30 กันยายน 2550 01:43 น.
เก็จถะหวา
เกิดเป็นคนชาตินี้ดีนักหนา
ได้กายาต่อทุนบุญกุศล
น่าขอบคุณพ่อแม่ให้ร่างคน
ดวงกมลก่อเกิดเลิศพลัง
โลกจะเป็นไปได้ตามใจคิด
ใจลิขิตให้ได้สมใจหวัง
อธิษฐานทำไปให้จริงจัง
สมที่ตั้งปณิธานสู่การทำ
จิตนำกายหมายปรุงมุ่งสร้างสรรค์
ทุกคืนวันผ่านไปใจชื่นฉ่ำ
มีทางหนึ่งทางนี้ท่านชี้นำ
lสว่างล้ำชาวพุทธจุดเทียนชัย
มุ่งขจัดกิเลสเหตุเศร้าหมอง
ตามครรลองศาสดาอย่าสงสัย
สิ่งสูงสุดไตร่ตรองมองเภทภัย
เหตุปัจจัยใดหนอก่อทุกข์ทน
เมื่อคิดดี พูดดี และทำดี
ย่อมจะมีดีปองสนองผล
ทำสิ่งชอบตอบย้อนมาสู่ตน
เกิดเป็นคนชั่วดีย่อมตีตรา
โชคชะตาชี้นำใครกำกับ
เวรระงับเมื่ออภัยไม่ถือสา
อโหสิให้กันก่อนอำลา
ภพชาติหน้าไม่ขอต่อจองเวร
28 กันยายน 2550 07:47 น.
เก็จถะหวา
ดอกสดสดทานได้จักใสแจ่ม
พายิ้มแย้มมองดีมีสุขสันต์
ชำระใจขุ่นข้องหมองหม่นพลัน
เราเขานั้นต่างใจเชื่อมไมตรี
ผลอ่อนมีรสขมอมเปรี้ยวนิด
บำรุงจิตเมตตาพาสุขี
เกิดเป็นคนมุ่งมั่นทำความดี
ผู้ใดมีความทุกข์ปลุกปลอบใจ
เปลือกไม้หนานำมาต้มอาบเถิด
แล้วจะเกิดปัญญาพาแก้ไข
ความหงุดหงิดรำคาญมลายไป
ชำระให้ปลอดโปร่งโล่งสบาย
เมล็ดแก่คั่วทานสมานโรค
ถือเป็นโชคมุ่งขยันงานทั้งหลาย
นึกสนุกกับงานด้วยผ่อนคลาย
ทั้งใจกายทุ่มพลังไม่รั้งรอ
ใบยอดอ่อนผักแกล้มกินสดสด
จะได้ลดตัวตนให้ย่นย่อ
รักเมตตายอมเย็นรู้จักพอ
จักเกิดก่ออ่อนน้อมพร้อมบูชา
รากนั้นมีสรรพคุณเป็นบุญแท้
ต้มทานแก้กันชั่วกลัวนักหนา
กลับชอบสร้างกุศลเจตนา
ฝึกศรัทธาแข็งขันหมั่นบำเพ็ญ
สมุนไพรต้นนี้ชื่อประจักษ์
ชื่อต้นรักธรรมาพามองเห็น
จะแจ่มแจ้งในใจทุกประเด็น
ไม่ยากเย็นปลูกไว้กลางใจเทอญ
26 กันยายน 2550 23:55 น.
เก็จถะหวา
ต่างเธอฉัน ต่างกัน ใจหวั่นนัก
แต่ก็รัก ทั้งไม่รู้ เธออยู่ไหน
ฉันคือฉัน รักเธอ เหนืออื่นใด
ไม่รู้ใจ เธอจริง ยิ่งลังเล
แปลกใจแท้ รักเธอ ละเมอหา
หรือเพราะว่า ใจฉัน มันหว้าเหว่
เธอว่าฉัน ก้าวร้าว และเกเร
แต่ทุ่มเท ใจรัก ภักดิ์ผู้เดียว
ยังมีหญิง ในใจ เธออีกมาก
เธอพร่ำฝาก คำหวาน น่าหวาดเสียว
นั่นก็รัก นี่ก็รัก บ้างปีนเกลียว
เธอโฉบเฉี่ยว เลี้ยวลด หมดทุกครา
อยากจะพ้อ ต่อว่า ไม่กล้าคิด
ฉันทำผิด เธอไกล ไม่มาหา
ปล่อยให้ฉัน รอเก้อ เอ่อน้ำตา
หมดคุณค่า รักเก่า เศร้าฤดี
คงนับวัน ฉันเธอ ยิ่งเหินห่าง
ต้องอ้างว้าง กว่าเก่า เศร้าเกินที่
ใจหนอใจ สุดช้ำ เขาย่ำยี
ก็ยังมี อาลัย ไม่เลือนลา
ต่างเธอฉัน ต่างกัน ในวันนี้
เพราะเธอมี ใครใคร ให้ฝันหา
ฉันโดดเดี่ยว เหงาใจ ใครนำพา
ขอถามว่า ทำไม เธอใจดำ
๒๖ กันยายน ๒๕๕๐
๒๓.๔๙ น.
25 กันยายน 2550 21:32 น.
เก็จถะหวา
เคยห่วงกันบ้างไหม เป็นอย่างไรบ้างหรือเปล่า
สุขทุกข์ในเรื่องราว เคยบอกกล่าวไหมคนดี
ห่วงใยกับใครบ้าง คล้ายบางอย่างถอยห่างหนี
จริงใจในไมตรี ไยจึงลี้ให้เดียวดาย
ไม่ห่วงใครทั้งนั้น มองต่างกันในความหมาย
คนเช่นฉันอันตราย ยามใกล้กรายอาจทำพัง
ห่วงบ้างอย่าห่างเหิน บนทางเดินคนข้างหลัง
ขอใจต่อก่อพลัง ขอความหวังให้แก่กัน
ห่วงบ้างให้ถ้วนทั่ว ใช่เมามัวจนผิดผัน
สักนิดคิดแบ่งปัน รักจากใจให้ดูแล
25 กันยายน 2550 03:38 น.
เก็จถะหวา
ลมพัดกราวร้าวลึกยามดีกค่อน
มิอาจนอนใจหม่นต้องทนทนาว
ฉากชีวิตผ่านผันอันยืดยาว
เป็นเรื่องราวที่ทนจนชินชา
ความเงียบงันพาเศร้าเร้าในจิต
เคยวิกฤตอย่างไรได้ฟันฝ่า
ไม่เคยหวั่นกลัวเหงาในวิญญาณ์
เด็ดเดี่ยวท้าฝนหนาวมาเนานาน
อยากตัดพ้อต่อชะตาฟ้าลิขิต
จำแต่คิดทำใจให้กล้าหาญ
ใช่อวดเก่งภาวะทรมาน
เราพ้นผ่านมาได้ด้วยใจดี
มองหมู่ดาวพราวใสในฟ้ากว้าง
ความอ้างวางครองใจได้เต็มที่
น้ำค้างหล่นคือน้ำตายามราตรี
เสียงอึงมี่จิ้งหรีดร้องก้องกังวาน
ไอหมอกบางลางเลือนเหมือนความฝัน
โลกสุขสันต์หายลับกับวันหวาน
คงชิงชังรังเกียจตลอดกาล
ยังดักดานทนอยู่สู้ทุกข์ทน
ช่างเถอะนะวันนี้หรือวันไหน
ยังทำใจยอมรับความสับสน
จะห่อเหี่ยวแล้งไร้จากใจคน
ปลอบกมลตนเองวังเวงใจ