดแต่เรื่องของตนเองจนไม่ได้ใส่ใจว่าทั้งคู่นอกบท
ฉันอาจจะพบเค้กก่อนเธอ แต่เค้กเป็นแค่เงา เค้กเป็นได้แค่นั้น ตัวจริงที่ฉันตามหาคือคนที่เล่นเพลงFirst love ให้ฉันฟังตั้งแต่เด็ก คนที่ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมอบช็อกโกแลตให้ด้วยตัวเอง คนที่แต่งเพลงที่แสนมีค่านั้นขึ้นมา ซึ่งคนคนนั้นก็คือเธอนะหยีกริชระบายความรู้สึกในใจออกมาทั้งหมด โดยไม่ได้อ่านตามที่เจ๊กุ๊กเขียนเลยแม้แต่น้อย
แต่เจ๊กุ๊กกับได๋รู้แต่ไม่พูดว่าทั้งคู่นอกบท
เธอฟังฉันนะ ถ้าเธอรักฉันเพราะฉันแต่งเพลงนี้ เธอกำลังคิดผิดหยีกล่าวสะอื้นไห้ เอามือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลริน พร้อมสบตาชายหนุ่มอย่างเปิดเผยความรู้สึกในใจทั้งหมดที่มี
เธอหมายความว่าไงหยีกริชตะลึงกับความจริงทีได้รับรู้เขาถามหยีเสียงแผ่วเบา
เพลงนี้ ไม่ได้เป็นของฉัน ฉันยืมเขามาอีกทีหนึ่ง คนที่แต่งต้องการมอบมันเพื่อเป็นสิ่งแทนใจให้กับเค้กซึ่งเป็นหญิงที่เขารักที่สุดและ มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องคืนเพลงนี้ให้กับเค้กหยีกล่าวทั้งน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม
เธอเดินเลยมาไกลแล้วกริช หันหลัง กลับไปเถิด กลับไปหาคนคนหนึ่งที่เขารอเธออยู่หยีกล่าวเน้นประโยคสุดท้ายเหมือนฝืนใจ แต่ก็ต้องพูดความจริงนี้ให้กริชรับรู้
กริชตะลึงกับคำตอบที่ได้รับรู้ เขาอยากให้หญิงสาวปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง หากแต่หยีคงไม่ทำอย่างนั้น และไม่ยอมโกหกเขาแน่
หยีผละไปอีกทาง เพราะต้องการสงบสติอารมณ์
ส่วนกริชก็นั่งคิดกับตนเองว่าเขาจะเอายังไงกันแน่ระหว่างความรู้สึกครึ่ง ๆกลางนี้ เขาจะเลือกใครกันแน่ระหว่างแฟนสาว ซึ่งก็คือเค้กที่เป็นเจ้าของเพลงนี้ แม้จะไม่ได้แต่งเองก็ตามที หรือหยีที่มีเพียงน้ำเสียงที่ไพเราะและเล่นเพลงนี้ให้เขาฟังตั้งแต่เด็ก ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน เขาได้แต่กุมขมับไม่สามารถหาทางออกของหัวใจได้
หากกริชสามารถรับรู้ใจเค้ก จะรู้ว่าบัดนี้เค้กแทบไม่มีเขาในหัวใจหลังจากที่ได้รับความทรงจำกลับมาเค้กก็มีเพียงโดมในใจเท่านั้น และเธอต้องการให้เขาอภัยให้เธอ และกลับเป็นโดมคนเดิม แต่มันก็ยากเย็น
ทางด้านเจ๊กุ๊กกับได๋ก็กระซิบกระซาบกันสองคนเกี่ยวกับการนอกบทของกริชและหยีทั้งคู่
เจ๊กุ๊ก ผมว่าเขานอกบทนะได๋กระซิบข้างหูเจ๊กุ๊ก
เฉยเถิดนะ! ถ้านอกบทแล้วแสดงออกมาดี มันก็ดีไม่ใช่หรือ อย่าลืมสิ เอนะ เอ!เจ๊กุ๊กหันไปแว้ดใส่ได๋ ที่ชอบขัดผลงานของเธอ ได๋ได้แต่หน้าเจื่อนในใจคิดว่าตนไม่เคยทำอะไรถูกใจสักอย่าง
เจ๊กุ๊กหันไปพูดกับโดมและหยีทีเมินหน้าใส่กันอยู่ เหมือนไม่สนใจกัน แต่ลึก ๆแล้วตรงกันข้ามกับที่แสดงออกทั้งสิ้น
น้องเค้ก โดม ถึงคิวเธอแล้ว พี่อยากให้พวกคุณน้องแสดงตอนที่เค้กพยายามไปง้องอนขอโทษโดมที่ไมได้ไปตามสัญญาเจ๊กุ๊กแสร้งพูดว่าเป็นบทของตนทั้งที่จริงพึ่งได้ยินหรือแอบฟังเรื่องของเขาทั้งคู่มา
โดมไม่ใส่ใจเท่าไรว่าบทมันใกล้เคียงกับชีวิตจริงเขามัวพะวงแต่เรื่องของตน รวมทั้งเค้กด้วยที่สนใจแต่เรื่องของตน จึงไม่ได้ใส่ใจบท
เธอตั้งใจจะพูดปรับความเข้าใจกับโดมให้รู้เรื่องกันไปเลย
ในระหว่างซ้อมบท เค้กจึงพูดออกไป โดยเจ๊กุ๊กและได๋กำลังคิดว่าทั้งคู่แสดงละครกันอยู่
โดมเค้กเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงวิงวอนขอให้ชายหนุ่มฟังบางอย่างที่เธอต้องการพูด
โดมหันหน้าเผชิญกับหญิงสาว เขาอดหวั่นไหวไม่ได้
เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลรินของเค้ก
ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าร้องไห้ น้ำตาของเธอมันใช้ไม่ได้ผลหรอกโดมกล่าวและมองหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ในใจเจ็บปวดยิ่งนัก
หากฉันต้องร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด แล้วเธอจะยกโทษให้ฉัน ฉันก็ยินดีเค้กเอ่ยทั้งน้ำตา เธอเฝ้าบอกกับตนเองว่าเธอจะทำทุกทางให้ชายที่อยู่ตรงหน้าอภัยให้เธอ
ได้โปรดรับคำขอโทษจากฉันเค้กวิงวอนทั้งน้ำตาที่ไหลรินไม่หยุด
ฉันรับคำขอโทษจากคนที่ทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นอย่างเลือดเย็นไม่ได้หรอก บางทีถ้าเธอแคร์ความรู้สึกของคนอื่นสักนิด เธอคงไม่ต้องใช้คำคำนี้โดมเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ เหมือนต้องการกรีดแทงหัวใจของหญิงสาว ที่อยู่ตรงหน้าให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ
โดมเค้กอุทานชื่อโดมเหมือนไม่อยากเชื่อคำพูดเขา
เขาได้แต่มองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด พร้อมจะเดินผละออกไป
หากทว่า รู้สึกวิงเวียนศีรษะ รู้สึกว่ามีของเหลวไหลออกจากจมูก
มันคือเลือด นั่นเอง ชายหนุ่มตกใจมาก
รู้สึกปวดหัวมากขึ้น มากขึ้น จนไม่อาจประคองตัวเอง ได้ เขาล้มลงทันที
เค้กและได๋ และเจ๊กุ๊กเห็นดังนั้นตกใจมากรีบไปดูชายหนุ่มที่ล้มลงไม่ได้สติ
โดม โดม อย่าเป็นอะไรไปนะเค้กร้องเรียกโดมเสียงหลงได้ความเป็นห่วงเป็นที่สุด เธอบอกกับตนเองว่าจะไม่ยอมให้โดมจากไปไหนแล้ว
พาไอ้โดมส่งโรงพยาบาลเถอะเจ๊กุ๊กออกความเห็นทั้ง ๆที่ยังตกใจ
จากนั้นรถพยาบาลก็นำร่างของโดมที่ยังไม่ได้สติตรงไปที่โรงพยาบาล ทั้งกริช หยี ได๋ เจ๊กุ๊ก โดยเฉพาะเค้กรู้สึกว่าระยะทางของโรงพยาบาลช่างยาวไกลนัก เพราะกลัวโดมจะส่งถึงมือแพทย์ไม่ทัน
แต่ไม่นานรถก็แล่นถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาล รีบส่งโดมเข้าห้องฉุกเฉินทันที
ทั้ง กริช หยี เค้ก ได๋ และเจ๊กุ๊กได้แต่รออยู่หน้าห้องไอซียูอย่างกังวล
โดยเฉพาะหยี และเค้ก ต่างห่วงโดมเป็นที่สุด
กริชเดินเข้ามาหาหยี พร้อมพูดอย่างปลอบประโลม แล้วจับไหล่เธอเบา ๆว่า
ทำใจดี ๆโดมต้องไม่เป็นไรกริชเอ่ยพร้อมมองเธออย่างเห็นใจ
ทั้งหมดยืนรออยู่หน้าห้องนั้นไม่ยอมไปไหน เฝ้ารอว่าเมื่อไรแพทย์จะออกมาบอกอาการของโดม
เวลาแห่งการอคอยช่างยาวนัก
เค้กคิดในใจ ว่าเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมโดมถึงไม่ยอมให้อภัยเธอ เพราะการรอคอยใครสักคนหนึ่งโดยเฉพาะคนที่รักมันทรมานอย่างนี้นี่เอง
ไม่นานหมอก็ออกมาจากห้องไอซียู
ทั้ง กริช หยี เค้ก ได๋ และเจ๊กุ๊ก ตรงไปที่หมอเพื่อถามอาการโดมทันที
โดมเป็นไงบ้างค่ะหมอเค้กถามอย่างห่วงใยด้วยท่าทีกระวนกระวายใจยิ่งนัก
ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คนไข้คงเครียดมาก พักผ่อนไม่เพียงพอ เลยสลบไป แต่...หมอหยุดไปนิดหนึ่งเหมือนไม่แน่ใจบางอย่าง
แต่อะไรหรือค่ะคุณหมอเจ๊กุ๊กเอ่ยถามอย่างสงสัย และกลัวคำตอบว่าโดมจะเป็นอะไรเช่นกัน
หมอยังไม่สามารถบอกอะไรตอนนี้มาก ต้องรอผลเอกซ์เรย์อีกสามวันหมอเอ่ยออกมา
ทุกคนได้แต่ถอนหายใจ และภาวนาขออย่าให้โดมเป็นอะไร
ถ้างั้นดิฉันขอเยี่ยมเขาได้ไหมค่ะเค้กเอ่ยถามอย่างวิงวอน เธอรู้สึกเป็นห่วงโดมมาก ต้องการดูให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นไร
หมอพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
ทุกคนจึงเข้าไปเยี่ยมในห้องพิเศษที่หมอจัดเตรียมไว้ให้
เค้กเฝ้ามองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอย่างที่สุด น้ำตาที่เอ่ยล้นไหลรินออกมา
กริชได้แต่มองอย่างสงสัยในความสัมพันธ์ของโดมและเค้ก แต่เขาก็ไม่กล่าวสิ่งใด เขามองมาที่หยีอย่างนึกเป็นห่วงความรู้สึกเหมือนกัน แต่เหมือนหยีจะใส่ใจโดมมากกว่าจึงไม่ได้เห็นสายตาคู่นั้น
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน กลับบ้าน
กริชอาสาไปส่งเค้ก และหยี กริชไปส่งเค้กก่อน จากนั้นก็ไปส่งหยี
ระหว่างทางหยี และกริชไม่ได้กล่าวสิ่งใด ได้แต่นั่งเงียบ
ไม่นานรถก็แล่นถึงบ้านหยี ก่อนลงจากรถ หยีหันไปหาเขาพร้อมพูดว่า
ขอบใจนะหยีกล่าวด้วยน้ำเสียงเหินห่าง
เธอไม่เป็นไรนะกริชเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
หยีส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่กล่าวสิ่งใด
กริชตัดสินใจจะพูดบางอย่าง กับหยี
หยี ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ คือ..กริชจะเอ่ยต่อ เขาอยากพูดความในใจที่มันอัดอั้นอยู่ในอก
หากแต่
ฉันเหนื่อย ขอตัวก่อนหญิงสาวขัดขึ้นไม่อยากฟังเรื่องของเขา หยีเหมือนรู้ว่าชายหนุ่มต้องการพูดอะไร
เธอลงจากรถ เดินเข้าบ้าน ไม่ยอมหันมามองชายหนุ่มสักนิด เพราะกลัวเหลือเกินที่จะแพ้ให้กับหัวใจของตนเอง
กริชมองตามอย่างเสียใจที่ไม่ได้บอกความในใจออกไป
24 กรกฎาคม 2549 13:14 น.
เก่งกาจ
ทางด้านเค้กเธอมาที่บ้านโดมเพราะยังไม่มีใครโทรมาบอกว่าเปลี่ยนสถานที่นัดแล้ว
เธอถึงประตูหน้าบ้านโดมกดกริ่งเรียก
ไม่นานโดมก็เดินออกมา ในตอนนี้เค้กยังไม่รู้ว่าโดมคือเด็กชายที่เธอกำลังตามหา หลังจากที่ความทรงจำเธอพึ่งกลับมาไม่นานนี้เอง
โดมเห็นเค้ก พยายามเก็บความรู้สึกเจ็บที่คิดว่าหญิงสาวทำเป็นลืมตน แล้วเอ่ยทักทายตามมารยาท
หวัดดีโดมกล่าว
หวัดดีค่ะเค้กกล่าวทักทายพร้อมยิ้มให้
โดมเปิดประตูให้เค้กเข้าไปในบ้าน เค้กเดินเข้าไปในบ้านรู้สึกว่าที่นี่คุ้น ๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เธอรออยู่นี่ก่อนนะ ฉันไปเตรียมของก่อนโดมบอกกับเค้กด้วยสีหน้าเฉยชา และน้ำเสียงเหินห่าง
เค้กพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์เค้กดังขึ้น เค้กจับมันขึ้นมาแล้วรับสาย
ค่ะ พี่กุ๊กเค้กรับสาย
น้องเค้กเหรอจ๊ะ คือพี่จะบอกว่าวันนี้พี่เปลี่ยนสถานที่ทำฉาก มาทำที่ชมรมแทนนะ ฝากบอกทุกคนด้วย"เจ๊กุ๊กกล่าว จากนั้นก็วางสายไป
ค่ะไม่ทันเสียแล้วสายตัดไป
อ้าววางไปเสียแล้ว ไปบอกโดมดีกว่า เค้กบ่นกับตนเอง
เค้กเดินตามหาโดมพร้อมเรียกโดม แต่ไม่มีเสียงขานรับ เพราะโดมออกไปนอกตัวบ้าน
โดม โดมเค้กเรียก
เค้กเดินมาถึงห้อง ๆหนึ่ง เธอคิดว่าโดมน่าจะอยู่
เธอหยุดที่ห้องชั่วครู่ จากนั้นก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
และแล้วเธอก็ต้องตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ในห้องเต็มไปด้วยภาพวาดของเค้กวัยเด็ก ภาพนั้นช่างสวยงามยิ่งนักในความคิดของเธอ มันเป็นภาพทุกอิริยาบถของเค้ก ไม่ว่าจะยามยิ้ม โกรธ หรือร้องไห้ และที่สำคัญภาพวาดตอนเค้กกำลังเล่นเปียโน กับเด็กชายคนหนึ่ง
ภาพเด็กชายคนนั้นเธอจำได้ติดตา หลังจากที่ได้ความทรงจำกลับคือ เขาคือโดม เด็กชายที่เธอตามหานั่นเอง เธอมองภาพนั้นอย่างตื้นตัน อดที่จะร้องไห้ออกมาอย่างซาบซึ้งไม่ได้ บัดนี้เธอบอกกับตัวเองว่าเธอพบคนที่เธอตามหาแล้ว เขาคนนั้นคือโดมนั่นเอง
และแล้วเธอก็รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ทางด้านหลัง ในใจนึกรู้ว่าต้องเป็นโดมแน่ ๆ
เธอค่อย ๆหันมาเผชิญหน้ากับเขา ชายคนที่เธอตามหา
คือ... พี่กุ๊กให้มาบอกว่าเปลี่ยนสถานที่นัดน่ะเค้กพยายามหาเรื่องพูดเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกดีใจ
โดม เธอคือโดมใช่ไหมเค้กกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมยิ้มออกมา
หากเป็นเมื่อก่อน เขาเจอเค้ก เขาคงรู้สึกยินดี หากแต่ตอนนี้ เขาไม่อาจลืมคำพูดและการกระทำที่เค้กทำตัวห่างเหินทำตนไม่รู้จัก
เขาทั้งเคือง และน้อยใจ และไม่อยากเข้าใจด้วยว่าเหตุใดหญิงสาวถึงทำกับเขาอย่างนั้น
รู้อย่างเดียวคือหากหญิงสาวกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกไม่ว่าในสถานะไหน เขาจะเย็นชากับเธอให้ถึงที่สุดให้เท่ากับที่เธอทำกับเขา
โดม เธอจำฉันได้ไหม ฉันเค้กไงเค้กกล่าวอย่างยินดี พร้อมจับมือชายหนุ่มมากุม
หากแต่โดมก็สะบัดมันออกอย่างสุภาพพร้อมพูดว่า
ขอโทษนะ ผมชื่อโดมจริง ๆ แต่คงไม่ใช่คนที่คุณรู้จักจากนั้นเขาก็ผละออกไป ทำเป็นไม่สนใจเค้ก แต่ในใจก็เจ็บที่ทำแบบนั้น แต่ความโกรธและเคืองแค้นมีมากว่า
ใช่สิ เธอคือโดมแน่ ๆ ! !เค้กกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อพร้อมเดินตามโดมออกมา
จำผิดคนแล้วละเขาประชดเธอด้วยประโยคที่ไม่ต่างกันกับวันนั้นวันที่เขาพบเค้กอีกครั้งที่บ้านหยี วันนั้นโดมบอกกับตนเองว่า เค้กช่างใจร้ายที่ลืมเขาได้ลง ทั้งที่เขาเฝ้ารอและต้องการพบเธอมาตลอดชีวิต
ไม่ผิด ก็เด็กผู้หญิงที่อยู่ในรูปคือฉันนี่เค้กไม่ละพยายาม ที่จะให้โดมรับความจริง
คุณอาจจะเหมือนผู้หญิงในรูป แต่คุณไม่ใช่เขาโดมกล่าวช้า ๆชัด ๆ ด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เหินห่างมากขึ้น
โดมเค้กเรียกชื่อเสียงอ่อย น้ำตาไหลริน
ไปเถอะ ป่านนี้พวกพี่กุ๊กรอแย่แล้วโดมตัดบทพร้อมเดินจากไป
เขาไม่ยอมหันหลังมามองเค้กที่ยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่นั่นเอง เธอเข้าใจดีว่าชายหนุ่มโกรธเคืองเธอด้วยเหตุผลใด เธออยากบอกเหลือเกินว่าทำไมเธอจึงไปพบเขาเพื่อรับบทเพลงแห่งความหมายที่เขาตั้งใจจะให้เธอไม่ได้ แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ เพราะชายหนุ่มไม่ยอมรับว่าเธอคือเค้ก ผู้หญิงที่เขาเคยให้ความสำคัญ
ทางด้านเจ๊กุ๊ก ที่กำลังคุมคนในชมรมทำฉากอยู่ กลุ่มหนึ่งกำลังสเกตรูปบนผ้าขาวอย่างคร่าว ๆ อีกกลุ่มก็ช่วยกันระบายฉากอยู่
เจ๊กุ๊กคอยดูพี่ได๋ที่กำลังเอาผ้าขาวที่มีการสเกตรูปมาติดบนกระดานที่จัดมาทำฉากอย่างหงุดหงิดเพราะได๋ทำไม่ได้อย่างใจ เดี๋ยวเอียงซ้ายที ขวาที
มันเอียงน่ะไอ้ได๋ แกทำให้มันดี ๆหน่อยสิเจ๊กุ๊กเอ็ดเสียงดัง พร้อมชี้นิ้วว่าควรทำยังไง
แหมเจ๊ อย่าโทษผมคนเดียวสิ เจ๊นั่นแหละดูไม่ดี ผมเลยต้องติดเอียงไปเอียงมาอย่างนี้ได๋ไม่ยอม เสียงดังเหมือนกัน
นี่รำไม่ดี อย่าโทษปี่โทษกลองสิเจ๊กุ๊กแหวใส่ พร้อมเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง
อุ๊ย เที่ยงแล้วหรือนี่ ป่านนี้สี่คนนั้นยังไม่มาอีกเจ๊กุ๊กกล่าวอย่างอารมณ์เสีย เมื่อเอานาฬิกาขึ้นมาดู
เที่ยงแล้ว ได้เวลาพัก ผมไปแล้วนะพี่ได๋เห็นเป็นโอกาส โดดลงจากกระไดลงมาจะวิ่งหนี แต่เจ๊กุ๊กฉุดมือไว้ ได๋เอนไปตามแรง
อะไรนี่ มาดึงผมไว้ทำไมได๋หันไปถามอย่างหงุดหงิด
ทุกคนไปพักได้ ยกเว้นแกไอ้ได๋เจ๊กุ๊กกล่าวดัง ๆตั้งใจให้ทุกคนได้ยิน พร้อมยิ้มอย่างมีชัย
ทำไมผมไปไม่ได้ได๋หันไปถามอย่างอารมณ์เสีย ที่ไม่ได้ไปพัก เหมือนคนอื่น ๆ
แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นถ้าแกยังไม่เอาฉากไปติดบนกระดานให้เสร็จเจ๊กุ๊กเสียงเข้ม พร้อมส่งสายตาเอาจริง จนได๋ไม่กล้าขัดขืน ได้แต่สะบัดมือเบา ๆ แล้วลงมือเอาฉากไปติด
แต่ทันใดนั้น หมาตัวหนึ่งก็มากัดปลายผ้าขาวของฉากนั้นไว้ ได๋เห็นดังนั้นจึงตะโกนออกมาอย่างตกใจที่ฉากกำลังจะถูกทำลายเพราะเจ้าวายร้ายตัวนี้
เฮ้ย ไอ้หมาบ้า ปล่อยของฉันเดี๋ยวนี้นะได๋ตะโกนออกพร้อมวิ่งไล่หมา
เจ้าหมาตัวนั้นวิ่งหนีไปด้านหลังของฉากซึ่งเป็นไม้กระดานแผ่นใหญ่
พี่กุ๊ก ไปช่วยกันจับหมาหน่อย เดี๋ยวมันไปกัดฉากเราเสียก่อนได๋หันไปทางเจ๊กุ๊ก พร้อมจะวิ่งออกไป แต่เห็นเจ๊กุ๊กไม่ยอมขยับ
แล้วทำไมต้องเป็นฉันละเจ๊กุ๊กหันไปแหวใส่ ไม่ยอมทำตามได๋สั่ง
เอ้า ก็ที่นี่ มีผมกับพี่สองคน พี่ไม่ช่วยผม และจะให้ใครช่วยล่ะพี่ได๋หันไปพูดพร้อมส่ายหัวในความไม่เข้าท่าของหัวหน้าทีม
เร็วดิพี่ได๋กล่าวพร้อมฉุดเจ๊กุ๊กวิ่งไปทางหลังฉากทันที
ในขณะที่เจ๊กุ๊กกับได๋กำลังไล่หมาอยู่ทางหลังฉากของเวที
กริชกับหยีก็เดินเข้ามาที่เวที ซึ่งเป็นสถานที่ที่พี่กุ๊กนัดมาช่วยกันทำฉากและฝึกซ้อมละคร
โดยทั้งคู่หารู้ไม่ว่าได๋และเจ๊กุ๊ก กำลังแอบฟังคำสนทนาของทั้งคู่อย่างสนใจ ทั้งได๋แ ละเจ๊กุ๊กหลบอยู่หลังฉาก
เดี๋ยวสิหยีกริชเดินตามหยี พร้อมคว้ามือหญิงสาวไว้
หยีสะบัดมือหนีอย่างสุภาพ กริชเห็นดังนั้น
ขอโทษกริชเอ่ยเบา ๆ พร้อมมองหยีด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวทำตัวเหินห่างอย่างนี้
ทำไมเธอต้องคอยหลบหน้าฉันด้วยละหยีกริชเอ่ยถามเบา ๆแฝงไว้ด้วยความน้อยใจในการกระทำของหญิงสาว
เปล่านี่หญิงสาวตอบ เรียบ ๆ สายตาเย็นชาใส่เขา ในใจเจ็บลึก ๆที่ต้องแสดงตัวเหินห่างอย่างนี้
โกหก เห็นอยู่ว่าเธอทำเหมือนไม่อยากเจอหน้าฉันกริชเสียงดังขึ้นอย่างไม่พอใจในท่าทีของหญิงสาว
ใช่ ฉันโกหก ฉันยอมโกหกหัวใจของตัวเอง ดีกว่าทำตามที่มันเรียกร้องหยีกล่าวทั้งน้ำตา เธอไม่อาจกลั้นความรู้สึกในใจ เธอเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องมองหน้าชายคนที่เธอไม่อาจรักได้ตามที่หัวใจปรารถนา
อย่าทำอย่างนั้นเลย คนเราโกหกหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกกริชเอ่ยเบา แต่ชัดถ้อยชัดคำ เขามองเธอด้วยสายตาที่มีความหมาย
ต่อให้ยากแค่ไหน ฉันก็ต้องทำ เพราะหัวใจของคนที่ฉันรักไม่ได้มีไว้เพื่อฉันหยีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอพยามฝืนกลั้นความเศร้าโศก พลางปาดน้ำตา ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
เขาเลือกรักผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว เธอได้ยินไหมหยีกล่าวทั้งน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม เธอมองเขาด้วยสายตาเจ็บปวด ชายคนที่หยีหมายถึงก็คือกริชนั่นเอง
เขาอาจจะเคยเลือกผู้หญิงคนนั้น แต่เขาไม่รู้เลยว่าเขารักผิดคน จนเมื่อมาเจอใครคนหนึ่ง คนที่เขาบอกกับตัวเองมาตลอด ว่ารอมาทั้งชีวิตกริชกล่าวอย่างมีความหมายโดยนัย
ฉันไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกยังไง แต่ที่รู้คือฉันกับเขารักกันไม่ได้หยีกล่าวเสียงดัง พร้อมส่ายหัวไปมาอย่างต้องการปฏิเสธคำขอร้องเขา ที่ต้องการมาคบหากับเธอแทนเค้ก เธอทำไม่ได้ ที่จะทำร้ายความรู้สึกของเค้กซึ่งเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน
กริชเดินเข้ามาใกล้เธอพร้อมมองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
และถ้าเขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไม่มีใครนอกจากเด็กผู้หญิงที่เขาต้องการมอบช็อกโกแลตให้ เธอจะรักเขาได้ไหม หยีกริชเน้นประโยคสุดท้าย
ไม่หยีกล่าวสั้นแต่เน้นคำนั้นอย่างไร้เยื่อใยใด ๆทั้งสิ้น เธอทำท่าจะเดินผละชายหนุ่มไป
หากแต่ชายหนุ่มก็คว้าเธอไว้เข้ามาสวมกอดอย่างรวดเร็ว เธอพยายามดิ้นรนจากอ้อมกอดนั้น แต่ยิ่งเธอดิ้นเขาก็รัดเธอแน่น
ปล่อยนะหยีตวาดเสียงดังพร้อมพยายามสะบัดตัวออก แต่ก็ไร้ผล
ฉันรักเธอ หยีกริชกล่าวคำนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ หยีหยุดดิ้นเธออึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้
แวบแรกเธอยินดีกับคำนั้น แต่ไม่นานเธอก็ต้องสลัดความรู้สึกนั้น เพราะกริชมีเค้กอยู่แล้ว คนที่เขาเลือกไปแล้วนั่นเอง
แต่ฉันเกลียดเธอหยีหันมาเผชิญหน้ากับเขาทั้งน้ำตา แล้วกล่าววาจานี้ด้วยน้ำเสียงที่เชือดเฉือนที่สุด
ไม่จริง เธอโกหกกริชส่ายหน้าไม่อยากเชื่อหู เขาจับมือเธอสองข้างพร้อมพยายามอ้อนวอน
ฉันพูดจริง ๆ จริงที่สุดในชีวิตหยีไม่หยุดพูดจาทำร้ายจิตใจ เธอต้องการให้เขาตัดใจเสีย
เธอฟังฉันนะ คนที่เธอบอกว่าเธอรักเขาไม่ได้ เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีเธอเป็นรักแรก เช่นเดียวกับที่เธอมีไว้เพื่อเขากริชกล่าวเหมือนหาทางยื้อหญิงสาวเอาไว้หากทว่า
ใช่เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นรักแรกของฉันก็จริง แต่ฉันยอมทิ้งความรู้สึกนั้นตั้งแต่วันที่เขาเลิกส่งช็อกโกแลตให้ฉัน แล้วไปกับผู้หญิงคนอื่น
เธอกล่าวจบ ก็เดินผละไปทั้งน้ำตา เธอไม่ยอมหันหลังกลับ เธอจึงไม่รู้ว่ากริชยืนอึ้งสนิท ทำอะไรไม่ได้นอกจากน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความผิดหวังและเสียใจ
ทั้งคู่ไม่รู้ว่าหลังฉากที่ทั้งคู่อยู่นั้นมี ได๋ และเจ๊กุ๊กคอยฟังคำสนทนาอย่างตั้งใจทุกคำพูด
พี่เห็นเหมือนผมไหมได๋หันไปพูดกับเจ๊กุ๊ก
เห็นสิ เห็นว่ากริชกับหยี เค้ากิ๊กกันเจ๊กุ๊กกล่าว พร้อมยิ้มอย่างมีแผนดีในใจ
พี่คิดเหมือนผมไหมได๋หันมาถาม พร้อมรอฟังคำตอบของเจ๊กุ๊ก
แล้วแกคิดอะไรเจ๊กุ๊กหันไปถามเหมือนต้องการฟังคำตอบของได๋ก่อน
คิดว่าสงสารน้องเค้ก ที่แฟนแอบไปมีกิ๊ก แล้วพี่คิดยังไงได๋เอ่ยอย่างเห็นใจ เพราะเขาแอบปลื้มเค้ก
แต่ฉันคิดว่า การที่หยีกับกริชอินกันนอกบทอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขายิ่งอินเท่าไร เขาก็จะแสดงละครของเราได้ดียิ่งขึ้น และถ้าละครออกมาดี การได้เอวิชาโปรเจคของเราจะไปไหนเสียเจ๊กุ๊กกล่าวพร้อมหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ที่ตนเองจะผ่านวิชาโปรเจคที่เรียนมาซ้ำซ้อนถึงสามครั้งสามครา
ใช่สิ บ้านพี่เขารอเอาวงมโหรี ไปฉลองให้พี่ในวันรับปริญญาจะแย่ เห็นว่ารอจนหง่าวแล้วนี่ เพราะพี่ไม่ยอมจบเสียทีได๋กล่าวพร้อมหัวเราะออกมากับชะตาชีวิตของเจ๊กุ๊ก
ไอ๋ได๋ หุบปากเจ๊กุ๊กหันไปแหวใส่
แต่ไม่ทันที่ได๋จะกล่าวอะไร เจ๊กุ๊กและได๋ก็เห็นโดมและเค้กเดินเข้ามาบนเวทีด้วยกัน
ซึ่งตรงนั้น ทั้งคู่คิดว่ามีแค่กันสองคน
เจ๊กุ๊กและได๋เงียบไม่กล่าวสิ่งใด เพราะต้องการดูสองคนนี้สนทนา
โดม เดี๋ยวสิเค้กเอ่ยขอร้อง ด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย พร้อมมองโดมด้วยสายตาเปลี่ยนไปมันเต็มไปด้วยความหมาย
มีอะไรอีกล่ะโดมกล่าวพลางเมินหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่อยากใส่ใจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านัก แต่ก็รู้ว่าในใจรู้สึกตรงข้าม
ทำไมเธอไม่ยอมรับว่าเธอคือโดมที่ฉันรู้จักเค้กเอ่ยเสียงสั่นเครือ เพราะเศร้าใจที่เพื่อนชายที่เธอรักไม่สนใจเธอ
จะให้บอกอีกกี่ทีว่าฉันไม่ใช่ ไอ้โดมนั่นมันตายไปนานแล้วโดมเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
เธอก็เธอน่ะโดม ทำไมเธอต้องปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่เค้กกล่าวเสียงสั่นเครือ และดังเธอเมินหน้าไปทางอื่นและบีบน้ำตาให้ไหลรินออกมา
ฉันจะเป็นไอ้โดมแล้วทำไม เพราะสำหรับเธอ ไอ้โดมคนนี้มันไม่เคยมีความหมายอยู่แล้วนี่โดมเน้นประโยคสุดท้ายเหมือนต้องการกรีดแทงความรู้สึกเค้ก ได้ผลเค้กรู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกินกับประโยคนั้นน้ำตาเธอไหลรินไม่หยุด
มีสิเค้กกล่าวสะอื้นไห้
หากเธอโกรธฉัน ที่ฉันไม่ไปตามนัดเมื่อ สิบปีก่อน ฉันอยากบอกเธอว่า ....ฉันขอโทษประโยคสุดท้ายของเค้กมีกังวานแห่งความรู้สึกผิด เธอไม่สามารถจะเอ่ยสิ่งใดแทนความรู้สึกผิดได้ดีเท่าคำนี้อีกแล้ว และหวังว่าเขาคงอภัย
หากทว่า
ขอโทษอย่างนั้นหรือ เธอคิดว่าฉันเฝ้าคำขอโทษจากเธออย่างนั้นหรือ เธอคิดว่าคำขอโทษของเธอสำคัญกับฉันขนาดนั้นเชียวหรือ รู้ด้วยนะว่าคำขอโทษจากเธอมันลบล้างความทรมานที่ฉันได้รับจากการรอคอยเธอมาสิบปีไม่ได้หรอกเขาเอ่ยเน้นหนักทุกประโยคทุกคำพูด บาดลงไปถึงกลางใจเค้กอย่างแรง ยากที่จะทานทน เค้กสะอื้นไห้ออกมาอย่างอดกลั้น เธอไม่คิดว่าโดมจะโกรธแค้นเธอรุนแรงอย่างนี้
เก็บน้ำตาของเธอไปใช้กับคนอื่นเถอะ ฉันไม่เชื่อคนอย่างเธออีกแล้วโดมกล่าวช้า ๆแต่ชัดเจนทุกคำ พร้อมเดินผละไป ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเหมือนกันที่ต้องทำร้ายความรู้สึกเค้กอย่างนั้น
แต่เขาไม่อยากเจ็บเพราะเชื่อเค้กอีกแล้ว
โดมเดินผละออกไป โดยไม่สนใจเค้กอีกเลย เค้กได้แต่เดินออกไปอีกทางด้วยความปวดร้าวเช่นกัน
ทางด้านเจ๊กุ๊กกับได๋ที่แอบซุ้มดูอยู่เงียบ ๆ ก็วิพากวิจารณ์ทั้งคู่อยู่ในหลังฉากนั้น
พี่คิดเหมือนที่ผมคิดไหมได๋กล่าวกลับเจ๊กุ๊ก พร้อมมองพี่กุ๊กเป็นเชิงขอคำตอบ
ถามอีกแล้ว แล้วแกคิดยังไงละเจ๊กุ๊กหันมาแว้ดใส่ได๋ เพราะได๋มาขัดเวลาเธอกำลังคิดบางอย่างอยู่
สองคนนั่น กิ๊กกันชัวร์ได๋หมายถึงโดมและเค้ก เขาอดอิจฉาโดมไม่ได้ที่ได้เป็นคนพิเศษของเค้ก ถึงแม้จะเป็นแค่กิ๊ก
แล้วพี่คิดยังไงได๋หันไปถามเจ๊ได๋บ้าง
ฉันคิดว่า ละครเรื่องนี้จะสมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้าไม่ได้ไอ้โดมมาเล่นละครให้เราเจ๊กุ๊กกล่าวอย่างมีแผนการ แล้วยิ้มออกมาเหมือนกำลังได้สิ่งที่ตนเองต้องการ
อะไรนะ จะเอาไอ้โดมมาเล่นละครเนี่ยนะ
24 กรกฎาคม 2549 13:13 น.
เก่งกาจ
ทำไม !ทำไม! ต้องทำเป็นไม่รู้จักฉัน ทำไม!โดมตวาดเสียงดัง พร้อมมือก็ปัดของกระเด็นกระดอนไปทั่วห้อง
เมื่อสงบสติอารมณ์ ก็ทรุดลงนั่ง พร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมา เขาปัดน้ำตาทิ้ง พร้อมทุบพื้นเพราะในใจลืมผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เสียที
ภาพในวัยเด็กของโดมผุดขึ้นในความทรงจำ ในตอนนั้นเป็นตอนเย็นที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งตอนนั้น ทั้งโดมและเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยังไม่มีผู้ปกครองมารับ ทั้งคู่เรียนอยู่ชั้นประถมหก
โดมมักจะพาเด็กผู้หญิงคนนี้มาที่ที่ห้องดนตรี ห้องนี้มีเปียโนตัวโปรดของเขาตั้งอยู่
มีอะไรหรือโดม พาเรามาที่ห้องนี้ทำไมเด็กผู้หญิงคนนั้นถามโดมพร้อมยิ้มให้เขา
ฉันมีอะไรจะให้เธอโดมกล่าว จากนั้นหยิบสมุดที่มีตัวโน๊ตเพลงขึ้นมา และบรรเลงเพลง ๆ หนึ่งขึ้น
เพลง ๆนั้นคือเพลง First love ที่เขายกให้ยาหยีนั่นเอง โดมเล่นพร้อมมองเด็กหญิงคนนั้นด้วยความรู้สึกรักและหวนแหนสุดใจ
ทันทีที่เล่นเพลงนี้จบโดมก็เดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้น
เพราะจัง เพลงนี้ฉันไม่เห็นเธอเคยเล่นเด็กหญิงคนนั้นกล่าว
เพลงนี้ฉันแต่งมันเองโดมกล่าว พร้อมยิ้มให้เด็กหญิงนั้น
จริงเหรอ เก่งจังเด็กหญิงชมโดม
จริงสิ ฉันแต่งมันเพื่อเธอนะโดมกล่าว
จริงเหรอ?เด็กหญิงคนนั้นร้องอย่างยินดี พร้อมจับมือโดมขึ้นมากุม โดมได้แต่เขิน
จริง ฉันจะอัดเพลงนี้ใส่เทปให้เธอนะ โดมกล่าวอย่างเขินอาย
ดีจ๊ะ ว่าแต่เธอตั้งชื่อเพลงนี้หรือยังเค้กเอ่ยถามทันที่นึกได้
ยัง เธอช่วยตั้งชื่อให้หน่อยสิโดมตอบ พร้อมยิ้มให้เค้ก
อือ... First love ดีไหมเค้กทำท่านึกก่อนตอบแล้วยิ้มออกมาเพราะถูกใจชื่อนั้น
First Love หมายถึงรักแรกอย่างอย่างนั้นหรือ ทำไมเธอถึงตั้งชื่อนี้ละเค้กโดมเอ่ยถามประโยคสุดท้ายเหมือนต้องการรู้ความในใจเด็กหญิง
ไม่บอกเค้กส่ายหน้า พร้อมยิ้มให้โดมอย่างเขินอาย
เสาร์นี้เธอว่างไหมโดมกล่าว พร้อมมองหน้าเด็กหญิงด้วยแววตามีความหมาย
ว่าง ทำไมหรือเด็กหญิงเอ่ยถาม พลางมองเพื่อนชายด้วยแววตาสงสัย
เรามาเจอกันที่สวนสาธารณะแถวบ้านฉัน ฉันจะให้เทปนั้นกับเธอโดมเอ่ยอย่างรู้สึกเป็นสุขใจ
ได้สิแล้ววันเสาร์ เจอกันนะ เด็กหญิงคนนั้นกล่าว พร้อมมองไปที่ประตู พ่อแม่ของเธอมารับแล้ว เธอจึงหันมาบอกโดมว่า
พ่อกับแม่ฉันมารับแล้ว ฉันกลับบ้านก่อนล่ะนะเด็กหญิงคนนั้นกล่าว พร้อมเดินจากไป ก่อนกลับ โบกมืออำลาเพื่อน โดมมองตามเพื่อนสาวนั้นด้วยความรู้สึกที่สุขใจยิ่งนัก
วันเสาร์ที่โดมกับเด็กหญิงผู้นั้นเฝ้ารอก็มาถึง โดมได้มารอที่สวนสาธารณะ
แต่จนแล้วจนรอดเด็กหญิงก็ไม่ยอมมา เขาเฝ้ารอตั้งแต่เช้าจดเย็น แต่ก็ไร้แววเด็กหญิง เขาเดินกลับบ้านด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย พร้อมมองที่ทางเดินเห็นกลุ่มคนมามุงดูอะไร แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเหตุใดคนจึงมามุงดูกัน
เขาเดินกลับบ้านต่อไปโดยหันไปมองสิ่งที่กลุ่มคนนั้นมุงดูกัน
เมื่อโดมตื่นจากภวังค์ในวัยเด็กของเขา เขาก็นั่งนิ่ง ๆอยู่อย่างนั้น
วันนี้เขายินดีที่เขาได้เจอ เด็กหญิงผู้นั้น ไม่สิวันนี้เด็กหญิงคนนั้น ได้เติบโตเป็นสาวน้อยแสนสวย หากทว่า วันนี้ เธอกลับจำเขาไม่ได้ หนำซ้ำยังบอกว่าเขาจำคนผิด
สาวน้อยคนนั้นคือเพื่อนใหม่ของหยี ที่ชื่อ เค้กนั้นเอง
เค้กคือเด็กหญิงที่โดมเฝ้ารอมาตลอดทั้งชีวิต
หยีซึ่งเป็นห่วงว่าเพื่อนเป็นอะไร ได้ตามมาที่บ้านโดม เธอเห็นข้าวของกระจัดกระจาย ได้แต่เป็นห่วง และแปลกใจว่าเพื่อนเป็นอะไรไป
โดม แกเป็นอะไร ทำไมต้องปาข้าวของขนาดนี้ด้วยหยีเดินเข้าไปนั่ง ข้าง ๆโดม พร้อมจับไหล่เพื่อนด้วยความเป็นห่วง
ไม่มีอะไร แค่รู้สึกเซ็งสุด ๆ เลยหาอะไรทำเล่น ๆโดมกล่าวเล่น ๆ แต่หยีได้แต่มองเพื่อนอย่างไม่เชื่อ
อย่าโกหก ฉันเป็นเพื่อนแกนะ มีอะไรก็บอกกันสิ ทีฉันยังไม่เคยปิดบังแกเลยหยีกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมมองเพื่อนเหมือนต้องการคาดคั้นความจริง
ถ้าแกมีคนคนหนึ่ง ที่แกรู้จักและรอคอยเขามาตลอดชีวิต แต่วันหนึ่งพอแกเจอเขา เขากลับบอกว่าจำคนผิด แกจะรู้สึกยังไงโดมระบายความในใจที่อัดอั้นออกมา
เค้กใช่ไหม เฮ้ย..ใจเย็น ๆนะแก เขาอาจจะไม่เป็นอย่างที่แกคิดก็ได้ ดูท่าเขาก็ไม่น่าโกหกหยีปลอบใจเพื่อน แต่กลับทำให้โดมโกรธ
ยัยนั่นแหละโกหก!โดมตวาดใส่เพื่อน
เฮ้ย ทำไมต้องตวาดด้วยว่ะหยีหันไปตวาดเพื่อนบ้าง
โดมได้แต่หันหน้าไปทางอื่น ไม่อยากทะเลาะกับเพื่อน หยีเห็นดังนั้นจึงพูดด้วยอารมณ์เย็นลงมา
เขาอาจจะจำหน้าแกไม่ได้ก็ได้หยีพยายามให้เพื่อนคิดในแง่ดี
แกคิดว่าคนที่ไม่เจอกันไม่กี่ปี จะลืมหน้ากันไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรือ!โดมหันมาพูดกับเพื่อนอย่างมีอารมณ์
ฉันมันบ้าเอง เฝ้าหลงแต่อดีตที่คนอย่างเค้าพยายามจะลืมมันทิ้งเขาพูดด้วยน้ำเสียงขื่นขม
เพราะเหตุนี้ใช่ไหม แกถึงยกเพลงFirst loveให้ฉันหยีเอ่ยถามเหมือนเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน
ฉันเคยเล่นเพลงนั้นให้เขาฟัง เขาเคยชมมันว่าเพราะ เพลงนั้นมันสิ่งแทนใจฉัน ซึ่งฉันเต็มใจจะมอบให้เขาเพียงคนเดียว แต่ในความคิดเขา มันก็เป็นแค่เพลง ๆหนึ่ง ถ้าหากเขารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่าสักนิด เขาคงไม่ผิดนัดฉันในวันนั้นหรอกโดมระบาย พร้อมก้มหน้าไม่อยากให้เห็นน้ำตาที่กำลังร่วงลงมา
แล้วทำไมแกไม่คิดบ้างละ ว่าแม้วันนี้เขาจะจำแกได้จริง เขาก็ไม่ทางกลับไปเหมือนเดิมกับแกได้อีกหยีกล่าวกับเพื่อนเรียบ ๆแต่ชัดเจน เมื่อนึกถึงว่ากริชกำลังคบหาดูใจกับเค้ก
ทำไมล่ะโดมหันหน้ามามองเพื่อนทั้งน้ำตา
เพราะวันนี้เขามีคนอื่นอยู่ในหัวใจแล้วสิหยีกล่าวพร้อมเอามือปาดน้ำตาให้เพื่อนอย่างเห็นใจ จะว่าก็รู้สึกเห็นใจตนเองด้วย
โดมปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ เค้กเปรียบเสมือนรักแรกและรักเดียวในใจเขา เขารับไม่ได้จริงที่เค้กไม่เคยมองเขาเช่นเดียวกับที่เขารู้สึกกับเธอ หยีเห็นดังนั้นได้แต่กอดเพื่อนเป็นการปลอบประโลม พึ่งเห็นว่าโดมทุกข์กับเขาเป็นก็วันนี้
หยีเห็นดังนั้นจึงจะเดินไปห้อง ๆหนึ่ง เพื่อจะเอากระดาษทิชชูมาให้เพื่อนซับน้ำตา
แต่ก่อนที่จะถึงห้องนั้น แล้วเปิดประตู
หยีแกจะไปไหน?โดมกล่าวทั้งน้ำตา เมื่อเห็นเพื่อนจะเปิดประตูห้อง ห้องหนึ่ง
ห้องนั้นเป็นห้องที่โดมหวงและไม่ยอมให้ใครเข้าไปทั้งนั้นแม้แต่เพื่อนสนิท
ก็ห้องนี้สิ แกเก็บของไว้ไม่ใช่หรือ ฉันจะเอาทิชชูมาให้แกหยีกล่าวพร้อมจะเปิดประตูห้อง แต่โดมมาขวางเอาไว้
เข้าไม่ได้นะ!โดมเสียงแข็งพร้อมเอาตัวไปขวาง
ทำไมละหยีเอ่ยถามอย่างสงสัย
ไม่ต้องถาม บอกเข้าไม่ได้ ก็ไม่ได้!โดมเอ่ยเสียงแข็ง พร้อมมองเพื่อนเป็นเชิงห้าม
ชักสงสัยแล้วสิ ห้องนี้มันต้องมีอะไรแน่เลย เห็นหวงนักหวงหนาหยีถามพลางมองเพื่อนอย่างคาดคั้น
ไม่มี ไป ๆ ไม่มีธุระแล้วก็กลับไปได้แล้วโดมไม่ฟังเสียงเพื่อน ลากหยีออกจากบ้านพร้อมปิดประตูบ้านไม่ยอมให้เข้า หยีเห็นดังนั้นได้แต่ถอนใจไม่รู้จะทำอะไร จึงเดินกลับบ้านไป
ทางด้านเค้กก็นั่งรอกริชที่ห้องรับแขก เธอเดินดูรอบ ๆห้อง แล้วก็เห็นภาพฉากที่กริชช่วยกันกับหยีวาดขึ้นเมื่อคืน
เธอหยิบมันขึ้นมาดู รู้สึกชื่นชมในฝีมือภาพนั้น
กริชเดินมาทางด้านหลังหญิงสาว
เค้กหันไปหาชายหนุ่ม แล้วยิ้ม
ภาพสวยมากเลยจ๊ะเค้กกล่าวชม
สวยหรือ วาดสวย หรือระบายสีสวยละกริชเอ่ยถามพร้อมดูภาพไปด้วย
อือ ระบายสวยกว่าวาดจ๊ะเค้กวิจารณ์
งั้นชมผิดคนแล้ว เค้กต้องไปชมหยีเค้า เพราะเค้าเป็นคนระบาย ส่วนผมเป็นคนวาดกริชพูดถึงหยีด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายจนเค้กจับกระแสเสียงนั้นได้ แต่เหมือนกริชไม่รู้ตัว
เค้กรู้สึกเจ็บลึก ๆ นึกรู้ว่าชายคนรักกำลังเปลี่ยนไป เธอคิดในใจ หากเขาเป็นดังที่เธอคิด วันนั้นเธอจะทำอย่างไรดี
แต่เธอก็หยุดคิดฟุ้งซ่าน ปลอบใจตนเองว่าอาจไม่เป็นอย่างที่คิด
เราออกไปเดินเล่นกันดีไหมจ๊ะเค้กเอ่ยชวน
ก็ดีจ๊ะ ขี่จักรยานแถวสวนสาธารณะดีไหมกริชออกความเห็น พร้อมยิ้มให้เค้ก
ดีจ๊ะเค้กยิ้มรับ
จากนั้นทั้งคู่ก็เอาจักรยานมาขี่มุ่งหน้าไปสวนสาธารณะในหมู่บ้าน โดยที่กริชเป็นคนขี่ และเค้กเป็นคนซ้อนท้าย โดยไม่ทันสังเกตว่าโดมและหยีมองดูภาพตรงหน้านั้นด้วยสายตาเศร้าหมอง เจ็บลึกในใจ
ไม่นานทั้งกริชและเค้กก็ถึงสวนสาธารณะ
แต่ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของเค้กดังขึ้น
สวัสดีค่ะพี่กุ๊กเค้กรับสาย
น้องเค้กจ๊ะ พี่จะโทรมาบอกว่า ที่นัดกันทำฉากของละคร ให้ไปเจอกันที่บ้านไอ้โดมพรุ่งนี้สายนะจ๊ะเจ๊กุ๊กพูดธุระ
ค่ะเค้กตอบรับด้วยคำเรียบง่าย
แล้วไปบ้านไอ้โดมถูกหรือเปล่าเจ๊กุ๊กถามอย่างเป็นห่วง
คิดว่าไปได้ค่ะ เดี๋ยวถามหยีเอาก็ได้เค้กตอบเพื่อให้คู่สนทนาคลายความกังวล
จ๊ะ งั้นแค่นี้น่ะจากนั้นเจ๊กุ๊กก็วางสาย
พี่กุ๊กโทรมาหรือกริชถามแฟนสาว
จ๊ะ โทรมาบอกว่าเจอกันที่บ้านโดมพรุ่งนี้เค้กตอบพร้อมยิ้มให้แฟนหนุ่ม
จากนั้นเค้กก็หยุดสายตาไปที่ร้านดอกไม้เล็กริมถนนฝั่งตรงข้าม เธอเห็นดังนั้นคิดจะทำอะไรบางอย่าง
กริช รอเค้กแป๊บหนึ่งนะเค้กหันมาพูดกับแฟนหนุ่ม
จะไปไหนจ๊ะกริชถามแฟนสาวอย่างสงสัย
เดี๋ยวก็รู้เค้กไม่ตอบแต่วิ่งไปที่ร้านดอกไม้
กริชมองตามแฟนสาว นึกรู้ว่าเค้กอยากซื้อดอกไม้ให้ตน เห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา
เค้กซื้อดอกกุหลาบสีแดงให้กริช เธอหันหน้ามาหากริชพร้อมดอกกุหลาบแดงในมือ แล้วยิ้มให้เขา
แต่กริชเห็นหน้าเค้กเป็นหยี เขาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างยินดีที่สุด แต่ก็สลัดภาพนั้นทิ้งไป และก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือเค้ก ไม่ใช่หยี เห็นดังนั้นก็หุบยิ้มลงอย่างผิดหวังลึก ๆ
ขณะที่เค้กจะข้ามถนน ก็ไม่ทันสังเกตว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง และวิ่งตรงมายังเธอ เค้กทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เค้กระวัง! ! !กริชตะโกน
วินาทีนั้นกริชก็ผลักเธอและตัวเองหลบจากวิถีทางรถนั้น ทั้งสองกลิ้งไปข้างทาง จนไปหยุดอยู่ข้างถนน
ทันใดนั้นภาพในอดีตก็ผุดขึ้นในหัวของเค้ก
มันเป็นภาพในวัยเด็กตอนที่เค้กกำลังเดินมาที่สวนสาธารณะเพื่อเจอใครคนหนึ่ง คนคนนั้นคือโดมนั่นเอง
เมื่อมาถึงสวนสาธารณะ เธอเห็นร้านดอกไม้ตั้งอยู่ริมถนน เธอคิดอยากจะซื้อดอกไม้ให้โดม
เธอตรงไปที่ร้านนั้นทันที พร้อมเลือกดอกกุหลาบแดง เธอถือมันด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข เธอเอาแต่มองดอกไม้ที่อยู่ในมือ
แต่ในขณะนั้นเอง ตอนที่เธอจะข้ามถนน ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วปานกลางแต่การที่เธอไม่สามารถหลบทัน จึงถูกรถคันนั้นชนให้อย่างจัง เธอกระเด็นไปตามแรงรถ ร่างกลิ้งไปตามถนน และหัวชนฟุตบาท
เค้กสลบไม่ได้สติ เลือดไหลออกจากศีรษะไม่หยุด
ทุกคนในที่นั้นมามุงดูร่างเธอ พร้อมเรียกรถพยาบาล
แต่วันนั้นเป็นวันเดียวกับที่โดมนัดเค้กเพื่อมารับเทปเพลงFirst loveจากเขา เป็นวันที่เขาคิดว่าเค้กผิดสัญญา เป็นวันที่โดมไม่เฉลียวใจสักนิดว่าวันนั้นเกิดอุบัติเหตุที่เปลี่ยนชีวิตและความทรงจำของเค้กทั้งหมด
วันที่โดมไม่ยอมไปดูว่าคนมุงดูอะไรกัน วันที่โดมไม่รู้ว่าเค้กพยายามแค่ไหนที่จะไปตามนัด
เค้กพยายามลบภาพที่เกิดขึ้นในหัวสมอง ซึ่งเป็นภาพในวัยเด็ก เธอกุมศีรษะไว้อย่างรู้สึกเจ็บมาก
เค้ก เป็นไงบ้างกริชถามด้วยความเป็นห่วง
แต่เค้ก
โดม โดมช่วยเค้กด้วยเค้กผวากอดกริช แต่อุทานชื่อโดม
นี่ผมกริชนะ ไม่ใช่โดมกริชพยายามเรียกสติแฟนสาว
เค้กเห็นดังนั้น รู้สึกตัว ค่อย ๆหายใจ
เค้กไม่เป็นไรแล้ว กริชช่วยพาเค้กกลับบ้านทีนะเค้กพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ
ในใจกริชสงสัยว่าทำไมเค้กจึงอุทานชื่อโดม แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้
กริชพาเค้กกลับบ้าน โดยขับรถไปส่ง ระหว่างทางเค้กไม่ยอมพูดจาอะไรเลย
ไม่นานก็ถึงบ้านเค้ก ก่อนเค้กลงจากรถ กริชดึงมือหญิงสาวเอาไว้
เค้ก ไม่เป็นไรแน่นะกริชถามอย่างเป็นห่วง
จ๊ะ เค้กไม่เป็นไร เค้กไปนะเค้กแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส จากนั้นก็ลงจากรถไป
กริชมองตามแฟนอย่างอดห่วงไม่ได้
ในห้องนอนเค้ก เค้กทรุดตัวนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง เธอคิดถึงใครคนหนึ่งหลังจากที่สิบปีเต็ม ๆที่ไม่เคยคิดถึงเลยสักครา
แต่ภาพในวัยเด็กของเด็กชายคนหนึ่งผุดขึ้นในทรงจำ
หากแต่เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
โดม เธออยู่ที่ไหน ฉันอยากพบเธอเค้กพึมพำกับตนเอง
วันรุ่งขึ้นทางด้านชมรมละคร เจ๊กุ๊กกำลังมีว่าได๋ที่ไม่ยอมเอาของที่สั่งไปไว้ที่บ้านโดม
ไอ้ได๋ ทำไมแกไม่เอาของไปไว้ที่บ้านไอ้โดมเจ๊กุ๊กว่าเสียงดัง แต่ได๋ก็ไม่ยอมเหมือนกัน
โหพี่กุ๊ก ฉากนะ ไม่ใช่กล่องลำไย จะได้ขนมาที่นี่ ไปที่นั่นได้สะดวก สู้ทำๆแล้วเก็บไว้ที่นี่ดีกว่าต้องไปทำบ้านไอ้โดม แล้วเป็นงานขนมาอีกได๋เถียงแต่ก็เถียงอย่างมีเหตุผล
เออ ก็ได้ งั้นแกก็โทรไปบอกพวกไอ้หยี กับเค้กด้วยล่ะกันเจ๊กุ๊กสั่งได๋ต่อ
หือ พี่ ผมต้องเตรียมของทำฉากอีกนะงานล้นมือแล้ว พี่นะแหละคนโทรได๋โยนไปให้เจ๊กุ๊กอย่างหงุดหงิด
ก็ได้ ๆ ตกลงฉันเป็นหัวหน้า หรือลูกน้องแกกันแน่นะนี่เจ๊กุ๊กบ่นอย่างอารมณ์เสีย
ไม่เคยได้ยินหรือ หัวหน้า ก็เหมือนคนใช้นั่นแหละได๋อดแขวะเจ๊กุ๊กไม่ได้
อะไรนะเจ๊กุ๊กได้ยินแว่ว จึงหันมาถามแต่พอ ส่ายหัวเหมือนไม่มีอะไร จึงไม่เอาเรื่อง
ขณะที่กริชกำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปบ้านโดม ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของตนดังขึ้น
สวัสดีครับพี่กุ๊กกริชรับสายด้วยถ้อยคำสุภาพ
น้องกริชเหรอจ๊ะ คือวันนี้พี่เปลี่ยนสถานที่นัดกันนะ คือเราจะมาทำฉากกันที่ห้องชมรมกัน แค่นี้น่ะจ๊ะเจ๊กุ๊กกล่าวจบก็วางสายไปทันที
ครับแต่ประโยคนี้ไม่ทันเอาเสียแล้ว
ในตอนนั้นหยีก็เดินออกมาจากบ้านพอดี หญิงสาวเห็นกริช เธอยิ้มให้นิดหนึ่งก่อนกล่าวคำทักทายตามมารยาท
หวัดดีหยีกล่าว
หวัดดีจ๊ะกริชกล่าว หยีไม่กล่าวสิ่งใด เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำตัวสนิทสนมกับกริชเพราะไม่อยากถลำหัวใจให้มากกว่านี้
เดี๋ยวสิกริชท้วงขึ้น
อะไรหรือหยีหันหน้ามาทางเขาแต่ไม่ยอมสบตา แต่ชายหนุ่มยังไม่รู้สึกผิดปกติ
พี่กุ๊กพึ่งโทรมาบอก ว่าวันนี้เปลี่ยนสถานที่นัด ไปทำที่ชมรม แทนกริชกล่าวพร้อมยิ้มให้หยีเห็นดังนั้นได้แต่หลบสายตา ไม่อยากให้หวั่นไหวไปมากกว่านี้
อือ รู้แล้ว ขอบใจนะหยีกล่าวเรียบ ๆ แล้วรีบผละไปทันที แต่
ไปด้วยกันไหมเขาพูดขัดขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะผละออกไป
ไม่เป็นไร เราอยากขี่จักรยานไปมากกว่าหยีปฏิเสธเรียบ ๆ
กริชหน้าเจื่อนลง แต่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า
ผมไปด้วยสิกริชขอซ้อนท้ายจักรยานไปกับหยี
อย่าดีกว่า ฉันขี่ไม่ค่อยแข็ง ฉันไปนะหยีกล่าวจบรีบจูงจักรยานหนีไปทันที ไม่หันหลังกลับมามองกริชที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีหน้าผิดหวังที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับหญิงสาว
เขาเริ่มแน่ใจว่าหยีตั้งใจหลบหน้าเขา จากนั้นก็ขึ้นรถของตนไปแล้วขับไปที่มหาวิทยาลัยการละครที่หยีเรียนอยู่ทันที