25 ตุลาคม 2550 19:49 น.
เก็จถะหวา
ลาภอันใดประเสริฐเท่าเราปลอดโรค
นับเป็นโชคยิ่งใหญ่ใกล้สวรรค์
ทำอย่างไรให้ชีวิตมีสุขพลัน
คิดป้องกันตัวไว้ปลอดภัยดี
กิจประจำทำไว้ในชีวิต
จะลิขิตตนได้ไม่หมองศรี
สุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี
เจ็ดข้อที่ฝึกตนพ้นโรคไกล
อ. ที่หนึ่งอิทธิบาทสามารถยิ่ง
ต้องรู้จริงสี่ข้อพอทำได้
ความยินดีพากเพี่ยรและใส่ใจ
ปรับปรุงตนแก้ไขไม่ท้อทำ
อ.ที่สองอารมณ์คมความคิด
ทุกชีวิตมีหลากหลายหงายและคว่ำ
อารมณ์ดีสดชื่นเป็นประจำ
ร่างกายช้ำอ่อนล้าถ้าลมตึง
อ.ที่สามอาหารต้านโรคภัย
ต้องใส่ใจให้ดีเป็นที่หนึ่ง
อ.ทีสี่อากาศควรคำนึง
อยู่ที่ซึ่งแจ่มใสไร้พิษควัน
อ.ทีห้าออกกำลังสิ่งสร้างเสริม
จะต่อเติมร่างกายให้สุขสันต์
มีพลังแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
อ.หกนั้นเอนนอนพักผ่อนกาย
อ.ที่เจ็ดทีเด็ดสำคัญยิ่ง
เพราะมีสิ่งเป็นพิษมากหลากหลาย
ในกายนี้สะสมอันตราย
ต้องสลายล้างพิษที่ติดตัว
ทั้งร่างกายจิตใจไม่สะอาด
ต้องเก็บกวาดนอกในนี้ให้ทั่ว
ล้างลำไส้ล้างใจด้วยที่หมองมัว
ครบเจ็ดตัวทำให้ดีชีวียาว......
25 ตุลาคม 2550 07:51 น.
เก็จถะหวา
ใต้ฟ้ากว้างหนทางแห่งชีวิต
ใครลิขิตไยมากหลากปัญหา
อุปสรรคมากมายในโลกา
ใจอ่อนล้ามิโกรธมิโทษใคร
ชีวิตต้องร้องไห้สักกี่หน
จึงจะพ้นคำสาบบาปแค่ไหน
ทำความดีอดทนอีกเท่าไร
อยากจะถามทำไมต้องเป็นเรา
ทุกครั้งที่น้ำตามาไหลหลั่ง
ได้แต่ฟังเสียงสะอื้นฝืนอย่างเก่า
ซับน้ำตาตนเองอย่างเบาเบา
ช่างนานเนาจริงหนอทรมาน
ไม่มีคนปลอบใจในวันเศร้า
เรื่องอับเฉาทุกข์ทนคนร้าวฉาน
ฟังน่าเบื่อคนเขาคงรำคาญ
เขาต้องการฟังเรื่องดีที่สบาย
อุปสรรคสอนให้ใจฮึดสู้
ให้ได้รู้ตัวตนคนหลากหลาย
แปรวิกฤตเป็นโอกาสอาจรอดตาย
แล้วเรื่องร้ายอาจกลับดีมีราคา
คราบน้ำตาขมขื่นวันคืนผ่าน
จึงสมานรอยร้าวคราวรักษา
เรียกพลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยมา
ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างฝ่าฟัน
ด้วยสองมือสองขาขอท้าอยู่
จะขอสู้ลำพังให้ถึงฝัน
แม้วันนี้ไม่มีของกำนัล
ขอรางวัลแค่รอยยิ้มอิ่มไมตรี
อุปสรรคมิใช่กำแพงกั้น
คิดสร้างสรรค์คือสะพานอันสดศรี
ให้ข้ามผ่านพานพบสิ่งที่ดี
ขอบคุณที่อุปสรรคผลักให้เดิน......
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ ๗.๔๙ น.
24 ตุลาคม 2550 06:37 น.
เก็จถะหวา
งามขุนเขาเหงาหมอกลอยละลิ่ว
แลเห็นทิวซับซ้อนเสน่หา
บนฟ้าไกลแสงทองเริ่มทาบทา
อีกไม่ช้าเริ่มวันใหม่สดใสพลัน
อันความรักที่ประจักษ์มีรักหนึ่ง
คือซาบซึ้งธรรมชาติที่เสกสรรค์
มีแต่ให้สิ่งดีดีมากำนัล
เป็นรางวัลแก่เราชาวโลกา
สายลมหนาวมาเยือนเตือนอีกหน
คิดถึงคนลาไกลใจโหยหา
จนป่านนี้เป็นไฉนไม่หวนมา
ลืมแล้วกาถิ่นนี้ที่เคยเนา
เคยแนบชิดแอบอิงใต้เงาจันทร์
ต่างสุขสันต์คลอคู่ดูไม่เหงา
เธอรำพันรักมั่นเพียงสองเรา
ต่างก็เข้าใจกันไม่หวั่นเลย
ฉันยังรักคงมั่นรอวันกลับ
อย่าทิ้งไปลาลับเศร้าสุดเอ่ย
ยังจำแม่นสัญญามิร้างเลย
เคียงเขนยแนบชิดสนิทใน
หนาวมาเยือนย้ำใจใฝ่คิดถึง
คืนค่ำซึ้งตรึงตราคราหลับใหล
เสียงเรไรกรีดร้องก้องพงไพร
ราวร่ำไห้ระงมข่มใจนอน....
22 ตุลาคม 2550 22:03 น.
เก็จถะหวา
เกิดเป็นคนพี่น้องและผองเพื่อน
มัวแปดเปื้อนอาฆาตคอยบาดหมาง
คิดให้ร้ายหงุดหงิดจิตไม่วาง
ไม่มีว่างเบาสบายคลายอารมณ์
ก่อเมตตาดีกว่าพาสบสุข
พ้นเพลิงทุกข์แผดเผาเอาดีข่ม
จะเลวร้ายเมามายวางใจพรหม
อุเบกขาพาสมนิยมเย็น
เราคือแขกแปลกหน้ามาเยือนโลก
สุขกับโศกวนเวียนอย่างที่เห็น
ชีวิตคนร่วมทุกข์ยากลำเค็ญ
ใฝ่บำเพ็ญเถิดหนาอย่าดูดาย
ใจแจ่มใสจิตหมดว่างกิเลส
เรียนรู้เหตุตามจริงทุกสิ่งหมาย
เบื้องหน้าตนทุกคนชีวาวาย
เหลือฝากลายดีชั่วทีตัวทำ
มองเหตุการณ์ผันผ่านด้านบวกลบ
ใจสงบอย่าหลงไปใฝ่ทางต่ำ
มัวหมกหมุ่นโกรธเกลียดเครียดประจำ
เชิญน้อมนำคำพุทธามาใส่ใจ
ชีวิตคนสั้นนักจักเป็นผี
ควรฝากดีเสียก่อนตอนเคลื่อนไหว
สติตนเตือนตนก่อนบอกใคร
ประมาทไซร้ทางหลงลงอบาย........
๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๐ ๒๒.๐๕ น.
http://gotoknow.org/blog/dokmai/141045
21 ตุลาคม 2550 17:58 น.
เก็จถะหวา
ส่งใจรักอุ่นไอไปแนบข้าง
ยามอ้างว้างหม่นใจในคืนหนาว
เย็นน้ำค้างพร่างพรมฟ้าเกลื่อนดาว
ใจเพื่อนสาวแอบอุ่นละมุนทรวง
เรือนฝากฝันฝากใจใคร่แนบชิด
โอ้มิ่งมิตรคนดีที่แสนห่วง
แม้ทางไกลใช่กั้นกลางใจสองดวง
ตกดึกล่วงทิวาใจอาวรณ์
โอ้รักเอ๋ยหวั่นไหวใจถวิล
แว่วได้ยินเสียงพร่ำดังหลอกหลอน
พรรณนาว่าเหงาเฝ้าเว้าวอน
หนอนกอดหมอนเดียวดายกลางสายลม
ป่านฉะนี้เป็นไฉนใจห่วงหา
จึงร้อยรักอักษรามาแทนห่ม
ดวงใจจ๋าอ่อนล้าอย่าตรอมตรม
จะคลี่พรมอุ่นไอด้วยไมตรี