26 พฤศจิกายน 2550 08:30 น.
เก็จถะหวา
โลกของเราเราครองต้องรักษา
เราได้มาอยู่โลกที่สวยสม
อาศัยมาเนิ่นนานควรชื่นชม
ร่วมนิยมให้โชคโลกใบงาม
รู้อภัยหวังดีมีเมตตา
สรรพสัตว์นานาอย่าเหยียบหยาม
รู้ขอบคุณชีวิตทุกโมงยาม
คงก้าวข้ามทุกข์โศกและโรคภัย
อย่าหลงจมอารมณ์ที่ขมขื่น
จงรู้ตื่นเบิกบานเป็นนิสัย
ไม่ติดยึดเหนี่ยวรั้งหลงอาลัย
เป็นความนัยพุทธะอย่าละเลย
ประทับใจในตนและคนอื่น
ต่างหยิบยื่นไมตรีมีเปิดเผย
วาจาจริงน้ำใจดีมีคุ้นเคย
มนุษย์เอ๋ยโลกเราใช่เศร้าตรม.....
18 พฤศจิกายน 2550 19:43 น.
เก็จถะหวา
จำใจลาจากกันในวันนี้
รู้สึกดีไม่อยากจากลาหนอ
ภาระงานหน้าที่ที่ยังรอ
จึงต้องขอตัวจากจำพรากลา
อยากจะบอกอีกคราว่าคิดถึง
สุดซาบซึ้งในใจอาลัยหา
ห่างเพียงกายใจชิดแนบนิทรา
ในสายตาบอกความยามจากกัน
จึงจารจดอักขรามาฝากถ้อย
จำฝังรอยฝากใจได้สุขสันต์
จะร้อนหนาวห่วงใยสารพัน
มิลืมวันหวานยิ่งอิงอุ่นไอ
ภาพแห่งฝันสวยงามยามนึกฝัน
ผ่านคืนวันมิรู้เป็นไฉน
รอถึงวันพบกันฝันวิไล
โปรดซึ้งในความรักจากใจจริง...........
17 พฤศจิกายน 2550 21:17 น.
เก็จถะหวา
ชีวิตหนึ่งเกิดมาท้าขันแข่ง
บ้างวิ่งแซงบ้างล้มคว่ำฟกช้ำเขียว
บ้างเพื่อนมากบ้างขาดคู่อยู่ผู้เดียว
บ้างซีดเซียวบ้างฟู่ฟ่ายิ้มหน้าบาน
ก่อนลงเล่นกติกาอย่าลืมหลง
ใจมั่นคงฝึกฝนจนกล้าหาญ
ใช้สติพร้อมปัญญาตรองเหตุการณ์
ให้พ้นผ่านโพยภัยในชีวี
บนเวทีโลกีย์สนามใหญ่
การเล่นไซร้ประมาทอาจหมองศรี
หากคิดได้ประกอบกิจคิดแต่ดี
พร้อมยอมพลีกายใจใฝ่อดทน
แพ้ชนะเกมนี้มีความหมาย
เกิดแก่ตายตามติดกรรมมีผล
ทำแต่ดีดีตอบมอบกมล
จะรวยจนทำความดีมีสุขเอย
16 พฤศจิกายน 2550 15:48 น.
เก็จถะหวา
คิดจะรักอาจหลงในทางรก
ก้าวไปตกหลุมไฟเสน่หา
ที่คิดว่ารักแท้อาจลวงตา
เพียงเอกาคือเหงาและเปล่าดาย
กลัวจะช้ำซ้ำหนักรักแกมหลง
กลัวพะวงติดยึดคว้าลมหาย
กลัวแต่ฝันฝันกลับลับมลาย
กลัวเบื่อหน่ายชิงชังนั่งอาลัย
คิดถึงอยู่เกินใจจักไขว่คว้า
เก็บรักมาชมชิดพิสมัย
รักจะร่วงหน่วงหนักในหทัย
ป้องปัดภัยเลิกหลงก็คงดี
หากคาดหวังกับรักมักผิดคาด
หากประมาทเพลินหลงคงหมองศรี
รักอาจแปรช้ำใจในชีวี
ที่ใดมีใจรักมักทุกข์ตาม
คำสัญญาเมื่อรักมักว่าแน่
ว่ารักแท้มั่นใจในคำถาม
มีคำตอบยืนยันในนิยาม
รักงดงามเมื่อเข้าใจในรักพอ
คิดจะรักแบ่งใจกันไว้บ้าง
รักจืดจางห่างไปให้เติมต่อ
ด้วยห่วงใยใส่ใจไม่รีรอ
สร้างเสริมก่อรักมั่นนิรันดร.....
15 พฤศจิกายน 2550 08:45 น.
เก็จถะหวา
งามเหลืองทองในนาน่าชมนัก
อุ่นไอรักกลางถิ่นดินแดนหนาว
เตรียมกะการณ์เก็บเกี่ยวเป็นเรื่องราว
โน้มรวงข้าวหอมไอดินกลิ่นท้องนา
กาลเวลาสามเดือนเลื่อนพ้นผ่าน
เริ่มไถหว่านปักดำกรำพรรษา
พื้นที่ว่างเขียวขจีสุดสายตา
ได้เวลาเรืองรองผ่องอำไพ
ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานที่รินหยด
หลั่งรินรดผืนนาข้าวกล้าใหญ่
เป็นรวงทองท้องทุ่งงามวิไล
ชาวนาไทยแย้มยิ้มเอิบอิ่มพลัน
เก็บเกี่ยวกันคราวนี้มีอิ่มสุข
ได้สนุกสามัคคีมีสุขสันต์
เตรียมกฐินทอดผ้าร่วมบุญกัน
ฉลองวันลอยกระทงคงเปรมปรีดิ์
นี่แหละหนาแดนไทยแต่ก่อนเก่า
บ้านเมืองเราดีงามความสดสี
มีรอยยิ้มสุขใจเปี่ยมไมตรี
ดินแดนนี้เรืองรองท้องทุ่งไทย
งามเหลืองทองในนาหาดูยาก
ลูกหลานพรากจากนาไปอยู่ไหน
ท้องนาร้างขาดคนมาใส่ใจ
ลำนำใหม่ชีวิตเปลี่ยนทิศทาง....