5 กุมภาพันธ์ 2555 17:04 น.
อิสรชัย รัตน
กว่าจะเป็นข้าวหนึ่งเม็ดแสนเหน็ดเหนื่อย
ความปวดเมื่อยอ่อนล้า น่าเศร้ายิ่ง
เตรียมต้นกล้า ไถดะ คราดชะทิ้ง
เมื่อทุกสิ่ง พร้อมพรัก เริ่มปักดำ
ต้นข้าวเขียว เรียงราย เอนกายไหว
ศัตรูพืช กัดใบ มากระหน่ำ
ตั๊กแตนปาทังก้า มาท้าย้ำ
ผู้ชอกช้ำ ชาวนา พาทุกข์ใจ
ทั้งยาฉีด สารพิษ คอยปลิดฆ่า
ศัตรูพืช นานา ไม่ปราศัย
น้ำคอยผัน เข้าสู่นา พาห่วงใย
เพื่อต้นข้าว เติบใหญ่ ไม่ตายลง
ต้นข้าวแก่ รวงดอก ก็ออกผลิ
ความปิติ ของชาวนา หน้าชี้บ่ง
หมดหนี้สิน ปีต่อไป ได้มั่นคง
หากฟ้าคง ปรานี มีเมตตา
เสียงครืนครืน คืนนั้นสั่นหัวอก
ฝนหลั่งตก เหมือนดังจะสั่งฟ้า
เสียงจ๊อกแจ๊ก ไหลริน ริมชายคา
เช่นเดียวกับ น้ำตา ชาวนานอง
ผืนน้ำข้น เวิ้งว้าง กว้างดุจอ่าว
ท่วมยอดข้าว ชาวนา หน้าเศร้าหมอง
ข้าวจะกิน หนี้จะใช้ ใครรับรอง
หรือจะต้องสร้างหนี้ นี้ต่อไป
2 กุมภาพันธ์ 2555 22:26 น.
อิสรชัย รัตน
จากบ้านทุ่ง สู่กรุงมุ่ง ศึกษา
ไกลพี่น้องท้องนาถิ่นอาศัย
สู่รั้วของชนชั้นปัญญาไกล
สำเร็จไป กลับบ้านนา ด้วยอาวรณ์
นั้นเป็นปณิธาน ก่อนวันจาก
ก่อนจำพราก แม่พ่อที่สั่งสอน
สู่กรุงไกร ใหญ่โตในนาคร
เริ่มบทสอนของอาจารย์ ผ่านเรื่อยมา
วันสู่เดือน เลื่อนลับ นับมาเรื่อย
มิรู้เหนื่อย งานสังคม สมปรารถนา
ลืมนึกถึงท้องทุ่ง ตาลท้องนา
ลืมสัญญา ที่จะกลับ มิลับกาย
สนุกในเธค ผับ คลับ แต่งโก้
วางมาดโต ข้านี้ใหญ่ให้ใจหาย
รินสุรา มีนารี มิเว้นวาย
บทเรียนนั้นมิได้อยู่ในใจ
ความสนุก หดหาย จากกายจิต
ผลการเรียน ชี้สิทธิ์ ความเติบใหญ่
เรียนไม่ผ่าน เกรดไม่ถึง จึงลาไกล
สถาบัน จำต้องไล่ ไม่ได้การ
ทอดสายตา มองเรื่อย ตามฟุตปาท
เราเป็นเช่น เส้นทางขาด ไม่เอาถ่าน
นึกถึงแม่ คอยรับ ลูกกลับบ้าน
คงอีกนาน แม่เฝ้ารอ ลูกต่อไป