18 พฤษภาคม 2549 12:09 น.

ชั่วขณะ

เกรียงไกร หัวบุญศาล

ชั่วขณะ 

เขานั่งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือด้วยความสับสน สงบนิ่งอยู่ในท่ามกลางความเงียบสงัด ของยามค่ำคืนที่แสนอึดอัด มือขวาของเขาถือปากกาค้างคาอยู่ กระดาษสีขาววางอยู่เบื้องหน้าหลายแผ่น ยังมีรอยปากการขีดเขียนลงไป เขานึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรลงไปดี ความอัดอั้นมันสุมแน่นอยู่ในอก
พ่อแม่ไม่เข้าใจผม เขาพูดเบา ๆ ออกมาราวกับรำพึงรำพัน

ดวงตาของเขาเหม่อลอย มีหยาดน้ำตาคลออยู่ที่เบ้า เมื่อมันล้นเอ่อก็หยดแปะลงบนกระดาษ ความเงียบของค่ำคืนทำให้เขาได้ยินเสียงมันชัดเจน มันเป็นหยดน้ำตาแห่งความน้อยอกน้อยใจและขุ่นแค้นละคนกัน

ข้างนอกมีลมพัดเบา ๆ ฟังคล้ายมีใครกำลังกระซิบกระซาบ แต่บางครั้งก็ฟังเหมือนเสียงใครกำลังนินทา เขารู้สึกว่ามันรบกวนจิตใจของเขาอย่างใหญ่หลวง
เขาอยากจะอยู่ในความเงียบ อยากให้มันเงียบเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตในโลกนี้อีกแล้ว เขาอุตส่าห์ลงทุนมาหมกตัวอยุ่ที่รีสอร์ทที่นี่ก็เพื่อต้องการอยู่กับความเงียบ
บ้าที่สุด เขาคำลามในลำคอ

เขารู้ว่าป่านนี้พ่อแม่คงตามหาเขาให้วุ่นวายแล้ว
แต่นั่นแหละดีจะได้รู้ตอนที่ไม่มีเขาอยู่แล้วจะรู้สึกอย่างไรคนเรามักสำนึกตัวก็ตอนที่เกือบจะสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วนั่นแหละ 
เขายิ้มเยาะบนใบหน้า แต่เป็นยิ้มเหยาะที่เหี้ยมเกรียม
ตอนที่เขาอยู่นั้นเหรอ ทั้งพ่อแม่ไม่เคยสนใจเขาเลย ทุกวันมีแต่งาน แม้วันหยุดก็ออกไปงานสังคม ไม่รู้ว่าจะบ้าบอกันไปถึงไหนกัน 
ตลอดเวลาเขารู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ตั้งแต่เด็กเขามีชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับ คนใช้ พอโตขึ้นเขาก็ได้รับความอบอุ่นจากเพื่อน แต่ก็ถูกพ่อแม่ด่าว่า เที่ยวเตร่ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่

เสเพลยิ่งกว่าเด็กข้างถนน นั่นเป็นคำพูดของพ่อที่ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเขาเสมอ
ผมจะเป็นยิ่งกว่านั้น หากพ่อแม่ไม่เข้าใจ เขามักจะพูดตอบโต้ออกไปอย่างนี้ทุกครั้งเช่นกัน จากนั้นฝ่ามือผู้เป็นพ่อเขาก็ตบเขาที่ใบหน้าของเขาเป็นการตอบแทน แล้วก็มีคำอธิบายที่เขารู้สึกว่ามันไร้สาระสิ้นดี เขาไม่อยากฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น
มิหน่ำซ้ำคนรักของเขาซึ่งเป้นรุ่รน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็มาตัดเยื่อใยให้เขาต้องบอบช้ำหนัก เข้าไปอีก ดูเหมือนว่าโลกนี้จะไม่สดสวยสำหรับเขาเลย
มันอาจเป็นเหตุผลที่งี่เง่าที่เขาเอามาอ้าง แต่ทุกคนต่างก็อ้างความงี่เง่าของตัวเองทั้งนั้น เพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น
นั่นแหละมันเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เขาหลบมาอยู่ที่นี่ แม้ว่าจะไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่สุดก็ตาม

เวลาอีกไม่นานข้างหน้านี้ คอยดูเถอะ เขาจะทำให้ทุกคนรู้สึกผิดที่ได้ทำกับเขาอย่างนี้ ผิดอย่างที่เขาไม่อาจให้อภัยได้ ใบหน้าเขายิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นกว่าเดิม หัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างสะใจ

ในที่สุดเขาก็ลงมือเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ เขาเขียนถึงความอัดอั้นใจที่ทับถมอยู่ในจิตใจของเขามาอย่างยาวนาน และเป็นสิ่งที่พ่อแม่จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เขาพรั่งพรู ความคลั่งแค้นทั้งมวลที่มีอยู่ภายในลงไว้จดหมายจนหมดสิ้น พร้อมทั้งเขียนที่อยู่และเบอร์โทรบ้านของเขาลงไป เขายิ้มอย่างผู้ชนะ
จากนั้นเขาเขียนถึงคนรักเขาอีกฉบับหนึ่ง เขาระบายถึงความเจ็บปวดที่เธอทำกับเขาไว้ แต่สุดท้ายเขาก็เขียนบอกเธอว่าเขาไม่แคร์อีกต่อไป เขาเด็ดเดี่ยวมากพอที่จะไม่จมดิ่งกับความงี่เง่าของความรักที่ผ่านมา แล้วเขาลงที่อยู่และเบอร์โทรของเธอลงไป จากนั้นยิ้มเยาะอย่างเย้ยหยัน

ครู่ต่อมาเขาค่อยเอาจดหมายทั้งสองฉบับวางคู่กัน เอาแก้ววางทับไว้แล้วมองดูจดหมายทั้งสองฉบับอย่างมีความสุข
ต่อไปนี้เขาจะไร้จากพันธนาการทั้งมวล ไม่มีทุกข์ สุข โศกเศร้าเสียใจอีกต่อไปแล้ว ช่วงเวลาสามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ ทำให้เขาได้พบทางออกที่ดีที่สุด และทำให้เขาสามารถตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่สุดในชีวิต
มันอาจจะเป็นความงี่เง่าเช่นกัน แต่ทุกคนก็งี่เง่าและไร้เหตุผลไม่ต่างกันนักหรอก
การทำอะไรไร้เหตุผลและงี่เง่า บางทีมันก็เป็นทางออกเฉพาะบุคคลที่ดีที่สุดสำหรับคนหนึ่งได้ ไม่จำเป็นต้องเอาบรรทัดฐานทางศาสนาหรือศีลธรรมใด ๆ มาอ้างหรอก ในโลกนี้ทุกคนล้วนแต่ดำเนินชีวิตไปตามแนวความคิดที่คิดว่าเหมาะสมกับตัวเองที่สุดเท่านั้น ไม่มีอะไรที่ชอบธรรมหรือถูกต้องทุกอย่างหรอก อา...นี่ไงเล่า คือ สิ่งที่เขาได้ค้นพบ
เขาเพิ่งจะรู้ว่าการที่ได้สื่อสารกับตัวเองมากขึ้น ทำให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น และเลือกทางที่จะทำ ที่จะตัดสินใจได้มากขึ้น 
เขายิ้มอย่างเป็นสุข พลางค่อย ๆ ดึงลิ้นชักออก เขาคว้าเอาวัตถุดำมะเมือบชิ้นหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก มันเป็นสิ่งที่เขาเสาะหามาไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพียงแต่ที่ผ่านมาเขายังตัดสินใจไม่ได้
แต่บัดนี้ เขาตัดสินใจได้แล้ว

เขายกมันขึ้นมาที่ขมับด้านขวา พร้อมจ่อปากของมันเข้าที่ขมับขวา เขายิ้มอย่างเยือกเย็น เอนหลังพิงเก้าอี้ ขยับตำแหน่งนิ้วชี้ ของมือขวาให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและเตรียมพร้อม 
เขายิ้มอีกครั้งพลางเริ่มขยับปลายนิ้วช้า ๆ เพื่อจะทำในสิ่งที่เขาตัดสินใจ และเขาก็พร้อมแล้ว

หนึ่ง สอง สาม เขานับในใจ
แต่เขาก็ชะงักกลางคัน เมื่อภาพของพ่อกับแม่พลันแว่บเข้ามารบกวนจิตใจ เหมือนพวกเขากำลังเย้ยหยันในสิ่งที่เขากำลังทำ คนรักของเขาก็เช่นกัน เขานึกถึงใบหน้าของเธอที่มองมายังเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
เขาลังเล
พลางขยับตำแหน่งวัตถุดำมะเมือบที่จ่อขมับเขาเพื่อจะลดลงมันลงมา
แต่เขากลับเผลอตัว ลืมวางตำแหน่งนิ้วชี้ของมือขวาไปชั่วขณะ
เขาอ้างปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนัก
ปัง!


กรกฎาคม ๒๕๔๖ 


 

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเกรียงไกร หัวบุญศาล
Lovings  เกรียงไกร หัวบุญศาล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเกรียงไกร หัวบุญศาล
Lovings  เกรียงไกร หัวบุญศาล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเกรียงไกร หัวบุญศาล
Lovings  เกรียงไกร หัวบุญศาล เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเกรียงไกร หัวบุญศาล