29 กรกฎาคม 2550 18:01 น.
เก่งกาจ
เจนนิสาพยายามจะไม่อยู่กับต้นน้ำสองคนจึงพยายามชวนฟ้าใสไปด้วย
คุณฟ้าใส ไม่ไปด้วยกันหรือค่ะเจนเอ่ยชวน
อ๋อ ไม่หรอกค่ะ แดดร้อน ฟ้ากลัวดำฟ้าใสเอ่ยยิ้ม ๆ
งั้นเดี๋ยวผมมานะจ๊ะ ที่รักต้นน้ำกล่าวกับฟ้าใส พร้อมหอมแก้มลาแล้วเดินขึ้นเรือ
เจนนิสา เห็นภาพนั้นได้แต่เจ็บแปลบในใจ เบือนหน้าไปอีกทางอย่างพยายามเก็บซ่อนความรู้สึก
เจนนิสาเดินตามขึ้นเรือไป พร้อมขี่เรือ ขับกระชากอย่างแรง เป็นเหตุให้ต้นน้ำ เซล้มไปข้าง ๆเธอนั่นเอง
เจนนิสาเห็นดังนั้นก็ได้แต่ยิ้ม ขำ ๆ สะใจเล็กน้อยที่ได้แกล้งเขา
ขำอะไร นี่เธอแกล้งฉันเหรอต้นน้ำยืนขึ้นพร้อม กล่าวเสียงแข็ง
ฉันขำขนาดนี้ คงไม่แกล้งเธอมั้งเจนตอบกวน ๆ
ฉันเคยอ่านบทความน่ะนะ เขาบอกว่า ผู้หญิงที่ชอบแกล้งคนอื่น โดยเฉพาะผู้ชาย แสดงว่ากำลังเรียกร้องความสนใจจากผู้ชายคนนั้นอยู่ต้นน้ำกล่าวลอย ๆ
เจนนิสาร้อนตัวเลยพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
อะไรใครเรียกร้องความสนใจจากนายกันฮ่ะ ที่ฉันแกล้งเพราะฉันอยากแกล้ง ฉันไม่ชอบนายต่างหากเล่า ผู้ชายอะไรหน้าตาก็ดี แต่หลงตัวเองชะมัดเจนกล่าวพร้อมย่นจมูกให้
ก็คนมันมีดีให้หลงนี่ ไม่งั้นคนอย่างเธอคงไม่มาบอกชอบฉันหรอกใช่ไหมต้นน้ำกล่าวพร้อมยิ้มให้เยาะนิด ๆ
เคยคิดว่าดีเว้ย แต่ตอนไม่นี้ไม่แล้วเว้ยเจนตอบอย่างไม่หนักแน่นนัก
เหรอไม่คิดแล้วเหรอต้นน้ำกล่าวอย่างไม่เชื่อ
ขณะนั้นเองเครื่องก็สะดุด แล้วดับ เนื่องจากน้ำมันหมดนั่นเอง แล้วตอนนี้เรือก็หยุดกลางทะเล
ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ฝนกำลังจะตกลงมาแล้วคาดว่าจะตกหนักเสียด้วย
อ้าว ทำไมเครื่องดับล่ะต้นน้ำถาม
น้ำมันหมดเจนตอบเสียงอ่อย
น้ำมันหมด หมดได้ไง มะพร้าวบอกว่าเติมมาเต็มถังไม่ใช่เหรอต้นน้ำแสร้งถามเหมือนไม่รู้เรื่อง
น้ำมันมันเติมมาเต็มถัง แต่ว่ามันรั่วออกหมดถังแล้วเจนตอบเสียงอ่อยอีก
แล้วมันรั่วได้ไงล่ะต้นน้ำเสียงดัง
แล้วจะเสียงดังไปทำไมล่ะเจนแหวใส่
แล้วมันรั่วได้ยังไงล่ะ ก็ตอบมาสิต้นน้ำถามย้ำ
ก็ฉันทำให้มันรั่วเองมีอะไรไหมเจนตะโกนใส่หน้า พร้อมหลบตาอย่างรู้สึกผิด
ดี ดีมาก ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว สะใจจริง ๆ เป็นไง ลอยอยู่กับเรือกลางทะเลทั้งวันทั้งคืนอย่างนี้แหละดี เดี๋ยว ยังไม่พอ นู่น นั่งตากฝนด้วยล่ะกันนะ ถ้าทางจะตกหนักด้วยสิต้นน้ำกล่าวอย่างเย้ย นิด ๆ
เจนนิสาได้แต่มองฟ้าอย่างอารมณ์เสีย ต้นน้ำได้แต่มองอย่างยิ้ม ๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก
ทางด้านมะพร้าวกับลูกปลาที่นั่งทำงานด้วยกันอยู่ห้องทำงาน
นี่นายมะพร้าว ทำไมนายต้องมาหลอกฉันด้วยว่ามันมีงานหนักงานหนา ดูสิฉันเลยไม่ได้ไปกับเพื่อนป่านนี้เพื่อนฉันไม่รู้เป็นไงบ้างลูกปลาบ่นอย่างไม่พอใจ พร้อมมองหน้ามะพร้าวอย่างหงุดหงิด
โถคุณลูกปลาครับ เพื่อนคุณออกจะบึกบึนเกินหญิงขนาดนั้น ไม่มีใครอยากทำอันตรายเพื่อนคุณหรอกครับ นั่งลงแล้วทำงานเถอะ นะมะพร้าวบอกยิ้ม ๆ
งานอะไรอีกละ ไม่เห็นมีงานอะไรเลย ได้แต่ดูเอกสาร เก่า ๆ โฮ้ย อารมณ์เสีย เกลียด จริง ๆ เลย พวกผู้ชายกะล่อนนี่ลูกปลากล่าวอย่างหงุดหงิดพร้อมเดินออกไป
ลูกปลาเดินออกไปเจอฟ้าใส ซึ่งกำลังยืนรอแฟนหนุ่มอย่างเป็นห่วงว่าทำไมไม่กลับมาเสียทีนี่ก็ฝนก็จะตกหนักแล้ว
ป่านนี้แล้ว ทำไมสองคนนั้น ยังไม่กลับมาก็ไม่รู้นะคะคุณลูกปลา โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณฟ้าใสบ่นอย่างเป็นห่วง
ค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับมา มั้งค่ะคำว่ามั้งค่ะลูกปลาพูดเบา ๆกับตนเองเหมือนรู้สถานการณ์ดีว่าทำไมทั้งคู่ถึงยังไม่กลับมา
อะไรนะค่ะฟ้าใสหันมาถาม
ลูกปลาส่ายหน้าพร้อมพูดว่า
ไม่มีอะไรค่ะ
พูดถึงโทรศัพท์นะค่ะ เบอร์ต้นน้ำก็จำย้าก ยากฟ้าใสบ่นออกมาเหมือนชวนคุย
ยากยังไงค่ะ คุณฟ้าใสลูกปลาหันมาถาม
ก็ยากนะสิค่ะ ก็เบอร์ต้น เบอร์อะไรน้ามีเลขอะไรน้า เดี๋ยวขอฟ้านึกก่อนนะค่ะ อ๋อ เบอร์ 089121031 เอ้อ เบอร์นี้ละค่ะ จำยากไหมล่ะค่ะฟ้าใสเอ่ยถามยิ้ม
ลูกปลาพยักหน้ายิ้ม ๆ
ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ ยากยังไงหรือค่ะลูกปลาถาม
ก็ไม่ยากหรอกค่ะ แต่ว่าต้นเขาใช้วันเดือนปีเกิดของแม่เขามาเป็นเบอร์โทรศัพท์น่ะค่ะ คิดแล้วก็น่าน้อยใจ เป็นแฟนกันตั้งนานสู้แม่เขาสักนิดก็ไม่ได้ฟ้าใสบ่นออกมา พร้อมมองออกไปยังทะเล
ลูกปลาพยักหน้า ทำหน้าเฉย ๆ แต่ก็นึกอะไรออก เพราะตัวเลขนั้นมันวันเดือนปีเกิดของเจนนิสาเพื่อนของเธอ เธอหันหน้าไปยังทะเล พร้อมคิดอะไรบางออกที่แท้ความจริง แล้วต้นน้ำก็ ....
ลูกปลาได้แต่มองทะเลกับฟ้าใสสลับกันรู้สึกเห็นใจฟ้าใส ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อยากจะบอกหญิงสาวเหลือเกินว่าแม่ที่ต้นน้ำหมายถึง ก็คือแม่คุณของเขานั่นเอง
ทางด้านบนเรือซึ่งตอนนี้ฝนได้เริ่มตกลงมาแล้วเริ่มตกหนักเสียด้วย ทั้งเรือก็ร่มคันสีน้ำเงินอยู่คันเดียว เจนนิสาหยิบขึ้นมา หากแต่ว่าต้นน้ำแย่งไปก่อน พร้อมกางมันออกมา มองเจนนิสาเย้ยนิด ๆ พร้อมพูดว่า
ของฉัน เธอก่อเรื่องทั้งหมด ก็รับผลการกระทำของตนเองไปละกันนะต้นน้ำกล่าวพร้อมยิ้ม
เจนนิสาได้แต่มองอย่างงอน ๆ และไม่พอใจ ได้แต่นั่งหนาวสั่นกลางฝนที่ตกกระหน่ำลงมา อย่างหนาวสั่น เจนนิสานั่งใช้แขนโอบตนเองไว้อย่างหนาวสั่น เหมือนจะต้องการคลายความหนาว หากทว่าก็ไม่ได้ผล เธอปากสั่น ต้นน้ำเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา
ยิ้ม.. ยิ้ม....อะ..ไรเจนนิสาพูดเสียงสั่น เพราะหนาวมาก
ต้นน้ำส่ายหัว แต่ก็ยังยิ้ม อยู่ เจนนิสามองอย่าง ฉุน ๆ ใช้มือตีเบา ๆ ที่แขนต้นน้ำ เธอตั้งใจจะตีแรง ๆ แต่ไม่มีแรงเพราะหนาวมาก
ต้นน้ำเห็นดังนั้น ก็เดินอ้อมไปด้านหลัง นั่งลงทางด้านหลังเจนนิสา พร้อมกอดเธอไว้จากทางด้านหลังภายใต้ร่มสีน้ำเงินนั้น ใบหน้าของเขาอยู่ข้าง ๆใบหน้าของเจนนิสา เจนนิสาลืมความหนาวไปชั่วขณะ จะขัดขืนแต่ก็ไม่มีแรง ได้แต่ยอมอยู่อย่างนั้น ทั้งคู่ไม่พูดอะไรเลย เจนนิสาได้แต่นั่งอยู่ภายในวงแขนของเขา เหมือนคลายความหนาวไปได้มากทีเดียว เจนนิสารู้สึกดีขึ้นมาก
สักพักหนึ่งฝนก็หยุดตก เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว เจนนิสาจะยืนขึ้น แต่รู้สึกวิงเวียนหน้ามืด จึงล้มลงหมดสติ สาเหตุคงเป็นเพราะตากฝนนาน ๆนั่นเอง
ต้นน้ำรับร่างหญิงสาวไว้ทัน เจนนิสาไม่ได้สติ
เธอ เธอต้นน้ำเรียก แต่เจนนิสาไม่ตอบ ยังหลับไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ต้นน้ำมองเจนนิสาด้วยแววตาอ่อนโยน พร้อมยิ้มออกมา มือปัดเส้นผมที่บังหน้าหญิงสาวออกไป จากนั้นก็นั่งลงกับพื้นเรือ พร้อมโอบเจนนิสาไว้ในวงแขนพยายามนั่งให้ไออุ่นจากร่างกายเขาส่งผ่านไปยังหญิงสาวให้มากที่สุด จากนั้นเขาก็ค่อย ๆจูบหน้าผากหญิงสาวอย่างแผ่วเบาอย่างทะนุทะนอม
เขานั่งกอดหญิงสาวอยู่นาน จนกระทั่งมะพร้าวขับเรืออีกลำมารับ เพื่อกลับไปยังเกาะตะวันรอน
ที่ห้องพักของเจนนิสา ซึ่งยังหลับไม่ได้สติอยู่นั้น เจนได้แต่ละเมอชื่อต้นน้ำออกมาเบา ๆ ลูกปลาได้ยินอย่างนั้นได้แต่ส่ายหน้าในรักซ้อน รักสามเส้านี้
เมื่อเจนเริ่มได้สติ ก็ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนเพลียเล็กน้อย แต่รู้สึกดีขึ้นมาก
ตื่นแล้วเหรอ ยัยเจนลูกปลาพูด พลางช่วยพยุงเพื่อนให้นั่งบนเตียง
อือ นี่ฉันกลับมาที่เกาะได้ยังไงเจนถามอย่างเพลียนิดนึง
นายมะพร้าวไปรับพวกเธอสองคนน่ะ แหม ระหว่างนอน ละเมอชื่อนายต้นน้ำใหญ่เลยนะ ดีนะที่แฟนเขาไม่มาได้ยินเข้าลูกปลาตำหนินิดนึง
ละเมอเหรอเจนถามอย่างตกใจ
เออนะดิ เพ้อเรียกชื่อเขาทั้งคืนลูกปลาบอก
หวังว่า ฉันคงไม่ละเมอเรียกชื่อนายต้นน้ำ เวลาอยู่กับเขาด้วยหรอกนะเจนถามเหมือนขอความเห็น
ไม่รู้ อือ ฉันให้ลูกปลาตอบ พลางยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้
อะไร เหรอ ปลาเจนถามอย่างแปลกใจ
ของขวัญ จากฉัน วันนี้วันเกิดแก จำไม่ได้หรือไงปลาบอก
เจนนิสาทำท่านึก แล้วก็ยิ้มออกมา ลูกปลามองหน้าเจนนิสา อยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ได้รู้มา
เจนลูกปลาเรียกชื่อเจน
อะไรเจนหันมามองหน้าอย่างแปลกใจ
ไม่มีอะไร แกไปอาบน้ำเถอะ จะได้ไปกินข้าวกันลูกปลาเปลี่ยนใจ แล้วเดินผละไปอีกทางตัดสินใจว่าไม่พูดเพราะเดี๋ยวจะไปสร้างความยุ่งยากให้ทั้งสามคน
เจนนิสามองตามลูกปลา พร้อมมองหนังสือที่เพื่อนสาวให้ เป็นหนังสือต้นไม้ทั่วโลก ลูกปลารู้ดีว่าเจนเป็นคนรักธรรมชาติ คงไม่มีใครรู้ใจเจนดีเท่าลูกปลาอีกแล้ว เธอหันไปมองทางด้านหลังเพื่อนแล้วยิ้มออกมาอย่างขอบคุณ
เมื่อทานข้าวเรียบร้อยแล้วเจนก็เดินไปยังที่แห่งหนึ่งบนเกาะ มันเหมือนเป็นสวนเล็ก ๆ อยู่กลางเกาะ ที่เธอตั้งใจทำมันขึ้นมา กลางสวนมีชิงช้าตัวใหญ่ตัวหนึ่ง รอบ ๆชิงช้ามีพันธุ์ไม้ที่เธอปลูกไว้อยู่หลายชนิด เธอมักมานั่งที่ชิงช้านี้ เพื่อดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้านั้น
ในขณะนั้นเองเธอก็เห็นต้นน้ำนั่งอยู่ที่ชิงช้านั้น พร้อมเล่นกีตาร์ร้องเพลงเบา ๆอยู่คนเดียว เจนนิสาได้แต่ยืนมองดูเขาอย่างต้องมนต์ ทันที่เขาเล่นเพลงจบ เขาก็หันมามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนจนเจนนิสารู้สึกได้
สวยจังต้นน้ำพูดพร้อมมองเธอ
เจนนิสาอึ้งไปเล็กน้อยที่เขาพูดอย่างนั้นออกมา
ฉันหมายถึงดวงอาทิตย์น่ะ ดวงอาทิตย์ยามอัสดงเขาพูดต่อพร้อมมองเธอ
เจนได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ้มแก้เขิน
อือ ใช่ ตั้งแต่เกิดมาฉันว่าอาทิตย์ยามอัสดง ไม่มีที่ไหนสวยเท่าที่นี่แล้วละเจนตอบยิ้ม ๆ แต่ไม่ได้มองหน้าเขา แต่เฝ้าดูดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆหรือต้นน้ำถามพร้อมมองเธออย่างมีความหมาย
แต่เจนไม่เข้าใจยังคงยิ้ม เหมือนไม่รู้ความหมายนั้นสักนิด
อือ เออฉันขอบใจเธอมากนะที่พาฉันมาส่งที่หอพัก ทั้งที่ฉันก็แกล้งเธอเจนบอกพร้อมไม่กล้าสบตาเพราะรู้สึกผิด และละอายใจที่แกล้งเขา
ไม่เป็นไรต้นน้ำบอกพลางนั่งมองดวงอาทิตย์นั้น
นี่เธอเคยคิดไหม ว่าดวงอาทิตย์ยามอัสดง ถ้าเปรียบแล้วเหมือนปากบ่อ แล้วพื้นที่เรายืนอยู่บนโลกนี่ก็เหมือนก้นบ่อ ถ้าเราสามารถหาทางเพื่อเข้าใกล้ปากบ่อนั่น เราก็จะรู้ว่าโลกที่เราใฝ่ฝันอยู่แท้จริงมันมีอยู่จริงเจนนิสากล่าวยิ้ม ๆ พร้อมมองหน้าเขา
นั่นสิ แล้วทำยังไงถึงจะไปใกล้มันได้ละต้นน้ำหันมาถามเธอพร้อมสบตา จากนั้นทั้งคู่รู้สึกเหมือนต้องมนต์อีกครั้ง ครานี้เขาค่อย ๆจะก้มลงเพื่อจุมพิตหญิงสาว หากทว่าก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
เป็นเสียงของฟ้าใสซึ่งเรียกเขาแต่ทว่ายังไม่เห็นร่างของฟ้าใส
ต้นน้ำค่ะ คุณอยู่ไหน ฟ้าใสเรียก ทันทีที่เห็นเขาเธอรีบเดินเข้าไปหาทันทีพร้อมยิ้มให้
ว่าไงจ๊ะ ที่รักต้นน้ำเน้นคำว่าที่รัก พร้อมดูปฏิกิริยาของเจนนิสา
มะพร้าวตามหาคุณอยู่น่ะค่ะ บอกว่ามีคนที่คุณไม่ปลื้มมาตามหาฟ้าใสบอกพร้อมจับมือเขาไว้มากุมเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง
เจนนิสาได้แต่เบือนหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากรับรู้ไม่อยากเห็นให้ปวดใจ
ผมว่า เราสองคนไปหามะพร้าว พร้อมแขกคนที่ว่าดีกว่านะ ไปจ๊ะ ที่รักต้นน้ำเน้นคำว่าที่รักพร้อมสังเกตท่าทีของเจนนิสาอีกครั้ง เจนนิสาได้แต่นิ่งเงียบ
คุณเจน ไปกันค่ะฟ้าใสชวนพร้อมเดินตามต้นน้ำที่เดินจูงมือนำออกไป
เจนนิสาได้แต่เดินตามมองดูทั้งคู่กระหนุงกระหนิงกันอย่างเจ็บแปลบในใจ
ทางด้านที่พัก เฮียบิ๊กพร้อมลูกสมุนอีกห้าหกคน รอต้นน้ำอย่างวางอำนาจ เฮียบิ๊กเป็นคู่อริกับต้นน้ำเพราะเขาต้องการซื้อเกาะนี่เพื่อทำเป็นรีสอร์ท แต่ต้นน้ำไม่ยอมแพ้ เขาไม่ยอมขายและไม่เกรงกลัวเฮียบิ๊กสักนิด
นึกว่าแขกที่ไหน ที่แท้ก็เฮียบิ๊กนี่เองต้นน้ำกล่าวพร้อมมองเฮียบิ๊ก
รู้ว่าเป็นเฮียก็ดีแล้ว คงรู้ต่อสินะว่าเฮียมาที่เพื่ออะไรเฮียบิ๊กกล่าว พร้อมมองต้นน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ มันดูเหมือนอยากข่มขู่ให้ต้นน้ำกลัว แต่ต้นน้ำกลับมองอย่างไม่กลัวสักนิด
รู้ แต่ยังไงผมก็ไม่ขายเกาะตะวันรอนนี้ให้เฮียบิ๊กเด็ดขาด มะพร้าวส่งแขกทีสิต้นน้ำบอกพร้อมมองหน้าเฮียบิ๊กอย่างไม่เกรงกลัว
ไอ้ต้นน้ำคิดว่าเป็นเจ้าของเกาะ แล้วจะมาเสียมารยาทกับเฮียได้นะเฮียบิ๊กเสียงแข็ง
กับคนอย่างเฮีย ผมว่าคงไม่จำเป็นต้องใช้มารยาทหรอกต้นน้ำบอกอย่างไม่เกรงกลัว
เฮียบิ๊กขุ่นเคือง และไม่พอใจมากเดินออกไปอย่างหัวเสีย
เจนนิสาได้ยินคำว่าเจ้าของเกาะ นึกรู้ทันทีว่าต้นน้ำก็คือนายหัวประจำเกาะนี้ เป็นนายจ้างเธอนั่นเอง
ต้นน้ำเหมือนจะรู้ตัวหันไปมองเจนนิสา เจนนิสาได้แต่มองต้นน้ำอย่างไม่พอใจ รู้สึกเสียใจปนกันไป เหมือนโดนหลอก เธอเดินเลี่ยงไปอีกทาง ต้นน้ำจะเดินตามแต่เกรงใจแฟนสาวที่ยืนมองเขาอยู่
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกของต้นน้ำ นั่นคือมะพร้าวกับลูกปลา
แต่ทั้งสองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
29 กรกฎาคม 2550 17:59 น.
เก่งกาจ
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเจนนิสา อายุยี่สิบแปดปี จบปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่เลือกเรียน เพราะนิสัยเป็นคนห้าว ๆ ลุย เหมือนผู้ชาย แต่ก็อ่อนไหวเหมือนผู้หญิงคนอื่น นะค่ะ แต่ไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไร หรือพูดง่าย ๆ ไม่มีความอ่อนโยนเอาเสียเลย และตอนนี้ฉันทำงานเป็นหัวหน้าดูแลคนงานอยู่ที่เกาะสัมปทานรังนกแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อว่า เกาะตะวันรอน คุณคงนึกภาพออกว่าดิฉันคงเป็นหญิงสาวรูปร่างสันทัด ผิวสองสีใช่ไหม ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ถูกต้องค่ะ แต่ว่าฉันทำงานมาสองปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นเจ้านายคนที่จ้างฉันมาเป็นหัวหน้าอยู่ที่เกาะแห่งนี้เลยสักครั้ง
สวัสดีครับ ผมชื่อ ต้นน้ำ จบปริญญาโท คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกดนตรี และจิตรกรรม มาจากต่างประเทศ ผมนิสัยเหมือนผู้หญิง คือเป็นคนอ่อนไหวง่าย และค่อนข้างอ่อนโยน เจ้าสำอาง สาว ๆมักบอกว่าผมเป็นคนมีเสน่ห์ ผมมีแฟนสาวชื่อ ฟ้าใส เราเรียนจบมาจากที่มหาลัยเดียวกัน เธอเรียบร้อย แต่ก็เป็นคนช่างพูด ขี้อ้อน เหมือนคุณหนูไฮโซทั่วไป ผมว่านิสัยเราก็เข้ากันได้ดีนะ หรือพวกคุณคิดว่าอย่างไรครับ
ขณะนี้ ผมกับแฟนสาวกำลังเดินทางไปยังเกาะสัมปทานรังนกแห่งหนึ่ง ที่มีนามว่า เกาะตะวันรอน
ขณะที่เจนนิสากำลังง่วนอยู่กับการดูแลลูกน้อง ที่กำลังขนรังนกซึ่งเป็นสินค้าส่งลงเรือขนส่งนั้น ก็มีลูกน้องชื่อมะพร้าว วิ่งมาบอกเธอพร้อมหอบก่อนอย่างรู้สึกเหนื่อยว่า
นายหญิง เพื่อนของนายหัวที่มาจากกรุงเทพที่ชื่อต้นน้ำมาถึงเกาะตะวันรอนแล้ว มะพร้าวบอกพร้อมยิ้มให้
มะพร้าว ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าให้เรียกฉันว่าหัวหน้า อย่าเรียกว่า นายหญิง เพราะฉันเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่ใช่เจ้าของเกาะนะยะเจนหันมาบ่น แต่น้ำเสียงไม่จริงจังนัก
แหม นายหญิง ไม่เป็นไรหรอก ถ้านายหัวเค้ารู้ เค้าไม่ว่าอะไรหรอก นอกจากจะดีใจน่ะมะพร้าวพูดสองแง่สองง่าม พร้อมยิ้มออกมา แต่ดูเหมือนเจนนิสาจะไม่ได้เอะใจ
อย่าทำเป็นพูดเล่นไปนะมะพร้าว ฉันเอาจริงนะ ฉันน่ะทำงานที่นี่มาหลายเดือนแล้ว ชักอยากจะเป็นเจ้าของเกาะนี่จริง ๆ เสียแล้วสิเจนนิสารับมุข พร้อมยิ้มออกมา ด้วยความเป็นคนจริงใจ สนุกสนาน และเปิดเผย อีกทั้งยังกล้าหาญ ทำให้ลูกน้องที่นี่รัก และนับถือเจนนิสา
แหมอย่างนี้ ต้องรีบไปบอกนายหัวเสียแล้ว แกจะได้ดีใจมะพร้าวพูดพร้อมยิ้มออกมา
มะพร้าว เลิกพูดเล่นได้แล้ว แล้วไหนล่ะ เพื่อนของนายหัวของเธอน่ะที่มาถึงแล้ว เขาอยู่ไหนเจนพูดเปลี่ยนเรื่องทันที
มะพร้าวเห็น ต้นน้ำกับฟ้าใส เดินเข้ามาพร้อมข้าวของที่นำมาด้วย ก็ชี้ไปที่ทั้งคู่
นู่นไงนายหญิง เดินมานู่นแล้วมะพร้าวตอบพลางชี้ให้ดู
ทันทีที่เจนนิสาเผชิญหน้ากับต้นน้ำ หน้าเธอก็เปลี่ยนสีทันที
ภาพอดีตสมัยมัธยมปลายของเจนิสาผุดขึ้นทันที ในหัวเธอ
วันนั้นเธอเดินเข้าไปหาต้นน้ำด้วยท่าทีกระสับกระส่ายอย่างที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต เธอไม่เคยวางตัวไม่ถูกขนาดนี้มาก่อนเลย
ต้นน้ำหันหน้ามา พร้อมมองเธอแล้วยิ้มให้ ในความคิดของเจนิสา คิดว่าช่างเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งนัก เธอหามานานผู้ชายที่มีบุคลิกและนิสัยเหมือนผู้หญิง นั่นคืออ่อนโยนเหมือนผู้หญิง มานานแสนนาน วันนี้เธอบอกกับตัวเองว่า ผู้ชายคนนั้นคือต้นน้ำ
เจนนิสา เบือนหน้าไปอีกทางพร้อมพยายามเก็บอาการเขินอายเอาไว้ จากนั้นเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไปว่า
ต้นน้ำ คือ... คือ... ฉัน ฉัน...ฉัน เอ่อ... ฉัน ..ฉันเจนนิสาพยายามจะพูดแต่พูดไม่ออก
อะไรหรือครับต้นน้ำพูดพร้อมยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
ฉันชอบเธอเจนนิสาพูดออกไปอย่างเสียงดัง คนรอบข้างหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน พร้อมซุบซิบนินทากันใหญ่ แต่เจนนิสาไม่สนใจ
ต้นน้ำอึ้งไปสักครู่หนึ่งพร้อมพูดออกมา หน้าตาเฉยชาอย่างที่สุด
ขอบคุณนะ แต่ฉันไปไม่ชอบผู้หญิงอย่างเธอหรอกต้นน้ำพูดน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ทำร้ายความรู้สึกและหัวใจดวงน้อย ๆของเจนนิสาเหลือเกิน
เสียงหัวเราะดังขึ้นในบริเวณรอบข้างนั้น มันเป็นเสียงหัวเราะที่ขบขันในตัวเจนนิสาที่ไม่เจียมตัว ไปหลงรักหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างต้นน้ำเข้านั่นเอง
เมื่อเจนนิสาไปที่โต๊ะซึ่งเป็นที่รวมแกงค์ลูกหมูของเธอนั่นเอง ปลาซึ่งเป็นเพื่อนเธอหันมามองเธอพร้อมแหวใส่อย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเจนิสาไปบอกชอบต้นน้ำ เพราะเสียชื่อแกงค์
เจน แก รู้ตัวหรือเปล่าทำอะไรลงไป อีเพื่อนสมองตื้นปลาด่า แต่ก็น้ำเสียงไม่จริงจัง เพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ
สมองตื้น หมายความว่าอะไรเจนนิสาไม่เข้าใจ พร้อมทำหน้างง
ก็ทำอะไรไม่คิดถึงผลเสียที่จะตามมานะสิฉันก็เรียกแกว่า สมองตื้นปลาด่า แต่ไม่จริงจัง
ฉันไปทำอะไรให้แกไม่พอใจอีกละเจนแหวใส่บ้าง
ทำอะไรนะเหรอ ก็แกไปบอกชอบไอ้นั่นนะสิปลาโต้ตอบกลับ
ไอ้นั่นไหนเจนไม่เข้าใจ
ก็ไอ้ต้นน้ำ ไอ้เทพบุตรประจำโรงเรียนนี้ แต่เป็นไอ้ห่วยประจำแกงค์ของเรานะสิปลาตอบอย่างไม่พอใจ
ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่ามันเสียหายตรงไหน แล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพวกแกโกรธฉันเพราะอะไรเจนบอกพร้อมส่ายหัว
หือเจน แกเป็นลูกพี่แกงค์เรานะเว้ย แล้วลูกพี่ไปชอบไอ้ห่วยคนหนึ่งเนี่ย ลูกน้องที่ไหนมันจะรับได้วะปลาตอบอย่างเหลืออด
ห่วย ห่วยตรงไหนปลาเจนโต้
ก็ห่วยตรงที่ มันดีแต่วาดรูป เล่นดนตรี แล้วก็ดีแต่ฟันผู้หญิงน่ะสิ หรือแกคิดว่าไม่ห่วยปลาเถียงพร้อมเท้าสะเอว
ไม่ห่วย เพราะว่าเวลาที่ฉันฟังเพลงของมันก่อนแข่งขันเทควันโด ฉันถึงได้เหรียญทองมาเจนเถียง
เจนนี่แกกล้าเถียงฉัน เพราะออกรับแทนคนอย่างมันหรือปลาโมโหเลือดขึ้นหน้า
ขอโทษเจนกล่าวเสียงอ่อยทันทีเมื่อรู้สึกตัว ปลาค่อย ๆคลายความโมโห
ดี เห็นว่ามันดีนักใช่ไหม ฉันจะบอกอะไรแกให้ ไอ้ห่วยนั่น มันเอาเรื่องแกไปโพนทะนาทั่ว
โรงเรียน ว่าแกเป็นหนึ่งในบัญชีดำมันแล้วปลาบอก
บัญชีดำอะไรเจนถามอย่างสงสัย
โหเจน แกนี่เก่งแต่ใช้กำลัง จริง ๆนะ ก็ถ้าแกขึ้นบัญชีดำมันแล้ว ก็แสดงว่าแกผ่านเรื่องอย่างว่ามากับมันแล้วนะสิปลาบอกอย่างเหลืออด พร้อมโมโหแทนเพื่อน
ไม่จริง ง่ะเจนพูด
ไม่จริง เหรอ แกก็ไม่ถามคนทั้งโรงเรียนเลยไป เฮ้ยเพราะอย่างงี้แกงค์เราต้องเสียเครดิต แถมลูกน้องในแกงค์สิบคนก็ลาออกกันไปยังไม่ทันที่ปลาจะพูดจบ เจนก็เดินออกไป ตรงไปที่ต้นน้ำที่กำลังเล่นกีตาร์พร้อมร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี
จากนั้นเธอก็ต่อยไปหนึ่งหมัด
ไอ้คนปากเสีย นิสัยห่วยเจนพูดพร้อมร้องไห้ออกมา
ต้นน้ำเช็ดเลือดที่มุมปาก พร้อมยิ้มให้เหมือนหยัน ยิ่งทำให้เจนรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
ชาตินี้ฉันจะไม่ขอพบคนอย่างแกอีกจากนั้นเจนก็วิ่งออกไป
กลับมายังปัจจุบันซึ่งเจนที่พึ่งตื่นจากภวังค์ มองหน้าต้นน้ำอย่างไม่ถูกชะตา
ผมขอแนะนำนะครับ นายหญิง นี่คุณ..มะพร้าวทำท่าจะแนะนำ
ไม่ต้องหรอกมะพร้าว รู้จักกันแล้ว สมัยเรียนมัธยมน่ะต้นน้ำกล่าว
อ๋อ รู้จักกันก็ดีแล้ว แสดงว่าเป็นเพื่อนกันใช่ไหมครับมะพร้าวถามโดยไม่สังเกตสีหน้าเจน
ก็ทำนองนั้นเจนตอบ พยายามไม่สบตาต้นน้ำเพราะเดี๋ยวจะควบคุมอารมณ์ขุ่นเคืองไม่ได้
นายหญิง เจอหน้าเพื่อนเก่าแต่ทำไม ทำหน้าเหมือนปวดท้องขี้อย่างนั้นครับมะพร้าวแซว
ก็จะไม่ให้ปวดท้องขี้ได้อย่างไรละมะพร้าว ก็หน้าเพื่อนเก่าคล้ายยาระบายออกขนาดนี้เจนเหน็บแนมต้นน้ำพร้อมยิ้มให้ซื่อ ๆ
พึ่งรู้ว่าเกาะนี้ มีลิงเห่าได้เหมือนหมาด้วยนะมะพร้าว นายว่าไหมต้นน้ำเอาคืน
ฟ้าใสแอบเอามือปิดปาก ขัน ๆ แต่รักษามารยาทไม่อยากให้เจนนิสาไม่พอใจ
นายว่าใครเป็นลิงเจนถามอย่างไม่พอใจ
แล้วเธอจะร้อนตัวไปทำไมล่ะ เอ.. หรือว่าเมื่อเช้า ส่องกระจก รู้สึกว่าตัวเองอยู่เกาะนานเกินไป หน้าชักเหมือนลิง ไปทุกทีต้นน้ำกล่าวยิ้ม ๆ ฟ้าใสหัวเราะเบา ๆ
มะพร้าว ดูแลกันเองแล้วกันนะ ฉันไปละ เห็นหน้าบางคนแล้ว..ปวดขี้เจนกล่าวพร้อมเดินไปอย่างอารมณ์เสีย
เจนนิสาเดินไปที่หอพัก ซึ่งมีลูกปลาเพื่อนสนิทของเธอนั่งทำบัญชีอยู่
ไอ้ปากหมา ปากเสีย ฉันเกลียดแกเจนนิสากล่าวพร้อมกำหมัดทุบเตียงคนเดียว ลูกปลาเห็นดังนั้นก็แปลกใจ
เจนเป็นไรไป อารมณ์เสียมาจากไหนปลาถาม
จะไม่ให้อารมณ์เสียได้ไง ก็ฉันโดนหมามันกัดมาเจนตอบอย่างฉุนจัด
หมาเหรอ หมาที่ไหน บนเกาะนี้มีหมาด้วยเหรอ แล้วแกเป็นไรมากเปล่าเนี่ยปลาเดินเข้าดูเพื่อนอย่างเป็นห่วง
ก็หมา .. ก็ไอ้ห่วยนั่นนะสิเจนตอบอย่างไม่พอใจ
ไอ้ห่วยไหนปลาถามอย่างสงสัย
ก็ไอ้ห่วยประจำแกงค์เรานะสิเจนตอบ
ฮ่ะ..ไอ้ต้นน้ำมันมาถึงนี่เลยหรือนี่ปลาตกใจทันทีที่รู้
ก็ใช่นะสิ ขนาดมาหลบอยู่มุมโลกขนาดนี้ มันยังตามมาถูกเลย ท่าทางชาติที่แล้วคงไปทำเวรทำกรรมกับมันไว้แน่เลยเจนตอบอย่างไม่พอใจ
แล้วเดินหนีมันมาทำไม ทำไมไม่ตอกกลับไปให้เจ็บแสบ ให้สมกับฉายาปากตะไกของแกปลากล่าวอย่างไม่พอใจ
ไม่รู้ เห็นหน้ามันนึกไม่ออกว่าจะด่ามันว่าอะไรเจนกล่าวเสียงอ่อย
หือเจน ที่ด่ามันไม่ออก เพราะยังรักมันนะสิปลาพูดอย่างหมันไส้
ไม่ใช่สักหน่อยเจนปฏิเสธ
อย่าเถียง ใช่ชัด ๆปลากล่าวพลางชี้หน้าเพื่อนที่พยายามจะพูดต่อ
แล้วนี่พาแฟนมาด้วยเจนกล่าวอย่างเสียใจ
โห พาแฟนมาเย้ยถึงนี่ ไอ้นี่มันน่านักปลากล่าวอย่างโมโหแทนเพื่อน
ทำไงดี ปลา ไม่อยากเจอหน้ามันเลย นี่มะพร้าวก็บอกว่ามันอยู่เป็นอาทิตย์เลยเจนบ่นออกมา
นี่เจนฉันนึกอะไรออกแล้ว ในเมื่อมันมาหาเราถึงนี่ เราก็หาทางแกล้งมันเลยสิปลากล่าวพร้อมทำหน้าอย่างมีเลศนัย
แกล้งมันเหรอ แกล้งยังไงละเจนยิ้มออกมา เหมือนเห็นด้วยกับแผนการร้ายของเพื่อนสนิท
ก็พรุ่งนี้เห็นมะพร้าวบอกว่ามันจะไปขับเรือเล่นกลางทะเลใช่ไหม แผนเราก็อย่างนี้เลยทั้งสองสาวนั่งวางแผนกันอยู่สองคนพร้อมหัวเราะอย่างสะใจ โดยหารู้ไม่ว่ามะพร้าวได้ยินแผนการทั้งหมดว่าทั้งสองจะเจาะถังน้ำมันของเรือให้น้ำมันหมด แล้วปล่อยให้ต้นน้ำลอยอยู่กลางทะเล
รุ่งเช้าของวันที่ต้นน้ำจะไปขับเรือกลางทะเลก็มาถึง
เจนนิสากับลูกปลาหัวเราะกันคิกคักอยู่สองคนโดยหารู้ไม่ว่า เวลาข้างเหตุการณ์จะไม่เป็นอย่างที่สองคนคิด
ต้นน้ำก็เดินออกมาพร้อมฟ้าใส หากแต่ว่าฟ้าใสเหมือนใส่ชุดอยู่บ้านเหมือนจะไม่ออกไปด้วย
คุณต้นน้ำครับ คือนายช่างเรือ เมื่อคืน เมาหนัก เดินไม่ดูทางตะปูตำเท้ามาขับเรื่อให้ไม่ได้ มะพร้าวกล่าว
แล้วไง มะพร้าวต้นน้ำเอ่ยถามพร้อมยิ้ม
เราก็เลยแก้ปัญหาโดยให้ คุณเจนขับเรือให้คุณแทน เพราะเธอก็ชำนาญเรื่องขับเรือแล้วก็การช่างมะพร้าวบอก
เจนนิสาทำท่าจะขัดแต่ก็ไม่ทันแล้ว ลูกปลาหาวิธีแก้อยู่เพราะไม่อยากให้ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง เพราะกลัวว่าเพื่อนของเธอจะใจอ่อน แล้วเสียใจอีกครั้ง
ไม่เป็นไรเจน เดี๋ยวฉันไปด้วยปลาออกความเห็นทำท่าจะเดินตาม
คุณลูกปลาครับ วันนี้คุณต้องช่วยผมทำบัญชี เพื่อทำเป็นเอกสารส่งไปให้ลูกค้า คุณคงไปกับคุณเจนไม่ได้แล้วละ ไป ไปกับผมมะพร้าวไม่รอให้ปลาปฏิเสธ ดึงมือเธอไปอีกทางทันที ลูกปลามองเจนนิสอย่างหมดหนทางช่วย
24 กรกฎาคม 2549 13:16 น.
เก่งกาจ
วันเสาร์ที่รอคอยก็มาถึง เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของโดม เป็นวันที่มีค่าที่สุดในความทรงจำของโดม หากวันนี้เขาต้องจากไปแต่ถ้าเขาได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะไม่มีวันเสียใจเลย
ณ สวนสาธารณะ โดมรอเค้กด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้า หากทว่า หัวใจเต็มไปด้วยความสุขที่จะได้พบเค้ก แม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตก็ตาม
หากแม้ต้องตาย แต่ใช้ลมหายใจที่เหลืออยู่กับคนที่รัก เขาก็ตื้นตันเป็นที่สุด และไม่มีห่วงอะไรอีก
ณ กลางสวนหญ้านั้นมีเปียโนตัวหนึ่งตั้งอยู่
สิบปีที่แล้วเขาตั้งใจจะมอบเทปเพลงให้เค้กด้วยมือของเขา
แต่วันนี้มือทั้งสองของเขา จะเล่นเพลงให้เค้กให้หญิงฟังเป็นครั้งสุดท้าย
เขาได้แต่หวังว่าแม้บทเพลงนี้จะเล่นเป็นครั้งสุดท้าย แต่หญิงที่เขารักจะจดจำภาพนั้นไปตลอดชีวิต
เค้กเดินมาที่ทางเข้าสวนสาธารณะ ที่ตรงนั้นมีร้านดอกไม้ขายอยู่
เธอยิ้ม แล้วเดินเข้าไปซื้อดอกไม้ให้โดม และแล้วสายตาก็ไปสะดุดที่กุหลาบแดงช่อหนึ่ง
เธอเลือกมันมาหนึ่งดอก ที่เธอคิดว่าสวยที่สุด จากนั้นก็จ่ายเงินให้คนขาย
เค้กรู้ดีว่าความรู้สึกที่แสนพิเศษนี้ ไม่ต่างอะไรจากสิบปีที่แล้ว ที่โดมนัดเธอ หากแต่ก็มีบางสิ่งขวางกั้นไว้ นั่นคือเธอประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้ชะตาเปลี่ยนไป
แต่วันนี้เธอจะระวังทุก ๆก้าวที่จะไปหาเขา เพื่อไม่ให้มีสิ่งใด มาขวางกั้นหนทางที่เธอจะไปพบเขา
เธอเดินไปทุกก้าวอย่างแสนสุขเมื่อจะได้ เจอชายที่รัก
ไม่นานเธอก็เห็นโดมยืนยิ้มมาให้เธออย่างยินดีเป็นที่สุด
ข้าง ๆกายเขามีเปียโนตัวหนึ่งตั้งอยู่
เธอยิ้มให้เขาเช่นกัน พร้อมเดินเข้าไปหาเขา จากนั้นเค้กยื่นกุหลาบแดงให้โดม
ฉันให้เค้กกล่าวขณะยื่นให้เขา พร้อมยิ้มให้เขา
กุหลาบแดงหรือเขากล่าวอย่างแปลกใจ แต่ก็รับมันมาแล้วยิ้มให้
เธอคงรู้ความหมายของมันใช่ไหมเค้กเอ่ยถาม พร้อมรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ เธอจะจดจำเวลาแห่งมีค่าระหว่างเขาและเธอ
ไม่รู้ มันหมายถึงอะไรหรือโดมส่ายหน้า พร้อมเอ่ยถามอย่างสงสัย
รักแท้ไง ฉันตั้งใจจะมอบมันให้เธอตั้งแต่วันนั้น น่าแปลกนะที่ฉันพบรักแท้ตั้งแต่อายุสิบสองเค้กบอกรักโดม เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานยิ่งนัก
ฉันมีอะไรจะให้เธอเหมือนกันโดมเอ่ยยิ้ม ๆ พลางชวนเค้กมานั่งข้าง เขา
เขาหันหน้ามาพูดกับเค้ก ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
ฉันไม่มีกุหลาบแดงให้เธอหรอกนะ จะมีก็แต่เพลงFirst love เธอยินดีที่จะรับมันไหม ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมยิ้มให้ แต่ใบหน้าของเขาช่างดูดอิดโรยจากโรคที่รุมเร้าเขาอยู่ และมันกำลังจะพรากชีวิตเขาจากโลกใบนี้ไปในไม่ช้า
เค้กพยักหน้ายิ้มรับทั้งน้ำตา เธอรู้สึกกลัวที่จะสูญเสียเขาไปในพริบตา และกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะหาเขาไม่พบ
โดมเห็นดังนั้นก็เอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลรินของหญิงสาว พร้อมจับเธอเข้ามาสวมกอดเป็นการปลอบประโลมทั้งที่ในใจก็เจ็บปวดกับความจริงที่รู้ว่าเวลาที่ของเขาเหลืออีกไม่มาก น้ำตาไหลออกมาเช่นกัน
เขาไม่อยากจากผู้หญิงคนนี้ไปเลย
เธอรู้ไหมฉันเกลียดอะไรที่สุดเค้กสะอื้นออกมาทั้ง ๆที่ยังอยู่ในอ้อมกอด
อะไรหรือโดมกล่าวเสียงสั่นเครือเช่นกัน เขาเริ่มจะควบคุมความกลัวไม่ได้ เขาไม่อยากจากเค้กไปเลยจริง ๆ
โชคชะตาไง เพราะมันทำให้ฉันสับสนว่าควรเกลียดหรือขอบคุณมันดีเค้กเอ่ยอย่างแผ่วเบา พยายามกลั้นความเสียใจไว้ ไม่อยากให้ชายคนรักเสียขวัญ
ทำไมต้องสับสนด้วยละโดมอดขันไม่ได้ กับพูดของหญิงคนรัก
มันทำให้ฉันมีความสุขโดยการให้ฉันได้พบกับเธอ แต่มันก็พรากเธอไปจากฉันหยีกล่าวทั้งน้ำตา เธอไม่สามารถหยุดความรู้สึกกลัวการสูญเสียได้อีกต่อไป
โดมเห็นดังนั้นใช้มือทั้งสองข้างจับใบหน้าของหญิงสาวเผชิญหน้า
ฟังฉันนะเค้ก มันพรากฉันไปจากเธอแค่ลมหายใจเท่านั้น แต่มันไม่สามารถพรากหัวใจรักของฉันที่มีต่อเธอไปได้โดมกล่าวทั้งน้ำตา พยายามปลอบประโลมหญิงคนรักทั้ง ๆที่ตนเองก็กลัว
แต่เขาก็บอกกับตนเองว่าแม้เขาต้องตาย แต่ได้อยู่กับคนรักแม้จะแค่หนึ่งวันเขาก็ไม่เสียใจแล้ว
ฟังเพลงของเรากันดีกว่านะโดมพยายามทำน้ำเสียงให้สดใส เพื่อไม่อยากให้หญิงคนรักลืมความเสียใจ
เค้กยิ้มรับทั้งน้ำตา
เค้กเอาศีรษะของเธอทาบวางลงไปที่ไหล่ของโดม พร้อมตั้งใจฟังบทเพลงที่เป็นสิ่งแทนใจระหว่างเธอกับเขา นึกในใจเธอนี่โง่เสียกระไรที่มัวแต่ไปเล่นเพลงนี้ให้คนอื่นฟัง โดยหารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งเฝ้ารอคอยมอบเพลงนั้นให้กับเธอเช่นกัน
ระหว่างที่โดมบรรเลงเพลงFirst love หยีก็ร้องเนื้อร้องที่เธอแต่งขึ้นมาเองตามไปด้วยทั้งน้ำตา
ที่รัก โปรดอย่ารู้สึกว่าเพลงนั้นก็แค่เพลง เพราะรักของเรามันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบทเพลง แม้มือฉันเองจะคว้าดวงดาวที่เธอปรารถนาไม่ได้ แต่มือเดียวนี้มีสิ่งมีค่ายิ่งกว่าดวงดาวนั่นคือบทเพลงแทนใจ ที่รักเมื่อใดที่บทเพลงนี้บรรเลง ลองฟังสิ เธอจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่ร่ำร้อง โอ้ที่รัก ฉันไม่เคยรู้เลยว่าการที่ได้รักใครสักคน จะมีความสุขแค่ไหน จนเมื่อได้พบเธอ รักแรกของฉัน
เค้กร้องตลอดเพลงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอพยายามร้องจนถึงท่อนสุดท้ายของเพลงทั้ง ๆที่ยังเอาใบหน้าหนุนไหล่ชายคนรักอยู่อย่างนั้น
เมื่อบทเพลงจบ โดมหยุดบรรเลง พร้อมพูดกับเค้กอย่างเล่น ๆว่า
เธอขี้โกงจังโดมกล่าวพร้อมยิ้มให้เค้กซึ่งกำลังน้ำตาเอ่อล้นอยู่
ขี้โกงยังไงหรือเธอกล่าวเสียงสั่นพร้อมเอามือปาดน้ำตา พยายามทำตนเองให้สดใสทั้งที่ยากเย็น
เวลานั้นใกล้มาถึงแล้ว โดมในเวลานี้ดูอิดโรย และอ่อนเพลียเหลือเกิน ชะตากำลังลิขิตให้เขาพรากจากเธอ
ตั้งแต่เด็กฉันเป็นฝ่ายเล่นให้เธอฟังตลอด แต่เธอไม่เคยเล่นให้ฉันฟังสักครั้งเขาพูดพร้อมยิ้มให้เธอ ยิ้มนั้นช่างดูอ่อนหวานยิ่งนักในสายตาเธอ
เค้กพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
ไม่นานเธอก็บรรเลงเพลงนั้นให้ชายคนรักฟัง
โดมเห็นดังนั้นเอาใบหน้าไปวางบนไหล่ของหญิงสาวเช่นเดียวกับที่เค้กทำเช่นกัน เขาตั้งใจบทเพลงที่หญิงสาวบรรเลงเพื่อเขา
จากนั้นโดมก็พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนว่า
เธอต้องสัญญากับฉันนะเขาพูดทั้ง ๆที่หน้ายังอยู่บนไหล่
สัญญาอะไรเค้กเอ่ยพยายามพูดให้น้ำเสียงไม่สั่นเครือ แต่ก็รู้ว่ายากเย็น
สัญญาว่าจะเล่นเพลงนี้ให้ฉันฟังทุกวัน นะเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
ในใจโดมนึกรู้ว่าเวลาคงเหลือไม่กี่นาทีข้างหน้า ชะตากำลังพลัดพรากลมหายใจของเขาไปจากเธอ
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาจะจดจำเค้กหญิงที่เขารัก และบทเพลงที่แสนมีค่านี้ไปตลอดนิรันดร์
จ๊ะสัญญา แต่เธอห้ามหลับเด็ดขาดนะเค้กกล่าวสะอื้นไห้ นึกรู้ว่าเขากำลังจะจากเธอไป
ได้ฉันไม่หลับหรอก เพลงเพราะออกอย่างนี้ฉันหลับไม่ลงหรอกเขากล่าวอย่างอิดโรย พร้อมยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้อยู่กับหญิงที่รักจนวาระสุดท้าย
เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้วจริง ๆ ลมหายใจของโดมเริ่มโรยริน เพราะโรคร้ายรุมเร้า
ไม่กี่วินาที เขาก็นิ่งไม่ไหวติง
เค้กนึกรู้ว่าวินาทีแห่งการพลัดพรากมาถึงแล้ว
โดม อย่าหลับสิ ได้ยินไหมตื่นขึ้นมานะ ฉันยังเล่นไม่จบเลยเค้กสะอื้นไห้ พร้อมสวมกอดชายคนรักไว้ ที่นอนแน่นิ่งไปนั้นพยายามจะยื้อชีวิตเขา ทั้ง ๆที่รู้ว่าทำไม่ได้
ในใจคิดว่าตอนนี้เธอเหลือเพียงแค่ร่างที่ไร้ลมหายใจ และความรักของเขาเท่านั้น
ณ สุสาน ที่ฝังร่างของโดมตามพิธีศาสนา
ทั้งเค้ก กริชและหยี ยืนไว้อาลัยให้กับโดม
ไปสู่สุขคติเถอะนะ ขอให้เราเกิดมาเป็นเพื่อนกันอีกหยีกล่าวพร้อมวางช่อดอกไม้ลงที่สุสาน
หยีมองรูปเพื่อนเป็นการอำลาการครั้งสุดท้าย
หยีหันไปมองกริช เป็นเชิงชวนกันกลับ
กลับด้วยกันไหมเค้กหยีชวนเค้ก ที่ยืนมองดูสุสานของชายหนุ่มด้วยสายตาที่เศร้าโศก
หากแต่เค้กก็ฝืนยิ้มแล้วตอบว่า
ไม่ละ ฉันต้องร้องเพลงให้เขาฟังก่อนเค้กกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส
เค้กไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วงเธอ จึงฝืนความเศร้าไว้ข้างใน
กริชกับหยีเห็นดังนั้น จึงไม่ว่าอะไรเดินจากออกไปอีกทาง
เค้กหันไปมองรูปของชายคนรักที่กำลังยิ้มมาให้เธอ น้ำตาเธอเอ่อล้นขึ้นมาอีก แต่เธอก็เงยขึ้นมองบนฟ้าเหมือนต้องการให้มันไหลกับไปส่วนลึกของหัวใจ เพื่อฝังความเศร้าโศกทั้งมวล
จากนั้นก็หันไปมองรูปของโดมอีกครั้ง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า
ฉันมาร้องเพลงให้เธอฟังตามสัญญาแล้วนะเค้กกล่าวพร้อมยิ้มให้รูปนั้น
เธอนำวิทยุที่อัดเสียงเพลงที่เล่น เปิดให้ชายคนรักฟัง แม้รู้ว่าวันนี้เขาไม่อาจอยู่เคียงข้างเธอ แต่ความรักของเขายังคงอยู่
รอฉันก่อนนะ อีกไม่นานเราคงได้พบกัน
เค้กยิ้มให้โดมนึกในใจ สักวันหนึ่งเธอจะพบกับเขาเมื่อเวลาของเธอมาถึง อีกไม่นานหรอกนะ
เธอคงได้พบกับเขา ชายคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต
ทันทีที่กริชขับรถมาถึงบ้านของหยี เขาได้เดินไปเปิดประตูให้หยี
หยีเดินลงมาจากรถ จะเข้าบ้าน โดยไม่ทันสังเกตว่ากริชมีบางอย่างจะให้เธอ
เดี๋ยวสิหยีกริชเรียกไว้ ทันทีที่เห็นหยีจะเดินเข้าบ้าน
อะไรหรือหยีเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมยิ้มให้เขา
บัดนี้กำแพงหัวใจเธอพังทลายลงแล้ว ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นความรู้สึกของเธออีกต่อไป
กริชทำท่าจะพูดบางสิ่ง หากแต่ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น
เอ่อ.. เธอยังไม่ขอบใจฉันเลยกริชแสร้งเปลี่ยนเรื่อง เริ่มกลัวที่จะพูดบางสิ่ง
อ๋อ ขอบใจนะหยีกล่าวพร้อมยิ้มออกมา
จะหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน หากแต่กริชก็เรียกเธอไว้อีก
หยีกริชเรียกเธอ พร้อมมองเธอเหมือนต้องการพูดบางอย่าง
อะไรหรือหยียังหันมามองเขาเหมือนรู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
กริชลังเลก่อนพูดออกมาว่า
เธอเคยสงสัยไหมว่าทำไมเด็กชายคนนั้นถึงไม่ยอมมอบช็อกโกแลตกับมือเธอสักทีกริชเอ่ยถามเหมือนต้องการบอกบางอย่างกับหญิงสาว เขาต้องการบอกในสิ่งที่ค้างคาใจมานาน
ไม่รู้ ทำไมเหรอหยียังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ รอบางอย่างที่เขาต้องการให้เธอ
เพราะเขากลัวนะสิหยีเขายังกังวลกลัวไปสารพัดว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจะปฏิเสธ
กลัวอะไรหยีเอ่ยอย่างสงสัย พร้อมมองเขาอย่างรอคำตอบอย่างตั้งใจ
เขากลัวว่าพอเขาให้ช็อกโกแลตกับมือเธอแล้ว เธอจะไม่ต้องการมันนะสิเขาเผยความกลัวในใจที่อัดอั้นมาสิบปี บัดนี้เขามีความกล้าที่จะให้มันแก่เธอ
รอแต่ว่าหยีจะต้องการมันไหม
ถ้าฉันบอกว่าฉันต้องการ เขาจะกล้าให้มันไหมล่ะหยีกล่าวอย่างมีความหมายซ่อนอยู่ เธอต้องการให้ชายคนรักมีความกล้าเสียที
คำตอบของหยีทำให้กริชยิ้มออกมาอย่างยินดี ชายหนุ่มหยิบช็อกโกแลตที่ซ่อนไว้ข้างหลัง
ฉันให้เขากล่าวพร้อมยิ้มให้หญิงสาวด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข หยีก็เช่นกัน
ขอบใจจ๊ะ กินเลยนะหยีรับช็อกโกแลตมา แล้วเปิดกล่องออก หยิบช็อกอันหนึ่งขึ้นทาน
เธอยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อทานมัน
อื้อ เป็นช็อกโกแลตที่หวานและอร่อยที่สุด อย่างนี้ต้องให้รางวัลหญิงสาวเอ่ยยิ้ม ๆ เหมือนมีแผนในใจ
จากนั้นเธอก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม จากนั้นก็หอมแก้มชายหนุ่มฟอดใหญ่
กริชตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนยิ้มออกมาอย่างยินดีกับจูบนั้น
เขายิ้มให้เธอ พร้อมยื่นหน้าไปใกล้หญิงสาวจากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่เป็นการเอาคืน
หยียิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวานที่สุดในความคิดของกริช
กริชมองหยีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
ให้รางวัลแค่นี้ไม่พอหรอกเขาพูดด้วยท่าทางขึงขัง ก่อนมองหญิงสาวเป็นเชิงอ้อน ๆ
ไม่พอหรือ งั้นจะเล่นเพลงFirst Loveให้ฟังเอาไหมหยีเอ่ยเหมือนรู้ทัน
เท่านั้นเองชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี
ดี เล่นให้ฟัง....ตลอดชีวิตเลยนะกริชกล่าวอย่างจริงจัง พร้อมหยีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายเหมือนมองสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต
ได้ เล่นให้เธอฟัง .....ตลอดชีวิตของฉันเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงและร้อยยิ้มที่อ่อนหวานที่สุด เหมือนสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดชีวิต
จากนั้นทั้งคู่ก็จูงมือเข้าไปในบ้าน ไม่นานบทเพลงรักก็บรรเลงขึ้น
ทั้งคู่บอกกับตนเองว่าจะไม่ยอมให้เพลงแห่งรักในใจสิ้นสุดลง สัญญาด้วยหัวใจของเราสองคน....
จบ
24 กรกฎาคม 2549 13:15 น.
เก่งกาจ
วันที่หมอนัดที่จะบอกผลเอกซ์เรย์ก็มาถึง วันที่ชี้ชะตาของโดมว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร
ในห้องพิเศษที่โดมรออยู่ พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกว่า
เดี๋ยวคุณโดมตามดิฉันไปที่ห้องคุณหมอนะคะพยาบาลคนนั้นกล่าวและยิ้มอย่างสุภาพ
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกห้องพิเศษไป แล้วตรงไปที่ห้องของหมอ
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงห้องของหมอ
โดมรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กลัวตนจะเป็นอะไรไป
หากทว่าก็พยายามไม่คิดอะไรมาก
คุณโดมนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะพยาบาลเอ่ยพร้อมเดินจากไปอีกทาง
ในระหว่างที่นั่งรอนั่นเอง โดมก็เห็นใครคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องหมอ
ห้องนั้นเป็นห้องของหมอทางประสาทและสมอง ห้องเดียวกับที่โดมกำลังรออยู่นั่นเอง
ใครคนหนึ่งที่โดมเห็นคือเค้กนั่นเอง ชายหนุ่มแปลกใจว่าทำไมเค้กจึงมาในสถานที่นี้
แต่ก็มีเสียงใครคนหนึ่งขัดขึ้น
คุณโดมค่ะ ไปกันเถอะค่ะพยาบาลคนเดิมมาเรียกโดมเข้าห้องของหมอเพื่อฟังผล
ครับ เอ่อ..คุณพยาบาลครับ คุณคนนั้นเขามาหาหมอทำไมโดมหันไปถามอย่างสงสัย เขาสงสัยว่าเค้กมาหาหมอทางประสาทและสมองเพราะอะไร
คุณเป็นเพื่อนคุณเค้กหรือค่ะพยาบาลเอ่ยถามยิ้ม ๆ
ครับ เธอเป็นอะไรหรือครับโดมพยักหน้า และรอฟังคำตอบเช่นกัน
คือคุณเค้กเธอประสบอุบัติเหตุจากรถชนเมื่อสิบปีก่อน จนสูญเสียความทรงจำ แต่ว่า...พยาบาลหยุดไปนิดหนึ่งเพราะโดมถามแทรกขึ้นอย่างร้อนรน
แต่ว่าอะไรหรือครับโดมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นที่สุด
แต่ว่าเธอพึ่งได้รับความทรงจำกลับคืนมาเมื่อไม่นานมานี้พยาบาลเอ่ยต่อไปเรื่อย ๆ
หากทว่าความจริงที่ได้รับรู้ มันทำให้เขารู้สึกผิดมากที่รู้สึกโกรธเคืองเค้ก ทั้ง ๆที่เค้กไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกของเขา ทั้ง ๆที่เค้กพยายามรักษาสัญญา
เขามันบ้าที่ไม่รับฟังคำอธิบายของหญิงสาว
ภาพในวัยเด็กผุดขึ้นในความทรงจำ มันเป็นตอนที่โดมเดินออกมาจากสวนสาธารณะแล้วมีคนมุงอยู่
เขานึกออกแล้ว คงจะเป็นตอนนั้น ตอนที่เขาไม่ได้หันหลังกลับไปดูว่าคนมุงอะไรกัน
หากวันนั้นเขาหันกลับไป เขาคงจะได้รู้ว่าเค้กไม่เคยผิดสัญญา
หากเขารู้ว่าวันนั้นเธอเจ็บตัว เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไป
หากทว่ามีเสียงหนึ่งทำให้เขาตื่นจากภวังค์
ไปหาคุณหมอกันเถิดค่ะ พยาบาลคนเดิมเอ่ยชวนอย่างสุภาพ พร้อมเดินนำโดมเข้าไป
โดมเดินตามเข้าไป ในใจคิดอยากจะปรับความเข้าใจกับเค้ก หากแต่ทว่าก็ยังทำไม่ได้เพราะตนยังไม่แน่ใจบางอย่าง ไม่แน่ใจว่าชีวิตของตนจะเป็นอย่างไร
เมื่อโดมเข้าไปที่ห้องหมอ
หมอก็ฉายภาพเอ็กซ์เรย์ ให้โดมดู พร้อมบอกสิ่งที่ทำให้เขาทั้งช็อกและเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
จากผลการเอกซ์เรย์ เราพบเนื้อร้ายที่สมองหมอค่อย ๆบอกเหมือนพยายามไม่ให้คนไข้ตกใจ
แต่ไม่ได้ผล เพราะยังไงโดมก็รู้สึกเหมือนโดนตบหัวอย่างรุนแรง อยู่ดี
คุณหมอหมายถึง มะเร็งอย่างนั้นหรือครับโดมค่อย ๆเอ่ย ๆช้า ชัด ๆ น้ำตาเริ่มไหลริน
กลัวคำตอบที่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่าคืออะไร
มันลามไปทั่วสมองอย่างรวดเร็ว จนเราหมดความสามารถหมอเอ่ย ตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่อยากให้คนไข้เสียขวัญ
คุณหมอกำลังจะบอกว่า ผมเหลือชีวิตอยู่อีกไม่นานหรือครับโดมไม่ยอมสบตาหมอ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน
เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังถล่มทลาย สิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตเขากำลังจะมาถึง แต่เขากลับไม่มีหนทางแม้แต่จะต่อสู้ ไม่มีแม้กระทั่งเวลา
ไม่จริงเขามี เขาต้องมีเวลา เขายังไม่ได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเลย เขายังไม่ได้เอ่ยขอโทษเค้กเลย
ผมเสียใจหมอเอ่ยอย่างแผ่วเบา ไม่ตอบคำถามใด ๆทั้งสิ้น
ผมเหลือเวลาอีกนานเท่าไรโดมเอ่ยถามพร้อมจ้องหมออย่างรอฟังคำตอบ
ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หมอมองเขาด้วยสายตาที่รู้สึกผิด ที่ช่วยคนไข้ไม่ได้ หากทว่าก็ข่มความรู้สึกนั้นเพราะพยายามเต็มที่แล้ว
โดมได้ฟังดังนั้นลุกขึ้นออกจากห้องหมอไปทันที
เขาวิ่งไปเรื่อย ๆ เหมือนต้องการไปที่จุดหมายที่ใดที่หนึ่ง ที่ที่เขามีเค้กอยู่นั่นเอง
ในระหว่างที่โดมกำลังวิ่งลงบันไดหนีไฟนั้น
ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ออกมาจากลิฟท์ หากแต่พวกเขาก็ไม่เห็นโดมที่วิ่งลงบันได้ไป ทั้ง ๆที่เหนื่อย อ่อน
ไม่นานทั้งเค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ ก็มาถึงห้องโดม หากทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของโดม
ขณะนั้นเองก็มีพยาบาลคนที่พาโดมไปห้องของหมอ เข้ามาที่ห้องพิเศษ
คุณพยาบาลคะ คนไข้ที่อยู่ห้องนี้ไปไหนค่ะเค้กเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อไม่เห็นโดม กลัวเขาจะเป็นอะไรไป
อ๋อ.. ไปพบคุณหมอ เพื่อฟังผลเอกซ์เรย์น่ะค่ะพยาบาลตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ทันที่ทุกคนได้ยินก็ตรงไปที่ห้องของหมอทันที ระหว่างทางทุกคนเดินไปด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงโดมเป็นที่สุด
ไม่นานก็ถึงห้องหมอ
อาหมอเค้กเรียกหมอคนที่เธอมารักษาอยู่บ่อย ๆครั้ง ที่ยังไม่ได้รับความทรงจำคืน
อ้าวเค้ก มีอะไรหรือหมอคนนั้นเรียกเธออย่างรู้จักคุ้นเคยเพราะเป็นคนไข้ประจำ
เพื่อนหนูคนที่มาฟังผลเอกซ์เรย์ เขาเป็นไงบ้างค่ะเค้กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ห่วงอาทรเป็นที่สุด
แต่หมอกลับเงียบ ไม่เอ่ยสิ่งใด เค้กเริ่มกลัวคำตอบ ในใจเต้นไม่เป็นส่ำ
หมอเสียใจหมอเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ทุกคนรวมทั้งกริช หยี เจ๊กุ๊ก ได๋ โดยเฉพาะเค้กตกตะลึงกับคำตอบที่ได้รับ
น้ำตาเค้กเอ่อล้นดวงตา แล้วไหลรินออกมา เธอถามทั้งน้ำตาว่า
เสียใจอะไรค่ะ! ทำไมอาหมอต้องเสียใจ!เธอเสียงดังอย่างควบคุมความรู้สึกไม่ได้ สะอื้นไห้ออกมาอย่างอดกลั้น
คนไข้เป็นมะเร็งสมอง ระยะสุดท้าย เรารู้ช้าเกินไปหมอเอ่ยอย่างแผ่วเบา เขาไม่อยากตอบเพราะไม่อยากให้เค้กเสียใจ หากทว่าก็ต้องทำ เพราะมันเป็นความจริงที่ทุกคนต้องรับรู้
ไม่จริง! ไม่จริง!เค้กหลอกตัวเองสะอื้นไห้อย่างนั้น
เค้กทำใจดี ไว้นะกริชปลอบประโลมพร้อมตบบ่าอย่างเบา ๆ
แล้วตอนนี้โดมอยู่ที่ไหนค่ะเค้กไม่สนใจ เธอถามถึงชายคนที่เธอรักด้วยความเป็นห่วง
เขาวิ่งออกไปเมื่อกี้ ไม่ได้กลับไปที่ห้องหรือหมอตอบอย่างแปลกใจ นึกรู้ทันทีว่าโดมหนีออกจากโรงพยาบาล
เค้กไม่รอช้าเธอวิ่งไปที่ห้องพิเศษ อย่างเร็วที่สุดในชีวิต เธอต้องการพบโดมเป็นที่สุด
เธอต้องการปลอบเขา ทั้งที่ตนเองก็ต้องเผชิญความจริงที่แสนเจ็บปวดกับเขา
ไม่นานเธอก็มาถึงห้องพิเศษ แต่ก็ไม่พบใคร
โดมหนีไปแล้วแน่เลย เราต้องตามหาเขานะเค้กหันไปพูดกับกริชด้วยน้ำเสียงร้อนรน และเป็นห่วงโดม กลัวโดมจะทำอะไรโง่ ๆ
จากนั้นทุกคน เค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ ก็ออกตามหาโดม
พวกเขาไปที่บ้านของโดม แต่ทว่าก็ไร้เงาของโดม เค้กสิ้นหวัง ไม่รู้จะไปหาชายหนุ่มได้ที่ไหน
ทางด้านเจ๊กุ๊ก ที่ออกตามหาโดมที่ชมรมละคร เพราะคิดว่าโดมคงอยู่ เมื่อไม่เจอ ก็เป็นห่วงแต่ก็รู้สึกกลัวว่าถ้าไม่มีโดมตนก็จะต้องตกวิชาโปรเจค
ทำไงดีไอ้ได๋ พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแสดงอยู่แล้ว ถ้าไอ้โดมมันไม่มา เราไม่ผ่านวิชาโปรเจคแน่เจ๊กุ๊กเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวลกับเรื่องของตนเอง จนได๋อดเคืองนิดหนึ่งไม่ได้
หือ..เจ๊ นี่เจ๊ไม่เป็นห่วงไอ้โดมมันเลยเหรอได๋หันไปถามอย่างหงุดหงินในความไม่เข้าเรื่องของเจ๊ได๋
ห่วงสิ แต่ฉันก็ไม่อยากตกวิชาโปรเจคอีกนะเจ๊กุ๊กหันไประเบิดอารมณ์อย่างอดกลั้น
ได๋ได้ยินดังนั้น อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นทันที
แล้วไงล่ะเจ๊ อย่างน้อย เจ๊ก็เรียนใหม่ปีหน้าก็ได้ แต่ไอ้โดมนี่สิมันไม่มีแม้แต่วันพรุ่งนี้ ถ้าผมรู้ว่าเจ๊เป็นคนยังงี้ ผมยอมตกวิชาโปรเจค ดีกว่าต้องร่วมงานกับคนแล้งน้ำใจอย่างเจ๊ได๋ตวาดใส่เจ๊ได๋เป็นครั้งแรก พร้อมเดินผละไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งให้เจ๊ได๋อึ้งสนิทอยู่ตรงนั้น
วันที่แสดงละครก็มาถึง หากทว่าก็ยังไร้เงาของโดม ทั้งกริช หยี โดยเฉพาะเค้กเป็นห่วงมาก เธอไม่มีแม้แต่กระจิตกระใจจะทำอะไร
แต่ก็ต้องรับผิดชอบกับหน้าที่ของตนคือ ต้องช่วยเจ๊กุ๊กทำโปรเจคนี้ คือแสดงละครให้เสร็จสิ้น
เจ๊กุ๊กเรียกประชุมกริช หยีและเค้ก เพื่อบอกถึงตอนจบของเรื่องว่าทุกคนควรเล่นอย่างไร
เอาไงล่ะเจ๊ ไม่มีไอ้โดมแล้ว เจ๊เขียนตอนจบไว้ว่ายังไงได๋เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ หลังจากที่หายเคืองในความแล้งน้ำใจของเจ๊กุ๊ก
เจ๊กุ๊กหันไปทางหยี กริชและเค้ก พร้อมพูด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
ตอนจบของละคร มันขึ้นอยู่กับพวกเธอ ว่าต้องการให้มันจบ แบบไหน แต่ไม่ว่าพวกเธอจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่เธอเลือกเจ๊กุ๊กเอ่ยออกมา ยิ้มให้กับทุกคน
เจ๊กุ๊กคิดในใจว่า มันคงเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะตอบแทนทุกคน คือกริชหยี เค้ก หรือแม้แต่โดมที่มาช่วยละครของเธอ เธอเข้าใจดีแล้วว่ามิตรภาพสำคัญกว่าความสำเร็จ
ทั้งกริช หยี และเค้กต่างมองหน้ากัน ว่าจะเลือกให้ตอนจบเป็นแบบไหนดี เพราะทุกคนคิดว่าตอนจบของละครมันสำคัญกับตนมาก เพราะมันมันไม่ได้แค่เป็นละคร หากแต่เป็นสิ่งที่เลือกจากเสียงข้างในหัวใจที่มันเรียกร้อง มันคือชีวิตจริง
เจ๊กุ๊กเองก็ต้องการให้ทั้งสี่คนตัดสินว่าจะเลือกที่จะให้ชีวิตรักตนเป็นแบบไหนโดยใช่ละครเป็นสะพานเชื่อม
เมื่อผ้าม่านเปิดออก ทุกคนปรบมือเสียงดังด้วยความยินดี
ละครเริ่มต้น ตั้งแต่กริชพบเจอกับเค้กที่เล่นเปียโน จนทำให้เขาหลงรัก เพราะเขาคิดว่าเค้กเป็นคนแต่งเพลง First love หากทว่าวันหนึ่ง เขาก็พบว่ารักหยี เพราะเขารู้ความจริงจากเค้ก ว่าหยีเป็นคนแต่งเพลงนี้
แต่หยีก็ปฏิเสธความรักของเขา พร้อมบอกกับกริชว่าความจริงแล้วเพลงFirst love จริง ๆแล้วเป็นของเค้ก เพราะมีชายคนหนึ่งที่รักเค้กต้องการแต่งมันเพื่อเป็นสิ่งแทนใจให้กับเธอ
ฉากนี้เป็นฉากที่กริชตัดสินที่จะพูดความในใจ และสิ่งที่เขาต้องการเลือกให้กับตนเองจริง ๆ ไม่ใช่แค่ละคร
เดี๋ยวสิ หยีกริชซึ่งตอนนี้แสดงละคร อยู่จับมือหยีเอาไว้เหมือนต้องการพูดบางสิ่ง
หยีหันกลับมาเผชิญหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า
ฉันคิดว่าเราไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกแล้วหยีเอ่ยไม่กล้าสบตา สร้างกำแพงในหัวใจเช่นเคย
ฉันรักเธอหยีเขาโผล่งออกมาไม่สนใจท่าทีของหญิงสาว สายตาที่มองเต็มไปด้วยความหมายตามที่พูด น้ำเสียงก็อ่อนหวานยิ่งนัก คนดูที่อยู่ในห้องประชุมต่างคิดว่านี่คือละคร หากแต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
เธอรักฉัน ทั้งที่รู้ว่าฉันไม่ได้แต่งเพลง First love อย่างนั้นหรือหยีเอ่ยทั้งน้ำตา หากแต่ไม่ยอมแพ้เสียงข้างในหัวใจตนเอง
ฉันไม่สนใจว่าเธอจะแต่งเพลงนั้นหรือเปล่า ฉันรู้แต่ว่า ..ฉันรักเธอกริชเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเป็นที่สุด เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยมือนี้ไป
แต่เส้นทางนี้ ฉันเลือกที่จะเดินคนเดียวหยีไม่ยอมแพ้ เธอต้องขัดขวางไม่ให้เขาและเธอทำเรื่องที่ผิดต่อเค้ก
เส้นทางชีวิตคนอาจจะต้องเดินหน้า หรือถอยหลังเพื่อหาสิ่งที่ตนต้องการ แต่ไม่ว่าเลือกเส้นทางไหน พวกเขาจะพบรักแท้ที่เฝ้ารอมาตลอดจนได้ เวลานี้ฉันคิดว่าฉันเดินมาไกล เกินกว่าจะหันหลังกลับได้ เพราะมีสิ่งหนึ่งเหนี่ยวรั้งฉันไว้ นั่นคือเธอนะหยีกริชเอ่ยทุกประโยคทุกคำพูดอย่างชัดเจนและหนักแน่นในความต้องการของตนเอง
หยียิ้มรับทำพูดทุกคำของกริชทั้งน้ำตา เธออยากจะรักเขาให้เต็มหัวใจ หากทว่าก็ทำไม่ได้เพราะมีเค้กอยู่
แต่เธอมีเค้กนะหยีเอ่ยเบา ๆทั้งน้ำตา เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับการวิ่งหนีความรัก มันทรมานเสียกระไร
ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาอีกด้านหนึ่งของฉากขัดการสนทนาของทั้งคู่
แต่ฉันไม่ได้รักกริชอีกต่อไปแล้วเค้กเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมเดินเข้ามาหาหยีแล้วจับมือด้วยท่าทางเป็นมิตร
ทำไมล่ะเค้ก เธอไม่จำเป็นต้องเสียสละหยีขอร้องเค้กไม่ให้ทำเพื่อตนขนาดนี้ก็ได้มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิด
ฉันไม่ได้เสียสละหยี เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉันรักกริช แต่เมื่อวันหนึ่งความทรงจำของฉันกลับมา ฉันถึงรู้ว่าฉันมีใครคนหนึ่งอยู่ในใจอยู่แล้วเค้กเอ่ย พร้อมยิ้มเศร้า ๆ เมื่อนึกถึงโดมขึ้นมา
แต่ก็มีเสียงคนหนึ่งขัดขึ้นจากทางด้านหลังของเค้ก หยี และกริชเห็นดังนั้นก็ยินดี
เขาคือโดมนั่นเอง
เค้าเป็นใครหรือ เค้กโดมกล่าวออกมาพร้อมยิ้มให้กับเค้กอยู่ทางด้านหลัง เค้กหันไปเผชิญหน้ากับเขา
โดม เค้กเรียกชื่อโดม มองหน้าเขาทั้งน้ำตาอย่างดีใจที่เขาไม่เป็นไร
เค้กโผกอดชายคนรักอย่างยินดี กระชับวงแขนนั้นแน่นขึ้นเหมือนไม่อยากให้เขาไปไหน
เธอไม่เป็นไรนะเค้กผละออก แล้วถามอย่างเป็นห่วง
โดมส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
เธอยังไม่ตอบเลย ว่าเธอมีใครอยู่ในใจเขาเอ่ยถามพร้อมยิ้มให้เธอ ทั้งที่ใบหน้าอิดโรย
ก็เธอไงเค้กเอ่ยทั้งน้ำตา พร้อมโผกอดเขาด้วยความยินดี
เธอยอมรับคำขอโทษจากฉันแล้วหรือโดมเค้กเอ่ยถามแทน เมื่อเห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไป ไม่เฉยชาเหมือนแต่ก่อน
เธอไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ ขอบใจนะที่วันนั้นเธอไปตามสัญญาโดมเอ่ยอย่างแผ่วเบา พร้อมก้มหัวให้นิดหนึ่งอย่างรู้สึกผิด
เธอรู้แล้วหรือเค้กเอ่ยถามอย่างสงสัย
โดมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ พร้อมยิ้มให้
แต่ว่าเธอยังติดค้างฉันอยู่นะโดมเอ่ยพร้อมยิ้มให้เค้ก ในความคิดโดมรอยยิ้มนั้นเศร้ายิ่งนัก หากแต่เขาก็พยายามฝืนหญิงเพื่อหญิงที่เขารัก
อะไรเค้กเอ่ยถามทั้งน้ำตา เธอรู้สึกตื้นตัน และยินดีที่เขาให้อภัยเธอ
เธอยังไม่ได้มารับเทปเพลงนั้นด้วยมือของเธอโดมกล่าวอย่างอ่อนหวาน เหมือนชายที่ต้องการแสดงความรักกับคนรัก เขาเอามือเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมา
ได้สิ เจอกันที่เดิมนะเค้กเอ่ยยิ้มทั้งน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข
สถานที่เค้กหมายถึง หมายถึงสวนสาธารณะที่โดมเคยนัดไว้เมื่อสิบปีก่อน
เธอยังอยากจะได้ยินเพลงนั้นอยู่หรือเปล่าโดมเอ่ยถาม พร้อมมองเค้กด้วยสายตาที่มีความหมาย
เขาคิดในใจว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก เขาต้องการทำอะไรให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย
อยากสิ อยากที่สุดเค้กพยักหน้าพร้อมยิ้มรับทั้งน้ำตา
จากนั้นโดมก็กอดเค้กมาปลอบประโลม ทั้งที่น้ำตาตนเองก็ไหลรินกับความจริงที่ต้องจากเค้กไปอย่างไม่มีวันพบเจอกันได้อีก
กริชกับเค้กก็สวมกอดกันด้วยความรัก ที่มีต่อกัน กำแพงในหัวใจของทุกคนถูกทำลายลง ด้วยความรัก
ผ้าม่านปิดลง ทุกคนในห้องประชุม ปรบมือเสียงดังสนั่นกับบทสรุปของตัวละครทั้งสี่คน
แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังฉากละครนั้นจะมาจากความรักความเศร้าของตัวละครที่แสดงอย่างแท้จริง
24 กรกฎาคม 2549 13:14 น.
เก่งกาจ
อะไรนะ จะเอาไอ้โดมมาเล่นละครเนี่ยนะได๋เอ่ยอย่างตกใจพร้อมทำสีหน้าหนักใจแทนเจ๊กุ๊กที่ต้องมีภาระหนักที่ต้องรับมือกับโดม
อือเจ๊กุ๊กกล่าวยิ้ม ๆ
เจ๊กุ๊ก เจ๊รู้หรือแกล้งไม่รู้ ไอ้โดมมันไม่ยอมหรอก จะบอกอะไรให้นะ ฉุดช้างขึ้นบันได ยังง่ายกว่าชวนไอ้โดมมาเล่นละครให้เราเสียอีกได๋แย้งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ต่อให้ยากกว่าฉุดช้างทั้งโขลงขึ้นบันได ฉันก็ต้องเอาไอ้โดมมาเล่นละครกับเราให้ได้เจ๊กุ๊กเอ่ยด้วยสีหน้าที่มาดมั่นว่าตนต้องทำได้
ว่าแล้วทั้งคู่ออกจากหลังฉากแล้วเดินไปหาโดมที่ไปสงบสติอารมณ์อยู่ที่ด้านหนึ่งของหอประชุม
ในขณะที่เขากำลังนึกถึงเค้ก
เจ๊กุ๊กกับได๋ซึ่งเดินตามหาทั่วหอประชุม และห้องชมรมเมื่อเห็นโดมทั้งคู่ก็ดีใจ เดินเข้าไปหาโดม
หวัดดี โดมเจ๊กุ๊ก แกล้งทักทาย พร้อมยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั้นแฝงเลศนัย
อ้าวเจ๊กุ๊ก เฮียได๋ มีอะไรหรือโดมเอ่ยอย่างแปลกใจที่ทั้งสอง จู่ ๆก็เข้ามา
คือเจ๊กุ๊กเค้ามีเรื่องอยากปรึกษาแกน่ะได๋เอ่ยกับโดมพร้อมยิ้มอย่างมีแผนการเช่นกัน
ปรึกษาผมนี่นะโดมอุทานเหมือนไม่อยากเชื่อ เพราะเขาคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีความสามารถพอที่ทั้งคู่จะพึ่งได้
คือเจ๊มีอะไรอยากขออะไรโดมอย่างน่ะเจ๊กุ๊กกล่าวพร้อมไปนั่ง ใกล้ ๆชายหนุ่ม
ขออะไรเจ๊ หวังว่าไม่ใช่ตัวผมหรอกนะโดมอดแหย่เจ๊กุ๊กตามนิสัยอารมณ์ดีไม่ได้
ฮึ้ย..ไม่เอาหรอกให้ฟรี ๆ ยังไม่อยากเอาเลย คือเจ๊อยากให้โดมมาเล่นละครให้เจ๊หน่อยได้ไหมเจ๊กุ๊กกล่าวประโยคท้ายอย่างอ้อนวอน พร้อมเขย่าตัวโดมให้ยอมรับข้อเสนอ
ไม่! ต่อให้นรกเย็นเป็นน้ำแข็งผมก็ไม่ยอมเล่นเด็ดขาด!โดมได้ยินดังนั้นปฏิเสธเสียงแข็งทันที เจ๊กุ๊กหน้าเสีย เปลี่ยนอารมณ์ทันที จากที่ยิ้มให้โดม ตอนนี้สีหน้าดุดันเอาจริงเอาจังแล้วพูดกับโดมว่า
แต่แกต้องเล่น! ต่อให้นรกเย็นเป็นน้ำแข็งยังไง แกก็ต้องเล่น! เพราะถ้าแกไม่เล่นฉัน...จะเอาแกออกจากกลุ่มโปรเจคของฉันเจ๊กุ๊กเอ่ยประโยคสุดท้ายเหมือนต้องการหาข้อมาขู่ให้โดมกลัวแต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ออก ก็ออกสิ ผมทำโปรเจคปีหน้าก็ได้โดมกล่าวอย่างไม่สนใจ พร้อมยักไหล่
แกต้องเล่นละครให้ฉันเพราะถ้าแกไม่เล่น นอกจากฉันจะให้แกออกแล้วไอ้หยีต้องออกด้วยเจ๊กุ๊กกล่าวเหมือนตนมีไพ่เหนือกว่าในมือ
เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับไอ้หยีเลยนะพี่!โดมกล่าวอย่างมีอารมณ์เคืองในความเอาแต่ใจของเจ๊กุ๊ก
เกี่ยวสิ เพราะไอ้หยีมันเป็นเพื่อนรักแก แกน่ะมีข้อเสียมากมาย แต่มีข้อดีอยู่อย่างคือแกรักเพื่อน หวังว่าแกยังจะรักษาข้อดีของแกต่อไปนะเจ๊กุ๊กกล่าวยิ้มอย่างมีชัยที่ทำให้โดมเริ่มยอมรับข้อเสนอตนได้บ้าง
คิดให้ดีละ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย ฉันให้เวลาแกคิดห้าวินาทีเจ๊กุ๊กเอ่ยข้อเสนอที่ไม่มีทางเลือกให้กับโดม
หนึ่ง สอง สาม สี......สี่ครึ่ง......เจ๊กุ๊กจะนับถึงห้า แต่โดมขัดขึ้นมาก่อน
ก็ได้ ก็ได้ พอใจหรือยัง!โดมกล่าวอย่างเสียไม่ได้ เขารู้สึกเคืองมากที่โดนบังคับจิตใจอย่างนี้เดินผละไปอีกทาง
เจ๊กุ๊ก เจ๊ไม่คิดว่าทำเกินไปหรือ บังคับจิตใจมันขนาดนั้นได๋หันไปพูด นึกเห็นใจโดมที่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
เฉยเถิดน่ะไอ้ได๋! แกก็เลือกเอาละกันว่าจะเห็นใจไอ้โดม หรือจะเอาเอวิชาโปรเจคนี้ ฉันน่ะอยากผ่านวิชาบ้า ๆนี้เต็มทนแล้วนะแก!เจ๊ได๋กล่าวอย่างหงุดหงิดพลางเดินไปอีกทางอย่างเสียอารมณ์เช่นกัน นึกเครียดถ้าโปรเจคไม่ผ่านต้องเรียนซ้ำอีกปี
ที่ห้องชมรมละคร เจ๊กุ๊กได้นัดนักแสดงทุกคนคือ กริช เค้ก หยี และโดมมาซ้อมบทละคร
เจ๊กุ๊กไม่ทันสังเกตว่า ทั้งสี่คนไม่มีอารมณ์จะซ้อม เพราะมัวคิดแต่เรื่องของตนเองอยู่
เอาล่ะค่ะ คุณน้องวันนี้ เราจะมาซ้อมบทน่ะค่ะ วันนี้พี่แก้บทให้ทุกคนใหม่ และอยากบอกกับทุกคนว่าวันนี้ พี่มีนักแสดงอีกคนที่อยากให้น้อง ๆรู้จัก น้องโดมช่วยยืนขึ้นหน่อยค่ะเจ๊กุ๊กหันไปพูดกับโดมอย่างอารมณ์ดี โดยทำเป็นลืมว่าตนเองบังคับจิตใจโดมแค่ไหน
คือน้องโดมจะมาเล่นละครให้พี่ด้วย น้องโดมจะรับบทเป็นกิ๊กของน้องเค้กค่ะเจ๊กุ๊กกล่าวอย่างอารมณ์ดี
กิ๊กอย่างนั้นหรือค่ะพี่กุ๊กหยีเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
จ๊ะ กิ๊ก คือพี่จะเติมบทขึ้นมาอีกนิดหน่อย ตรงที่ในเรื่องเค้กจะมีกิ๊ก ไม่ใช่สิเค้กเคยมีคนที่รักอยู่แล้วในวัยเด็ก เค้กเคยสัญญากับโดมว่าจะไปเอาตลับเทปที่อัดเพลงที่โดมแต่งไว้ในวันหนึ่ง แต่ว่าเค้กก็ต้องผิดสัญญาเจ๊กุ๊กหยุดกล่าว พร้อมสังเกตท่าทีของทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าโดมรู้สึกโกรธเค้กทันทีที่ฟังเรื่องนี้
เขาแกล้งไปถามเจ๊กุ๊กเป็นเชิงประชดเค้กว่า
แล้วทำไมเค้าถึงผิดสัญญาละเจ๊ หรือว่าสำหรับเขาไอ้เพลงนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลยโดมเน้นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงข่มขื่น ผิดหวังและเสียใจปนกันไป
ไม่ใช่หรอกโดม ในเรื่อง เค้กสูญเสียความทรงจำ จึงไม่สามารถจำสัญญาที่ให้ไว้กับโดมเมื่อสิบปีก่อนได้เจ๊กุ๊กตอบออกมาจากความจริงที่ได้รู้
หากแต่ว่าโดมก็ไม่เฉลียวใจสักนิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
เค้กได้แต่มองโดมด้วยสายตาที่เจ็บปวด ที่โดมประชดและเฉยชาใส่ตน
ไปนั่งได้แล้วจ๊ะโดมเจ๊กุ๊กอนุญาตโดม
จากนั้นโดมก็เดินไปนั่งใกล้ ๆเค้กเพื่อพูดบางสิ่งโดยที่ต้องการให้ได้ยินแค่สองคน
ในละคร ฉันอาจจะให้อภัยเธอได้ เพราะเธอสูญเสียความทรงจำ แต่ชีวิตจริงมันไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่ฉันจะยอมรับคำขอโทษจากเธอโดมกระซิบข้างหูเค้กอย่างชัดเจน เหมือนต้องการกรีดหัวใจเค้กให้เป็นเสี่ยง ๆ
เค้กหันมามองทั้งน้ำตา ไม่กล่าวสิ่งใดได้แต่เบือนหน้าหนีใบหน้าของคนที่เธอคิดว่าใจร้ายเสียเหลือเกิน
เค้กอยากจะบอกกับโดมเหลือเกิน ว่าเธอไม่สามารถไปตามสัญญาได้เพราะเมื่อสิบปีก่อนเธอเกิดอุบัติเหตุรถชนในวันที่นัดกับโดมว่าจะไปรับเทปที่โดมตั้งใจจะมอบให้
เธออยากบอกว่าเธอให้สำคัญกับมันเท่า ๆกับที่โดมให้เธอ
แต่เธอรู้ว่าพูดไป ชายหนุ่มคงไม่มีวันเชื่อ
ด้านเจ๊กุ๊กได้หันหน้าไปทางกริช และหยีซึ่งตอนนี้ปั้นปึ่งใส่กันต่างคนต่างไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันเพราะกำแพงหัวใจที่เอามากั้นไว้
เจ๊กุ๊กเห็นตอนนี้ทั้งคู่มีอารมณ์ใกล้กับบทละคร จึงต้องการให้ทั้งคู่ซ้อมบท
น้องกริช น้องหยีเจ๊กุ๊กเรียกทั้งคู่
คะ/ครับทั้งคู่ขานรับ มองตากันอย่างคนที่รู้สึกดีต่อกันแต่รักกันไม่ได้
คือพี่อยากให้น้องซ้อมบทตอนที่ กริชตามง้อหยี เพราะหยีไม่ต้องการให้กริชมายุ่งกับตน นี่จ๊ะบทที่พี่แก้ เล่นตามนี้เลยนะเจ๊กุ๊กกล่าวพลางยื่นบทให้ ทั้งคู่รับไปแล้วหยิบไปอ่านอย่างเสียมิได้ ทั้งคู่สบตากันเหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่ก็ยั้งใจเอาไว้
ทั้งกริชและหยีออกมาที่เวทีเพื่อแสดงให้เจ๊กุ๊กและทุกคนดู
เดี๋ยวสิกริชเริ่มแสดงตามบทที่เจ๊กุ๊กเขียน โดยเอื้อมมือไปจับหยี ในใจลึก ๆเขาต้องการจะง้อหยีจริง ๆ ให้หยียอมรับรัก และทำลายกำแพงหัวใจนั้นเสีย
มีอะไรหยีไม่ได้อ่านบท เธอคิดแต่เพียงว่าไม่อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่มให้นานกว่านี้เธออยากจะหนีไปให้พ้น ไม่อยากเจอหน้าเขาเพราะกลัวใจตนเอง
ฉันรักเธอหยีกริชเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีความหมาย แผ่วเบาแต่หนักแน่นและชัดเจน จนหยีอดซาบซึ้งไปกับคำนั้นไม่ได้ น้ำตาของไหลรินอย่างอดกลั้นไม่ได้ทั้งสุขที่ชายหนุ่มบอกรัก และเจ็บปวดที่เขาและเธอรักกันไม่ได้
แต่เธอมีเค้กอยู่แล้วกริชหยีกล่าวทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครือ
ทั้งเค้กและโดมมัวแต่คิดแต่เรื่องของตนเองจนไม่ได้ใส่ใจว่าทั้งคู่นอกบท
ฉันอาจจะพบเค้กก่อนเธอ แต่เค้กเป็นแค่เงา เค้กเป็นได้แค่นั้น ตัวจริงที่ฉันตามหาคือคนที่เล่นเพลงFirst love ให้ฉันฟังตั้งแต่เด็ก คนที่ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมอบช็อกโกแลตให้ด้วยตัวเอง คนที่แต่งเพลงที่แสนมีค่านั้นขึ้นมา ซึ่งคนคนนั้นก็คือเธอนะหยีกริชระบายความรู้สึกในใจออกมาทั้งหมด โดยไม่ได้อ่านตามที่เจ๊กุ๊กเขียนเลยแม้แต่น้อย
แต่เจ๊กุ๊กกับได๋รู้แต่ไม่พูดว่าทั้งคู่นอกบท
เธอฟังฉันนะ ถ้าเธอรักฉันเพราะฉันแต่งเพลงนี้ เธอกำลังคิดผิดหยีกล่าวสะอื้นไห้ เอามือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลริน พร้อมสบตาชายหนุ่มอย่างเปิดเผยความรู้สึกในใจทั้งหมดที่มี
เธอหมายความว่าไงหยีกริชตะลึงกับความจริงทีได้รับรู้เขาถามหยีเสียงแผ่วเบา
เพลงนี้ ไม่ได้เป็นของฉัน ฉันยืมเขามาอีกทีหนึ่ง คนที่แต่งต้องการมอบมันเพื่อเป็นสิ่งแทนใจให้กับเค้กซึ่งเป็นหญิงที่เขารักที่สุดและ มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องคืนเพลงนี้ให้กับเค้กหยีกล่าวทั้งน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม
เธอเดินเลยมาไกลแล้วกริช หันหลัง กลับไปเถิด กลับไปหาคนคนหนึ่งที่เขารอเธออยู่หยีกล่าวเน้นประโยคสุดท้ายเหมือนฝืนใจ แต่ก็ต้องพูดความจริงนี้ให้กริชรับรู้
กริชตะลึงกับคำตอบที่ได้รับรู้ เขาอยากให้หญิงสาวปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง หากแต่หยีคงไม่ทำอย่างนั้น และไม่ยอมโกหกเขาแน่
หยีผละไปอีกทาง เพราะต้องการสงบสติอารมณ์
ส่วนกริชก็นั่งคิดกับตนเองว่าเขาจะเอายังไงกันแน่ระหว่างความรู้สึกครึ่ง ๆกลางนี้ เขาจะเลือกใครกันแน่ระหว่างแฟนสาว ซึ่งก็คือเค้กที่เป็นเจ้าของเพลงนี้ แม้จะไม่ได้แต่งเองก็ตามที หรือหยีที่มีเพียงน้ำเสียงที่ไพเราะและเล่นเพลงนี้ให้เขาฟังตั้งแต่เด็ก ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน เขาได้แต่กุมขมับไม่สามารถหาทางออกของหัวใจได้
หากกริชสามารถรับรู้ใจเค้ก จะรู้ว่าบัดนี้เค้กแทบไม่มีเขาในหัวใจหลังจากที่ได้รับความทรงจำกลับมาเค้กก็มีเพียงโดมในใจเท่านั้น และเธอต้องการให้เขาอภัยให้เธอ และกลับเป็นโดมคนเดิม แต่มันก็ยากเย็น
ทางด้านเจ๊กุ๊กกับได๋ก็กระซิบกระซาบกันสองคนเกี่ยวกับการนอกบทของกริชและหยีทั้งคู่
เจ๊กุ๊ก ผมว่าเขานอกบทนะได๋กระซิบข้างหูเจ๊กุ๊ก
เฉยเถิดนะ! ถ้านอกบทแล้วแสดงออกมาดี มันก็ดีไม่ใช่หรือ อย่าลืมสิ เอนะ เอ!เจ๊กุ๊กหันไปแว้ดใส่ได๋ ที่ชอบขัดผลงานของเธอ ได๋ได้แต่หน้าเจื่อนในใจคิดว่าตนไม่เคยทำอะไรถูกใจสักอย่าง
เจ๊กุ๊กหันไปพูดกับโดมและหยีทีเมินหน้าใส่กันอยู่ เหมือนไม่สนใจกัน แต่ลึก ๆแล้วตรงกันข้ามกับที่แสดงออกทั้งสิ้น
น้องเค้ก โดม ถึงคิวเธอแล้ว พี่อยากให้พวกคุณน้องแสดงตอนที่เค้กพยายามไปง้องอนขอโทษโดมที่ไมได้ไปตามสัญญาเจ๊กุ๊กแสร้งพูดว่าเป็นบทของตนทั้งที่จริงพึ่งได้ยินหรือแอบฟังเรื่องของเขาทั้งคู่มา
โดมไม่ใส่ใจเท่าไรว่าบทมันใกล้เคียงกับชีวิตจริงเขามัวพะวงแต่เรื่องของตน รวมทั้งเค้กด้วยที่สนใจแต่เรื่องของตน จึงไม่ได้ใส่ใจบท
เธอตั้งใจจะพูดปรับความเข้าใจกับโดมให้รู้เรื่องกันไปเลย
ในระหว่างซ้อมบท เค้กจึงพูดออกไป โดยเจ๊กุ๊กและได๋กำลังคิดว่าทั้งคู่แสดงละครกันอยู่
โดมเค้กเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงวิงวอนขอให้ชายหนุ่มฟังบางอย่างที่เธอต้องการพูด
โดมหันหน้าเผชิญกับหญิงสาว เขาอดหวั่นไหวไม่ได้
เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลรินของเค้ก
ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าร้องไห้ น้ำตาของเธอมันใช้ไม่ได้ผลหรอกโดมกล่าวและมองหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ในใจเจ็บปวดยิ่งนัก
หากฉันต้องร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด แล้วเธอจะยกโทษให้ฉัน ฉันก็ยินดีเค้กเอ่ยทั้งน้ำตา เธอเฝ้าบอกกับตนเองว่าเธอจะทำทุกทางให้ชายที่อยู่ตรงหน้าอภัยให้เธอ
ได้โปรดรับคำขอโทษจากฉันเค้กวิงวอนทั้งน้ำตาที่ไหลรินไม่หยุด
ฉันรับคำขอโทษจากคนที่ทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นอย่างเลือดเย็นไม่ได้หรอก บางทีถ้าเธอแคร์ความรู้สึกของคนอื่นสักนิด เธอคงไม่ต้องใช้คำคำนี้โดมเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ เหมือนต้องการกรีดแทงหัวใจของหญิงสาว ที่อยู่ตรงหน้าให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ
โดมเค้กอุทานชื่อโดมเหมือนไม่อยากเชื่อคำพูดเขา
เขาได้แต่มองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด พร้อมจะเดินผละออกไป
หากทว่า รู้สึกวิงเวียนศีรษะ รู้สึกว่ามีของเหลวไหลออกจากจมูก
มันคือเลือด นั่นเอง ชายหนุ่มตกใจมาก
รู้สึกปวดหัวมากขึ้น มากขึ้น จนไม่อาจประคองตัวเอง ได้ เขาล้มลงทันที
เค้กและได๋ และเจ๊กุ๊กเห็นดังนั้นตกใจมากรีบไปดูชายหนุ่มที่ล้มลงไม่ได้สติ
โดม โดม อย่าเป็นอะไรไปนะเค้กร้องเรียกโดมเสียงหลงได้ความเป็นห่วงเป็นที่สุด เธอบอกกับตนเองว่าจะไม่ยอมให้โดมจากไปไหนแล้ว
พาไอ้โดมส่งโรงพยาบาลเถอะเจ๊กุ๊กออกความเห็นทั้ง ๆที่ยังตกใจ
จากนั้นรถพยาบาลก็นำร่างของโดมที่ยังไม่ได้สติตรงไปที่โรงพยาบาล ทั้งกริช หยี ได๋ เจ๊กุ๊ก โดยเฉพาะเค้กรู้สึกว่าระยะทางของโรงพยาบาลช่างยาวไกลนัก เพราะกลัวโดมจะส่งถึงมือแพทย์ไม่ทัน
แต่ไม่นานรถก็แล่นถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาล รีบส่งโดมเข้าห้องฉุกเฉินทันที
ทั้ง กริช หยี เค้ก ได๋ และเจ๊กุ๊กได้แต่รออยู่หน้าห้องไอซียูอย่างกังวล
โดยเฉพาะหยี และเค้ก ต่างห่วงโดมเป็นที่สุด
กริชเดินเข้ามาหาหยี พร้อมพูดอย่างปลอบประโลม แล้วจับไหล่เธอเบา ๆว่า
ทำใจดี ๆโดมต้องไม่เป็นไรกริชเอ่ยพร้อมมองเธออย่างเห็นใจ
ทั้งหมดยืนรออยู่หน้าห้องนั้นไม่ยอมไปไหน เฝ้ารอว่าเมื่อไรแพทย์จะออกมาบอกอาการของโดม
เวลาแห่งการอคอยช่างยาวนัก
เค้กคิดในใจ ว่าเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมโดมถึงไม่ยอมให้อภัยเธอ เพราะการรอคอยใครสักคนหนึ่งโดยเฉพาะคนที่รักมันทรมานอย่างนี้นี่เอง
ไม่นานหมอก็ออกมาจากห้องไอซียู
ทั้ง กริช หยี เค้ก ได๋ และเจ๊กุ๊ก ตรงไปที่หมอเพื่อถามอาการโดมทันที
โดมเป็นไงบ้างค่ะหมอเค้กถามอย่างห่วงใยด้วยท่าทีกระวนกระวายใจยิ่งนัก
ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คนไข้คงเครียดมาก พักผ่อนไม่เพียงพอ เลยสลบไป แต่...หมอหยุดไปนิดหนึ่งเหมือนไม่แน่ใจบางอย่าง
แต่อะไรหรือค่ะคุณหมอเจ๊กุ๊กเอ่ยถามอย่างสงสัย และกลัวคำตอบว่าโดมจะเป็นอะไรเช่นกัน
หมอยังไม่สามารถบอกอะไรตอนนี้มาก ต้องรอผลเอกซ์เรย์อีกสามวันหมอเอ่ยออกมา
ทุกคนได้แต่ถอนหายใจ และภาวนาขออย่าให้โดมเป็นอะไร
ถ้างั้นดิฉันขอเยี่ยมเขาได้ไหมค่ะเค้กเอ่ยถามอย่างวิงวอน เธอรู้สึกเป็นห่วงโดมมาก ต้องการดูให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นไร
หมอพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
ทุกคนจึงเข้าไปเยี่ยมในห้องพิเศษที่หมอจัดเตรียมไว้ให้
เค้กเฝ้ามองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอย่างที่สุด น้ำตาที่เอ่ยล้นไหลรินออกมา
กริชได้แต่มองอย่างสงสัยในความสัมพันธ์ของโดมและเค้ก แต่เขาก็ไม่กล่าวสิ่งใด เขามองมาที่หยีอย่างนึกเป็นห่วงความรู้สึกเหมือนกัน แต่เหมือนหยีจะใส่ใจโดมมากกว่าจึงไม่ได้เห็นสายตาคู่นั้น
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน กลับบ้าน
กริชอาสาไปส่งเค้ก และหยี กริชไปส่งเค้กก่อน จากนั้นก็ไปส่งหยี
ระหว่างทางหยี และกริชไม่ได้กล่าวสิ่งใด ได้แต่นั่งเงียบ
ไม่นานรถก็แล่นถึงบ้านหยี ก่อนลงจากรถ หยีหันไปหาเขาพร้อมพูดว่า
ขอบใจนะหยีกล่าวด้วยน้ำเสียงเหินห่าง
เธอไม่เป็นไรนะกริชเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
หยีส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่กล่าวสิ่งใด
กริชตัดสินใจจะพูดบางอย่าง กับหยี
หยี ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ คือ..กริชจะเอ่ยต่อ เขาอยากพูดความในใจที่มันอัดอั้นอยู่ในอก
หากแต่
ฉันเหนื่อย ขอตัวก่อนหญิงสาวขัดขึ้นไม่อยากฟังเรื่องของเขา หยีเหมือนรู้ว่าชายหนุ่มต้องการพูดอะไร
เธอลงจากรถ เดินเข้าบ้าน ไม่ยอมหันมามองชายหนุ่มสักนิด เพราะกลัวเหลือเกินที่จะแพ้ให้กับหัวใจของตนเอง
กริชมองตามอย่างเสียใจที่ไม่ได้บอกความในใจออกไป