8 มีนาคม 2555 21:30 น.
อิสรชัย รัตน
วันนี้นอกร้านอากาศร้อนมากใกล้จะทะลุสี่สิบองศาเซลเซียสเห็นจะได้ ผมเปิดร้านตัดผมตามปกติเพื่อรอรับลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอลูกค้าเพราะวันนี้ไม่ใช่วันหยุดลูกค้าจะไม่มาเช้ามากนัก สายตามองไปตามภาพและพาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ผมสะดุดตากับภาพหนึ่งที่รูปภาพในหน้าหนังสือพิมพ์หน้าตาเหมือนกับลูกค้าขาประจำของร้านตัดผม
ผมมองดูภาพข่าวและชื่อคนที่ประกอบกับภาพข่าว จับเครือข่ายค้ามนุษย์ นำเด็กมาโกนหัวให้ออกเรี่ยไรเป็นเณรปลอม ผมตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และย้อนรำลึกถึงตอนที่ชายหนุ่มมาตัดผมที่ร้าน
ผมทำงานสังคมสังเคราะห์ ช่วยเหลือเด็กผู้ยากไร้ ให้มีสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชายหนุ่มพูดช่วงที่ผมกำลังตัดผมให้
เป็นงานที่ดีนะผมสนับสนุน อย่างน้อยก็ทำให้เรามีจิตใจที่สบายขึ้นเพราะเป็นการช่วยเหลือสังคม เออแล้วหน่วยงานตั้งอยู่ที่ไหนหรือครับ เพื่อวันนั้นที่ผมอยากไปเลี้ยงอาหารเด็ก ผมสอบถาม
เป็นการทำงานไปแบบสัญจร คอยช่วยเหลือตามบริเวณต่างๆ ที่มีการร้องขอมา ไม่มีที่อยู่ตายตัว ถ้าจะสนับสนุนก็เป็นการบริจาคให้หน่วยงาน ถ้าพี่สนใจผมจะนำใบบริจาคมาให้ได้นะครับ แล้วผมจะนำส่งให้ เออพี่เรียกผมว่า หนุ่มก็ได้ครับ
แล้วครวหน้าอย่าลืมนำเอกสารมาให้ผมนะน้องหนุ่ม ผมบอกก่อนที่ชายหนุ่มจะออกจากร้านในวันนั้น
ผมสนใจรายละเอียดของข่าวที่เกิดขึ้นแล้วผมก็สะเทือนใจเป็นที่สุด เพราะในรายละเอียดของข่าวนั้นเด็กบางคนมาจากพ่อแม่เป็นหนี้นอกระบบแล้วก็นำลูกมาทำงานเพื่อขัดดอก ส่วนเด็กบางคนนั้น นำเด็กจรจัดเข้ามาร่วมขบวนการ และที่ซ้ำร้ายกว่านั้นเด็กเหล่านี้กำลังติดยา ยาเสพติดที่กลุ่มค้ามนุษย์พวกนี้จัดการเพื่อให้เป็นทาสของตนเองโดยใช้ยาเสพติดเป็นตัวล่อให้ทำเงินให้กับกลุ่มของตน
ลูกค้ารายใหม่เข้ามาในร้านเป็นลูกค้าขาจรที่ไม่เคยมาตัดที่ร้านของผม เป็นลูกค้ารายแรกของวันนี้ เมื่อนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้วลูกค้าที่เป็นหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ก็พูดเมื่อเห็นพาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ผมวางบนที่ชั้นหน้ากระจก
หลานผมโดนไปคนหนึ่ง นี้ช่วงบ่ายผมว่าจะไปหาแม่มันหน่อยทำไมถึงปล่อยให้ลูกไปกับคนแปลกหน้าและถูกทารุณกรรมอย่างนี้ ชายหนุ่มพูด
หลานพี่ด้วยหรือครับ ผมถามย้ำ
เออ ผมแทบช็อคเมื่อรู้ข่าว ไอ้คนจัญไรพวกนี้ต้องเอาให้ตาย ชายหนุ่มพูดด้วยความโกรธที่เกิดเหตุอย่างนี้
ผมเองก็แทบไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดในเมืองพุทธ เช่นเมืองไทยของเรา
คุณไม่ต้องไม่เชื่อหรอก เมืองไทยเดี๋ยวนี้มีอะไรบ้างที่ไม่ทำ มันทำกันทั้งนั้น มันไม่สนด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือบ้านเมืองเป็นอย่างไร ขอเพียงได้ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ชายหนุ่มร่ายยาวและพูดต่อ
คุณเห็นไหม มันทำลายสังคมไทยของเราป่นปี้หมดแล้ว มีอะไรที่เหลือให้เราภาคภูมิใจมั่ง เด็กรุ่นใหม่ริมีผัวตั้งแต่ประถม หนังลามกมีให้ดูเกลื่อนเมือง สิ่งมอมเมามีทั่วทุกซอย ร้านเกมที่ไหนไม่มีมั่ง มีทั่วไปหมด เด็กเล่นหามรุ่ง หามค่ำไม่มีใครสนใจ พ่อแม่ก็ปล่อยปละละเลย ไอ้หลานผมไม่รู้เป็นเพราะประเด็นหลังหรือเปล่า ชายหนุ่มพูด ซึ่งสิ่งที่พูดด้วยเป็นสิ่งที่เราเห็นอยู่และเป็นความจริง
สงสัยประเทศไทย ต่อไปจะล้าหลังกว่าพม่าและลาว ถ้าเรายังคิดกันได้แค่นี้
นั่นนะสิ ผมเห็นว่าประเทศไทยในอนาคตน่าเป็นห่วง ผมสนับสนุน
แต่อย่างไรก็ตามเดี๋ยวบ่ายนี้ไปดูหน้าไอ้พวกนี้เสียหน่อย ดูว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร ทำไมจิตใจถึงโหดร้ายขนาดนี้ ไม่รู้มันทารุณเด็กขนาดไหน ล่วงละเมิดทางเพศด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันเชื่อใจได้ที่ไหนคนยุคนี้
*****************************
ชายหนุ่มกลับไปแล้วผมยังคงนั่งสงสารกับเด็กที่ถูกพาไปทารุณ อยากไปดูหน้าชายหนุ่มนักสังคมสงเคราะห์จอมปลอมเหมือนกันว่าจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นหน้าผม แต่เมื่อคิดไปคิดมาผมจะไปช่วยอะไรได้แม้พ่อแม่ของเด็กเองบางคนยังส่งลูกตัวเองไปให้เขาทรมานเลย ผมนั่งคิดไปคิดมาอยู่พักใหญ่ ลูกค้าคนใหม่ของผมเป็นเด็ก ผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมวันนี้ไม่ไปโรงเรียน เพราะวันนี้เป็นวันเรียนหนังสือไม่ใช่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์
อ้าว..วันนี้ไม่ไปโรงเรียนหรือ ผมถามเมื่อเด็กขึนมานั่งที่ม้านั่งตัดผมเรียบร้อย
ผมหมดสิทธิสอบแล้วครับ ขาดเรียนเกิน เด็กน้อยตอบผม ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อ้าว ทำไมปล่อยให้หมดสิทธิ์สอบล่ะ ผมถามด้วยความสงสัยและอยากรู้
ผมเบื่อโรงเรียน เลยไปเรียนเรียนมั่งไม่เรียนมั่ง ไปเรียนไม่เห็นสนุก สู้อยู่ตามร้านเกมก็ไม่ได้
ทำไม เธอคิดอย่างนั้น ผมหดหู่กับสิ่งที่ได้ยิน
ก็เรื่องจริงนี่พี่ เดี๋ยวนี้เด็กเขาไม่อยากเรียนกันทั้งนั้นแหละ เด็กหญิงไปโรงเรียนก็นั่งคุยเรื่องแฟน เรื่องทำแต้มกันนะพี่ เด็กชายก็คุยเรื่องสก๊อยและเรื่องการแต่งรถ การซิ่งมอเตอร์ไซด์ เด็กน้อยพูดอย่างไม่อายในสิ่งที่พูด
จริงนะพี่ อย่างไอ้เดินเรี่ยไรที่พาดหัวข่าวนี้ผมก็เคยไปทำ เมื่อได้เงินมาก็ได้รับค่าแรงมาเล่นเกม แต่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร เพราะพวกพี่ที่คอยดูแลเด็กที่นำมาจากพ่อแมที่ขัดดอก ชอบมาวุ่นวายและชอบล่วงละเมิด ผมไม่ค่อยเท่าไหร่ มันเหนื่อยด้วย เลยเบื่อ เด็กน้อยพูดพร้อมกับชี้ให้ดูรูปภาพในหน้าหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บันที่เดิมหน้ากระจกเงา และได้พูดในสิ่งที่ผมอยากรู้
แล้วเธอไม่กลัวบาปหรือที่ไปหลอกเขา ผมถามความคิด
บาปอะไรพี่ พระที่วัดก็ไม่ได้บริสุทธิ์อย่างที่พี่คิดหรอก ไปดูกุฏิแต่ละหลังมีทั้งเกม ทั้งหนังโป๊ไม่ต่างกับบ้าน พี่ลองไปดูสิ เด็กน้อยพูด
นั้นไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นเพียงบางรูปเท่านั้น ผมแย้ง
แต่ผมว่าส่วนใหญ่ะนะพี่ที่เป็นแบบนี้ ผมไม่ค่อยเชื่อ บ้านเราถึงเป็นแบบนี้นะพี่
เด็กน้อยชี้ไปที่ภาพชายหนุ่มในหน้าหนังสือพิมพ์ ไอ้นี้แหละตัวร้ายชอบล่วงละเมิดเด็กๆ ผมถึงทนไม่ไหวเลยถอนตัวออกมา เด็กส่วนใหญ่โดนมันทั้งนั้นแหละและพี่ อยู่ที่ว่าต้องทนกับภาวะจำยอม
ผมอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินและไม่คิดว่าเด็กน้อยจะกล้าพูด สิ่งที่ตัวเองถูกกระทำ แล้วทำไมเธอไม่ไปแจ้งความเอาผิดกับคนพวกนี้ ผมถาม
ผมตายสิพี่ถ้าแจ้งความ ในขบวนการของมันยังมีตำรวจเลยนะพี่ ไม่เช่นนั้นตระเวณขอไม่ได้หรอก
พี่ไม่แน่นะ ถ้าวันไหนผมขัดสนผมอาจไปทำอีกก็ได้ ถูกจับอย่างนี้ไม่กี่วันหรอกแล้วก็กลับมายึดอาชีพนี้กันอีก เด็กยังคงพูดแจ้วๆ ให้ฟัง
พี่เคยได้ข่าวไหม บางหมู่บ้านชายหนุ่มหัวโล้นทั้งหมู่บ้าน มันก็มาทำอย่างนี้แหละ หลังจากบิณฑบาตก็กลับมาพักอยู่ตามตึกแถว เย็นมาก็ตั้งวงกินเหล้า นั้นก็เป็นอีกแก๊งค์หากินที่ผมจะไปอยู่ด้วยก็ได้เพราะเด็กๆ เขารับเข้าสังกัดอยู่แล้ว เรียกความสงสารได้มากกว่า เด็กน้อยพูดอย่างคนที่เจนจัดทางโลก
เออ น่าสงสารคนทำบุญ แล้วต่อไปจะแยกออกไหมว่า ไหนพระจริงไหนพระปลอม ผมพูดเหมือนถามตนเอง
พระปลอมชอบที่ชุมชนพี่ และต้องการปัจจัยมากกว่าอาหารประทังชีวิต เด็กน้อยพูด
ผมนิ่งและนิ่งไปอีกนานกับสิ่งที่ได้ยิน ผมไม่ถามแต่รีบตัดผมให้เด็กคนนั้น ลำคอตีบตันไปหมด ต่อไปนี้ผมจะโกนหัวให้เด็กที่ผู้ใหญ่พามาเพื่อให้ไปบวชเณร ผมจะรู้หรือไม่ว่าเด็กที่ผมโกนหัวให้ฟรีนั้นเป็นเด็กที่ไปบวชเพื่อศาสนาหรือเพื่อการหากิน
ผมรู้ว่าในสองสามวันมานี้ผมได้ฟังเรื่องราวที่ทำร้ายสังคมของเรามากเหลือเกิน สังคมไทยที่เราเคยชื่นชมว่าเป็นสังคมแห่งความมีน้ำใจ น้ำใจในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แล้ววันนี้ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ผมคิดว่าวันนี้ผมคงตัดผมไปด้วยความหดหู่ตลอดวัน
28 กุมภาพันธ์ 2555 22:07 น.
อิสรชัย รัตน
ผมเปิดร้านตัดผมชายอยู่ในซอยของหมู่บ้านแห่งนี้มาปีนี้เป็นปีที่ห้าแล้ว ลูกค้ามีทั้งคนในหมู่บ้านและคนต่างหมู่บ้านที่ขับรถจักรยานยนต์มาตัดผมกับผมอยู่เสมอ และแต่ละคนที่มีตัดผมนั้นโดยส่วนใหญ่ชอบมาช่วงสี่โมงเย็นของวันเสาร์และวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าของผมต้องมานั่งรอคิวกันอยู่เสมอ ส่วนช่วงเวลาอื่นนั้นมีบ้างแต่ไม่หนาแน่นเหมือนช่วงเวลาดังกล่าว
คุณรู้ไหมในแต่ละวันผมได้รับฟังเรื่องราวสารพัดทั้งเรื่องที่อยากรู้และไม่อยากรู้ ที่ลูกค้าของผมนำมาแลกเปลี่ยน นำมาเล่าให้ฟังในบางเรื่องแม้แต่เรื่องส่วนตัวก็นำมาเปิดเผย ผมเคยคิดเหมือนกันว่าหรือช่างตัดผมชายอย่างผมจะเป็นศิราณีของหมู่บ้านแห่งนี้ไปเสียแล้ว
ร้านของผมนันเก็บราคาในการตัดผมเมื่อเปรียบเทียบกับร้านอื่นแล้วราคาถูกกว่าสิบบาทแถมมีแอร์ที่เย็นฉ่ำสำหรับรองรับการใช้บริการด้วย ทำให้ผมมีลูกค้าขาประจำที่หมุนเวียนมาตัดอย่างสม่ำเสมอ จะด้วยอะไรก็ตามแต่ผมคิดว่าฝีมือการตัดผมของผมนี้คงเป็นที่พึงพอใจของลูกค้าอย่างแน่นอน
วันนี้ผมเพิ่งเปิดร้านยังไม่ถึงสิบนาที ลูกค้าของผมก็มาถึงผมมองดูนาฬิกาพึ่งเป็นเวลา 08.15 น.เองแล้วทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ที่เคยมาตัดช่วงบ่ายๆ ถึงได้มาตัดแต่เช้าแตกต่างจากทุกครั้ง
พี่ช่างตกใจเหรอครับที่ผมมาตัดแต่เช้าอย่างนี้ เด็กหนุ่มพูดเหมือนรู้ใจ
นั่นนะสิ ทุกครั้งพี่เห็นมาแต่ช่วงบ่ายหรือไม่ก็เย็น ผมพูดตอบด้วยความแปลกใจจริงๆ
วันนี้นัดสาวคนใหม่ไว้ ตัดผมเสร็จกลับไปอาบน้ำใหม่ ให้สะอาดเสียหน่อยสาวจะได้ไม่บ่นว่าตัวเหม็น เด็กหนุ่มตอบแล้วขึ้นนั่งบนเก้าอี้
แสดงว่าวันนี้มีทีเด็ดนะสิ ผมถามแหย่ไป
เด็ดไม่เด็ดไม่รู้ วันนี้ผมได้ฟันแน่ เด็กหนุ่มออกตัว แล้วพูดต่อ ขาวอวบด้วยพี่ช่างเด็กคนนี้
เหรอ แล้วรู้จักกันอย่างไรล่ะ ผมถามเพื่อเป็นการชวนคุยและอยากรู้เรื่องของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ด้วย
โธ่พี่ เดี่ยวนี้ผู้หญิงคนไหนไม่มีแฟนนะเชย ทุกคนอยากมีคนควงทั้งนั้นอย่างน้อยได้บอกเพื่อนในห้องว่าขายออกนะพี่ เด็กหนุ่มพูดเพิ่มเติมให้ฟัง อย่างคนใหม่ของผม อยู่ ม.3 อย่างสิบห้า ผมพาไปดูหนังครั้งเดียวติดหนึบเลย วันนี้พาไปเที่ยวหน่อยถ้าโอเคก็พาไปห้องเช่า เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วพี่
อะไรจะง่ายปานนั้น น่าอิจฉาเด็กรุ่นใหม่จริง ผมแหย่เด็กหนุ่ม
พี่ต้องการบอกน่ะ ผมจัดการให้ได้ มีเงินเล็กน้อยเท่านั้นพี่ก็สบายตัวแล้ว ผมมีเด็กเก่าที่ยังโอเคอยู่หลายคน แต่ผมเบื่อแล้วถ้าพี่สนใจผมจัดการให้ได้นะ เด็กหนุ่มพูดแล้วหันมาจ้องหน้าผม
โอ๊ย อย่าหาคุกให้พี่เลย ผมตอบ
ไม่คุกหรอกพี่ เงินสี่ห้าร้อยก็เงียบแล้ว ผมรับรองอย่างพี่หุ่นดี แน่น เด้งรับอย่างเดียว เด็กหนุ่มพูดแล้วหัวเราะ
ผมตัดผมให้เด็กหนุ่มและฟังเรื่องราวที่ไม่แน่ใจว่าจริงทั้งหมดหรือไม่ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมฟังแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้
พี่รู้ไหม ผมฟันเด็ก ม.2 คนหนึ่ง ครั้งสองครั้งแล้วบอกว่าท้อง ผมเลยถอยห่างเลย ไม่รู้ไปท้องกับใครมาจะมาจับผม อิโธ่ เด็กเมื่อวานซืนไม่รู้จักกินยาคุม วันนั้นผมไม่มีถุงเลยไม่ได้ใส่เห็นเด็กๆ อย่างไรย่อมปลอดภัยแน่นอน เด็กหนุ่มคุยต่อ
ทำไมถึงได้กันง่ายจังสมัยนี้ ผมถามเด็กหนุ่ม
นี้ พ.ศ.อะไรแล้วพี่ จะมาเทียวรับเทียวส่ง เข้าทางพ่อแม่อย่างสมัยก่อน ไม่ทันกินหรอกพี่ เชยอีกต่างหาก เด็กหนุ่มพูด
นั่นนะสิ อย่างพี่นี้กว่าจะได้แต่งงานกับแฟน พี่ตามจีบแทบแย่ กลัวเธอเปลี่ยนใจ ผมบอก เออแล้วเด็ก ม.2 คนนั้นทำอย่างไรต่อล่ะ
ทำแท้งสิพี่ จะเอาไว้ประจานตัวเองได้อย่างไร ผมให้เงินไปส่วนหนึ่ง ส่วนจะไปเอาเพิ่มจากไหนผมไม่รู้ เพราะผมไม่ได้สนใจ คนใหม่มีให้เลือกเยอะ เด็กหนุ่มคุยโว
เธอนี้เสน่ห์แรงจริงนะ ผมแหย่
ของผมดีพี่ ใครก็ติดใจ แม้แต่เกย์ยังมาชอบผมเลย อยู่ที่ตัวผมนี้แหละไม่อยากตอแย ถ้าผมชอบผมมีเงินใช้นะพี่ ผมรับรอง แต่ผมไม่อยากเป็นแมงขนาดนั้น เงินผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้วพี่
นั่นนะสิ ฐานะที่บ้านก็ร่ำรวย ใครๆต่างอยากได้เป็นลูกเขยนะสิ ผมตอบเพราะผมรู้ดีว่าบ้านหลังใหญ่ที่อยู่หมู่บ้านข้างเคียงนั้นคือบ้านของเด็กหนุ่มคนนี้ ที่หลังใหญ่โตกว่าหลังอื่น
เดี่ยววันหลังผมจะเล่าให้พี่ฟังสำหรับผู้หญิงคนใหม่ ผมไม่จริงใจหรอกพี่ ผมยังเด็กขอสนุกไปสักระยะ ได้มาผ่านไป เดี่ยวนี้ใครๆ ก็ไม่ถือกันแล้ว ในกลุ่มเพื่อนผมบางครั้งยังพามาแชร์ในกลุ่มเลยสำหรับคนรักสนุก มันกันไปคนละแบบนะพี่ถ้าไม่เมาบางครั้งผมก็รับไม่ไหวเหมือนกัน แต่ถ้าเมาก็สนุกกันไปเลยยันเช้า เด็กหนุ่มคุย
ผมยังนึกไปถึงพ่อแม่ของเด็กหนุ่มทำไมถึงปล่อยให้ทำอย่างนั้น ผมตัดผมไปใกล้เสร็จลูกค้ารายใหม่เข้ามานั่งรอคิว การพูดคุยที่ออกรสชาติเลยหยุดไป มิฉะนั้นผมคงได้ฟังเรื่องราวสนุกจากเด็กหนุ่มอีกแน่
ผมสังเกตน่าตาเด็กหนุ่มอย่างชัดๆ ในกระจกเหมาะสมแล้วที่ผู้หญิงจะพึงพอใจเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาสาวคนเห็นเห็นก็อดชำเลืองมองไม่ได้ ร่างกายที่ยืนแล้วสูงโปร่งไม่ต่ำกว่า 180 เซนติเมตรอย่างแน่นอน สายตากรุ้มกริ่มยามแย้มยิ้มมีเสน่ห์ เป็นเด็กที่มีนัยตายิ้มได้ ทั้งสาวแท้สาวเทียมย่อมพึงใจ
เด็กหนุ่มหายหน้าไปไม่มาตัดผมที่ร้านย่างเข้าเดือนที่สอง จนวันหนึ่งมีเด็กวัยรุ่นที่บ้านอยู่หมู่บ้านเดียวกันมาตัดผมถึงได้เลียบเคียงถามดูถึงได้รู้สาเหตุที่หายหน้าไปไม่มาตัดผม
พี่ช่าง มันจะมาตัดผมกับพี่ได้อย่างไร ตอนนี้มันนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนะพี่ โดนเขาแทงอาการสาหัส เด็กวัยรุ่นบอก
เรืองอะไรเหรอ ผมถามด้วยความอยากรู้
จะเรื่องอะไร เรื่องหญิง มันจีบมั่วจนไปเจอดี ได้ข่าวว่าไปจีบเด็ก สจ.เข้า เลยได้เรื่อง
เด็ก สจ. ผมย้ำ
ใช่ เด็ก สจ.อยู่ ม.5 มั่ง สจ.ส่งให้เรียนรู้ อีเด็กหญิงนั่นดันเล่นด้วย เพราะไอนี่มันหล่อ นะพี่แหละมีของดีด้วยเลยติดใจ เด็กหนุ่มพูดแบบสู่รู้
รู้ไงว่ามีของดี ผมถาม
ผมรู้ก็แล้วกัน เคยแจมในวงมาบ้างพี่ ผมเป็นรุ่นน้องก็จริงแต่ก็พอจะรู้จักกันในวงนะพี่
แสดงว่าเคยไปกับเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยใช่ไหม ผมถาม
ไม่หรอกพี่ แต่ไปพบกันบังเอิญ จากที่มีการชักชวนกันไปหมู่นะพี่ พี่ถามนี้อยากไปร่วมวงด้วยหรือเปล่านี้
นั่นคือสิ่งที่ผมรู้จากเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่อายุน่าจะน้อยกว่าสักสองสามปี เด็กหนุ่มคนนี้เมื่อเทียบเคียงกันแล้วความหล่อยังห่างจากคนที่ถูกแทงไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้เช่นกันว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เป็นลูกค้าผมนี้ชื่ออะไร เพียงแต่คุ้นหน้าและพูดคุยกันอย่างออกรสก็เท่านั้น
หลังจากนั้นในเดือนต่อมาเด็กหนุ่มก็มาที่ร้านตัดผมของผม หน้าตายังคงสดใสเช่นเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือการพูดคุยที่ออกเชิงคุยโม้ลดน้อยลง
หายหน้าไปเกือบสามเดือนเลยน่ะ นึกว่ามีร้านที่ถูกใจใหม่แล้วเลยไม่มาที่นี่ ผมแกล้งพูดเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่ม
เผอิญ มีปัญหานิดหน่อยพี่ เลยไม่ได้มาตัดผม แต่วันนี้ก็มาแล้วนะพี่ เด็กหนุ่มตอบแล้วยิ้มแห้งๆ
ไม่เจอกันนานสงสัย เวลาว่างไม่ค่อยพี่ สับรางแทบไม่ทันแน่เลย ผมแกล้งแหย่เด็กหนุ่ม
ไม่ใช่ขนาดนั้นหรอกพี่ แต่ผมมีเรื่องอื่นทีหนักใจกว่าเลยต้องเพลาๆ ลง เด็กหนุ่มตอบแต่สิ่งที่เด็กหนุ่มรู้อยู่แก่ใจตนเองในเวลานี้ก็คือ คืนนั้นกลุ่มสมุนของ สจ.ตัดความเป็นชายของเขาทิ้งไป จนบัดนี้สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจนั้นไม่มีอีกแล้ว เขาไม่รู้เหมือนกันว่าการทำศัลยกรรมที่พ่อแม่บอกว่าจะจัดการให้นั้นจะใช้ได้ดีดังเดิมหรือไม่ หรือจะเป็นเดชไอ้ด้วนไปตลอดชีวิต
เด็กหนุ่มกับความลับจะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน แม้ช่างตัดผม ก็ไม่สามารถพูดให้ฟังได้ในเรื่องนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น
26 กุมภาพันธ์ 2555 20:44 น.
อิสรชัย รัตน
ผมยังคงมานั่งเฝ้าไข้ภรรยาเช่นที่ปฏิบัติแต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่กล้าสอบถามจากภรรยา ก็คือเรื่องที่เธอเขียนถึง อิ่มอุ่น พยาบาลที่ดูแลเธอและเข้ามาใกล้ชิดในชีวิตผม ผมอยากให้รู้เรื่องของอิ่มอุ่นให้มากขึ้น เพราะที่ผมเล่าไปตอนแรกนั้นยังมองไม่เห็นภาพของคนดีอย่างอิ่มอุ่นที่คอยช่วยเหลือผมในช่วงที่ผมไปทำงานและฝากให้เธอคอยดูแลภรรยาผมเป็นพิเศษ โดยผมเตรียมค่าตอบแทนไว้ให้เธอด้วย
ค่าตอบแทนที่ผมต้องให้เธอเพื่อขอบคุณในความมีน้ำใจที่ดีของเธอนั้น เป็นเพียงสิ่งที่ผมอยากทำแต่เธอไม่ยอมรับ เธอบอกให้ผมเก็บเงินไว้เป็นส่วนเกินในค่ารักษาพยาบาลที่เบิกไม่ได้ หน้าที่ที่เธอช่วยเหลือนั้นเธอยินดี เพราะเห็นว่าผมไม่มีใครอื่นและพ่อแม่ของภรรยาก็อยู่ไกล
ผมจึงเปลี่ยนจากเงินมาเป็นของฝากที่ส่วนใหญ่เป็นผลไม้ ขนม อาหารแล้วแต่ว่าผมสะดวกที่จะซื้อได้จากจุดไหนในช่วงที่ผมเดินทางมาโรงพยาบาล
ภาพชินตาที่เธอมาช่วยผมก็คงเป็นการเปลี่ยนผ้าซับรองรับปัสสาวะสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องเปลี่ยนตามช่วงเวลาเมื่อปัสสาวะเต็มผืนผ้า นั่นคือสิ่งที่เธอช่วยผมเมื่อเห็นว่าผมไม่ถนัดในการจัดการ
ผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนพยาบาลนั้นมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ผมสังเกตว่าพยาบาลคนอื่นจะเข้าในห้องนี้ลดน้อยลง แต่เป็นอิ่มอุ่นที่มีความถี่เข้ามาสม่ำเสมอ สิ่งนี้ผมสังเกตุเห็นได้ชัดเจนขึ้น
จนเมื่อวันหนึ่งที่แม่ภรรยามาค้างที่ห้องรักษาพยาบาลโดยมานอนเป็นเพื่อนภรรยาและให้ผมกลับไปดูแลบ้าน ในครั้งนั้นผมไม่แน่ใจว่าภรรยาผมได้แจ้งอะไรหรือไม่แต่สิ่งที่พบคือ
คุณแม่บอกผมว่า อย่าให้แม่เสียใจ และทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมในขณะที่ลูกสาวของแม่ยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่มองหน้าผมและพูดต่อ แม่คิดว่าจะให้น้องสาวสาวภรรยามาเรียนต่อปริญญาโทที่กรุงเทพฯ จึงอยากขอให้ตานุ ช่วยเป็นธุระในการพาไปสมัคร คุณแม่จะเรียกผมว่าตานุมาตั้งแต่แรก โดยไม่เคยเรียกชื่อเต็มของผม วิษณุ เสียด้วยซ้ำ
ลูกสาวคนเล็กยังไม่มีคู่รัก ยังคงเป็นโสดนิสัยใจคอก็ไม่ต่างจากพี่สาวมากนัก แม่มีเพียงสองคนพี่น้องขอให้ตานุช่วยดูแลให้แม่ด้วยนะ คุณแม่พูดเหมือนรู้อะไรบางอย่างจากภรรยาผมแน่นอน
หลังจากวันนั้นผมคอยสังเกต อิ่มอุ่น ที่มีทีท่าห่างเหินไปเหมือนกันและมีพยาบาลคนอื่นมาช่วยดูแลบ่อยครั้งขึ้น ผมสอบถามจากพยาบาลได้ความว่าในช่วงสองสามวันมานี้อิ่มอุ่นขอลาหยุดงานไปเพราะไม่สบาย
เมื่ออิ่มอุ่นมาโรงพยาบาลผมสอบถามถึงอาการป่วยเธอบอกว่า ไม่เป็นไรอิ่มแค่เป็นไข้นิดหน่อยเท่านั้นเดี่ยวอาการคงจะดีขึ้น เธอตอบแต่ไม่กล้าสบตาผม ผมจึงปล่อยให้เรื่องผ่านไปก่อนเพราะภาระของผมที่โรงพยาบาลคือดูแลภรรยาที่ยังคงนอนรอการช่วยเหลืออยู่
น้องสาวภรรยาขึ้นมากรุงเทพฯ บ่อยครั้งทั้งเรื่องการเรียนต่อปริญญาโทและการมาดูแลพี่สาวแต่ทุกครั้งที่น้องสาวภรรยาขึ้นมาคุณแม่ก็หายไปเช่นกันเมื่อสอบถามก็ได้ความว่าต้องสับเปลี่ยนกันมิฉะนั้นจะไม่มีใครเฝ้าบ้าน
ผมอดนึกเข้าข้างตนเองไม่ได้ว่าน้องสาวภรรยาก็มีใจให้ผมเช่นกัน เพราะผมมั่นใจว่าคุณแม่ต้องไปบอกเรื่องของอิ่มอุ่นให้ฟังแน่นอน เพราะสิ่งที่ผมพบหลังจากนั้นคือเธอจะเข้ามาใกล้ชิดชีวิตผมมากขึ้น โดยเฉพาะบางครั้งที่ผมกลับมาที่บ้าน
มานานแล้วหรือ กล้วยไม้ ผมถามน้องสาวภรรยาที่มีชื่อเล่นว่ากล้วยไม้ ในขณะที่ภรรยาของผมนั้นมีชื่อเล่น ลิลลี่
ค่ะ เผอิญวันนี้ไปดูห้องสอบที่มหาวิทยาลัย พรุ่งนี้พี่นุไปส่งด้วยนะค่ะแล้วค่อยเลยไปโรงพยาบาล
ได้สิ ผมตอบก่อนขอตัวไปอาบน้ำ
ที่โรงพยาบาล
ผมเข้ามานั่งเฝ้าภรรยาข้างเตียงเช่นที่เคยทำ เมื่อผมนั่งไปได้สักพัก เธอส่งกระดาษมาให้ผม ผมหยิบขึ้นมาอ่านด้วยจิตใจที่ไม่ปกตินัก
เธอตัดสินใจเอง ไม่ต้องกลัวแม่ตำหนิ และไม่ต้องเกรงใจฉัน
ผมจับมือเธอไว้แน่นแล้วบอกเธอว่า จะไม่พูดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว ภรรยาผมยังอยู่ และอยู่ที่นี่ และกล่าวย้ำซ้ำกับเธอว่า เราจะไม่พูดเรื่องนี้ ผมยังรักเธออยู่และรอเธออยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นขอให้เป็นเรื่องในอนาคต
หลังจากนั้นเพียงสองเดือน ภรรยาผมก็จากไป ผมเสียใจต่อการจากไปของเธออย่างมากเพราะเราสร้างชีวิตที่ดีมาด้วยกัน และน้องสาวของเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อเรียนต่อปริญญาโท อิ่มอุ่นก็แวะเวียนมาหาอยู่เสมอเช่นกัน ทั้งอิ่มอุ่นและกล้วยไม้ต่างสนิมสนมกันมากขึ้นและพูดกันดุจเพื่อนสาววัยเรียน
ส่วนตัวผมหลังจากจัดการงานในหน้าที่เรียบร้อยผมติดต่อหัวหน้าเพื่อขอลาทำจิตใจให้สงบ ถ้าผมพบหนทางที่ดีของชีวิตผมจะมาลาออกจากงานด้วยตนเอง แต่ถ้ายังไม่พบทางสงบอย่างที่ว่าผมก็มาทำงานตามวันที่ยื่นจดหมายลา
วันนี้ผมนั่งสำรวมจิตอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มาครบสามเดือนแล้วและตั้งใจว่าที่นี่คงเป็นสถานที่ที่กำหนดชะตาชีวิตของผมอย่างแน่นอน ผมมีความสุขกับเพศบรรพชิต เป็นความสุขสงบที่ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต
ผมคิดว่าภรรยาคงได้รับส่วนบุญจากสิ่งที่ผมอุทิศไปให้ เพราะชีวิตของผมคงมีเธอเป็นภรรยาคู่บุญเพียงคนเดียว ส่วนกล้วยไม้และอิ่มอุ่นก็คงเป็นไปตามบุญกุศลที่เธอทำ โดยผมให้กล้วยไม้พักอยู่ที่บ้านหลังนั้นและช่วยดูแลบ้านให้เป็นที่รำลึกแห่งอดีตของพี่สาวของเธอ โดยที่ช่วงหลังอิ่มอุ่นและกล้วยไม้เป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมากขึ้น นั้นคือสิ่งที่ผมรู้สำหรับเรื่องทางโลก
25 กุมภาพันธ์ 2555 22:55 น.
อิสรชัย รัตน
ผมเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลมาเกือบเดือนแล้วหลังจากภรรยาผมมาพักรักษาตัวจากอาการป่วยที่คุณหมอกำลังวินิจฉัยอาการอยู่ โดยที่ผมพอรับทราบขณะนี้คือเธอมีอาการหนักมากขึ้น พร้อมกับความกังวลใจของผมที่มีต่ออาการป่วยของเธอเช่นกัน
ผมส่งข่าวตั้งแต่ที่เธอเข้าโรงพยาบาลให้กับคุณแม่ของเธอหรือแม่ยายของผมได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงแรกก็ตกอกตกใจรีบมาจากต่างจังหวัดมาเยี่ยมพร้อมกับน้องสาวอยู่เฝ้าอาการได้ไม่กี่วันก็ต้องกลับไปทำงานหลังจากนั้นก็มาเยี่ยมในช่วงวันหยุดแต่ไม่สามารถทำได้ถี่มากนักเพราะระยะทางที่ไกลทำให้การเดินทางมาเยี่ยมแต่ละครั้งล้วนเป็นอุปสรรคมากขึ้น
ผมจึงแจ้งข่าวให้รับรู้ทางโทรศัพท์หรือคุณแม่โทรมาสอบถามอาการเกือบทุกวันรวมถึงญาติพี่น้องคนอื่นๆ ด้วยที่สอบถามข่าวคราวมา ส่วนคุณพ่อของเธอนั้นหลังจากแยกทางกับคุณแม่แล้วการติดต่อก็หายขาดไปด้วย ไม่มีช่องทางใดๆ ที่สามารถติดต่อได้ สอบถามคุณแม่ก็ได้คำตอบที่ไม่ต่างกันคือไม่รู้ไปตายอยู่ที่ไหน ผมจึงไม่สามารถบอกข่าวคราวให้รับรู้ได้ ทั้งๆ ที่ภรรยาผมเป็นลูกสาวคนโตที่คุณพ่อของเธอรักมากด้วยซ้ำไป
วันนี้เมื่อผมมาเฝ้าไข้ภรรยาตามเวลาปกติเช่นทุกวันที่ผมปฏิบัติตั้งแต่เธอมานอนป่วย เสียงพูดที่เคยสื่อสารบัดนี้เธอไม่สามารถพูดได้แล้ว คุณหมอบอกว่าเชื้อลามมาที่ลำคอทำให้กล่องเสียงอักเสบ เส้นเสียงที่เคยทำงานก็ไม่สามารถใช้การได้ มีเพียงสายตาที่บ่งอาการให้รู้ว่าภายในร่างกายของเธอนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน
วันนี้คุณหมอบอกว่าสิ่งที่รักษาเธออยู่นั้นเพียงรักษาตามอาการเท่านั้นไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้เพราะภายในร่างกายนั้นมะเร็งได้ลามไปทั่วแล้ว
ผมโทรศัพท์ไปบอกให้คุณแม่ของเธอรับรู้เช่นเดียวกับที่บอกให้คุณพ่อและคุณแม่ของผมได้รับทราบเช่นกัน คุณพ่อบอกให้ผมเข้มแข็งและอย่าแสดงอาการอ่อนแอให้เธอเห็น คุณพ่อบอกว่าผมโชคดีที่ยังไม่มีลูกไม่เช่นนั้นลูกผมคงน่าสงสารที่สุด
ผมไม่รู้เช่นกันว่าทำไมถึงไม่มีลูกทั้งที่แต่งงานมาก็ไม่ได้มีการคุมกำเนิด เธอบอกว่าคงเป็นเธอที่ร่างกายไม่แข็งแรงทำให้มีลูกยาก เธอจะไปหาหมอเพื่อตรวจสอบสาเหตุ แต่เป็นผมที่บอกเธอว่าไม่ต้องไปเพราะจะทำให้เธอไม่สบายใจได้ถ้ารู้สาเหตุที่แท้จริง หรือในเวลานั้นถ้าเธอไปหาหมอเธอคงจะรู้เรื่องของโรคนี้ก็ได้ เมื่อผมคิดมาถึงจุดนี้ผมได้แต่เสียใจเช่นกันที่ไปห้ามเธอในตอนนั้น
คุณแม่ของเธอขึ้นมาเยี่ยมและกลับไปพร้อมน้ำตาเมื่อเห็นอาการที่ทรุดลงของลูกสาว ผมจึงบอกให้น้องสาวแฟนช่วยดูแลและปลอบใจด้วย ผมบอกแม่ยายไปว่าผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุด
ผมมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอกให้รู้ ก็คือตั้งแต่วันที่ภรรยาผมมานอนพักรักษาตัวที่โรงพยายาลแห่งนี้ พยาบาลดูแลห้องพิเศษที่ภรรยาผมนอนพักนั้น ผมและพยาบาลมีความคุ้นเคยและพูดคุยกันจนสนิทสนมมากขึ้น ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองผมว่าเธอคงมีใจให้ผมด้วย เพราะสายตาที่เธอมองผมและรอยยิ้มที่เอียงอาย ผมมองออกว่านี้เป็นอาการของผู้หญิงที่เขินอายด้วยใจของตนต่อคนที่ชอบพอ
ผมคิดเข้าข้างตัวหรือหรือเปล่าไม่รู้แต่หลังจากนั้นผมมีอาหาร ขนมเป็นของฝากมาให้เธอและเพื่อนมากขึ้น ในช่วงเวลาที่เธอมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ภรรยาผม ผมไม่แน่ใจว่าสายตาที่เรามองสบตากันนั้นภรรยาของผมจะสังเกตเห็นหรือไม่ ผมขออย่าให้เธอระแวงไปอย่างนั้นเลยเพราะจะทำให้ร่างกายเธออ่อนแอลงไปอีก
ผมกับพยาบาลสาวสวยที่ชื่อว่า อิ่มอุ่น แม้คำพูดสื่อสารจะไม่มากมายนักแต่ผู้ชายวัยใกล้สี่สิบปีเช่นผมรู้ว่าสายตาเป็นสื่อของภาษารักได้เป็นอย่างดี ในบางครั้งที่เธอมาช่วยผมเช็ดตัวภรรยาการสัมผัสมือที่เกิดขึ้นนำมาสู่การส่งยิ้มที่ผมเองก็ต้องยิ้มรับและทำให้จิตใจของผมต้องคิดหนักเหมือนกัน ผมจะเป็นคนผิดบาปหรือไม่ที่เกิดสิ่งนี้ขึ้นในขณะที่ภรรยานอนป่วยรอความตายอยู่
หลังจากที่ภรรยาหลับผมเดินออกมารับลมที่ทางเชื่อมอาคาร ผมยืนสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ พยาบาลสาวเดินจากอีกอาคารหนึ่งผ่านมาตรงที่ผมยืนอยู่ เธอยิ้มเมื่อเห็นผม พร้อมกับคำพูด
วันนี้คุณคงเหนื่อยน่ะ และดูจะกังวลมากถึงออกมารับอากาศภายนอก มีอะไรให้ช่วยบอกได้ไม่ต้องเกรงใจ เธอยิ้มหลังพูดจบ
ขอบคุณ ที่กรุณา ผมเกรงใจคุณมาก คุณดีต่อภรรยาของผมเหลือเกิน ผมพูดเชิงขอบคุณ
เป็นหน้าที่ของพยาบาล และไม่ต้องเกรงใจ ฉันยินดีช่วยสำหรับคุณ เธอพูดตอบ
ผมไม่รู้ว่าผมจะมีโอกาสเฝ้าภรรยาได้อีกนานแค่ไหน ช่วงที่ผมไปทำงานผมของฝากเธอด้วยนะครับ ผมบอกเธอ
ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันดูแลเธอเองขอให้คุณสบายใจได้ เธอตอบแล้วเดินไปยังห้องข้างใน
************************
เย็นสองวันต่อมาผมมายืนอยู่ที่เดิม ที่ทางเชื่อมอาคารที่ลมพัดโกรกเย็นสบาย อิ่มอุ่น พยาบาลสาวสวยเดินออกมาแล้วพูดกับผม
วันนี้ภรรยาคุณขอปากกาจากฉัน
ภรรยาผมขอ ปากกาหรือ ขอทำไม ผมพูดเหมือนตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
นี่ไงสิ่งที่ภรรยาคุณเขียน เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม ผมรับมาอ่านข้อความที่ปรากฎ ผมจำได้ว่าเป็นลายมือของภรรยาผมแน่นอน แม้ลายมือจะไม่สวยอย่างที่เคยเขียน
ฉันฝากสามีด้วย
ผมตะลึงในข้อความที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้น หรือว่าวันนั้นภรรยาผมจะเห็นสิ่งที่ผมทำต่อเธอในช่วงดึกที่ผมมานอนเฝ้าไข้
วันนั้นผมกับเธอต่างตระกองกอดกันในห้องนั้นและจุมพิตเธอ ผมทำเพียงเท่านั้นแล้วบอกเธอว่าขอให้ถึงวันที่เธอมีสิทธิ์ตามที่สังคมยอมรับ ผมจะทำสิ่งที่อยากทำ แต่ตอนนี้ไม่ใช่
นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นผมไม่นึกว่าเธอจะเห็นสิ่งที่ผมทำ แล้วผมจะทำอย่างไรดี ผมจะสู้หน้าเธอได้ตามปกติได้อย่างไร ผมสงสารเธอ ผมรู้ว่าถ้าเธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเธอคงเจ็บและเจ็บมากที่เดียวที่ผมมีรักซ้อนรักในขณะที่เธอนอนรักษาตัวในระยะสุดท้าย
ผมผิดมากไหม อิ่มอุ่น ผมถามเธอเมื่อกระดาษแผ่นนั้นร่วงหล่นจากมือของผม
23 กุมภาพันธ์ 2555 21:10 น.
อิสรชัย รัตน
ผมนั่งมองผู้คนที่เดินขึ้นบนขบวนรถไฟที่หนาตามากขึ้น เพราะเหลือเพียงสิบนาที ขบวนรถสายใต้จากกรุงเทพฯ ที่มุ่งหน้าสุไหงโกลก ก็จะออกจากสถานีแล้ว ในขบวนที่ผมนั่งเป็นตู้นอนชั้นสอง คนที่นั่งตรงข้ามผมยังไม่ขึ้นมาบนขบวนรถ ไม่แน่ใจว่าขึ้นที่สถานีต่อไปหรือวันนี้เป็นที่ว่างไปจนถึงปลายทาง พนักงานขายเครื่องดื่มและอาหารของตู้เสบียงเริ่มเดินทำหน้าที่เพื่อบริการลูกค้า
ผมแปลกใจเหมือนกันว่าเครื่องดื่มและอาหารบนขบวนรถไฟทำไมราคาถึงสูงมาก ทำให้คนส่วนใหญ่เตรียมอาหารและเครื่องดื่มมาเอง ผมคิดว่าถ้าบนรถไฟขายราคาลดลงคงมีคนมาใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่านี้แน่นอนเพราะใครๆ ก็ไม่อยากหอบสิ่งของมาให้หนักหรอกถ้าสามารถซื้อในราคาที่ไม่โขกสับมากนัก อีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดอยู่เสมอเช่นกัน ขบวนตู้นอนบนรถไฟนั้นทำไมไม่มีการบริการน้ำดื่มหรืออะไรที่เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีกับผู้โดยสารบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเห็นบนขบวนรถไฟของไทยเลย ในขณะที่รถทัวร์สิ่งเหล่านี้ยังมีให้เห็นทั้งที่จำนวนคนก็น้อยกว่ารถไฟหลายเท่า
ผมมองนาฬิกาเหลือเวลาไม่ถึงห้านาทีที่รถจะเคลื่อนออกจากสถานี ตรงข้ามผมมีคนเดินเข้ามาแล้วเป็นผู้หญิงสาวสวยที่ถือกระเป๋าใบย่อมมาวางบนชั้นได้บน เมื่อเธอนั่งลงตรงหน้าผม ทำให้เลือดกายของหนุ่มสูบฉีดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะคอเสื้อที่เว้าลึกจนเห็นเนินเนื้อของเธอ แล้วคืนนี้ผมต้องนั่งทรมานอย่างนี้ตลอดเลยหรือ เธอโปรยยิ้มก่อนถามผม
ลงที่ไหนค่ะ เธอถามแล้วรอคำตอบด้วยมองหน้าผม
ทุ่งสงครับ แล้วคุณล่ะ ผมตอบก่อนถามเธอกลับด้วยรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ในความคิดของผม
หาดใหญ่ค่ะ เธอตอบก่อนที่จะหยิบถุงขนุมกรุบกรอบขึ้นมาแกะ
ทานด้วยกันไหมค่ะ เธอยื่นซองขนมมาตรงหน้าผมในขณะที่ผมส่ายหน้าปฏิเสธเธอไป
ผมนั่งนิ่งไปพักแต่สายตาไม่นิ่งผมมองเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธอเป็นคนสวย หน้าหวานมีเสน่ห์แน่นอนชายคนไหนเห็นเธอแล้วคงไม่มีใครปฏิเสธที่จะชวนเธอคุยแน่นอน ผิวขาวแต่ไม่ขาวซีดของเธอทำให้มองดูเด่นเมื่อเสื้อสีม่วงเข้มขับผิวของเธอให้เปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
พนักงานขายน้ำดื่มเดินกลับมาหลังจากที่เดินหายไปตอนแรก เธอสั่งเบียร์มาดื่ม ผมยิ่งแปลกใจว่าทำไมเธอถึงกล้าอย่างนี้
ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะค่ะ ฉันยินดีที่รู้จักคุณคืนนี้ เธอยื่นแก้วเบียร์ที่รินแล้วมาให้ผมสายตาที่มองมาเหมือนไม่ต้องการให้ปฏิเสธ
ผมรับแก้วเบียร์มาพร้อมกับกล่าวกับเธอว่า คุณดื่มอย่างนี้บ่อยไหมครับ
ไม่หรอกค่ะแล้วแต่บรรยากาศ วันนี้นั่งรถไฟระยะยาวอยากทานอะไรสักหน่อย เพื่อให้ง่วงแล้วจะได้นอนหลับสบายใจ เธอตอบแล้วยื่นแก้วมาชนกับผม
เรียกฉันว่า ดาว ก็แล้วกันค่ะ เธอบอกชื่อซึ่งคงเป็นชื่อเล่นของเธอ
ครับคุณดาว เรียกผมว่า แมน ก็ได้ครับ เป็นชื่อเล่นของผม ผมบอกเธอไปอย่างนั้น
เมื่อดีกรีของแอลกอฮอลล์ ขวดที่สามและสี่เติมเต็มเข้ามา เป็นผมที่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษจ่ายค่าบริการเหล่านั้นไป ผมนั่งคุยกับเธอพร้อมสายตาที่โลมเลียไปทุกครั้งที่มองเธอ โดยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าที่นั่งรอบข้างนั้นมีใครนั่งอยู่บ้าง หากแต่มีความรู้สึกว่าคืนนี้เป็นคืนแห่งความสุขเหลือเกินที่มาเจอกับสาวที่กล้าขนาดนี้
ผมมองความกร้านชีวิตของเธอว่าทำไมเธอถึงกล้านั่งดื่มเบียร์กับคนแปลกหน้าและมีทีท่าสนิมสนมรวดเร็วปานนี้ หรือเธอเป็นแม่เสือสาวที่วางแผนมามอมผมแล้วจัดการทรัพย์สิน ผมเริ่มคิดหาคำตอบ ในตัวผมตอนนี้ไม่มีสิ่งของมากนัก ที่ติดตัวมีเพียงสร้อยทองสองสลึงหนึ่งเส้น และโน๊ตบุ๊กที่อยู่ในกระเป๋าของผมบนชั้นเท่านั้น ส่วนเงินติดตัวมีเพียงพอที่จะใช้สอยเท่านั้น
ดาวสังเกตว่าคุณกำลังนั่งคิดอะไรบ้างอย่าง คุณคงสงสัยใช่ไหมว่าทำไม่ผู้หญิงอย่างดาวถึงมานั่งดื่มกับคนแปลกหน้าเช่นคุณ เธอถามเหมือนรู้สิ่งที่เธอเห็นผมนิ่ง
เปล่าผมไม่คิดเช่นนั้นหรอก แต่ผมคิดว่าสมัยนี้ผู้หญิงมีแนวคิดของตน มีอิสระที่จะทำสิ่งที่อยากทำมากกว่า ผมตอบเธอไม่ตรงกับสิ่งที่คิด
ขอบคุณค่ะที่มองฉันในแง่นั่น เธอพูดพร้อมส่งสายตาหวานเชื่อมมาทางผม คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์นะนี่ เธอหยอดคำหวานมาให้ผมอีกแล้ว
ขอบคุณครับ คุณก็เป็นคนที่น่ารัก ผมตอบกลับแล้วเราสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน
เธอขอตัวไปห้องน้ำหลังจากที่ดื่มหมดไปขวดที่สี่ ผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ เริ่มให้บริกรบนรถจัดเตียงนอนให้แล้ว ในขณะที่ผมสั่งเบียร์มาเพิ่มเติม ด้วยสมองที่คิดว่าคืนนี้ผมคงสนุกกับชีวิตในวัยหนุ่มอีกครั้ง
เธอกลับมามองขวดเบียร์ที่วางเพิ่มอีกสองขวด แต่ไม่พูดอะไรนอกจากหยิบแก้วขึ้นมาชูแล้วพยักหน้าให้ดื่มพร้อมกัน
คืนนี้ฉันดื่มได้มากเป็นพิเศษเพราะพบคนรู้ใจ เธอพูดเหมือนต้องการให้คิดอะไรมากขึ้น
ผมก็เช่นกัน ผมพูดเพราะนี้คือความจริงที่ผมดื่มเบียร์กับคนสองคนหมดไปแล้วหกขวด
ผมลุกขึ้นไปห้องน้ำบ้างหลังจากหมดแก้วนั้น ผมมีความรู้สึกว่าผมคงจะเริ่มเมาแล้วที่เดินเซตามความการเคลื่อนไหวของขบวนรถไฟ
ผมและเธอนั่งคุยกันจนบริกรมาบอกว่าได้เวลาที่จะต้องปูเตียงแล้ว ในขณะที่เหลือเบียร์อีกหนึ่งขวดที่เปิดไว้แล้ว ผมและเธอจึงให้บริกรปูเตียงให้เรียบร้อย จนเขาเดินจากไป
เดี๋ยวมานั่งดื่มในเตียงด้วยกันก็ได้ค่ะ เธอเอ่ยชวน
ผมทั้งดีใจและตื่นเต้นที่พบคนกล้าอย่างนี้ มาชวนให้นั่งกินในเตียงด้วยกันแม้การนั่งจะลำบากเพราะความสูงที่มีจำกัดแต่นั้นไม่ใช่อุปสรรคของเราสองคน ผมเอนกายกึ่งนอนกึ่งนั่งชิดหน้าต่างในขณะที่เธอนั่งห้อยขาอยู่ด้านนอก เสียงคุยของเราเบาลงเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นรำคาญ ผมมีความกล้าในการสัมผัสกายของเธอมากขึ้น แปลกที่เธอไม่มีการปัดป้องหากแต่ปล่อยให้ผมสัมผัสไล้ลูบอยู่เช่นนั้น ผมเลื่อนขวดเบียร์ที่เหลืออีกครึ่งขวดชิดปลายเท้าแล้วดึงร่างของเธอขึ้นมาเอนกายเคียงข้าง
ผมไม่คิดเลยว่าสวรรค์แห่งความจริงจะรอรับผมอย่างง่ายดายเช่นนี้ ร่องอกที่ผมพึงพอใจและนั่งมองอยู่นั้นผมกำลังสัมผัส เมื่อชายเสื้อของเธอขยับเลื่อนขึ้นตามที่ผมต้องการ ผมก้มลงสัมผัสกับสิ่งที่ปรารถนาฝังจมูกลงแล้วสูดกลิ่นกายสาวด้วยความปรีดียิ่ง
ผมปวดหัวหนึบตายังลืมไม่ขึ้นรู้เพียงว่ามีคนมาเขย่าร่างของผมให้ตื่น ผมปวดหัวอย่างมาก จนผู้คนที่รุมล้อมบอกว่า ตื่นแล้วครับตำรวจ ผมมองผู้คนที่มุงมองผมแล้วก็ตกใจเมื่อรู้ว่าผมคงถูกหลอกและถูกหลอกคราบแน่นอน
เป็นอะไรบ้างคุณ นี้สว่างแล้วเห็นคุณยังนอนไม่ตื่นเลยมาสอบถาม ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เดี๋ยวให้พนักงานเก็บเตียง
ผมรู้ว่าเมื่อคืนผมนอนกับเธอที่เตียงชั้นล่างและกำลังเริ่มมีเซ๊กส์กัน ผมกำลังมีความสุขกับสัมผัสแต่หลังจากนั้นผมไม่รู้สึกตัวอีกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมรู้เพียงว่าผมเจ็บใจและผมถูกหลอกจริงๆ สร้อยคอทองคำของผมหายไป แต่การหายของสร้อยคอผมยังไม่เสียดายเท่ากับความเป็นชายของผมที่ถูกย่ำยี ผมปวดก้นของผมเหลือเกิน ผมเอามือไปสัมผัสผมก็รู้แล้วว่าว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับผม
*************
ที่สถานีรถไฟพุนพิน สุราษฎร์ธานี
สร้อยเส้นนี้ผมให้คุณ ในฐานะที่หาคุณถูกใจผมเมื่อคืน รู้ไหมสมชาย ไอ้นั่นนั่งมองคุณแล้วกลืนน้ำลายตลอด เพราะความสวยจอมปลอมของแกทำให้ชายหนุ่มลุ่มหลงยิ่งนัก คุณเก่งมากหาเหยื่อให้ผมชำแหละได้รายนี้เป็นรายที่สี่แล้วสิน่ะ
แต่คุณรู้ไหม ฉันอยากกินชายหนุ่มเมื่อคืนเหมือนกันน่ะ เขาหล่อดี นิสัยก็ดีด้วย
มึงอย่าเสือกทำอย่างนั้นน่ะ ฉันเอาตายแน่ อย่าลืมอาชีพของเราสร้างรายได้ดีเหมือนกัน เดี่ยวขากลับกรุงเทพฯ เราไปรถทัวร์ จัดเตรียมเสบียงให้พร้อมแต่งตัวยั่วให้น้ำลายหก แล้วรื่องที่นั่งผมวางแผนเองรับรองคงได้ชายหนุ่มที่หล่อแน่นอนเพราะอย่างไรเสียไอ้หนุ่มคนนั่นก็โดนผมเสียบอยู่ดี จริงไหม
แล้วเสียงหัวเราะแห่งความสะใจก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสองคนที่เดินคล้องแขนกันออกไป มองดูก็รู้เพียงว่าเป็นร่างของสาวสวยกับหนุ่มหล่อ