27 มีนาคม 2550 11:01 น.
อินสวน
เหน็ดเหนื่อยนัก อยากหยุดพัก อยู่ตรงนี้
กับเพื่อนพ้อง น้องพี่ ที่ร่วมฝัน
ระเบียงใจ แห่งนี้ ที่พบกัน
คือบ้านกลอน แบ่งปัน มิตรไมตรี
ท่ามกลางความ วุ่นวาย แสนว้าวุ่น
ที่คุกรุ่น กิเลสไหม้ ยากหลีกหนี
ต่างต่อสู้ เข่นฆ่า ไม่ปรานี
ทำลายล้าง กันป่นปี้ มนุษย์เรา
แสนอ่อนล้า อ้างว้าง กลางไพรกว้าง
บนเส้นทาง ลดเลี้ยว อันเปลี่ยวเหงา
กับความหวัง เลือนลาง ที่บางเบา
ที่หลุดลอย ไม่เหมือนเก่า ร้าวระบม
โชคยังดี มีบ้านกลอน ให้ผ่อนพัก
มีมิตรรัก จริงใจ ไม่ขื่นขม
แม้จะด้อย น้อยหน้า กลอนคารม
ขออาศัย ในร่ม ระเบียงใจ
21 มีนาคม 2550 08:36 น.
อินสวน
ผมเป็นบ่าวเคิ้นเฒ่าชาวล้านนา
ขาดคนรักเมตตาน่าสงสาร
จากเด็กชายใฝ่ศึกษาอุดมการณ์
ก้าวพ้นผ่านสู่การงานที่มั่นคง
ด้วยใฝ่ฝันว่าสักวันคงประสบ
จะพานพบคู่ใจหมายประสงค์
ยิ่งนานวันใจนั้นพะว้าพะวง
ความหวังเริ่มลดลงริบหรี่เลือน
เรื่องรูปร่างสูงราวร้อยเจ็ดสิบหก
เส้นผมดกผิวกายไร้กลากเกลื้อน
จมูกโด่งนัยน์ตาไม่เหล่เบือน
เจ็ดสิบไม่คลาดเคลื่อนน้ำหนักกาย
การศึกษาจบมามหาบัณฑิต
เคยพิชิตเกียรตินิยมสมใจหมาย
อาชีพผมสุจริตทำมากมาย
ทั้งบรรยายวิเคราะห์ค่าสารพัน
แต่จนใจเหตูไฉนจึงไร้รัก
ขอประกาศรับสมัครตุนาหงัน
เรื่องความสวยจนรวยไม่สำคัญ
เพียงผิวพรรณเกลี้ยงเกลาก็เกินพอ
อีกประเด็นจำเป็นครับข้อนี้
ต้องไม่บ่นจู้จี้มีไหมหนอ
ใครสนใจโพสต์ไปอย่ารีรอ
มีเวลาให้สู่ขอแค่วันเดียว
19 มีนาคม 2550 11:32 น.
อินสวน
เก้าอี้หวาย........กับชายชรา...ที่รอคอย
เก้าอี้หวาย......ชายชรา.....แววตาหมอง
นั่งเหม่อมองทอดอาลัยใจเงียบเหงา
กับความหวังที่เจือจางและบางเบา
บนเก้าอี้ตัวเก่าที่ผุพัง
บทเพลงเศร้าเคล้าพรมสายลมผ่าน
จิตร้าวรานครุ่นคิดถึงความหลัง
ภาพอดีตครั้งเก่าที่เยาว์ยัง
กาลเวลาเริ่มกลบฝังให้ลางเลือน
เก้าอี้หวาย.......ชายชรา.....ณ.ที่เก่า
สายลมเล้าพาใบไม้ให้กลาดเกลื่อน
เฝ้ารอคอยลูกยามาเยี่ยมเยือน
หลายปีเคลื่อนไม้ผลัดใบไร้ข่าวคราว
ครั้งปีใหม่หมายใจได้เห็นเจ้า
เตรียมของข้าวไว้เผื่อเสื้อกันหนาว
จวบสงกรานต์ลำดวนบานดูพร่างพราว
ดอกไม้ขาวแซมบายศรีที่หม้ายคอย
เก้าอี้หวาย.....ชายชรา....น้ำตาเอ่อ
สายลมเพ้อลำดวนดวงล่วงหล่นผลอย
สุดจะฝืนคืนเดือนที่เลื่อนลอย
กับเวลาที่เหลือน้อยนับนาที
หวังได้ฟังเรื่องราวเจ้าประสบ
หวังเจ้าพบความสำเร็จในหน้าที่
หวังเห็นเจ้าเนื้อเย็นเป็นคนดี
จะหลับตาบนเก้าอี้อยู่ที่เดิม
18 มีนาคม 2550 11:53 น.
อินสวน
อัสดง..........ที่แดนใต้
อัสดงสุริยาเริ่มล้าแสง
ขอบฟ้าหม่นปนแดงดูเงียบเหงา
สวนยางหงอยอ้อยสร้อยคอยซึมเซา
ถิ่นเคยเนาว์รือจะร้างช่างเดียวดาย
มวลวิหคเหิรหาชายป่ากว้าง
กลับอ้างว้างโหยไห้เพราะรังหาย
เคยชื่นชิดคู่ชีวิตถูกฆ่าตาย
เกลื่อนพื้นทรายคือลูกน้อยรอยรังแก
รอยเลือดหยดรินรดใจสาหัส
ฝืนกายหยัดแม้อกไหม้ใจเป็นแผล
หากสิ้นแสงสุริยาดาวดูแล
เป็นเพื่อนแท้แต้มเติมเพิ่มพลัง
ข่มความช้ำกลืนกล้ำอย่าร้องไห้
ลมหายใจยังรวยรินอย่าสิ้นหวัง
แม้สิ่งฝันวาดหวังจะพังพินท์
ยังคงเหลือแผ่นดินให้หยัดยืน
17 มีนาคม 2550 11:00 น.
อินสวน
ก้อนหินที่ซื่อสัตย์
หินไร้ค่ากว่าเพชรเท็จจริงหรือ
ราคาคือเครื่องชี้วัดคอยตัดสิน
หินไม่เคยน้อยใจยามได้ยิน
ไม่อิจฉาใฝ่ถวิลเพชรแพรวพราย
ตระหนักดีหน้าที่และบทบาท
แม้เป็นทาสถูกเหยียบย่ำต่ำความหมาย
ยอมอุทิศทั้งชีวิตจิตและกาย
ไม่เคยหน่ายเพราะใจรักด้วยภักดี
พร้อมเป็นเกราะกำบังสร้างรังอุ่น
เชื่อมกับปูนเป็นรากฐานให้สุขศรี
แม้ไม่เห็นค่าในใจแม้ไม่มี
ความสำคัญควรที่จะชื่นชม
ไม่เหมือนแม้นเพชรงามยามชมชิด
แนบสนิทคอระหงคงเฉิดโฉม
เพชรออดอ้อนส่องฉายประกายคม
รสนิยมจึงสูงกว่าราคาแพง
แต่วันใดกำลังใจเธออ่อนล้า
เพชรสูงค่าทำให้ใจหน่ายแหนง
เหลือบมองมาหาหินช่วยเติมแรง
จะช่วยแบ่งบรรเทาคลายร้าวราน
ถึงเป็นเพียงสร้อยหินที่บิ่นบ้าง
แม้จะดูกระด้างไม่อ่อนหวาน
หากคุณค่าที่รักเจ้ามาเนาว์นาน
เชื่อเถิดว่าไม่หักหาญให้ราคี