11 กรกฎาคม 2548 02:10 น.
เกียรติ กรัชกาย
๏ อนัตตาไม่อาณัติในอัตตา
ไร้ทุกข์สุขเวทนามาผสม
สิ้นอาวรณ์อาลัยในอารมณ์
ไม่มีขมแลหวานมาจานเจือ
๏ อย่ามองเห็นว่าเป็นเช่นอัตตา
หรือปรุงแต่งเวทนามาก่อเกื้อ
มองลำเรือก็ไม่เห็นว่าเป็นเรือ
พอแตกแยกก็ไม่เหลือเรืออะไร
๏ เหมือนธาตุสี่ขันธ์ห้ามาประกอบ
มองด้วยความเห็นชอบก็รู้ได้
ใช้เรือกายพายข้ามทะเลใจ
พอถึงฝั่งอย่าแบกไว้ใช้ให้เป็น
๏ จงมองเห็นว่าเป็นอนัตตา
อย่าปรุงแต่งเวทนาว่าอยากเห็น
มองให้เป็นเช่นสิ่งที่ไม่เป็น
จะรู้เห็นปรมัตถ์อนัตตา ๚ะ๛
3 กรกฎาคม 2548 00:43 น.
เกียรติ กรัชกาย
ไม่อยากเห็นตาน้องต้องหมองเศร้า
อยากเห็นรอยยิ้มเจ้าบนใบหน้า
ประทับแก้มแย้มยิ้มอิ่มนัยน์ตา
อยู่ในทุกเวลาของหัวใจ
เคยเห็นน้องร้องไห้ก็หลายครั้ง
หากสุดยั้งหม่นหมองก็ร้องได้
แต่อย่าให้หยาดน้ำตามาทำลาย
หรือกรัดกร่อนความหมายในคืนวัน
เราสบตาความรักจากความเศร้า
เราจึงเห็นความเหงาในความฝัน
มีโซ่ตรวนแห่งทุกข์มาผูกพัน
และคอยบั่นความหวังให้พังภินท์
มีหนทางมากมายในชีวิต
เคยก้าวผิดคิดก้าวใหม่ได้ทั้งสิ้น
หากร้องไห้ลำเค็ญเป็นอาจิณ
น้ำตาท่วมธรณินสิ้นทางไป
อย่ากินหยาดน้ำตาประทังทุกข์
โน่น ! ความสุขรอท่าอยู่ฟ้าใหม่
อย่าได้หลงติดกับอัปราชัย
หนทางฝันอีกไกลไปด้วยกัน
อยากเห็นรอยยิ้มเจ้าบนใบหน้า
อยู่ในทุกเวลาของความฝัน
หากมีรักก็ไร้รักหลักสำคัญ
เพียงรู้เท่าเห็นทันธรรมดา
ไม่มีใครในโลกที่โศกเศร้า
ขอเพียงเรามั่นใจในคุณค่า
มีทุกข์สุขถูกผิดอนิจจา
ก็เป็นเพียงธรรมดาโลกธรรม ๚๛
1 กรกฎาคม 2548 19:28 น.
เกียรติ กรัชกาย
เขาทำข้าเจ็บช้ำระกำหนัก
รอรับผลความรักอันไร้ค่า
สู้อดกลั้นบรรเทาเจ้าน้ำตา
ยังหลั่งรดออกมาให้ข้าอาย
ด้วยหัวใจห่วงหาข้าเคยให้
เจ้ากลับเห็นเหลวไหลไร้ความหมาย
เจ็บไม่จำช้ำไม่จากไม่อยากตาย
จะทนอยู่เดียวดายใต้เงากรรม
ผลของความรักจางขวางทางข้า
กำแพงปรารถนาข้าถลำ
จะเก็บเจ้าเอาไว้ในความจำ
ประทับช้ำเอาไว้ในอุรา
เคยไต่ขอบฟ้าไกลไปหาเจ้า
อาศัยแสงแห่งดาวสกาวหล้า
ดาวกระพริบระยิบผ่านกาลเวลา
กว่าจะได้สบตาระหว่างเรา
ความเหว่ว้ามีบ้างบางชนิด
อันเป็นผลผลิตของความเศร้า
ดั่งคมมีดกรีดบาดสุดคาดเดา
มาตัดใยสองเราให้ขาดกัน
อยากเห็นรอยยิ้มเจ้าบนใบหน้า
อยู่ในทุกหลับตาของความฝัน
อยากให้สายใยใจได้ผูกพัน
อยู่ในทุกคืนวันของสองเรา ๚๛
1 กรกฎาคม 2548 02:41 น.
เกียรติ กรัชกาย
๛๚ ในห้วงความรำพึงถึงชีวิต
ข้าบรรจงจะผลิตลิขิตเจ้า
ร้อยเรียงกลอนสอนใจไว้กล่อมเกลา
เมื่อข้าเหงาเจ้าเสมือนเป็นเพื่อนตาย
ไม่ได้เป็นกวีที่เลอเลิศ
แต่เจ้าทำให้ข้าเกิดสำนึกได้
ในห้วงแห่งความฝันอันตราย
ข้าคงไม่เดียวดายใต้ชะตา
เจ้าคงไม่แหลมคมสมอาวุธ
พอยื้อยุดต่อสู้ศัตรูข้า
แต่เจ้าอาจบันดาลกาลเวลา
พอให้ข้าใช้สมองสนองมัน
ข้าเคยนั่งเดียวดายใต้เงามืด
มีบางครั้งที่จืดชืดกับความฝัน
หวังจะเห็นเรืองรองของแสงจันทร์
แต่ข้าก็พบมันอันตรธาน
มีเพียงแสงหิ่งห้อยคอยกระพริบ
แล้วเจ้าก็กระซิบให้ขับขาน
ถึงแสงน้อยด้อยค่ากาลนาน
อุทิศทานให้ข้าได้ฝ่าฟัน
ข้าจะทนฝ่าไปใต้เงามืด
ความจืดชืดก็พริ้งเพริศบรรเจิดฝัน
จะรับความขมขื่นของคืนวัน
มาเรียงร้อยสารพันปั้นแรงใจ ๚๛
24 มิถุนายน 2548 16:09 น.
เกียรติ กรัชกาย
หลากอารมณ์หลายรสบทชีวิต
มีพลั้งผิด มีสมหวังถึงฝั่งฝัน
มีทุกข์สุขโอบเอื้อเผื่อแผ่กัน
มีแก่งแย่งสารพันอันตราย
อย่าให้ความขื่นขมเป็นคมมีด
มาคอยกรีดความหวังให้พังพ่าย
เมื่อชีวิตยังอยู่อย่าดูดาย
ขอเพียงแต่ความตายไม่พรากเรา
คลื่นชีวิตขึ้นลงคงกระทบ
อย่าเป็นเหมือนซากศพในความเศร้า
หนทางฝันอีกไกลไต่ดวงดาว
ที่พริบพราวส่องให้เราได้เดิน
เธอจะไม่เดียวดายเมื่อใจสู้
แม้ศัตรูคอยสกัดอย่าขัดเขิน
เส้นทางฝันมีชัยให้เผชิญ
ลุกขึ้นสู้ แล้วเดินไปด้วยกัน ๚๛