14 กุมภาพันธ์ 2551 20:13 น.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
วาเลนไทม์
หมายกามาฤาไฉน
ความรักที่มอบให้
จริงแท้แน่หรือรัก
หลอกลวงเพื่อเสพกามา
หรือว่าร่วมตระหนัก
มอบรักด้วยใจภัก-
ดีเสมอเพื่อรักแท้จริง
พรหมจรรย์อันล้ำค่า
อย่าพลีเพื่อซาตานสิง
เมื่อผ่านการแอบอิง
ความเป็นจริงจะเผยมา
วันความรักใช่เสียสาว
จะลึกร้าวเนินนานหนา
ยั้งงใจไม่ทรมา
นะสาวเจ้าจงเข้าใจ
คุณค่าพึงสงวน
สิ่งเย้ายวนชวนฝันไฝ่
แค่ภาพลวงกาลล่วงไป
ไม่เสียใจไม่หลวมตัว
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
14 กุมภาพันธ์ 2551 19:15 น.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
กุมภาพันธ์ล่วงสู่วันคืนเหน็บหนาว
ดินก็ร้าวเป็นรอยแยกแตกระแหง
สายลมก็กระหน่ำซ้ำรุนแรง
ใบไม้แห้งปลิดปลิวร่วงลงสู่ดิน
ราวบรรยากาศแห่งการพลัดพราก
จะฝังฝากสิ่งใดใกล้แดดิ้น
เพลงใบไม้ปลิดใบใครได้ยิน
เพลงแห่งการคืนถิ่นที่เกิดกาย
เกิดมาตามกาละวัฏฏะจักร
แค่พิงพักชั่วขณะจะสลาย
สัจธรรมย้ำการเกิดและเจ็บตาย
ทุกข์สุขภายกายใจรู้ชั่วครู่เวลา
ขณะใบไม้ร่วงหล่นอาจหม่นเศร้า
ดอกไม้เจ้าชูช่อต่อฝันกล้า
แม้ท่ามกลางความแห้งแล้งแห่งพสุธา
บานเบ่งมาประดับไว้ให้เชยชม
กุมภาพันธ์อัศจรรย์แห่งกาลนี้
แสนสุดที่จะเหน็บหนาวรวดร้าวขื่นขม
แต่งดงามด้วยดอกไม้ให้เพลินภิรมย์
จะจ่อมจมกับสิ่งใดให้เลือกเอา.
ปริศนาแห่งธรรมชาติปรารถนา
สิ่งใดพาจิตใจให้โง่เขลา
แยกแยะได้สิ่งใดไว้แนบเนา
เพียงใฝ่เฝ้าค้นหาสัจธรรม
.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
11 กุมภาพันธ์ 2551 16:35 น.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
สิ่งไหนคือคำตอบ
เพราะว่าชอบนั่นใช่ไหม
จึงเกิดรักในใจ
จึงฝันใฝ่จะร่วมทาง
ก่อเกิดความเชื่อใจ
เชื่อมั่นในรักที่สร้าง
บำรุงใจอับบอบบาง
ด้วยคำหวานซ่านซึ้งทรวง
ต่อความฝันให้บรรเจิด
เลิศเลอแล้วราวบำบวง
หลอมรวมใจทั้งดวง
มอบแด่รักด้วยภักดี
แล้วจากรวมหัวใจ
ยอมใช้กายเพื่อเซ่นพลี
เพื่อความรักขลังฤทธี
ยินยอมได้ไม่นำพา
โอ้ความรักของหนุ่มสาว
หนาววิโยคซึ้งโศกนักหนา
เมื่อรักคลายสลายพา
หัวใจช้ำสุดกล้ำกลืน
กายใจมอบให้แล้ว
ดุจแก้วร้าวเศร้าขมขื่น
สูญเสียมิกลับคืน
สะอื้นไห้อาลัยครวญ
หนุ่มสาวแห่งยุคสมัย
ฤามิอาลัยและไห้หวน
ยอมตามการชี้ชวน
แห่งปรารถนา ณ ห้วงใจ
มิอาจจะฝืนทน
แรงเสียดทานอารมณ์ได้
ถูกกระตุ้นก็ติดไฟ
แหวกว่ายเวิ้งกามา
คุณค่าพหรมจรรย์
พลันเป็นเรื่องขันนักหนา
เสพสุขอยู่ทุกครา
ว่าคืออิสระและเสรี
กาลเวลาที่ล่วงเลย
เลยลับไปเป็นเช่นนี้
เพียรเฝ้าสดุดี
ตามแต่ใจจะต้องการ
รักแล้วร่วมความใคร่
เสพสุขให้ฉ่ำหวาน
เอารักเป็นสะพาน
ก็สู่สวรรค์อันภิรมย์
คิดสั้นแค่วันคืนสุข
ลืมความทุกข์ความขื่นขม
ทิ้งชีวิตให้ตกจม
ห้วงปรารถนาจะพาไป.
๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
7 ธันวาคม 2549 12:28 น.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
จุดประกายไฟฝัน ณ วันใหม่
ก้าวต่อไปไม่ท้อต่อทางฝัน
มุ่งไปท่ามความศรัทธามหัศจรรย์
รอกำนัลแต่ผู้กล้าที่ท้าทาย
ประกายแห่งแสงสุรีย์มิมีดับ
แสงแห่งเดือนและดาวระยับสลับฉาย
คอยส่องทางพร่างแสงอยู่มิรู้มลาย
ส่องสว่าง ณ จุดหมายในทุกทาง
มีศรัทธาจึงจักกล้าที่จะก้าว
แม้เหน็บหนาวก็มิท้อต่อก้าวย่าง
ไฟศรัทธาในหัวใจไม่จืดจาง
จักมิร้างคนจรร่อนเร่ไป
ไปค้นหาเสรีอิสระ
ไปค้นหาสภาวะอันยิ่งใหญ่
ไปค้นหาวิถีที่หัวใจ
ยังสงสัยในสัจจะบางประการ
อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายในโลกนี้
กี่คนที่จักก้าวย่างอย่างกล้าหาญ
แสวงหาวิถีที่เบิกบาน
นิ่งเนานานสงบในหัวใจตน.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
๗ ธันวาคม ๒๕๔๙
7 พฤศจิกายน 2549 20:21 น.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
*************************************
กลอนหก
ดวงใจดวงใดพิสุทธิ์
ประดุจน้ำค้างกลางหาว
งดงามกว่าแสงสกาว
แห่งดาวบนฟ้าราตรี
ดวงใจดวงใดสะอาด
กว่าหยาดฝนพรมภพนี้
รินหลั่งความปรารถนาดี
มิมีเล่ห์เหลี่ยมมายา
ดวงใจดวงใดสูงส่ง
ดำรงคุณธรรมล้ำค่า
เปี่ยมล้นด้วยจิตเมตตา
ศรัทธาทั้งกายใจใฝ่ดี
มิมีใช่ไหมเช่นว่า
มองหาทั่วหล้าฟ้านี้
หายากหนักหนาค่ามณี
ค่าที่งดงามในใจคน
กาพย์ฉบัง ๑๖
มองหาทั่วทุกแห่งหน..............ศรัทธาค่าล้น
สินทรัพย์อำนาจวาสนา
ราวไร้แล้วใจใฝ่หา..................มโนธรรมนำพา
วิถีชีวิตจิตวิญญาณ
ดวงใจใดงามข้ามกาล...............ไร้ทรัพย์สินสถาน
ด้อยค่ากว่าสัตว์เถื่อนไพร
ค่าที่งามศรีวิไล..........................อำนาจยิ่งใหญ่
ทรัพย์สินมากมายก่ายกอง
ไร้ทรัพย์อัปมงคลครอง............ชีวิตเศร้าหมอง
มีแต่จักนองน้ำตา
สิทธิเสรีอิสรา...........................คล้ายถูกบีฑา
มิมีที่ให้หยัดยืน
โลกนี้เปลี่ยนไปไม่อาจฝืน.......ชั่ววันและคืน
มิอาจหวนคืนฝืนลา
อาลัยใจพิสุทธิ์ค่า....................งามซึ้งตรึงตรา
พ่ายค่านิยมใหม่หมายครอง
นิยมชมผู้เรืองรอง...................ทรัพย์สินเงินทอง
ห่อนคำนึงถึงที่มา
ดีเลวอยู่ที่เงินตรา...................ทรัพย์สินนานา
คล้ายพิสูจน์ค่าความเป็นคน
กอลนหก
ดวงใจดวงใดพิสุทธิ์
ประดุจน้ำค้างกลางเวหน
งดงามเสมอในใจตน
มิหมายให้ชนเชยชม.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
๘ สิงหาคม ๒๕๔๙