24 มกราคม 2547 22:21 น.
ฮิคารุ
หากฉันเป็นดั่งนกในนภา
คงจะกล้าบินถลาอย่างสุขสม
ไม่ต้องกลัวว่าจะมีภัยจากลม
เพราะก้มลงร่อนถลาสู่พื้นดิน
เมื่อลงไปตกใจแทบเป็นบ้า
มองขึ้นฟ้าตาถลนเพราะหัวทิ่ม
เหตุใดหนาจึงต้องตายบนพื้นดิน
ไฉนไม่สิ้นบนฟ้าตามเกิดมา
ญาติพี่น้องของฉันส่วนใหญ่แล้ว
มักจะตายแคล้วคลาดอยู่บนฟ้า
หรือไม่ก็ถูกฟ้าสั่งลงมา
ให้ชีว่าบรรลัย ณ สายไฟ
23 มกราคม 2547 22:18 น.
ฮิคารุ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
ในวันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ2547
เป็นวันก่อนวันตรุษจีน 1 วัน
โรงเรียนของฉันหยุด
เพราะฉะนั้นฉันต้องไม่ได้เจอเธอแน่ๆ
วันนี้จึงต้องรีบๆเจอไง
เมื่อลงจากรถโรงเรียน ฉันก็เดินเข้าประตูโรงเรียนไป
นักเรียนส่วนใหญ่กำลังนั่งอ่านหนังสือ...
ตามนโยบายแสนประเสริฐของโรงเรียนอยู่
ทุกคนกำลังอยู่ในความเงียบ
เพราะฉะนั้นฉันจึงต้องเดินอย่างระมัดระวัง
ฉันเดินไปวางกระเป๋าตรงหน้าห้องศาสนา
ไปเข้าห้องน้ำ แลกเหรียญชิพสำหรับค่าขนม
เดินออกมา...
แอ๊ะ! ฉันเจอกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ของนักเรียนแน่ๆ
จำได้ว่าเคยเห็นที่ไหน.....น้า
อ้อ! ก็ของเธอไง ฉันเคยเห็นเธอสะพายกลับบ้านอยู่วันนึง
ฉันเดินตรงไปยังกระเป๋านักเรียน เพื่อจะหยิบแล้วเดินขึ้นห้อง
แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็กำลังเดินตรงไปยังกระเป๋าใบนั้นด้วย
บังเอิญจริงๆที่กระเป๋าเธอวางอยู่ใกล้กระเป๋าฉัน
แค่วางอยู่คนละฝั่งกันเอง...
ฉันเดินพลางมองไปรอบๆ...เผื่อจะเห็นเธอ
แล้วก็เห็นจริงๆ
เธอยืนอยู่ที่หน้าเสาธง กำลังอบรมนักเรียนอยู่
ฉันเหลือบตาไปมองเธอ
..แล้วเธอก็มองฉัน..
มันก็เป็นแค่ความบังเอิญหน่า
ถ้ามีใครมามองเรา แล้วเรารู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง
เราก็ต้องหันกลับไปดูว่าใครกันน้า...ที่จ้องเรา
ฉันหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วเดินขึ้นห้องไป
ตั้งแต่ที่ห้อง ม.1/6 ของฉันขึ้นมาเข้าแถวบนระเบียงชั้น3 เนี่ย
รู้สึกเหมือนกับว่าถูกปิดตาไม่ให้มองเห็นโลกภายนอกเลย
มันน่าเบื่อจริงๆ...
โดยเฉพาะเวลาที่ไม่เห็นเธอมายืนอยู่ที่แถวด้วย
ฉันเห็นเธอแค่ตอนเช้าเอง
ตอนพักก็ไม่เห็น
วันนี้ยิ่งเรียนก็ยิ่งหดหู่
การบ้านก็ยิ่งหนักหัว
แล้วชั่วโมงศิลปะซึ่งเป็นวิชาที่ถือว่าฉันชอบแล้วก็ทำได้ดีนะ
พอดูงานคนอื่นแล้วแห้วไปเต็มๆเลย
บังเอิญว่างานนี้มันเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อย...
แต่มีค่ามหาศาลสำหรับใจของฉัน
งานนี้จึงสวยสู้งานอื่นๆที่เคยทำมาไม่ได้
ก็มันไม่สวยจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะมีคนชมก็ตามเหอะ...
พักเที่ยงเดินไปกินข้าวกลางวันที่ตึก2
ต่อแถวซื้อข้าวตามปกติ
ฉันเห็นเธอเดินไปล้างมือตรงใกล้ๆที่เก็บจานพอดี
ก็ปกติไม่มีอะไร
เดินไปซื้อน้ำต่อ
เธอเดินมาพอดี!!!
เธอซื้อน้ำแข็งเปล่าถุงนึง
ถุงใหญ่ๆ ใหญ่เกินไปสำหรับหนึ่งคน
ทางที่ดีควรจะกินซักสองคน
มาแบ่งให้ฉันดีก่า...
โอ้ยยยย คิดอะไรออกไปเนี่ย
ไปกินข้าวดีกว่า
พอเลิกเรียน
ฉันก็เดินลงมาอย่างไม่ปกติ...
เพราะวันนี้มีรอบเดือน
แต่ถึงงั้นก็ยังแอบมองเธอที่ยืนเฝ้าเวรอยู่ดี
เธอน่ารักเนอะ...ฮิ ฮิ
หลังเลิกเรียนพิเศษ
ฉันก็เดินหิ้วกระเป๋าเอาการบ้านไปทำที่อาคาร1
เพื่อนสนิทของฉันที่ปกติจะอยู่คุยด้วย...
กลับบ้านไปแล้ว
เฮ้อ...ฉันจะคุยกับใครดีเนี่ย
ยังมีเพื่อนอีกคนนึงที่นั่งรถโรงเรียนด้วยกัน
ก็เลยคุยด้วย
แต่ไม่ใช่เรื่องของเธอหรอก...
รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ
รอเธอ..
ที่ปกติทุกๆเย็นต้องมาตึกนี้
จนตอนนี้ฉันต้องกลับแล้ว
จึงไม่มีเวลารอเธออีกต่อไป
ฉันเดินเข้าไปนั่งในรถโรงเรียน
ตำแหน่งที่ฉันนั่งคือด้านหน้าสุดข้างคนขับ
รถโรงเรียนของฉันจอดอยู่หน้าอาคาร2
ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นทุกๆคนที่เดินออกมาจากตึกได้พอดี
ฉันจึงยังคงมองหาเธอ
รถใกล้จะออกแล้วนะ ทำไมฉันยังไม่เห็นเธอซักที
แต่แล้ว...
ฉันก็เห็นเธอเดินสะพายกระเป๋ากำลังจะกลับบ้าน
ลงไปหาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วหละ
หลายครั้งที่ฉันนั่งอยู่ในรถโรงเรียนแล้วเห็นเธอ
แต่มีแค่ครั้งเดียวที่เธอเดินมาแล้วมองเห็นฉัน
ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่2 ที่เธอเห็นฉันไหมนะ
จะเป็นไปได้ไหมนะ...
มันเป็นไปแล้ว
เธอเดินไปนั่งกับครูเวรที่หน้าประตูโรงเรียน
แล้วหันมามองฉันพอดี
เธอหันไปคุยกับครูเวรอีกครั้งหนึ่ง
หันกลับมาเป็นพักๆ
ในที่สุดรถโรงเรียนก็ออกขับ
ฉันมองผ่านเธอที่เริ่มมองเห็นได้ยากขึ้นๆ
รอว่าเธอจะหันมามองฉันเป็นครั้งสุดท้ายไหมนะ
จะมีไหมนะ...
และแล้วเธอก็หันมามองฉันพอดี
ฉันเห็นว่าเธอมองฉัน
มองแบบจ้องทำนองว่าเจอกันวันศุกร์นะ
ฉันมองเธอ
แล้วเธอก็มองฉัน
โอ้ยยยย ไม่ไหวแล้ว ทำไมเธอต้องมองฉันแบบนี้ด้วย
แต่ฉันก็ยิ้มนิดๆ
นิดเดียวเท่านั้นให้เธอ
จนเธอหายลับไปจากสายตา
นี่อาจเป็นอั่งเปาวันตรุษจีนที่ดีที่สุดแล้วก็ได้นะ...ว่าไม๊
22 มกราคม 2547 22:20 น.
ฮิคารุ
ปีเก่าที่ผ่านไป
ปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมา
คอยรอว่าปีหน้า
เมื่อไหร่หนาจะมาที
การเรียนมัธยม
ไม่สุขสมหรือเปรมปรีดิ์
การบ้านก็มากมี
ฉันสินี่ต้องหมั่นเพียร
15 มกราคม 2547 22:23 น.
ฮิคารุ
เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ.2547
หรือเรียกง่ายๆว่าวันก่อนวันครู
วันนี้ฉันก็ไปโรงเรียนตามปกติ
เอากระเป๋าไปเก็บบนห้อง
แล้วเดินไปเข้าแถวที่อาคารอื่น
มันช่างเป็นวันที่เรียบง่ายจริงๆ
ฉันนั่งรอเพื่อนคนอื่นๆที่กำลังเดินมาเข้าแถวอยู่
เธอเดินมาพอดี
ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป
เธอใส่เสื้อ กระโปรง และ เสื้อคลุม สีชมพูอ่อนๆ เนื้อผ้าวาวมัน
มันช่างผิดกับวันอื่นๆที่เธอมักจะใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ กับกางเกงพละ
มันทำให้ฉัน...รู้สึกแปลกๆนะ
เมื่อถึงหมายกำหนดการเวลาที่วางไว้
ทุกคนเข้าประจำที่รวมทั้งเธอด้วย
ฉันมองไปให้ไกลที่สุด
จนเห็นเธอนั่งอยู่ประมาณแถวที่3
มันช่างยากต่อการมองเธอจริงๆ
พิธีไหว้ครูหรือกตัญญุตานี้ใช้เวลาเบ็ดเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง
จบพิธีก็ไม่มีอะไร...เพราะเธอหายไปไหนก็ไม่รู้
ฉันเดินข้ามอาคารกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเอง
ถอดรองเท้าเดินเข้าไป...
เธอยืนคุยกับมิสคนหนึ่งอยู่
ฉันเห็นเธอ
เธอเห็นฉัน
แต่คงไม่มีอะไรต้องพูด
ฉันจึงเดินกลับห้องเรียนไป
พักกลางวัน
ฉันเดินไปกินข้าวเที่ยงที่อีกตึกหนึ่ง
ฉันต่อแถวซื้ออาหาร
ซื้อเสร็จก็เดินไปหาที่นั่ง
ฉันเห็นเธอเพิ่งกินเสร็จและเดินไปเก็บจานพอดี
เธอเดิน เดิน และเดิน ไปไหนก็ไม่รู้
เมื่อฉันกินข้าวเสร็จก็เดินกลับตึก
สัญญาณเพลงดังให้เข้าห้องเรียน
ฉันเดินไปเข้าแถวที่ระเบียงชั้น3 ข้างๆห้องเรียน
...ซึ่งเปิดไฟอยู่...
ฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของ
เอาของวางไว้บนเก้าอี้
หันหลังกำลังจะเดินออกจากห้อง...
...เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ...
มันหมายความว่าอะไรกานนนนนนนนนน
ทำไมตอนที่ฉันเดินเข้าห้องฉันจึงไม่เห็นเธอ มันหมายความว่าอะไร
ฉันก็เดินออกจากห้องโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจเธอ
แต่ใจฉันมันบังคับสมองให้สั่งตา
...หันไปดูเธอ...
พอแล้ว!!!!!
ออกไปเข้าแถวดีกว่า
ฉันค่อยๆเดินตามแถวเข้ามาในห้อง
เธอยังนั่งอยู่
คาบนี้เธอจะอยู่กับฉัน ฉันจะอยู่กับเธองั้นหรือ
ฉันเดินไปนั่งที่โต๊ะ เงียบ...
แล้วฟัง...
เสียงคุยดังสนั่นแทบเป็นบ้าของเพื่อนๆในห้อง
กับสายตา...ของเธอที่ดูโกรธ
เธอพูดให้ในห้องได้ยิน
...แล้วก็เดินออกจากห้องไป...
มันหมายความว่าอะไรกัน..................
วันนี้เลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษ
ฉันจึงเดินไปกินสเวนเซนส์ที่โรบินสันกับเพื่อนอีก 5 คน
เดินกลับมาที่โรงเรียนอีกทีก็ 15.30 น.
ฉันนั่งอยู่กับเพื่อนอีก 2 คน
ใจก็ยังคอยพะวงอยู่กับเธอ
ฉันจึงเดินออกไปดูมอเตอร์ไซค์ยานพาหนะคู่ชีพ...ของเธอ
มันยังคงอยู่กับที่
งั้นก็แปลว่าเธอยังไม่กลับบ้านน่ะสิ
ตอนนี้เพื่อนคนนึงกลับไปแล้ว
ฉันจึงเดินเล่นอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง
เดินไปเดินมา เห๊อะ!!!!!
เธอ เธอ เธอเดินอยู่ที่หน้าตึก
เธอปล่อยผมยาวสลวยที่ฉันยังไม่เคยเห็นเธอปล่อย
เพราะปกติแล้วเธอจะรวบไว้เสมอ
เธอน่ารักจริงๆ
ฉันรีบวิ่งไปดูเธอในระยะห่างๆ
เธอเดินสะพายเป้เดินไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงทางที่จะไปท่าเรือ
เธอจะกลับบ้านแล้วหรือไงกัน
ฉันเฝ้ามองเธอเดินไปแล้วหยุดเดิน
กับมิสคนหนึ่ง
มองเห็นไม่ชัดนักว่าเธอทำอะไร
แต่ฉันก็พยายามเขย่งปลายเท้า
แล้วอยู่ดีๆรถคันหนึ่งก็มาจอดบังหน้า...
สักครู่ก็ขับผ่านไป
แต่เธอหายไปแล้ว
...ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ...
ฉันตัดสินใจเดินไปกับเพื่อน ตรงไปยังท่าเรือ
เดินผ่านมอเตอร์ไซค์ ทะเบียน บทง381 ของเธอ
หยุดมองด้วยความแปลกใจ
ว่าทำไมเธอไม่ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน
ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆตรงไปยังท่าเรือ
เธอหายไปไหนน้า...ฉันคิดในใจ
ฉันเดินไปหยุดที่ตรงรั้วเหล็ก
ตรงที่ห้ามไม่ให้นักเรียนออกไปซื้อของกินนอกโรงเรียน
มองออกไป...
...เธออยู่ตรงนั้นเอง...
กับมิสคนนั้นที่เดินมาด้วย
ท่าทางเธอคงจะกลับบ้านด้วยรถของมิสคนนั้น
ฉัน ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
แต่ฉันก็พยายามดึงเพื่อนออกไปด้วย
ฉันอาจดูเหมือนว่าอยากเหลือเกินที่จะออกไปกินขนมนอกโรงเรียน
แต่ในใจของฉันยังคงเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ...จนอยากเข้าไปใกล้ๆ
เอ๊า! สองสาวยังไม่กลับอีกเหรอ กลับกี่โมงหละ
เธอหันมาเห็นฉันพอดี
ฉันเลยตอบเธอไปว่า 5 โมง
เธอยิ้ม...
แล้วก็ขึ้นรถที่ขับออกไปที่ไหนก็ไม่รู้...ไป
หัวใจฉันตื่นเต้นจนพองโตในวินาทีที่เธอเรียกฉัน
แต่หัวใจฉันก็หล่นวูบในนาทีที่เห็นรถเคลื่อนที่ออกจากที่จอดรถรถไป
เฮ้อ!ทำไมน้า...ฉันกับเธอถึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานๆซะที
7 มกราคม 2547 22:16 น.
ฮิคารุ
ในวันนั้น
วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2546
โรงเรียนฉันหยุดเรียนแล้ว
ฉันจึงตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษ
เพื่อที่จะมาทำสิ่งๆนึง...ให้เธอ
ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมง
ในการคิดออกแบบทำสิ่งๆนี้ให้กับเธอ
ฉันวาดแล้วก็ลบอยู่หลายครั้ง
จนในที่สุด...
ฉันก็ได้แบบของการ์ดปีใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์ที่สุด
ตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันยังไม่เคยตั้งใจทำการ์ดให้ใครมากเท่านี้มาก่อน
ซึ่งตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าทำไม
นี่เพียงแค่ร่างแบบเท่านั้นนะ
ยังมีส่วนประกอบของการ์ดอีกมากมายที่ฉันต้องทำ
ฉันหยิบกระดาษa4 สีขาวสะอาด ออกมา 3 แผ่น
แผ่นแรกกับอีกครึ่งแผ่น ฉันเอามาวาดให้เป็นซองจดหมาย
มันไม่ง่ายเลย สำหรับซองจดหมายที่ทำเองแล้วมีขนาดใหญ่
แต่ในที่สุด...
ซองจดหมายก็เสร็จสมบูรณ์
...ภายในเวลา 2 ชั่วโมง...
จากนั้นฉันก็บรรจงร่างขนาดของการ์ดที่วางไว้ลงในกระดาษ
ตัดออก แล้วเอามาทากาวติดกัน
ออกมาเป็นการ์ด 3 หน้า
หน้าแรกฉันเจาะรูเป็นวงกลมให้พอดีกับพระจันทร์ของหน้าที่สอง
หน้าที่สองฉันวาดรูปพระจันทร์แทนตัวเธอ...
...และใบไม้ที่อยู่บนดินแทนตัวฉัน...
...คงอีกนานกว่าใบไม้ใบน้อยๆนี้จะถูกลมพัดให้ไปถึงดวงจันทร์...
หน้าสุดท้ายฉันแต่งกลอนแปดเพราะๆให้เธอ...
ในที่สุดการ์ดใบนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ในตอนดึก
ฉันจัดแจงใส่ซองแล้วก็ให้แม่บ้านเอาไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์ในวันรุ่งขึ้น
เพราะฉันไปส่งเองไม่ได้ยังต้องจัดเสื้อผ้า
พรุ่งนี้ฉันต้องไปเที่ยวแล้ว...
ไม่มีใครรับประกันว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งถึงผู้รับหรือไม่
มันสำคัญมากแค่ไหนคงไม่มีใครรู้
เพราะฉันไม่ได้บอก...
ว่าจะส่งให้ใคร
ฉันจึงต้องส่งใจให้จดหมายถึงเธอที
เปิดเรียนอีกทีก็วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ.2547
ตอนเช้าฉันเจอหน้าเธอ
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนบ่ายเธอก็อยู่กับฉันทั้งชั่วโมง
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนเย็นฉันเห็นเธอและเธอก็เห็นฉันอยู่ในโรงเรียน
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
คืนวันนั้นฉันเฝ้าแต่รอว่าวันรุ่งขึ้นจะได้ยินคำพูดจากปากของเธอ
วันรุ่งขึ้นฉันเจอเธอ
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
จนฉันปักใจคิดว่า...
จดหมายคงยังไม่ถึงมือเธอ หรืออาจจะหายไปแล้วก็ได้
ตอนเที่ยงฉันลงมาพักกับเพื่อน
เจอเธอนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร
จริงๆแล้ว วันนั้นฉันไปนั่งอยู่ใกล้ๆเธอก็ได้
แต่เที่ยงนั้นฉันติดงานสำคัญ
จึงต้องละทิ้งความปรารถนาของหัวใจไป...
ฉันกลับมาหลังจากที่สะสางงานเรียบร้อยแล้ว
โอ้! สวรรค์บรรดาล ให้เธอยังนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร
ฉันอยากจะไปใกล้ๆเธอ
แต่คิดอีกที ขอไม่ดีกว่า เธอคงไม่สนใจฉันหรอก
ฉันจึงมองหาเพื่อน
...ที่บังเอิญไปนั่งอยู่โต๊ะติดกับเธอ...
ฉันจึงต้องไปนั่งตรงนั้น
และฉันก็นึกได้ว่ายังมีงานต้องจัดการ
...กับเพื่อนคนที่กำลังคุยอยู่กับเธอ...
ก็มันช่วยไม่ได้นิ่ฉันจำเป็นต้องคุยกับเพื่อนคนนั้นเดี๋ยวนี้
ฉันจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนคนนั้นคุยด้วย
และรอๆเวลาที่เธอจะพูดกับฉัน...
ในที่สุด เธอก็ยอมเอ่ยปากพูดกับฉัน
เอ้อ.. ชนาธิปมิสขอบใจนะ สวยมากเลยล่ะ
คำพูดของเธอเป็นเพียงคำพูดสั้นๆที่ไม่ชัดเจนสำหรับคนอื่น
แต่สำหรับฉัน...
คำพูดจากปากและใจของเธอ
..มันมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด..