19 ตุลาคม 2547 13:47 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 3

เก่งกาจ

ตอนที่3
	อย่าบอกเขา ได้โปรดอย่าบอกเขานะคะ
	ผมไม่บอกเขาแน่ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าคนหนึ่งที่เสียใจในการตัดสินใจของคุณก็คือผมชายหนุ่มพูดพลางมองหญิงสาวอย่างผิดหวัง 
จนหญิงสาวรู้สึกได้เธอรู้ดีว่าเขาหวังดีไม่อย่างนั้นก็คงไม่มาช่วยให้เธอคลายความกังวลในวันคัดเลือกสิบคนในวันนั้น
	คุณคิดว่าฉันไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เสียใจที่สุดกับการตัดสินใจครั้งนี้ แต่แลกกับความสำเร็จเพื่อนฉัน ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น วันข้างหน้าฉันคิดอีกทีอาจจะเสียดายบ้าง
 แต่ฉันไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น แต่ประโยคหลังเต็มไปด้วยความหนักแน่น
	ชายหนุ่มหน้าเสียเมื่อเห็นหญิงสาวหลั่งน้ำตา แม้จะไม่เข้าใจเหตุผลของเธอดี แต่ก็รู้ว่าที่เธอทำไปทั้งหมดเพราะความปรารถนาดีที่มีต่อเพื่อน และเขาก็ไม่เห็นด้วยนัก แต่ก็ไม่อยากพูดให้หญิงสาวเสียใจ
	ผมขอโทษ ผมไม่ควรทำให้คุณเสียใจชายหนุ่มกล่าวพลางเอาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋ายื่นให้หญิงสาว หญิงสาวรับไปพร้อมซับน้ำตาบนใบหน้า ถอนหายใจเบา ๆอย่างผ่อนคลาย
	คุณยังอยากเต้นรำอยู่หรือเปล่าชายหนุ่มถามหญิงสาวพลางมองหน้าหญิงสาวอยากรอฟังคำตอบ
	แน่นอน ฉันรักมันที่สุดหญิงสาวรีบตอบ จนชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขารีบกล่าวข้อเสนอบางอย่างทันที
	อีกหกเดือนข้างหน้าจะมีการประกวดเต้นรำคู่ชายหญิง ถ้ายังไง ผมอยากชวนให้คุณมาเป็นคู่ของผม คุณจะรังเกียจไหมชายหนุ่มกล่าวพลางมองหญิงสาวอย่างรอคำตอบ 
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างนึกชั่งใจ พลางพยักหน้าช้า ๆ เท่านั้นเองชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี
	ดีเลยอาทิตย์นี้มาเริ่มซ้อมด้วยกันชายหนุ่มกล่าวเสียงใสอย่างอยากให้หญิงสาวลืมเรื่องไม่ดีวันนี้ทั้งหมด
	เร็วขนาดนั้นเลยหรือคะหญิงสาวกล่าวอย่างแปลกใจ เธอลืมเรื่องเศร้าใจนั้นไปชั่วขณะ
	ใช่สิยิ่งเราอยากประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เราต้องทุ่มเทมากขึ้นเท่านั้นชายหนุ่มกล่าวอย่างมาดมั่น จนหญิงสาวอดทึ่งในความจริงจังของเขา
	คุณอยากประสบความสำเร็จเร็ว ๆเพราะคุณมีใครบางคนที่อยากเต้นรำด้วยที่สุด ไม่ใช่หรือชายหนุ่มกล่าวจากความทรงจำที่อยู่ในวัยเด็กด้วยสีหน้าจริงจัง
	คุณรู้ได้อย่างไร ว่าฉันมีคนที่อยากเต้นรำด้วย นี่เราเคยรู้จักกันใช่ไหมคะหญิงสาวมองอย่างชายหนุ่มอย่างพิจารณาเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มไม่หลบ 
ยังคงจ้องมองมาที่หญิงสาวอย่างรอจะให้เธอรู้ว่าเขาคือใคร
	จินเซ ใช่แล้วใช่เธอจริง ๆด้วยหญิงสาวมองเขาอย่างพิจารณาสักครู่แล้วก็นึกออกมาได้เลยร้องออกมาอย่างยินดี
	ไม่เจอกันตั้งนาน เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ ตอนนั้น เธอตัวเท่านี้อยู่เองหญิงสาวทำมือระดับเอว ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความยินดีที่ได้เจอเพื่อนเก่าชายหนุ่มยิ้มออกมาและรีบพูดทันที
	แล้วฉันตอนนี้ สู้รุ่นพี่คนโปรดของเธอได้หรือเปล่าละชายหนุ่มกล่าวพลางมองหญิงสาวอย่างมีความหมายแต่หญิงสาวยังไม่รู้ตัวเช่นเคย	
	ยังบอกไม่ได้ ต้องดูฝีมือเธอก่อน หากฉันมั่นใจเมื่อไร ฉันจะบอกเธอนะหญิงสาวกล่าวพลางยิ้มให้ชายหนุ่ม เช่นเดียวกับเขา
	ที่มหาวิทยาลัยที่ห้องเรียนนาฏศิลป์ ในขณะที่ชิเน่และเยียร์ร่าห์กำลังจับคู่ซ้อมเต้นรำคู่ชายหญิงอยู่ ชิเน่เห็นเป็นโอกาสจึงขอร้องให้เพื่อนทำบางสิ่งให้
	เยียร์ร่าห์เย็นนี้ว่างไหมชิเน่ถามในขณะเข้าจังหวะหมุนตัว เยียร์ร่าห์แปลกใจที่เพื่อนถาม แต่ก็ตอบ
	ว่าง ทำไมหรือจากนั้นก็สังเกตเพื่อนยิ้มแปลก ๆ
	มีอะไรพิเศษหรือเปล่าเยียร์ร่าห์แซวเพื่อนแปลก ๆเมื่อเห็นท่าทางเพื่อนอย่างนั้น
	ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากให้ไปพบใครคนหนึ่งนะชิเน่กล่าวถึงใครคนนั้น พลางนึกถึงเขาอย่างรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด
	ใครกัน คงไม่ใช่ผู้ชายหรอกนะเยียร์ร่าห์ยังคงแกล้งถามแต่ในใจก็นึกรู้เพราะเดาได้จากท่าทางเพื่อนสาว
	เขาเป็นลูกชายเพื่อนพ่อ เจอกันตอนวันประกวดอาทิตย์ที่แล้วชิเน่ยังกล่าวโดยไม่ทันสังเกตว่าเยียร์ร่าห์สีหน้าเปลี่ยนเมื่อนึกถึงการประกวดอาทิตย์ที่แล้ว
	อีกหกเดือน ฉันอยากเข้าประกวดเต้นรำคู่ เลยอยากชวนเค้ามาเป็นคู่หญิงสาวกล่าวโดยไม่สังเกตท่าทางของเพื่อน
	ทำไมถึงอยากประกวดคู่กับเค้าละ ผู้หญิงที่อยากเต้นรำกับผู้ชายคนหนึ่งคงรู้สึกไม่ธรรมดากับเขาแน่เยียร์ร่าห์รีบพูดเล่นกับเพื่อน และปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
	ชอบเค้าหรือหญิงสาวรีบถาม เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนแดงก็ไม่ต้องสงสัย
	เพื่อนสาวพยักหน้าเป็นเชิงตอบก่อนพูดว่า
	เขาน่าทึ่งมากเลยนะ ฉันชอบเขาตรงที่เขารักการเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจเหมือนฉัน และก็ทำมันได้ดีเลยละ คุณพ่อเค้าบอกว่าเค้าก็ชนะการประกวดปีนี้ด้วยหญิงสาวกล่าวอย่างชื่นชม
	เค้าเป็นตุ๊ดหรือเปล่าเยียร์ร่าห์อดชมไม่ได้
	บ้าสิ 
ไว้ใจได้หรือ เห็นหน้าตาดี ๆ แต่ที่ไหนแอบหนุ่มน้อยหน้าใสไว้ไม่ให้เรารู้หญิงสาวเอ็ดเพื่อน แต่ไม่ได้จริงจัง หากแต่ก็ขันไปกับความคิดของเพื่อน
	เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ชิเน่กล่าวเข้าเรื่องเธอเกรงว่าไปคนเดียวกลัวเขาจะปฏิเสธจึงอยากให้เยียร์ร่าห์ซึ่งเป็นนักเกลี้ยกล่อมไปช่วยเพื่อน เพราะเวลามีเรื่องเยียร์ร่าห์จะเป็นคนพูดจาเกลี้ยกล่อมทุกคนได้
	จะดีหรือ ฉันไม่รู้จักเค้านะหญิงสาวกล่าว อยากช่วยแต่กลัวเป็นการเสียมารยาทที่ไปก้าวก่ายการตัดสินใจกับคนที่ไม่รู้จัก
	ไม่ดียัง ไง เธอเป็นเพื่อนฉันนะ นะถือว่าช่วยฉันชิเน่กล่าวอ้อนวอนในขณะที่เต้นรำไปด้วย เยียร์ร่าห์คิดสักครู่ จากนั้นก็ตอบตกลง เธอก็จะประกวดงานนี้เหมือนกัน แต่เธอก็จะไม่ตัดสินใจอย่างนั้นอีกแล้ว
 เพราะอย่างน้อยชิเน่ก็ได้ภูมิใจกับความสำเร็จของเธอครั้งหนึ่งผิดกับเธอ เธออยากแสดงความสามารถหลังจากที่ทุ่มเทให้มันมานับปี จะไม่หลีกทางให้ใครอีกแล้ว
	หลังจากชั่วโมงเรียนเต้นรำ ทั้งชิเน่และเยียร์ร่าห์ก็เตรียมตัวที่จะตามนัดไว้กับจินเซหากแต่ว่าก็ชิเน่ก็ไม่สามารถไปได้ตามเวลานัดเนื่องจากเธอลืมของไว้ที่ห้องตอนเรียนเต้นรำ
	แย่แล้ว ฉันลืมของไว้ที่ห้องเรียน ทำไงดีชิเน่ร้องออกมาเมื่อนึกขึ้นมาได้ ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายในความขี้ลืมของตนเอง เธอมองหน้าเพื่อนเหมือนขอความเห็น
	เธอไปพบเข้าก่อนแล้วกันนะ ฉันจะกลับไปเอาของชิเน่บอกตามที่ตนตัดสินใจเตรียมจะวิ่งไปเอาของหากแต่เพื่อนก็รั้งเอาไว้ เยียร์ร่าห์ฉุดมือพลางทำหน้าเหรอ
	ฉันจะไปรู้ได้ไงละว่าใคร ยังไม่เคยเห็นหน้า
	ชิเน่ทำท่านึก จริงสิเพื่อนเธอยังไม่เคยเห็นหน้า จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วพูดกับเพื่อนว่า
	ไม่ยาก หรอก ตอนนี้เขากำลังสอนรุ่นน้องเต้นรำอยู่ เขาเป็นหัวหน้าชมรมนักเต้นรำของมหาลัย พอเธอไปถึงยิม ถามคนแถวนั้นเดี๋ยวเธอก็เจอเค้าเองแหละชิเน่รีบบอกเพื่อนพลางออกตัววิ่งไปที่ห้องเต้นรำที่เธอลืมของเอาไว้
	แต่ไม่วายหันกลับมาบอกเพื่อนว่าด้วยสีหน้าแจ่มใสว่า
	ฝากบอกเค้าด้วยว่าขอโทษที่ไปช้าจากนั้นชิเน่ก็วิ่งไป เยียร์ร่าห์ได้แต่ส่ายหน้าพลางคิดว่าเธอจะเจอคนที่ชิเน่ให้ไปพบได้อย่างไร แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่เดินไปที่ยิมแล้วหวังว่าจะได้เจอเขาคนนั้น
	ไม่นานนักเธอก็เดินไปถึงที่ยิม เธอเดินเข้าไปกำลังเห็นนักศึกษาสิบคนที่เธอคาดว่าเป็นคนในชมรม เธอเดินเข้าไปอย่างกล้า ๆกลัวไม่อยากรบกวนคนข้างใน
	ขอโทษนะคะ คือเธอกล่าวขอโทษเพื่อขัดจังหวะจะหาคนที่เธอต้องการพบ หากแต่ก็มีใครคนหนึ่งเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ใหญ่ที่สุดยืนหันหลังให้เธอเหมือนกำลังสอนรุ่นน้องที่กำลังหันหน้ามาทางเธอ
 ตะโกนดุเธอเสียงแข็งจนเธอตกใจไม่รู้จะทำอย่างไร
	การเต้นรำมันสำคัญกับคุณแค่ไหนกัน เห็นไหมว่าเพื่อนมารอคุณอยู่นานแล้วเค้าหันหน้ามา พร้อมเดินเข้าามาหาเธอด้วยสีหน้าขึงขัง แต่พอเดินเค้ามาใกล้ก็ยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่เธอจำได้เป็นอย่างดี 
เขาคือจินเซนั่นเอง
	แล้วเขาก็พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมเหมือนเดิม แต่ยังคงยิ้มให้เธอ เธอจึงตั้งหลักได้บ้าง
	ในเมื่อกล้ามาสาย ก็แสดงว่าเก่งแล้ว ชั่วโมงนี้ก็ช่วยสอนเพื่อนคุณกับผมแล้วกันหญิงสาวงงจนทำอะไรไม่ถูกเธอชี้หน้าตนเองประมาณว่าฉันหรือ 
ชายหนุ่มยิ้มแล้วกระซิบกับเธอเบา ๆ เหมือนให้เธอได้ยินเท่านั้น
	เถอะน่า นึกว่าซ้อมเตรียมพร้อมเพื่อแข่งขันแล้วกันเขาไม่รอคำตอบรีบฉุดเธอไปเต้นรำทันที โดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว เยียร์ร่าห์เต้นไปด้วยความประหม่า เธอไม่ค่อยถนัดเต้นคู่เท่าใดนัก
 แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่สนใจ ยังคงยิ้มให้เธอเช่นเคย
	เธอเป็นหัวหน้าชมรมนี้หรือ จินเซเยียร์ร่าห์ถามอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยังคงยิ้มไม่ตอบสิ่งใด เขาจับเธอหมุนตามจังหวะเพลง 
หญิงสาวได้แต่เต้นตามแต่ในใจยังอยากรู้คำตอบจนไม่มีสมาธิเหยียบเท้าชายหนุ่มไปหลายทีแต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่สนใจเอาเสียเลยยังคงตั้งหน้าตั้งตาเต้นต่อไป
	ขอโทษหญิงสาวกล่าวอีกแล้วหลังจากเหยียบเท้าชายหนุ่ม
	เธอขอโทษฉันเป็นรอบที่ร้อยแล้วนะ ตั้งใจหน่อยสิ มีอะไรไว้ค่อยคุยกันหลังเพลงนี้ได้ไหมชายหนุ่มกล่าวจบก็ถึงจังหวะหมุนหญิงสาวก็เต้นไปตามที่เขาบอก ตอนนี้เธอเริ่มเต้นดีขึ้น
	ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะเหยียบขาพี่จินเซของฉันจนจบเพลงซะอีกเด็กหญิงวัยสิบขวบคนหนึ่งกล่าวพลางมองไปที่เยียร์ร่าห์อย่างไม่ค่อยชอบหน้า แต่ก็ใส่ใจไม่นานเธอตั้งหน้าตั้งตามองไปที่จินเซอย่างหลงใหล
	แต่ฉันว่าจะให้ดี ก็เหยียบให้จนเต้นรำไม่ได้จะดีมากเด็กผู้ชายวัยเดียวกันลากเสียงยายพลางเหล่ไปทางเพื่อนหญิงที่หันมองอย่างขวางด้วยความไม่พอใจ แต่เขาก็ส่ายหน้าแบบลอยหน้าลอยตาไม่ยิหระสายตาของเพื่อนสาวที่มองเขมงมาทางเขา
	ไม่ชอบเขา ก็กลับไปสิ มายืนดูเขาทำไมเด็กหญิงคนนั้นแหวใส่
	ฉัน ..ฉันก็มาดูพี่ผู้หญิงคนนี้นะสิเด็กชายคนนั้นทำท่าคิด พลางพูดแก้เก้อไม่อยากให้เพื่อนรู้บางสิ่ง
	ฮะ..เต้นไม่เห็นจะเก่ง เต้นไปเหยียบเท้าพี่จินเซฉันไปเด็กหญิงพูดพลางมองเหล่ไปทางเยียร์ร่าห์ที่ยังเต้นอยู่แต่เธอก็เต้นดีแล้ว เริ่มเข้าจังหวะได้แล้วในขณะนี้
	แล้วอย่างพี่เธอเต้นดีนักละเด็กชายพูดอย่างหมันไส้ ส่งผลให้เด็กหญิงหันขวับมามองอย่างหาเรื่อง
	ไม่นานเพลงก็จบ ชายหนุ่มก็ทำความเคารพฝ่ายหญิง จากนั้นเขาก็บอกเลิกการสอนครั้งนี้ แล้วให้รุ่นน้องไปซ้อมเองพรุ่งนี้เขาจะมาทดสอบ
	พี่คะ พี่เต้นเก่งมากเลย พรุ่งนี้พี่จะมาเต้นอีกไหมคะเด็กหญิงกล่าวพลางยิ้มให้ ชายหนุ่มยิ้มกลับพลางเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู แต่ดูเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้กับเด็กชาย
	พี่ครับ  ผมอยากถามว่าชมรมนี้จะปิดเมื่อไรหรือครับ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะได้ไม่โดนดุเพราะแอบหนีแม่มาเด็กชายคนหนึ่งถามอย่างกวน ๆ 
หากแต่ชายหนุ่มกับยิ้มให้อย่างไม่ถือสา เหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆในความทรงจำในวัยเด็กของเขาเหลือเกิน
	อยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้รออยู่หน้าโรงเรียนผู้เป็นมารดาของเด็กหญิงดุบุตรสาวพลางก้มหัวขอโทษจินเซ จินเซก้มหัวพลางยิ้มให้
	นั่นนะสิ ครับคุณน้า บอกเค้าให้รอคุณน้าดี ๆ เชื่อกันซะที่ไหน เด็กชายกล่าว
	ใครใช้ให้ตามมาละเด็กหญิงแหวใส่
	ฮึ ถ้าแม่เธอไม่ขอ ฉันก็ไม่อยากตามเธอนักหรอกจากนั้นก็สะบัดหน้าใส่อย่างงอน ๆ
	ก็พอกันทั้งสองคนนั่นแหละ ไปกลับบ้านแม่ของเด็กหญิงกล่าวพลางพากลับบ้าน
	ทั้งสองมองพลางยิ้มไปที่เด็กชายเด็กหญิงทั้งคู่ รู้ดีว่าเหตุการณ์นี้ไม่ต่างอะไรจากพวกเขาในวัยเด็ก
	เธอเป็นหัวหน้าชมรมนี้หรือเยียร์ร่าห์ถามทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ จินเซพยักหน้ารับ
	งั้นเธอก็รู้จักชิเน่นะสิหญิงสาวเอ่ยถามพลางรอคำตอบ
	ใช่ เค้าเป็นคนนัดที่จะเจอฉันที่นี่จินเซกล่าวความจริงพลางมองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจ ที่เห็นสีหน้าเปลี่ยนไป งั้นคนที่ชิเน่ต้องการเป็นคู่เต้นรำในงานประกวดก็คือจินเซเองหรือ 
	ชายหนุ่มทำท่าจะถามว่าเป็นอะไร แต่ชิเน่ก็เข้ามาพอดี พลางก้มหัวโทษเขาที่มาสาย จินเซจึงหันไปยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรโดยไม่ได้ถามเพื่อนสาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด 
จากนั้นทั้งสามก็ไปที่ร้านคอฟฟี่ชอฟในมหาวิทยาลัยทันที
	อะไรนะครับ จะให้ผมเป็นคู่เต้นรำในการประกวดอีกหกเดือนข้างหน้าหรือชายหนุ่มกล่าวอย่างตกใจเล็กน้อย จนชิเน่อดแปลกใจไม่ได้เธอจึงถามเขาทันที
	ทำไมหรือคะ คุณจินเซมีคู่เต้นรำอยู่แล้วหรือชิเน่กล่าวพลางมองหน้าเขาอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหันไปทางเยียร์ร่าห์ ไม่รู้จะพูดอย่างไร 
	แต่เขาก็ตัดสินใจพูดว่ามีคู่อยู่ก่อนแล้ว ทันใดนั้นเยียร์ร่าห์ก็ขัดขึ้น
	ถ้าเธอยังไม่มีคู่ก็ ช่วยเป็นคู่ให้เพื่อนฉันหน่อยละกันนะเยียร์ร่าห์กล่าวด้วยเสียงเรียบ แต่แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังจนจินเซผงะไปทำท่าจะพูดต่อ
ทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนหรือชิเน่อดแปลกใจที่เพื่อนใช้สรรพนามเรียกแทนจินเซ
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมนะเยียร์ร่าห์กล่าวพลางยิ้มให้ ชิเน่พยักหน้ารับจากนั้นเยียร์ร่าห์ก็ไม่ลืมพูดประเด็นที่ค้างไว้
ช่วยเพื่อนฉันหน่อยเถิดนะเยียร์ร่าห์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม เมื่อเห็นสายตาที่อ้อนวอนปนยัดเยียด
	จินเซได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้ารับ 
	การพยักหน้าสร้งความยินดีให้กับชิเน่ แต่ก็สร้างความเสียใจให้เยียร์ร่าห์กับจินเซ จินเซได้แต่มองหน้าเยียร์ร่าห์ประมาณว่าทำไมเธอต้องเสียสละขนาดนี้ด้วย เยียร์ร่าห์ได้แต่หลบแววตา
 และมองไปทางชิเน่ที่ยิ้มให้อย่างยินดี				
19 ตุลาคม 2547 13:36 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 2

เก่งกาจ

ตอนที่ 2
	วันนี้เป็นวันแข่งขันเต้นรำ รอบชิงชนะเลิศ เพื่อน ต่าง ๆมาร่วมใจเชียร์เยียร์ร่าห์และ ชิเน่ หากแต่วันนี้ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเยียร์ร่าห์
	อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาลงแข่งขันแล้ว ทำไม เยียร์ร่าห์ยังไม่มาอีกละเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งร้องออกมาอย่างเป็นกังวล 
	ชิเน่เองก็เป็นกังวลไม่แพ้กับเพื่อนของเธอในตอนนี้ แม้เธอต้องการชนะในการแข่งขันครั้งนี้มาก แต่เธอก็รู้ว่าเพื่อนเธอก็หวังเช่นกัน และรู้ถึงความตั้งใจของเพื่อนจากการฝึกซ้อม
	เวลาล่วงเลยไปเร็วยิ่งนัก ชิเน่ตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวลว่าเหตุใดเยียร์ร่าห์เพื่อนรักยังไม่มาเสียที อีกไม่ถึงห้านาที คณะกรรมการจะประกาศให้เธอลงสนาม 
แต่เธอไม่สามารถทำได้อย่างดีแน่ถ้าไม่เห็นเยียร์ร่าห์
	เยียร์ร่าห์ เธออยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาเสียทีชิเน่คิดถึงเพื่อนด้วยความร้อนรุ่ม แต่ไม่นานนัก โทรศัพท์ในกระเป๋าก็เสียงดังขึ้น เธอนึกรู้ทันทีว่าคงเป็นเยียร์ร่าห์ที่ติดต่อมาเป็นแน่
	ชิเน่หรือ ขอโทษนะ ฉันไปไม่ได้ แม่ฉันไม่สบายกะทันหันนะจ๊ะเยียร์ร่าห์กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อไม่ให้เพื่อนรักจับพิรุธได้ แต่ถ้าทุกคนมาอยู่ที่บ้านกับเธอจะพบว่าแม่ของเยียร์ร่าห์ไม่ได้เป็นอะไรเลย 
หากแต่ตอนนี้ไปเยี่ยมคุณยายที่ต่างจังหวัด
	งั้นหรือชิเน่อดเสียใจไปกับเพื่อนไม่ได้ แต่ลึก ๆเธอก็ดีใจที่จะลดคู่แข่งคนสำคัญไปได้ 
	ไม่นะ คิดอย่างนี้ได้อย่างไร นั่นคือเพื่อนของเธอ เธอคิดแต่เรื่องของตนเอง จนมารู้สึกตัวเมื่อเยียร์ร่าห์เรียกชื่อเธอ
	ตั้งใจทำให้ดีที่สุดเลยนะ ชิเน่  อย่ายอมแพ้ใครแม้แต่คนเดียว โชคดีนะจ๊ะเยียร์ร่าห์บอกเสียงใส และรีบวางโทรศัพท์ 
	ใครจะรู้ว่าหลังวางสายไปแล้ว เยียร์ร่าห์ก็ปล่อยโฮออกมาทันที ใครบ้างที่จะไม่เสียใจ เธอตั้งใจมาขนาดนี้เพื่อรอวันนี้ วันที่เธอเป็นผู้ชนะ 
	แต่ชัยชนะของเธอก็ไม่สำคัญเท่ากับมันเป็นของชิเน่ เพราะชัยชนะครั้งนี้จะทำให้ชิเน่ทำในสิ่งที่รักได้ในชีวิต คิดอย่างนั้นเธอก็ซับน้ำตา และยิ้มกับตนเองและนึกให้กำลังใจให้เพื่อนที่กำลังแข่งขันอยู่ในสนาม
	ชิเน่ในตอนนี้ กำลังร่ายรำอยู่กลางเวที ด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก จะว่าไปแล้วเธอทำได้ดีกว่าวันที่คัดเลือกสิบคนสุดท้ายด้วยซ้ำ ทุกคนปรบมือให้เธอ อย่างชื่นชมในความสามารถ 
เธอยิ้มรับมันผ่านทางเสียงปรบมืออย่างยินดี 
	เมื่อเพลงจบ ชิเน่ทำความเคารพคนดูเช่นเคย เธอยิ้มที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี และเธอก็ทำได้ตามที่ทุกอย่างหวังไว้
	ผิดกับเยียร์ร่าห์ที่ตอนนี้เก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว เธอหยิบชุดที่เคยใส่ในวันคัดเลือกสิบคน ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย น้ำตาไหลพลางเอื้อมมือไปสัมผัสชุดนั้น จากนั้นก็ปล่อยโฮอย่างกลั้นไม่อยู่ 
	อีกสักพักคณะกรรมการก็ประกาศผู้เข้ารอบสามคน รวมถึงผู้ชนะเลิศ
	เอาละครับในที่สุดวินาทีที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง รายชื่อทั้งสามคนตอนนี้อยู่ในมือผมแล้วนะครับ ต่อไปผมจะประกาศรายชื่อรองชนะเลิศอันดับสอง พิธีกรหยุดกล่าวสักพักเพื่อแกะซองเอารายชื่อทั้งสามออกมา
 ทุกคนในสเตเดียมรอลุ้นด้วยความระทึก 
	ต่างคนก็เชียร์คนที่ตนตั้งใจมาเชียร์
	รองชนะเลิศอันดับสามคือ.ยุนยูจินครับทุกคนปรบมืออย่างยินดีผู้ที่โดนประกาศไปรับรางวัลอย่างยินดี ในคำตัดสิน
	ต่อไปผมจะประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศนะครับ ตื่นเต้นไหมครับพิธีกล่าวเหมือนแกล้งให้ผู้ชมตื่นเต้น ผู้ชมบางคนหันไปบ่นว่าเมื่อไหร่จะประกาศ 
	คนที่ระทึกที่สุดไม่แพ้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น คงจะเป็นชิเน่เพราะเธอหวังกับการแข่งขันนี้มาก
	ผมว่าเธอผู้นี้คงเป็นอย่างที่ใคร ๆหวังไว้ ผู้ชนะคือ ยางชิเน่ครับสิ้นเสียงประกาศ ผู้คนต่างเฮให้กับความสำเร็จของชิเน่ ชิเน่รู้สึกดีใจจนทำอะไรไม่ถูกน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเอ่อล้นมาเมื่อไหร่ไม่ทราบ 
เธอเดินไปรับรางวัลทั้งน้ำตาอย่างยินดี 
	ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ ในใจเธอรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนร่วมใจเชียร์หนึ่งในนั้นที่เธอลืมไม่ได้ก็คือ เยียร์ร่าห์ 
	ถ้าเยียร์ร่าห์อยู่ที่สเตเดียมนั้นก็จะรู้มีใครบางคนรอคอยชมฝีมือเธออย่างตั้งใจอยู่อีกคนหนึ่ง เขาตั้งใจมาดูเธอโดยเฉพาะในวันนี้ 
และแอบเทใจเชียร์ให้เธอชนะเลิศในวันนี้ แต่เมื่อไม่เห็นเธอ เขาก็กลับไปอย่างนึกเสียดายแทนเธอ พร้อมแปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้สละสิทธิ์ที่สำคัญในชีวิตครั้งนี้
	แต่พ่อของเขาซึ่งเป็นหัวหน้าสมาคมนักกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทยให้เขาอยู่ก่อนพร้อมจะแนะนำคนสำคัญให้เขาได้รู้จัก เขาจึงอยู่ตามคำขอของพ่อ จากนั้นไม่นานก็พ่อแม่ลูกคู่หนึ่งเดินเข้ามาทักทาย
	ทั้งคู่คือพ่อแม่ของชิเน่นั่นเอง
	ไม่ได้พบกันเสียนาน  ดูนายไม่เปลี่ยนไปเลยนะพ่อชิเน่ทักพ่อของจินเซด้วยความสนิทสนม พลางมองไปที่จินเซอย่างถามว่านี่ลูกนายใช่หรือไม่
	พ่อของจินเซเห็นดังนั้นจึงแนะนำบุตรชาย
	แกก็เหมือนกันแหละ ตอนสมัยหนุ่ม ๆ แกบ้ากีฬาเพาะกายเป็นที่สุดพ่อของจินเซพูดเหมือนจะแซวเป็นเหตุให้ผู้เป็นภรรยามองหน้าสามีอย่างนึกขัน 
ชิเน่รู้ดีว่าแม่คงแปลกใจที่เห็นพ่อเคร่งขรึมอย่างนั้นแต่รักกีฬาเพาะกายเป็นที่สุด
	จากนั้นพ่อของจินเซก็แนะนำจินเซให้ครอบครัวของชิเน่ได้รู้จัก
	นี่จินเซ ลูกชายฉัน จินเซไหว้ลุงเค้าเสียสิพ่อของจินเซกล่าวแนะนำพลางยิ้มให้เพื่อน
	จินเซรีบกล่าวสวัสดีพลางก้มหัวคำนับผู้ใหญ่ผู้เป็นเพื่อนบิดา
	พ่อของชิเน่ถามต่ออย่างอารมณ์ดีจนชิเน่สังเกตได้
	ลูกชายนาย ดูหน่วยก้านดีนะ  ท่าทางจะชอบเล่นกีฬาเพาะกายแน่เลยใช่ไหมละพ่อของชิเน่คุยกับพ่อของจินเซ พลางหันไปมองจินเซ
	ไม่ใช่หรอกครับจินเซตอบอย่างสุภาพ ต่อจากนั้นพ่อของจินเซก็พูดต่ออย่างอารมณ์ดีทันที
	หมอนี่ เค้าไม่ชอบเล่นกีฬาอย่างนั้นหรอก อย่างดีก็เล่นเพื่อสุขภาพ แต่ว่าลูกชายฉันรัก การเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจเลย
	เต้นรำอย่างนั้นหรือพ่อของชิเน่กล่าวอย่างแปลกใจ ชิเน่ก็แปลกใจเช่นกัน แต่ในความแปลกใจ ก็รู้สึกชอบที่มีคนสนใจในสิ่งที่เธอสนใจ
	ใช่ อย่าว่าคุยเลยนะ ลูกชายฉันก็เข้าประกวดครั้งนี้ด้วย เขาแข่งเมื่อสองวันที่แล้ว แล้วก็ชนะเลิศสมกับที่เขาตั้งใจซุ่มซ้อมมาพ่อของจินเซพูดอย่างภูมิใจ ทุกคนต่างรีบยินดีกับเขาด้วย
 จินเซขอบคุณอย่างสุภาพ ชิเน่ยิ้มให้จินเซอย่างเป็นมิตรในใจแอบชื่นชมจินเซอยู่มาก
	ได้ยินว่า คุณชอบการเต้นรำ ว่าง ๆ ดิฉันคงต้องขอคำแนะนำจากคุณชิเน่กล่าวพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
	ยินดีครับ จินเซก้มหน้าให้นิดหนึ่ง อย่างสุภาพพลางยิ้มให้เธอย่างเป็นมิตรโดยทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าผู้ใหญ่กำลังมองมาที่ทั้งคู่อย่างสนใจ  
	จังหวะนั้นโทรศัพท์ของชิเน่ก็ดังขึ้น เป็นสายของเยียร์ร่าห์เธอรับมันพร้อมบอกข่าวดีกับเพื่อน
	เยียร์ร่าห์จินเซได้ยินว่าเป็นเยียร์ร่าห์ก็นึกรู้ว่าเป็นเยียร์ร่าห์คนเดียวกับที่เขารู้จักเมื่อวันที่มาคัดเลือกสิบคน
	เขารอฟังการสนทนาของเยียร์ร่าห์กับชิเน่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจนึกเป็นห่วงเยียร์ร่าห์อย่างบอกไม่ถูก
	เธอชนะใช่ไหม่ชิเน่เยียร์ร่าห์พยายามดัดเสียงให้ปกติเพื่อไม่ให้เพื่อนรู้ว่าเธอผ่านการร้องไห้มา
	ดูเหมือนว่าชิเน่จะไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนของเธอเสียใจ เธอยังคงพูดไปด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
	ใช่จ๊ะ ฉันทำได้แล้ว ฉันทำได้แล้ว
	ยินดีด้วยนะเยียร์ร่าห์กล่าว
	อือ วันนี้ฉันจะไปเยี่ยมแม่เธอนะ ท่านเป็นอย่างไรบ้างชิเน่ไม่ลืมเรื่องที่ทำให้เพื่อนเธอต้องสละสิทธิ์ครั้งสำคัญในชีวิต
	ไม่ต้องเยียร์ร่าห์รีบพูดอย่างลืมตัว คิดหาคำพูดสักครู่ แล้วก็หาเรื่องแก้ตัวได้
	เออ.. คุณหมอบอกว่า แม่ไม่เป็นไรมาก เลยให้กลับบ้านแต่ว่า ท่านต้องพักผ่อนมาก ๆ หมอไม่อยากให้ใครรบกวน เธออย่าเพิ่งมาเลยนะ ไว้ให้ท่านหายดี แล้วเธอค่อยมาเยี่ยมละกัน
เยียร์ร่าห์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้เพื่อนจับความผิดปกติ ได้ผลชิเน่แทบจับผิดไม่ได้เธอเชื่อสนิท
	งั้นหรือ ก็ได้ แต่ฝากบอกแม่เธอนะ ให้ท่านหายไว ๆนะจ๊ะชิเน่บอกเพื่อน ในใจก็อยากจะพูดแสดงความเสียใจกับเพื่อนที่ไม่ได้มาแข่งขันแต่ อีกใจก็ห้ามไม่ให้พูดเรื่องนี้จะดีกว่า 
แล้วเธอก็ตัดสินใจไม่พูด
	เธอสบายดีใช่ไหมเยียร์ร่าห์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่พูดอย่างคนกล้า ๆกลัว ว่าควรพูดดีไหม
	ไม่เป็นไร ก็ดีละที่วันนี้ไม่ได้ไป ฉันไม่ได้ซ้อมเลยนะ มันคงรู้สึกแย่กว่านี้ ถ้าไปแข่งแล้วไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้เยียร์ร่าห์พูดด้วยน้ำเสียงสดใส กลบเกลื่อนความเสียใจได้อย่างมิดชิด
 ได้ผลเช่นเคยชิเน่ก็ยังคิดว่าเพื่อนเธอคงเสียใจบ้าง แต่ทำใจได้แล้ว
	แล้วพบกันที่มหาลัยนะ เยียร์ร่าห์รีบกล่าว พยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่น เธอแทบจะกลั้นความรู้สึกไว้ไม่ไหวแล้ว ถ้าคุยกันนานกว่านี้ เพื่อนของเธอคงต้องรู้ความจริงแน่
	จ๊ะ สวัสดีชิเน่กล่าว แล้ววางสายไป เธอไม่ทันสังเกตว่าจินเซแอบฟังคำสนทนาของทั้งคู่อย่างสนใจ
แม่ของชิเน่เห็นดังนั้นก็ถาม ในขณะที่พ่อของจินเซกับพ่อของชิเน่ยังคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้พบกันเสียนาน 
	ใครโทรมาหรือชิเน่
	เยียร์ร่าห์ คะ เค้ามาโทรแสดงความยินดีชิเน่กล่าวพลางยิ้มให้ผู้เป็นแม่ แต่ก็ไม่สดใสนัก
	ผู้เป็นแม่เห็นดังนั้นก็ถาม
	เพื่อนโทรมาแสดงความยินดีแล้วทำไม่ทำหน้าอย่างนั้นละลูก
	ก็มันน่าเสียดายนะคะ คุณแม่ เยียร์ร่าห์เค้าเตรียมพร้อมมาเพื่อการประกวดครั้งนี้ แต่เค้าต้องสละสิทธิ์ เพราะแม่เค้าต้องมาป่วยกะทันหัน เป็นใครก็ต้องเสียใจ แม้เค้าจะบอกว่าไม่เป็นไร 
หนูก็อดเห็นใจเค้าไม่ได้ชิเน่กล่าวอย่างใจจริง ความจริงเธออดคิดไม่ได้ว่า หากเยียร์ร่าห์มาในวันนี้ คนที่ได้รางวัลนี้อาจไม่ใช่เธอ แล้วเธอก็รู้สึกว่าการตัดสินครั้งนี้มันยุติธรรมสำหรับเธอกับเยียร์ร่าห์แล้วหรือ
 ถึงเธอจะอยากชนะแค่ไหน แต่มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ 
	ผู้เป็นแม่จับลูกอย่างปลอบ เธอเข้าใจดีว่าแม่ไม่อยากให้เธอคิดมาก
	จินเซได้ยินดังนั้นเขาได้แต่นึกเสียใจ และเสียดายแทนเธอ 
	 
	พอแยกกับครอบครัวของชิเน่ จินเซก็ขอแยกกับพ่อ อ้างว่าจะไปรับของที่ฝากที่ร้านขายของ พ่อเขาอาสาจะไปส่ง แต่เขาบอกอยากเดินไปเอง
	จังหวะเดียวกันนั้น เยียร์ร่าห์ไม่ต้องการอยู่คนเดียวจึงออกมาข้างนอกเพื่อเดินเล่น เธอเดินไปเรื่อย อย่างไร้ปลายทาง อยากเดินไปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดที่สวนสาธารณะที่ไม่ห่างจากสเตเดียมมากนัก
 เธอมองไปทางโดมของสเตเดียมที่เธอต้องไปแข่งขันวันนี้ ตอนนี้ เธอต้องอยู่ที่สเตเดียมไม่ใช่ที่นี่
	คิดอย่างนั้นน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที เธอเงยหน้ามองที่ท้องฟ้า เหมือนอยากให้ความเสียใจและความทรงจำที่แสนเศร้าไหลย้อนกลับไปให้ลึกที่สุดของหัวใจเหมือนไม่อยากจำเหตุการณ์วันนี้
	จินเซซึ่งขณะนี้ได้แยกทางกับเพื่อน ก็ได้เดินผ่านสวนสาธารณะเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ม้านั่ง เขาจำได้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเฝ้าดูว่าจะมาแข่งขันวันนี้ แต่ก็ไร้เงา 
	แวบแรกที่เห็นเธอเค้าดีใจ แต่ก็อดแปลกใจว่าตอนนี้แม่ของเธอป่วยไม่ใช่หรือ เธอไม่ไปดูแลแม่เธอหรือ แล้วเธอมานั่งทำอะไรที่นี่ ดูท่าจะไม่ดีด้วย 
	เห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไป วินาทีนั้นที่เห็นหญิงสาวกำลังเงยหน้าและหลับตาอยู่ เหมือนมีมนต์สะกดตรึงให้เขาหยุดมองเธอ ความรู้สึกแปลกก่อประหลาดในใจ หากแต่มันไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น มันเคยเกิดขึ้นมานานแล้ว 
แม้จะนาน เค้ายังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี 
	ภาพวันเวลาเก่าก่อขึ้นในความทรงจำของเขาอีกครั้ง
	นี่ กลับบ้านกันได้แล้ว ฉันรอเธอตั้งนานแล้วนะเยียร์ร่าห์เด็กชายคนหนึ่งพูดกับเด็กหญิงคนหนึ่งแต่ดูเหมือนเด็กหญิงจะไม่สนใจเพื่อนชาย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินไปที่หนึ่ง
	เธอกลับไปก่อนเถิดจินเซ วันนี้ ถ้าฉันยังไม่เห็นพี่ดองวาของฉันเต้นละก็ ฉันไม่กลับไปไหนทั้งนั้นเด็กหญิงกล่าวกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่จะได้เห็นพี่ชายที่เธอแอบชื่นชอบเต้น ยามนี้เธอไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
	ไปดูเจ้าหมอนั่นอีกแล้วหรือ ฉันเห็นเธอไปนั่งมองดูเค้าทุกวัน แต่ไม่เห็นเค้าชายตามองเธอสักครั้ง ถามจริงเถอะ ทำไมถึงได้สนใจคนที่เขาไม่ได้เหลียวแลเธอนักนะเด็กชายพูดอย่างหมันไส้เพื่อนสาว 
แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเดินตามเด็กหญิงจ้อย  ๆ ไม่นานทั้งคู่ก็ไปถึงห้องซ้อมเต้นรำของโรงเรียนที่ขณะนี้มีชายหนุ่มหน้าตาคมคนหนึ่งกำลังเต้นด้วยท่าทางอ่อนช้อย เยียร์ร่าห์มองอย่างนึกหลงใหล
	เพราะเขาเต้นเก่งนะซิ ดูเค้าซิ จินเซ ผู้ชายอะไรเต้นได้อ่อนช้อยเหมือนผู้หญิงเด็กหญิงกล่าวพลางมองอย่างหลงใหล ไม่ใส่ใจเพื่อนชายที่กำลังมองรุ่นพี่และเพื่อนสาวอย่างหมันไส้
	คอยดูนะ จินเซ ฉันจะต้องเป็นนักเต้นรำหญิงที่เก่งที่สุด เมื่อวันนั้นมาถึงฉันจะเต้นรำกับพี่ดองวา จะทำให้พี่ดองวามองฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นหญิงสาวกล่าวเสียงใส แต่ในใจจริงจังอย่างที่พูด
นัยน์ตายังคงมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่กลางฟลอร์ไม่วางตา
	จินเซ ได้แต่น้อยใจ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางมองเพื่อนสาวด้วยสายตาเปลี่ยนไปเป็นครั้งแรก
	ฉันก็ยืนอยู่ข้าง ๆเธอ แต่ทำไม เธอไม่อยากเต้นกับฉันบ้างละ
	เธอนะหรือ แค่ร้องเพลงเธอก็บอกฉันว่าเกลียดจะตาย เพราะฉะนั้นเรื่องเต้นรำเธอก็คงต้องเกลียดมันเป็นที่สุดแน่เยียร์ร่าห์หันมาพูดทีเล่นทีจริง แล้วหันไปมองรุ่นพี่ของเธอต่อ
 ปล่อยให้เด็กชายที่ทำท่าจะพูดบางสิ่งแล้วคิดหยุดไป เหมือนไม่อยากแสดงความรู้สึกของตนไปมากกว่านี้ พลางมองไปที่รุ่นพี่อย่างครุ่นคิด
	ดังนั้นวันนี้จินเซจึงตัดสินใจมาเต้นรำ จะเพราะเหตุผลใดเขาก็ไม่อาจทราบได้ แต่เหตุผลสำคัญก็เพื่อผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาในขณะนี้ ผู้หญิงที่เขาหลงรักตั้งแต่เด็ก ๆ
	จินเซตื่นจากความทรงจำในอดีต สายตายังคงจับจ้องผู้หญิงที่กำลังเงยหน้าหลับตา เหมือนพยายามคลายความกังวลในจิตใจ ฟ้าเริ่มครึ้มเหมือนฝนจะตก แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ใส่ใจยังคงอยู่กับภวังค์ของตน
	ไม่นานฝนก็หลั่งลงมา ฝนเม็ดเล็ก ๆร่วงหล่นลงใบหน้าหญิงสาว แต่ก็เป็นเม็ดฝนที่ตกโปรย ๆชายหนุ่มเห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปแล้วถอดเสื้อแจ็กเก็ตไปนั่งอยู่ข้าง
 พลางเอาเสื้อแจ๊กเก็ตคลุมขึ้นเหนือศีรษะของทั้งเขาและเธอเพื่อกันฝน ดูเหมือนเธอจะแปลกใจที่ตนเปียกฝน แล้วฝนก็หยุดตก จึงลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วก็ต้องแปลกใจ เธอหันไปมองข้าง ๆ
เห็นมือใครคนหนึ่งกำลังใช้เสื้อกันฝนให้เธอ  เธอจึงรีบหันไปมองอีกข้างก็เห็นเขากำลังมองมาที่เธอ แล้วก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร 
	ฝนกำลังตกอยู่ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็นั่งเป็นเพื่อนผมอยู่ที่ก่อนก็ได้นะครับชายหนุ่มพูดพลางยิ้มให้หญิงสาวเช่นเคย เป็นรอยยิ้มที่หญิงสาวยังจำได้ดี
	จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก แม้ฝนจะไม่มีท่าว่าจะหยุดตก แต่ทั้งสองก็รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดในยามนี้ หญิงสาวนั่งคิด ทำไมหนอในยามที่เธอรู้สึกกังวลใจ หรือเสียใจที่สุด
 เค้าจะต้องมาอยู่ข้าง ๆเธอเสมอ หรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธ์จะส่งเขามาให้เธอ

	ดูท่าฝนจะไม่ยอมหยุดตก คุณ เมื่อยไหมคะหญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มหลังจากสักพักที่นั่งหลบฝนอยู่กับเขา ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางยิ้มให้เธอ เธอเห็นดังนั้นจึงยิ้มตอบกลับไป
	ได้ข่าวว่าแม่คุณไม่สบายไม่ใช่หรือครับ แล้ว ทำไม่คุณถึงอยู่ที่นี่ละครับ ชายหนุ่มกล่าวเหมือนนึกขึ้นมาได้เป็นเหตุให้สีหน้าของคู่สนทนาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
 หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากตอบ แล้วพูดขึ้นว่า
	คุณทราบ แล้วทราบได้อย่างไรคะหญิงสาวถามเสียงอ่อยลง จนชายหนุ่มสังเกตความผิดปกตินั้นได้
	ไม่ต้องสนหรอกครับว่าผมทราบได้อย่างไร ผมเพียงอยากทราบเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ลงแข่งขันวันนี้ แม่ของคุณชายหนุ่มทำท่าชั่งใจ ก่อนตัดสินใจพูดต่อ
	ไม่ได้ป่วยอย่างที่คุณบอก ใคร ๆใช่ไหมครับชายหนุ่มกล่าวเป็นเหตุให้หญิงสาวหันมามองหน้าอย่างตกใจที่เขารู้ เธอไม่อยากให้ใครทราบความจริง จึงตัดสินใจลุกออกไป 
	ในยามนี้ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงลุกตามไปอย่างอยากฟังคำตอบ

	ทำไมละครับ ทำไมคุณต้องโกหกทุกคน คุณมีเหตุผลอะไรชายหนุ่มเร้าหาคำตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวไม่หันมาตอบ จึงคว้ามือหญิงสาวเอาไว้ หญิงสาวหันมามองหน้าเขา
	เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ ขอโทษนะคะกรุณาปล่อยมือฉันด้วยหญิงสาวพูดเสียงอ่อน อย่างนึกอ้อนวอนชายหนุ่มว่าอย่าได้ถามเธออีกเลย
	ชายหนุ่มเหมือนรู้สึกตัว จึงปล่อยมือพลางก้มหน้าขอโทษ แล้วพูดกับเธออย่างสุภาพ แต่เต็มไปด้วยความจริงจัง
	เกี่ยวสิครับ เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่เฝ้ารอดูการแสดงของคุณอย่างตั้งใจ เพราะงั้นได้โปรดบอกเหตุผลได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงไม่ได้ไปชายหนุ่มกล่าวจบก็สบตาหญิงสาวอย่างรอคำตอบ 
แต่คำตอบที่ได้กับเป็นการเงียบเฉย ชายหนุ่มจึงนึกรู้อะไรบางอย่างทันที
	ผมก็เป็นนักเต้นรำคนหนึ่ง ถ้าจะให้ผมเดา คุณกับคุณชิเน่เต้นได้ฝีมือสูสีกัน คุณอยากให้คุณชิเน่ชนะก็เลยสละสิทธิ์ใช่ไหมคำพูดแทงใจดำของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่รู้จะพูดอะไรอีก
 น้ำตาเริ่มรื้น เธอไม่อยากจะสนใจในสิ่งที่เธอตัดสินใจไปแล้ว แต่ทำไมเค้าต้องรื้อฟื้นอีก
	หญิงสาวจึงคิดเดินหนีเขา
	เพื่อนของคุณ ถ้าเค้ารู้เค้าคงไม่ยินดีกับการตัดสินใจของคุณครั้งหรอกนะชายหนุ่มรีบพูดจี้ใจดำ และไม่เข้าใจเหตุผลของหญิงสาว หญิงสาวตกใจที่ได้ยินชายหนุ่มพูดอย่างนั้น 
พร้อมหันมามองหน้าเขา และพูดอย่างอ้อนวอน
	อย่าบอกเขา ได้โปรดอย่าบอกเขานะคะ
(ติดตามตอนต่อไป รับประกันว่าสนุก)				
19 ตุลาคม 2547 13:22 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ(ถ้าอยากซึ้งลองอ่านให้จบสิ)

เก่งกาจ

ตอนที่1
	ณ ห้องแต่งตัวของสเตเดียมหนึ่งซึ่งกำลังมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งกำลังเตรียมตัวเพื่อจะเข้าแข่งขันเต้นรำหญิง และวันนี้เป็นวันคัดเลือกผู้เข้ารอบทั้งหมด สิบคน 
	เยียร์ร่าห์หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในห้องแต่งตัวกำลังนั่งอยู่พร้อมกับบีบมือทั้งสองข้าวอย่างพยายามสะกดอาการตื่นเต้นเอาไว้ แต่พยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยากเย็นเท่านั้น 
	เยียร์ร่าห์ลุกขึ้น เธอทำท่าจะเต้นเพื่อเตรียม พร้อม และที่สำคัญเธอต้องการลดอาการตื่นเต้นนั้น แต่ก็เหมือนจะยากเย็น เธอเหมือนรู้สึกหายใจขัด ๆ มือไม้อ่อนอย่างไรชอบกล 
	เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้  จะเต้นต่อก็รู้สึกเหมือนมือไม้อ่อน เข่าของเธอก็เหมือนจะประคองตัวไม่อยู่ แต่ทันใดนั้น ก็มีมือของใครคนหนึ่งมารับร่างของเธออย่างเร็วไว
	ไม่ช้าเธอก็หันหน้าไปเผชิญหน้ากับเขา เขาผู้นั้นยิ้มมาให้เธอ ราวกับผู้ใหญ่ยิ้มให้เด็ก ถ้าจะให้เดา เยียร์ร่าห์คิดว่าเขาคงศึกษาอยู่ชั้นอุดมศึกษาเป็นแน่ และแน่กว่านั้นก็คือเขาก็มาประกวดเต้นรำด้วยวันนี้ 
เดียรร่าห์สังเกตจากเครื่องแต่งกายของเขา
	ตื่นเต้นหรือครับ ไม่เป็นไรนะครับ แล้วมันจะผ่านไปด้วยดีหญิงสาวยังคงมองไปที่ชายหนุ่มเหมือนมนต์สะกด จนชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มนั้นช่างอบอุ่นและเป็นมิตร 
	ไหน คุณลองเต้นท่าทีคุณเตรียมมาสิครับ เดี๋ยวผมเป็นคู่ซ้อมให้ชายหนุ่มอาสาแต่ดูเหมือนไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย เขาดึงร่างหญิงสาวแล้วเต้นไปกับเพลงที่เขาร้องเอง 
หญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ว่า เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอเตรียมจังหวะนี้มา
	The smile on your face lets me know that you need meThere's a truth in your eyes saying you'll never leave me
The touch of your hand says you'll catch me whenever I fallเขาร้องพลางดึงมือเธอท่าผีเสื้อ แล้วเหวียงเล็กน้อยเพื่อจะให้เยียร์ร่าห์หมุน เมื่อกลับมาท่าตั้งต้น 
หญิงสาวเห็นเขาสบตามาที่เธอ พลางยิ้มให้ด้วยร้อยยิ้มอันอ่อนหวาน  จากนั้นปากเขาก็ไม่ได้ร้องเพลงนั้นอีกเลย แต่ทั้งคู่ยังคงเต้นเหมือนมีเพลงนั้นบรรเลง อยู่
หากมันเป็นเพลงที่บรรเลงแล้วไปก้องในหัวใจของทั้งสอง และเมื่อถึงท่อนสุดท้าย ชายหนุ่มก็ร้องออกมา อย่างแผ่วเบา เหมือนต้องการให้เธอได้ยินเพียงสองคน
	You say it best.. when you say nothing at allจากนั้นเขาก็หยุด หญิงสาวก็หยุดด้วย ชายหนุ่มยังคงยิ้มให้หญิงสาวพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
	สู้เค้านะครับ  ความกลัวมันไร้ตัวตน อย่างสร้างมันทำลายชัยชนะที่รอคอยคุณอยู่ข้างหน้ามันสิครับชายหนุ่มกล่าวจบก็จากไป เยียร์ร่าห์ยิ้มด้วยความเชื่อมั่น 
หญิงสาวจะวิ่งไปเพื่อขอบคุณ หากแต่เขาก็จากไปไกล เธอได้แต่ยิ้มไปทางเขาอย่างนึกขอบคุณ
	เมื่อเยียร์ร่าห์ได้ยินเสียงประกาศชื่อเธอ อีกไม่นานแล้วสินะที่เธอต้องไปที่ฟลอร์เพื่อเต้นรำ ชิเน่ก็มาด้วยและกำลังเตรียมตัวเช่นเดียวกับเธอ เวลานี้ แม้เยียร์ร่าห์จะกลัวและตื่นเต้น 
แต่เธอต้องทำให้ดีที่สุด   เพราะเธอบอกว่า เธอมีโอกาสนี้เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องทำให้ดีที่สุด
	เมื่อเพลงเริ่มบรรเลง เธอก็เริ่มเต้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือทั้งสองโบกไปมาเป็นท่าทางที่อ่อนช้อยพร้อมกับงอตัวตามเพลง จากนั้นก็กระโจนวิ่งไปช้า ๆ พร้อมทำมือแหวกว่ายไปมาอย่างสวยงาม 
จบเพลงเธอก็ทำความเคารพให้กับคนดูที่ปรบมือให้เธอด้วยความชื่นชม 
	เยียร์ร่าห์ยิ้มรับ พร้อมบอกกับตนเองว่าสำเร็จแล้ว เธอไม่ได้หมายถึงชัยชนะ หากแต่ว่าเป็นความกลัวที่เธอทำลายมันไปเพื่อไม่ให้มันทำลายความมั่นใจในสิ่งที่เธอกำลังทำ 
แล้วสายตาเธอก็ไปหยุดที่ใครคนหนึ่ง ชายคนนั้น เขายิ้มพร้อมโบกมือให้เธอ หญิงสาวโบกมือให้เขาตอบซึ่งตอนนี้เขายืนอยู่ในหมู่คนดู จึงเหมือนโบกมือให้คนดู
	คนต่อไปก็คือ ยางชิเน่ ซึ่งเป็นเพื่อนกับลีเยียร์ร่าห์ เยียร์ร่าห์รู้ดีว่าเพื่อนของเธอตอนนี้กำลังประสบปัญหาที่ขา แต่เธอรู้จากปากของชิเน่ว่า อาการมันไม่รุนแรง 
เน่นั้นก็หวังที่จะเข้าเป็นหนึ่งในสิบ ไม่แพ้กับ เยียร์ร่าห์เช่นกัน เพราะนอกจากเธอจะทำความฝันให้เป็นจริง แล้ว พ่อของเธอก็จะอนุญาตให้เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลป์ตามที่เธอตั้งใจ  
ดังนั้นชิเน่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด 
	ชิเน่เป็นคนที่มีนิสัยมีน้ำใจ โดยเฉพาะกับเพื่อนฝูง หากรู้ว่าใครเดือดร้อนเธอจะช่วยเหลือ เพราะงั้นเยียร์ร่าห์จึงรักชิเน่ และเป็นห่วงชิเน่มาก ใครที่คอยหาเรื่อง หรือทำร้ายชิเน่ 
เยียร์ร่าห์จะไปเอาคืนให้ชิเน่ ถึงแม้ว่าชิเน่จะไม่เอาเรื่อง แต่เยียร์ร่าห์ก็ไม่ยอม เพราะนอนจากชิเน่จะเป็นเพื่อน แต่ยังเป็นคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตเยียรร่าห์ด้วย
	เมื่อเพลงเริ่มบรรเลงชิเน่ก็เริ่ม เต้นรำตามท่าที่เธอได้เตรียมไว้ จะว่าไปแล้วการเต้นรำเป็นทั้งชีวิตและจิตใจชองทั้งชิเน่และเยียรร่าห์ ชิเน่ เต้นด้วยท่าทางอ่อนช้อย จนคนในห้องส่งอดปรบมือด้วยความชื่นชมไม่ได้
	เมื่อเพลงจบชิเน่ห์โค้งคำนับให้คนดู จากนั้นเธอก็วิ่งไปหาแม่ของเธอ ที่มาเชียร์และคอยให้กำลังใจเยียร์ร่าห์ ผิดกับพ่อของเธอไม่สนับสนุนนัก แต่ด้วยเหตุผลใดชิเน่ก็ไม่ทราบ แต่พ่อก็ยังปล่อย ๆ บ้าง หากแต่ก็ไร้อิสระโดยสิ้นเชิง ชิเน่ส่งยิ้มพร้อมโบกมือมาให้เธอ เยียร์ร่าห์โบกมือตอบเหมือนยินดีกับเพื่อน
	จากนี้ผมจะประกาศ ผู้เข้ารอบ สิบคนสุดท้าย น่าตื่นเต้นนะครับ เพราะทุกคนที่นี่ ก็ทำได้ดีทุกคน จนเป็นที่หนักใจของคณะกรรมการ ในการตัดสินพิธีกรพูดไปเรื่อย ทุกคนก็รอลุ้นอย่างตั้งใจ 
ต่างคนก็เชียร์เพื่อนของตน บ้างก็บ่นว่าเมื่อไหร่คณะกรรมการจะตัดสิน
	รายชื่อของทั้งสิบอยู่ในมือผมแล้วนะครับ คนที่เข้ารอบได้แก่  ยุนยูจินเมื่อกล่าวชื่อผู้เข้ารอบ ผู้ที่มาเชียร์ก็เฮกันเหมือนประมาณอย่างที่หวัง ไว้หรือไม่ก็ยินดีกับเพื่อนตนเองที่เข้ารอบ
	พิธีกล่าวชื่อจนถึงคนที่เก้า ผู้คนในสเตเดียมก็เฮใหญ่เป็นพิเศษ เพราะผู้เข้าแข่งขันผู้นี้เป็นที่ผู้ถูกใจคนดูยิ่งนัก
	คนที่เก้าได้แก่..ยางชิเน่ชิเน่กระโดดยิ้มให้แม่ทั้งน้ำตา พลาง ทำความเคารพแม่ที่กำลังกอดเธออยู่อย่างยินดี จากนั้นก็ไปที่ฟลอร์เพื่อแสดงตัว 
จากนั้นคณะกรรมการก็กล่าวคนสุดท้าย ที่เรียกได้ว่าเรียกเสียงเฮไม่แพ้ชิเน่ เพราะผู้เข้าแข่งขันคนนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้ชิเน่เช่นกัน จนบอกได้ว่าสูสีกันทีเดียว
	คนสุดท้ายคือ แหมน่าตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ ไม่รู้ว่าคนสุดท้ายจะเป็นอย่างที่ท่านผู้ชมคิดไว้หรือไม่ แต่คนนี้ผมเชียร์เธอเป็นพิเศษนะครับ คนคนนั้นคือ.พิธีกรหยุดกล่าว 
พร้อมยิ้มให้กับคนดูทีรอลุ้นอย่างระทึก และแล้วก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวัง เมื่อพิธีกรประกาศชื่อ ทุกคนเฮกันใหญ่
	ลีเยียร์ร่าห์เยียร์ร่าห์กระโดดอย่างยินดี พลางโค้งคำนับอย่างขอบคุณที่เอาใจเชียร์เธอ และรีบไปที่ฟลอร์ ชิเน่จับมือเธอพลางกอดเธออย่างยินดี เยียร์ร่าห์ยังคงยิ้มไม่หุบ ทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าอยู่ในห้องแต่งตัว 
จนมีชายคนหนึ่งมาช่วยทำให้เธอหายกลัวและตื่นเต้น จริงสิ เค้าอยู่ไหนนะ ถ้าเจอเธอต้องขอบคุณเขาให้ได้
	แต่เมื่อมองไปก็ไม่เจอใคร ชิเน่เห็นเพื่อนทำท่าหาใครบางคนก็ถามขึ้น
	มองหาใครหรือ
	เปล่าจ๊ะเยียร์ร่าห์กล่าวพลางยิ้มให้เพื่อน ชิเน่เห็นดังนั้น ก็ยิ้มและไม่ถามเซ้าซี้เพื่อนต่อ 

	วันต่อมา ชิเน่กำลังนั่งเขียนระบายความรู้สึกของตน ยามนี้ใบหน้าของชิเน่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเธอยังคงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้เป็นอย่างดี
	พ่อไม่ยอมให้ลูกทำตามใจตนเอง อีกต่อไปแล้วนะ ชิเน่นายแตซูผู้เป็นพ่อเอ็ดผู้เป็นบุตรสาวเสียงแข็ง หันหลังให้ผู้เป็นบุตรีเหมือนไม่ต้องการคำคัดค้านใด ๆ
	แต่คุณพ่อสัญญาแล้วนี่คะ ว่าถ้าหนูชนะการประกวด คุณพ่อจะยอมให้หนูเรียนวิทยาลัยศิลป์ต่อไปชิเน่รีบพูดเสียงสั่น อย่างเกรงการตัดสินใจของผู้เป็นบิดา แววตาบ่งบอกถึงขอร้องผู้เป็นพ่อให้เห็นใจเธอด้วย
	นายแตซูส่ายหน้าก่อนกล่าวว่า
	พ่อมีเหตุผลนะ ชิเน่ ถ้าลูกยังทำตามใจตนเองอยู่อย่างนี้ แล้ววันข้างหน้าใครจะสืบทอดกิจการของพ่อละนายแตซูกล่าวเอาจริง ทำให้ชิเน่ถึงกับส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับฟัง
	นี่มันไม่ใช่ปัญหาเลยนะคะ หนูเรียนจบวิทยาลัยศิลป์แล้ว หนูเรียนต่อบริหารอย่างคุณพ่อก็ได้ ขอร้องละคะคุณพ่อ ขอให้หนูได้ทำในสิ่งที่หนูรักที่สุดในชีวิตเถิดนะคะชิเน่กล่าวขอร้องเสียงอ่อน 
แต่แววตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น
	จนนายแตซูท่าทีอ่อนลงไปบ้างแต่ก็ไม่ยอม ผู้เป็นมารดาเห็นดังนั้นจึงเข้าไปคุยกับสามี
	คุณคะ คุณก็ยอมให้ลูกทำในสิ่งที่รักเถิดคะ คุณน่าจะดีใจนะคะที่เห็นลูกมีเป้าหมายและทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ ดีกว่าคนอื่น ๆอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เป้าหมายในชีวิต หละลอย ไป วัน ๆผู้เป็นภรรยาอ้อนวอน 
นายแตซูมองมาที่บุตรสาวเหมือนจะชั่งใจและเดินจากไปไม่พูดสิ่งใด 
	นั่นคือสิ่งที่ชิเน่และผู้เป็นแม่รู้ดีว่า ผู้เป็นบิดาไม่ปฏิเสธในคำขอของเธอ ชิเน่กอดผู้เป็นแม่อย่างยินดี
	
	ในขณะที่ชิเน่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่นั่นเอง เยียร์ร่าห์ก็เดินเข้ามา แต่เธอไม่ทันสังเกตท่าทางของเพื่อนในขณะนี้
	ชิเน่อยู่นี่เอง ฉันตามหาตั้งนานเยียร์ร่าห์กล่าวพลางนั่งข้างเพื่อน ชิเน่รีบเปลียนสีหน้าพร้อมยิ้มให้เพื่อนรัก เยียร์ร่าห์ยังคงสังเกตเพื่อนไม่ออกอยู่ดี
	ฉันยืมสมุดเลคเชอร์ชั่วโมงที่แล้ว ฉันจดไม่ทันนะเยียร์ร่าห์กล่าวยิ้มให้เพื่อนแหย ๆ นึกรู้ว่าเพื่อนต้องรู้ว่าเธอแอบหลับในชั้นเรียนเป็นแน่ เพราะเมื่อคืนนั่งดูถ่ายทอดการแข่งขันเต้นรำของประเทศอเมริกา 
	ชิเน่ไม่ตอบ แต่รีบหยิบสมุดเล่มหนึ่ง ให้เพื่อนทันที โดยไม่ทันสังเกตว่าสมุดเล่มนั้นเป็นสมุดไดอารี่ของเธอเอง จากนั้นก็เสียงกริ่งดังขึ้นทั้งคู่จึงรีบเข้าเรียนชั่วโมงต่อไป โดยทั้งคู่ไม่รู้ว่าสมุดนั้นผิดเล่ม
	
	ตกดึกวันนั้นหลังจากที่เยียร์ร่าห์อาบน้ำเสร็จ ก็ลงมือลอกเลคเชอร์จากสมุดที่ยืมชิเน่มา 
	เฮ้อ ทำไมถึงได้ขี้เกียจอย่างนี้นะเยียร์ร่าห์บ่นกับตนเองพลางเปิดสมุด ดู แต่เมื่อเปิดอ่านก็รู้สึกว่าเนื้อหามันไม่ใช่อย่างที่ตนเองคิด นี่มันคงเป็นหนังสือไดอะรี่ของชิเน่เป็นแน่ 
	เธอจะปิดเพราะเห็นว่ามันเป็นการเสียมารยาทที่สุดที่ไปอ่านไดอะรี่ของคนอื่น อย่างนี้
	ทันใดนั้นก็มีลมพัดกระดาษสมุดเปิดไปหลายแผ่น จนถึงหน้าหนึ่ง สายตาของเยียร์ร่าห์ก็ไปหยุดที่คำพูดหนึ่งในกระดาษนั้น ซึ่งมีใจความว่า
	ฉันรู้สึกแย่ถ้าไม่สามารถเต้นรำได้อีกต่อไป เพราะงั้นโอกาสสุดท้ายของฉันในเดือนนี้ฉันต้องทำให้ดีที่สุด แม้คุณพ่อจะไม่ห้ามแล้ว แต่ฉันรู้ดีว่าท่านต้องการให้ฉันชนะ 
เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าฉันไม่ได้ทำอะไรครึ่ง ๆกลางๆเยียร์ร่าห์ตกใจกับข้อความที่ตนเองรู้ และรู้ถึงความหนักใจได้เป็นอย่างดี เธอทั้งเสียใจ และน้อยใจเพื่อนที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้ตนฟังเลย 
นี่เธอไม่สำคัญเลยหรือ ไม่นะเวลานี้เธอไม่ควรไปโกรธเพื่อนของเธอ เธอต้องหาทางช่วยเพื่อนของเธอจึงจะถูกสิ 
	ชิเน่คงรู้สึกแย่เป็นแน่หากเธอไม่สามารถเต้นรำได้อีกตลอดชีวิต 
	แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ประโยคหนึ่ง
	ใคร ๆก็บอกว่า ฉันกับเยียร์ร่าห์ คะแนนสูสีกัน ฉันรู้ดีว่าเยียร์ร่าห์ต้องทำได้ดีเหมือนทุกครั้ง ฉันอยากให้เป็นอย่างนั้นนะ เพราะฉันรู้ว่าเค้าก็หวังในการประกวดนี้ไม่น้อยไปกว่าฉัน แต่ฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากแพ้."
	เยียร์ร่าห์รับรู้ได้ถึงความหวาดหวั่นเป็นอย่างดี 
	เธอไม่เคยรู้เลยว่าชิเน่นั้น หวั่นในความพยายามของตนถึงเพียงนี้ ถ้าอนาคตเธอต้องมาแข่งขันกับเพื่อนของเธอ แม้วันข้างหน้าจะชนะหรือแพ้ เธอก็ต้องช่วยเพื่อนของเธอให้ถึงที่สุด 
	จริงสิ หากเธอไม่เข้าประกวดการแข่งขันครั้งนี้ ก็คงจะลดความหวาดหวั่นในใจชิเน่ได้แน่ แต่การแข่งขันนี้ก็สำคัญกับเธอไม่แพ้กัน ไม่   เธอต้องไม่ลังเลกับการตัดสินใจที่จะช่วยเพื่อน 
เพื่อความสุขของชิเน่อะไรที่เธอช่วยได้ เธอยินดี แม้ว่ามันต้องแลกกับความฝันที่เปรียบน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตเธอ
	คิดอย่างนั้น น้ำตาก็ไหลรินลงมาโดยไม่รู้ตัว อย่านะ อย่าร้องไห้ เพื่อเพื่อนที่รักเพียงคนเดียวต้องไม่เสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้
	
	วันนี้เป็นวันแข่งขันเต้นรำ รอบชิงชนะเลิศ เพื่อน ต่าง ๆมาร่วมใจเชียร์เยียร์ร่าห์และ ชิเน่ หากแต่วันนี้ก็ไม่เห็นวี่แวว ของเยียร์ร่าห์
	อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาลงแข่งขันแล้ว ทำไม เยียร์ร่าห์ยังไม่มาอีกละเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งร้องออกมาอย่างเป็นกังวล				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 1 คน
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเก่งกาจ