3 พฤษภาคม 2547 20:00 น.
เกียรติ กรัชกาย
ระลอกคลื่นคืนไหลสู่ชายฝั่ง
กระแสถั่งถาโถมโหมกระหน่ำ
คลื่นก็คล้อยใจก็เคลื่อนเลือนความจำ
เมฆาคล้ำฟ้าฝนใจหม่นมัว
สายฝนรายปรายโปรยโรยสู่พื้น
สลายคืนโลกใต้ในความสลัว
หยาดรินไหลไล้โลมโหมระรัว
ชื่นฉ่ำทั่วทุ่งท้องทั้งผองไพร
ดอกไม้บานขานรับกับสายน้ำ
รุ้งเรียวงามทามทาบกับฟ้าใส
ขจรกลิ่นท้องทุ่งจรุงใจ
พนาไพรแว่วเสียงสำเนียงครวญ
แม้ความหวังยังไกลในภายหน้า
อดีตกาลผ่านมาพาจิตหวน
ลมระริกพลิกใจให้เรรวน
สรรพสิ่งหลากล้วนแต่ล่วงเลย
ปลุกหัวใจให้ตื่นในคืนมืด
อาจฝืนฝืดชีวีดีกว่าเฉย
หากจมใจในน้ำขุ่นที่คุ้นเคย
จะเฉลยคำถามใจเมื่อใดกัน.
2 พฤษภาคม 2547 23:31 น.
เกียรติ กรัชกาย
สายลมโหมพัดสะบัดพลิ้ว
โลดลิ่วปลิวแผ่วตามแนวสน
บ้างเศร้าเหงาใจคล้ายทุกข์ทน
บ้างฝนบ้างหนาวร้อนร้าวรอนใจ
ต้องจากไปไกลร้างอ้างว้างจิต
เพื่อลิขิตชีวิตฝันวันฟ้าใส
แยกย้ายจากพรากลาสู่ฟ้าไกล
ไปเติมไฟเติมฝันอันพร่าเลือน
บางครั้งเศร้าร้าวรอนจนอ่อนจิต
บางครั้งผิดปวดกรีดดังมีดเฉือน
จงมองฟ้ามองดาวเป็นเงาเตือน
มองดูเพื่อนมองดูหวังกำลังใจ
ถึงห่างเหินเดินทางไปต่างเส้น
ขอจงเป็นเช่นดาราบนฟ้าใส
ส่องสกาวพราวสวยด้วยจริงใจ
หวังเพียงให้แสงสว่างอย่างวันวาน
แม้เจ็บปวดรวดร้าวจนเหงาจิต
อาจพลั้งผิดแต่เพลงหวังยังขับขาน
สร้างชีวิตคิดสู้ใหม่ไว้ตำนาน
ฝากผลงานวิญญาณฝันก่อนวันลา.
1 พฤษภาคม 2547 19:23 น.
เกียรติ กรัชกาย
ขอ เพียงฝันฉันกว้างดังติดปีก
ให้ พบซีกความหวังดังใฝ่ฝัน
ฉัน จะโบยโบกบินถิ่นนิรันดร์
ได้ ฝากฝันไว้กับฟ้าเวหาดาว
อยู่ ในมุมรื่นรมย์ประโลมโศก
ใน ที่ไม่อับโชคด้วยเหน็บหนาว
ที่ นิรันดร์ฝันพร่างเป็นร่างพราว
รื่น ชีวิตที่ร้าวให้หลอมรวม
รมย์ ระรื่นชื่นลมโลกที่โบกผ่าน
ณ สถานจริงใจไม่ใส่สวม
มุม สงบพบใจที่ไหลรวม
หนึ่ง ดวงใจไหลร่วมให้รวมใจ
ของ สิ่งใดใจฝันด้วยสรรค์สร้าง
หัว เราะร่างความฝันอันสดใส
ใจ ติดตามความฝันที่ผ่านไป
เธอ จงใฝ่สร้างฝันอันพร่างพราว.
1 พฤษภาคม 2547 19:04 น.
เกียรติ กรัชกาย
อรุณทอทาบฟ้า
เป็นสัญญาของวันใหม่
อดีตผ่านพ้นไป
สิ่งใหม่ใหม่เข้ามาแทน
มิตรภาพความเป็นเพื่อน
กระตุ้นเตือนในใจแน่น
แม้ไกลไม่คลอนแคลน
ยังแนบแน่นอยู่ในใจ
เพื่อนล้มเพื่อนท้อถอย
มีบ่อยบ่อยที่เผลอไผล
บ้างสุขบ้างเศร้าใจ
บ้างร้องไห้ในเรื่องเดิม
หากเพื่อนเศร้าตรมตรอม
จงถนอมพลังเพิ่ม
เพื่อนเราจะคอยเติม
เสริมกายใจให้แก่กัน...